บันทึกปริศนา เรื่องลี้ลับของลิซ่า
เขียนโดย Jabberwocky
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.29 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2559 23.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) แม่มดขาวและแม่มดดำ (บทกล่องของขวัญสีเลือด)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกเราขึ้นลิฟถ์มาถึงชั้นสี่ของตึกประถมไม่มีใครพูดอะไรกันหรือคิดอะไรกันในหัวของทุกคนเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและแค่หวังว่าเรื่องคราวนี้มันจะจบโดยสมบูรณ์ซึ่งฉันเองก็ด้วย..ที่อยากให้มันรีบๆจบไปซะ
เมื่อถึงชั้นห้าฉันก้าวออกมาคนแรกตามด้วยอักษรหมูและสารวัตรเมธีที่จับคอเสื้อของภักดิเรกลากยังกับหมูกับหมาสภาพนั้นฉันไม่อยากแม้แต่จะมองด้วยซำ้
“คุณลิซ่าครับ..”
“อะไรหรออักษร”ฉันตอบเขาโดยไม่ได้หันไปมอง
“คิดว่า..คุณผึ้งเขาจะหยุดได้มั้ยครับแม่มดน่ะหยุดทำตามการจ้างวานได้มั้ยครับ”
“เป็นคำถามที่แย่ที่สุดเท่าที่เธอเคยถามฉันมาเลยนะ”ฉันถอนหายใจ“แม่มดน่ะถ้าได้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้แล้วก็จะทำให้สำเร็จไม่ว่ามันจะเป็นงานที่หนักหนาขนาดไหนก็ตามยิ่งเป็นพวกแม่มดดำแล้วค่าตอบแทนก็คือวิญญาณของผู้ว่าจ้างและจะถูกส่งต่อให้กับซาตานที่เป็นนายของตนเพราะงั้นการทำงานไม่สำเร็จวิญญาณของผู้ว่าจ้างก็จะไม่ยินยอมถูกกลืนกินผลจะเป็นยังไงล่ะลองคิดดูสิ”
“เธอ...ก็จะไม่ได้อะไรเลยและถูกกินซะเอง..สินะครับ”
“การทำสัญญากับพวกมันมีทั้งผมดีทั้งผลเสียแต่ผลดีมักไม่ยืนยาวถ้าไม่ทำตามข้อตกลงก็เลยเกิดเป็นแม่มดขาวที่พึ่งพลังและการฝึกฝนของตัวเองพึ่งธรรมชาติและศาสนาไม่พึ่งวิธีมักง่ายพวกเราอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเป็นอะไรที่ไม่สามารถเข้าคู่กันได้”
“งั้นหนูก็เป็นแบบคุณลิซ่าได้ใช่มั้ยคะเป็นแม่มดขาว...”
“การศึกษาเวทย์มนต์คาถาเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับคนของพระเจ้าฉันไม่อยากให้ใครมาเป็นแบบเดียวกับฉันอีกหรอกนะเป็นมนุษย์น่ะดีที่สุดแล้ว”
ฉันก็ได้แต่พูดความหมายเดิมๆกับคนที่อยากจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่พิเศษไม่เหมือนใครแต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า...การมีชีวิตอยู่แบบฉันน่ะมันทรมานขนาดไหน..
แล้วไม่นานนักเราก็เดินจนมาสุดห้องหรือก็คือห้องป.4/5นั้นแหละฉันเดินนำเข้าไปในห้องที่ถูกปิดประตูและมองจากหน้าต่างไม่เห็นแม้แต่เงาของโต๊ะนักเรียนฉันคิดในใจเลยว่ายัยนี่ต้องเล่นตลกอะไรแน่ๆแต่ฉันก็เปิดประตูเข้าไป
“น่ะนี้มันอะไรกันเนี้ยยยย!!”อักษรกับหมูหน้าตาตื่นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่หลังประตู
ห้องที่เคยเป็นห้องเรียนโสโครกกลายเป็นห้องโถงอันหรูหราที่มีโคมไฟขนาดยักษ์ที่ประดับประดาด้วยเพชรวิ้งวับที่พื้นเป็นหินอ่อนขัดเงางามและพรมสีแดงราดผ่านไปถึงบันไดกลางรอบห้องประดับประดาไปด้วยรูปภาพสีนำ้มันที่ท่าทางจะมีมูลค่าสูงดูจากลักษณะแล้วเป็นภาพจากศัตวรรษที่18หลายภาพฉันเคยเห็นและอีกหลายภาพฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“นะนี่มัน..ภาพของHenryFuseliผมจำลักษณะการวาดของเขาได้เทคนิคมันเหมือนภาพTheNightmareเป็นไปได้ยังไง”
“คุณนี้มีรสนิยมศิลปะที่ดีมากเลยนะคะคุณอักษร”
เสียงของเธอดังมาจากชั้นบนทำให้พวกเรามองขึ้นไปหาเธอเธอเดินลงมาด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำและชุดราตรีแหวกหลังและชายผ้ายังยาวลากพื้นอีกด้วยเสียงต๊อกๆจากร้องเท้าเธอมันทำให้ฉันเริ่มประสาทเสีย
“ภาพนั้นชื่อThethreewitchเป็นภาพที่วาดหลังจากภาพMacbethconsultingtheVisionoftheArmedHeadได้ซักพักนึงน่ะ”
“ยะ..อย่าบอกนะครับว่าคุณ...”
“ฉันมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ศัตวรรษที่18แต่ก็คงสู้คุณลิซ่าไม่ได้หรอกนะคะ”
“แล้วเธอปลอมเป็นสุวรรณวดีทำไมก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเราเจอเธอเธอก็จะถูกจับได้!”ฉันไม่เข้าใจนังนี่เลยจริงๆเธอยิ้มและเดินตรงมาข้างหน้าฉันขนาดฉันใส่เสริมส้นแล้วก็ยังสูงได้แค่หน้าอกของเธอหล่อนก้มตัวมองตรงมาที่ฉัน
“ฉันอยากเจอคุณยังไงล่ะคะคุณลิซ่าคุณที่มีชีวิตมาตั้งแต่ศัตวรรษ์ที่16อย่างคุณน่ะคุณเป็นคนดังนะดังมากๆไม่ว่าจะในหมู่แม่มดด้วยกันหรือแม้แต่ปีศาจเองก็ตาม”
หล่อนก็ยืนตัวตรงและเดินต่อไปมองหมูและสารวัตรเมธีสุด้ายก็มายืนหยุดตรงภักดิเรกที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้นเธอใช้ปลายเท้าสะกิตหน้าของเขาก่อนจะทำหน้าหยี๋ใส่
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันนอนกับผู้ชายทุเรศๆแบบนี้ได้ยังไงเอาตัวมันออกไปไกลๆซิ”พูดจบเหล่าคนเคระประมาณสี่คนก็ออกมาจากห้องข้างๆและช่วยกันลากเขาเข้าไปฉันเชื่อเลยว่าที่นี่คือบ้านของหล่อนจริงๆ
“เอาล่ะค่ะขอเชิญทุกท่านขึ้นมาด้านบนนะคะตามฉันมา”
“ยืนคุยกันตรงนี่ให้จบนั่นแหละจะได้ไม่เสียเวลา”
“คุณลิซ่านี่แดกดันจังเลยนะคะแต่ดิฉันว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรถ้างั้นก็...”
แปะๆๆ!!
เสียงปรบมือของหล่อนดังก้องทั่วห้องโถงแล้วเหล่าคนแคราะมากมายก็ยกเก้าอี้และโต๊ะอาหารสำหรับครอบครัวเข้ามาวางอย่างเป็นระเบียบจัดจานช้อนส้อมในเวลาอันรวดเร็วก็เสร็จสรรพ
“เชิญนั่งค่ะ”เธอพูดก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งก่อนคนแรกฉันเขม็นหน้าใส่หล่อนและเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงข้ามกับหล่อนพอทุกคนเห็นแบบนั้นก็พากันนั่งกันที่เก้าอี้สารวัตรนั่งข้างซ้ายของฉันและอักษรก็นั่งข้างขวาโดยมีหมูนั่งอยู่บนตักของเขาเพื่อความปลอดภัย
แล้วไม่นานนักเหล่าคนเคราะก็เอาอาหารมาเสริฟบนโต๊ะด้วยท่าทางง่วนเงี่ยนแต่แข็งขันกันฉันมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกเฉยชาไม่แม้แต่รู้สึกสนุกเลยซักนิดเดียว
“เอาอาหารพวกนี้มาทำอะไร”
“เลี้ยงต้อนรับแขกไงล่ะคะต้อนรับแขกที่รอดตายจากพิธีชุบชีวิตในครั้งนี้”
“เคยมีคนตายเพื่อหยุดเธอด้วยหรอ”
“คุณสุพรรณวดีไงล่ะคะเธอกล้าหาญมากที่มาสืบเรื่องราวในโรงเรียนแห่งนี้แค่คนเดียวฉันก็เลยยกย่องเธอโดยการใช้ชื่อและมีชีวิตอยู่ในฐานะสุพรรญวดีต่อไป”
“เป็นการยกย่องที่น่าร้องไห้ที่สุดเลยนะแบบนี้วิญญาณของเธอคงไม่เป็นสุขแน่”
“คุณไม่เคยเจอเขาแท้ๆแต่ทำเป็นรู้ดีจังเลยนะคะ”
“เเกก็ไม่ได้ต่างอะไรกับฉันหรอกน่าแกฆ่าเธอแล้วก็เด็กทุกคน”
“ผิดแล้วล่ะค่ะฉันไม่ได้ฆ่าหมดซักหน่อยแค่ไม่กี่คนเองเองที่เหลือน่ะเป็นฝีมือของภักดิเรกกับสังคมค่ะ”
ท่าทางไร้เดียงสาแบบนั้นของหล่อนทำให้ฉันกำส้อมที่ยาวและแหลมคมไว้แน่นอย่างลืมตัวแต่มือของสารวัตรเมธีก็จับข้อมือฉันเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรพลีพลามไปซะเองฉันรีบผ่อนลมหายใจเข้าและออกเพื่อควบคุมสติของตัวเอง
“ไอริบบิ้นนั้นเป็นฝีมือของเธอใช่มั้ยล่ะริบบิ้นที่ถูกผูกเป็นโบแล้วติดอยู่ตรงฝากล่องของขวัญทันทีที่ถูกดึงออกคำสาปก็จะทำงาน”
“อ๋อหรอคะ”เธอมองมาที่ฉันด้วยท่าทางที่สนอกสนใจ“เธอคิดว่าเป็นอย่างนั้นหรอแล้วพวกคุณภักดิเรกกับสังคมล่ะ...พวกเขาก็ฆ่าตามเป้าหมายนะทำไมฉันต้องใส่คำสาปให้ยุ่งยากด้วยล่ะ”
“ริบบิ้นนั้นเป็นคำสาปจริงแต่ไม่ใช่สาปให้เด็กตายไปเองเป็นคำสาปที่คุณใช้กับผู้ชายแต่ละคนที่แกนอนด้วยทั้งภักดิเรกที่ลงมือฆ่าแมรี่และบันนี่ทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองไปและไปจัดการเหยื่อที่แกต้องการเมื่อฆ่าเสร็จแล้วคำสาปก็หายไปพร้อมๆกับความทรงจำและถูกภาพมายาบดบังเหมือนที่คนอื่นโดนแล้วก็คนขับรถพ่วงที่ชื่อมั่นหมายที่ขับรถชนรถสปอร์ตของศาลิสาหรือหญิงแล้วแกก็สั่งให้เขาบีบคอตัวเองจนตายเหมือนเป็นแค่คนเคราะห์ร้ายคนนึง”
“แล้วที่เขาตะโกนบอกที่บนอาคารห้องอาหารล่ะเธอจะอธิบายว่ายังไง”
“ง่ายมากเลยเพราะว่าโมโม่เป็นโรคหืดหอบเธอตายทันทีที่เห็นของในกล่องโดยที่ยังไม่ได้ดึงริบบิ้นออกมาแต่ต่อมาฉันก็ดึงริบบิ้นนั่นทำให้ความทรงจำของเขากลับมาแล้วก็บ้าอย่างที่เห็นนั่นแหละ”
“งั้นหรอ...ก็เข้าท่าดีนะอืม...แล้วทำไมเขาถึงไม่ฆ่าหมูล่ะก็หมูน่ะเป็นเป้าหมายแถมเป็นคนเห็นว่าภักดิเรกฆ่าเมียตัวเองไม่ใช่หรอแล้วเขาจะฆ่าทำไมล่ะทั้งที่เธอไม่ใช่เป้าหมายล่ะเขารักเธอมากเลยนะ”
ฉันมองนังแม่มดที่อยู่ที่อยู่ในคราบผู้หญิงผมสั้นหน้าตาเรียบร้อยคนนี้ด้วยอย่างหงุดหงิดถึงที่สุด
“แล้วเพราะอะไรล่ะจะให้ฉันตอบว่าเป็นเพราะแกอยากให้ฉันมานั่งตอบคำถามแกที่นี่ถึงได้วางแผนมาตั้งแต่ต้นรึยังไง”
“หิๆๆๆๆไม่ผิดหวังเลยที่เป็นถึงคุณนายลิซ่าผู้รอบรู้ถูกต้องแล้วล่ะนี้เป็นความตั้งใจของฉันทั้งหมด”เธอยิ้มและเอาอาหารที่เธอตัดด้วยส้อมและมีดิย่างปรานีตเข้าปากของเธออย่างผู้ดี
“เธอเองก็ปลอมเป็นเด็กคนนี้เพื่อเข้าไปในงานวันเกิดของบันนี่เพื่อก่อเรื่องให้เป็นข่าวขึ้นมาเพื่อให้พวกตำรวจสงสัยและล่อฉันให้มาทำงานนี่ด้วย”
“เปล่าหรอกไม่ใช่ฉันนะคนที่ไปที่บ้านของภักดิเรกแทนหมูน่ะไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะแต่เธอก็รู้นี่ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงความทรงจำของมนุษย์ได้ฉันก็เลยทำให้หมูได้ไปที่งานปาร์ตี้นั้นในความทรงจำของทุกคน”
“เอ๋?”หมูที่ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งหน้าซีดเผือกเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่มดจะทำอะไรได้มากถึงขนาดนั้น
“ก็เลยมีตำรวจไปที่บ้านของเธอใช่มั้ยล่ะจ๊ะหมูน้อยแต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรเพราะเธอกลัวไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“อะ..ฮึก...ฮือ....”
เธอหัวเราะคิกคักเหมือนเป็นเรื่องตลกกลับกันกับพวกฉันที่ไม่มีใครปริปากพูดทำให้ฉันต้องเริ่มทำลายความเงียบอีกครั้ง
“แล้วไอริบบิ้นสีเขียวที่ผูกคอฉันหลังจากที่ฉันสลบไปล่ะ”
“เป็นฝีมือของสังคมเพลงนั้นเขาก็เป็นคนแต่งเองเพื่อที่จะควบคุมเด็กๆให้เป็นอย่างที่เขาต้องการเขาเป็นคนมีความสามารถนะเป็นผู้ว่าจ้างที่มีความเป็นศิลปินและไม่เอาแต่ขออย่างคนอื่นๆเขาเต็มไปด้วยความรักในนักเรียนของเขาและความสามารถที่แสนพิเศษ”
“เขามีความรักกับเด็กคนนั้น..ที่ชื่อวิวหรือครับ”อักษรที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นมาบ้าง“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับตอนที่เด็กคนนั้นตาย”
“คุณสังคมตอนนั้นยังเป็นแค่อาจารย์ใหม่เหมือนคุณนั่นแหละเขาหลงรักเด็กคนนั้นไม่ใช่แบบศิษย์อาจารย์แต่เป็นแบบหนุ่มสาวถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้เธอก็คงจะอยู่ป.6ส่วนเขาก็จะเป็นลุงแก่ๆอายุเฉียดสี่สิบแต่ว่าเธอก็ไม่ได้รังเกียจความแก่ของเขาเลยพวกเขาเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นความรักอันบริสุทธิ์ยิ่งกว่าความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ซะอีก”
หล่อนหยุดแป๊ปนึงเพื่อกินคำที่สองและสามก่อนจะเช็ดปากเมื่อเคียวเสร็จฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมฉันถึงต้องมารอให้ยัยนี่เล่าเรื่องที่เหยียดหยามต่อพระผู้เป็นเจ้าแบบนี้
“เรื่องราวก็เหมือนจะมีจุดจบที่สวยงามนะแต่แล้วความลับที่ทั้งสองเก็บไว้ก็แตกเมื่อเพื่อนๆอีกหกคนของเธอจับได้ชีวิตการงานของเขาพังทะลายไปพร้อมๆกับเด็กหญิงผู้เป็นที่รักเพื่อนทั้งหกคนของเธอพยายามกีดกันเธออกจากกลุ่มพวกเขาเลยคิดเกมๆนึงขึ้นมาเป็นเกมจับฉลากใครที่ได้คนรับใช้ก็จะต้องทำตามที่คนอื่นๆสั่งและนั่นแหละเธอถึงได้จบลงที่การฆ่าตัวตาย”
“เป็นคำสั่งของคนในกลุ่มเองงั้นหรอครับ”
“ไม่ใช่แค่คนในกลุ่มแต่เป็นทั้งห้องป.4/5เหมือนที่คุณรู้สึกไงล่ะคุณลิซ่าความรู้สึกที่ถูกกดดันให้ต้องตายความรู้สึกของแม่มดอย่างพวกเรา”
“แกต้องการจะสื่ออะไรกันแน่...”
“เพราะความแตกต่างแค่เพียงนิดเดียวก็จะถูกมองเป็นตัวประหลาดมนุษย์น่ะโง่เขลานักทั้งที่คุณก็รู้แบบนั้นอยู่แล้วทำไมคุณถึงยังช่วยพวกเขาอยู่อีกล่ะดูรอบๆตัวคุณให้ดีสิคุณลิซ่าคุณอักษรถ่วงแข่งถ่วงขาคุณเด็กนั่นก็แค่หมูน้อยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ผู้ชายคนนั้นก็แค่ผู้ชายที่ไม่ได้เข้าใจคุณแม้แต่เสี้ยวนึงของที่คุณเป็นจริงๆพวกเขาเข้าใจแต่ตัวเองแต่คุณก็กลับช่วยเหลือพวกเขาโดยรับแค่เงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้นนี้คุณไม่คิดแค้นเลยหรอสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับคุณน่ะ”
“แกกำลังถามว่าทำไมฉันถึงยืนอยู่ข้างมนุษย์น่ะหรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะคุณเลือกที่จะยื่นอยู่ข้างพระเจ้ายืนอยู่ข้างคนที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงๆรึเปล่าทั้งที่คุณเป็นคนรอบรู้มากแท้ๆทั้งที่คุณอยากจะรู้ไปหมดทุกอย่างคุณไม่สงสัยเลยงั้นเหรอว่าคุณอยู่ในทางของพระเจ้าแล้วทำไมคุณยังมีคำสาปทำไมคุณยังเหมือนคนนอกคอกเหมือนคนที่ไม่ได้ถูกเรียกให้เข้ามายังดินแดนแห่งนั้น”
ฉันไม่อยากจะฟังที่ยัยนี่บ่นอีกแล้วแต่ฉันก็ไม่สามารถไปที่ไหนได้ถ้าฉันลุกจากไปตอนนี้ทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งอีก
“จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่ออย่าสงสัยเลยเพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมาผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลยเขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น”ฉันพูดบทพระคำภีร์ให้หล่อนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามฟัง”เธอเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านี้มั้ยล่ะ”
สีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากใบหน้านั่นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก็พลันหุบเป็นเบื่อหน่ายก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังพิงกับพนักเก้าอี้
“น่าเบื่อคำพูดของพระเยซูเอยพระเจ้าเอยสาวกเอยมีแต่คำพูดยากๆน่าปวดหัวทั้งนั้นเลยขอล่ะอย่าเอาคำพูดพวกนั้นมาใช้อีกเป็นครั้งที่สองนะ”
“ถ้าแกยังไม่เข้าใจคำพูดพวกนี้ก็อย่าพูดเลยว่าแกเข้าใจฉัน”
“ก็เพราะไม่เข้าใจถึงได้ถามนี้ไงล่ะอะไรเนี้ยคนแก่นี้มันยุ่งยากจริงๆ”
“แกก็เป็นแม่มดรุ่นน้องที่โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเจอมาเลยเหมือนกัน”ฉันเสยะยิ้มให้กับหล่อนที่เริ่มโวยวายเหมือนเด็กๆ
“อี๋!!!อีแก่ฉันอุส่าให้เกียรติแกแต่แกมาทำวางท่าใหญ่ที่บ้านฉันแบบนี้จะทนไม่ไหวแล้วนะ!!!”
“ฉันว่า..ฉันรู้แล้วนะว่าเธอเป็นใครจากที่ฉันเช็คดูแล้วเนี้ยมีเด็กที่ไม่ถูกฆ่าเลยตั้งแต่แรกอยู่ด้วยนะนอกจากหมูแล้ว...ก็มีอีกคนนึงที่ฉันแทบจะลืมไปซะสนิทเลยอิ่ม...”
ฉันลุกขึ้นและยื่นมือของฉันออกไปหาหล่อน
“อะ!อย่านะอย่ามาทำลายความสวยงามของฉัน!!”แต่ไม่ทันแล้วมือของฉันทะลุหัวของหล่อนทำให้หน้าตาที่สระสวยนั้นสลายกลายเป็นควันและปรากฎแต่ร่างเด็กที่คล้ายกับฉันมันก็เป็นร่างที่แท้จริงของพวกแม่มดอย่างเรานั่นแหละ
“อิ่มหรอ?”หมูอ้าปากค้างเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กของเธออยู่ในสภาพแต่หน้าจัดและใส่ชุดราตรีหลวมแกะกะอยู่บนเก้าอี้
“เป็นรุ่นน้องจริงๆด้วยนะ”ฉันอมยิ้ม
“หนอยแน่!!อีแก่...บังอาจนัก”
“อิ่มนี้...นี้มันไม่จริงใช่มั้ยเธอ...”
“อะไรอีกล่ะยะเด็กนี่อ๋อ..รับไม่ได้งั้นสิที่เพื่อนของตัวเองหักหลังน่ะฉันล่ะเบื่อกับการเล่นละครเต็มทนแล้ว”
“อิ่ม..”
“อย่าเรียกฉันว่าอิ่มนะชื่อของฉันคืออนาสตาเซียมาเบอร์ดิคัสฉันไม่ใช่ชื่ออุบาดนั้นเป็นชื่อของฉันหรอก”
“อนาสตาเซียงั้นเหรอ...ชื่อสวยไม่เหมาะกับหน้าตาเลยซักนิด”
“โอ้ยยยย!!หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะลืมไปแล้วรึไงว่าพวกแกมาทำอะไรมาหยุดฉันไม่ใช่รึไงถ้าหากพวแกทำให้ฉันโมโหยิ่งกว่านี้ล่ะก็ฉันเอาวิญญาณของพวกแกไปโยนให้พวกปีศาจชั้นตำ่ซีกกินไม่จบไม่สิ้นไปตลอดกาล!!”
เธอระเบิดโมโหพร้อมกับคำขู่ฆ่าที่เหมือนจะไม่ไปไม่ได้แต่อย่าลืมว่าเธอคือแม่มดดำที่ทำสัญญากับปีศาจเรื่อแค่นั้นง่ายสำหรับเธอมากและกลายเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะต้องต่อกรกับเธอโดยตรงสิ่งที่ฉันน่าจะทำได้ดีที่สุดก็คือประทะกันด้วยวาจาและสติปัญญาจากพระเจ้า
“เอาล่ะฉันขอโทษก็แล้วกันถ้าเธออยากจะปกปิดตัวตนจริงๆของเธอขนาดนั้นฉันก็ไม่ถือสาอะไรหรอกยังไงนี้มันก็ไม่ใช่การประชุมรวมแม่มดอะไรนั่นที่ต้องมายืนแก้ผ้ากันเพื่อบอกความบริสุทธ์ใจของพวกเธอไม่ใช่หรอ”
“หึ!ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองแล้วจะไม่ไปงานนั้นอีกทั้งชีวิตนี้ด้วยมีแต่พวกบัดสีบัดเถลิง”แล้วจากนั้นเธอก็กระแฮ่มครั้งหนึ่งแล้วเหล่าคนเคราะก็มาพร้อมกันฉากกั้นและเสื้อผ้า
หล่อนลงจากเก้าอี้แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีฉากกั้นคอยบังเรือนร่างอ่อนแอนเด็กๆของเธอแล้วไม่นานนักเธอก็กลับมานั่งที่ในชุดโลลิต้าสีม่วงชมพูทีมีเว้าโค้งพองามกับหน้าตาที่ถูกแต่งเติมจนหน้ารักสดใส
“ขอโทษที่นอกเรื่องไปไกลนะคะ”เสียงของเธอเปลียนไปไม่เหมือนก่อนเท่าไร“ฉันเป็นบอกเองว่าอยากคุยกับคุณแต่ว่าก็ทำกริยาไม่งามลงไปต้องขอโทษด้วยนะคะ”หล่อนเม็มปากนึกอะไรบางอย่าง
“นี้ๆๆอยากจะทำให้ฉันหยุดเรื่องนี้มากเลยหรอแบบนี้น่ะก็จะทำให้ฉันทำงานไม่สำเร็จนะจริงๆก็ควรเห็นกันบ้างสิฉันน่ะจำเป็นต้องทำนะเพราะว่าท่านปีศาจใจร้ายต้องโกรธมากแน่ๆถ้าฉันไม่ทำให้สำเร็จน่ะฉันไม่อยากตายนะรู้รึเปล่าล่ะ”
ฉันชักจะรู้สึกประสาทกินกับท่าทางไร้เดียงสาและนำ้เสียงเล็กๆนั่นมากแต่ฉันก็ยังต้องทนต่อไป
“ต้องการอะไรล่ะเพื่อหยุดเรื่องนี้”
“ฮืม?คุณลิซ่าน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าควรทำยังไงไม่ต้องถามฉันก็น่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ”
ใช่..ฉันรู้อยู่แล้ววิญญาณของหมูรวมกับวิญญาณเด็กคนอื่นๆอีก251คนและอีกมากมายนับไม่ท่วนในอนาคตเพื่อให้เด็กที่ชื่อวิวกลับมามีชีวิตอีกครั้งตามที่สังคมได้จ้างวานเธอแต่ว่ามันก็ไม่มีแววว่ามันจะสำเร็จในครั้งนี้ซักนิดเดียว
“วิญญาณเพียงแค่นั้นก็ไม่พอที่จะชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้หรอก”
“ก็ใช่ยังไงล่ะเพราะงั้นก็ปล่อยให้ฉันฆ่าเด็กพวกนั้นต่อไปเถอะนะแค่ครั้งละ12คนเองเด็กไม่หมดจากโลกหรอกพวกผู้ใหญ่น่ะชอบมีเซ็กกันจะตายท้องก่อนแต่งก็มีท้องวัยเรียนก็มีนะปล่อยๆไปบ้างเถอะ”
“พูดอะไรแบบนั้นกันครับ!!”อักษรลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยความเหลืออด“ชีวิตเด็กทั้งคนไม่ใช่ผักปลาถึงได้ฆ่าแกงกันได้ง่ายๆอย่าเอาปัญหาของตัวเองมายัดเยียดให้คนอื่นแบบนั้นสิครับ!!”
“ตายแล้ววววพ่อพระเอกพ่อคนดีจะบอกให้ฉันสละตัวเองโดนลงโทษถูกฉีกกินวิญญาณไปชั่วกัปชั่วกัลป์เพื่อช่วยเด็กๆงั้นเหรอคะถ้าดิฉันเป็นคนดีแต่แรกคงไม่ทำสัญญากับซาตานหรอกใช่มั้ยคะ”
“คุณอาจมีเหตุผลที่ต้องทำก็ได้ความดีของคุณความสงสารของคุณต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งในเบื่องลึกของจิตใจของคุณแน่ผมเชื่อแบบนั้น
หล่อนหัวเราะก๊ากจนแทบจะตกเก้าอี้ฉันมองใบหน้าซีดของอักษรแล้วได้แต่ถอนหายใจกับคำพูดของเขา
“อักษรในโลกของฉันน่ะไม่มีปีศาจที่ดีหรือทูตสวรรษ์ที่เลวหรอกนะทูตสวรรษ์หากพวกเขาถูกกิเลสครอบงำพวกเขาก็จะตกจากสวรรค์แต่ก็ไม่เคยมีปีศาจตนไหนที่กลับมาดีได้ซักตนนึงแม่นั่นก็เหมือนกันพวกเขาไม่ใช่มนุษย์เหมือนนายที่จะเปลียนใจไขว้เขวไปนู่นไปนี่ได้เรื่อยๆเพราะแบบนี้แหละฉันถึงได้ย้ำนักว่าเป็นมนุษย์น่ะดีที่สุดแล้ว”
“พวกแม่มดขาวโง่ๆก็มักจะพูดแบบนี้แหละนะเป็นมนุษย์ดีอย่างนั้นอย่างนี่มีอิสระไปหมดเลยเบียดเบียนคนอื่นทำร้ายคนอื่นเสร็จก็ขอโทษแล้วก็คืนดีแล้วก็แทงลับหลังใหม่อื้มมม!มนุษย์นี่ดีมากๆเลยเนอะ”
“นั้นน่ะเป็นเพราะปีศาจแบบพวกแกล่อลวงมนุษย์น่ะสิ”
“อ่าวโทษเราได้ยังไงกันล่ะก็พวกเขายอมรับพวกเราเองนะ”
“ถ้าพวกเขาได้ยินเสียงพระเจ้าล่ะก็..”
“งั้นพระเจ้าก็ต้องปกป้องพวกเขาตั้งแต่แรกสิ”
“พระองค์ทรงปกป้องพวกเขา”
“แต่มนุษย์ก็ไม่ยอมรับใช่มั้ยล่ะ”
“….”ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะเถียงอะไรต่อฉันไม่เคยเจอแม่มดดำตัวต่อตัวแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆเธอยิ้มแล้วเธอก็พูดต่อ
“ย้อนกลับไปเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกนะในพระคำภีร์ของเธอบอกว่าพระองค์สร้างโลกหกวันและวันที่เจ็ดก็หยุดพักมนุษย์คนแรกชื่อว่าอดัมได้อยุ่กับหญิงที่เกิดจากซี่โครงข้างซ้ายของตนเอวาในสวนเอเด็นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และผมไม้นาๆชนิดแต่ว่ามีผลไม้นึงกลางสวนเอเดนที่พระองค์สั่งห้ามไม่ให้พวกเขากิน...”
“ผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่วหรือก็คือผลแห่งสามัญสำนึก”
“ใช่แล้วงั้นคำถามแรกทำไมพระเจ้าต้องสร้างต้นไม้ต้นนี้ขึ้นมาด้วยล่ะ”
“เพื่อให้อาดัมและเอวามีทางเลือกที่จะเชื่อฟังพระองค์หรือไม่เชื่อฟังเป็นอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ”
“เอ้...งั้นหรอเป็นคำตอบที่น่าสนใจดีนี่แต่ทั้งที่ทำให้พวกเขาถูกหลอกเนี้ยนะแค่นั้นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพระองค์ไม่ได้รักพวกเขาเลยพระองค์ไม่แม้แต่ช่วยพวกเขาให้รอดจากมารด้วยซำ้”
“ทางเลือก..ทำให้เรามีชีวิตจริงๆคนที่เลือกผิดไม่เชื่อฟังพระเจ้าก็จะมีแต่ความวุ่นวายแต่คนที่เชื่อและวางใจในพระองค์จะอยู่อย่างสุขสบายนั่นแหละพระองค์ทรงให้ทางเลือกในการดำรงชีวิตปีศาจเองก็เช่นกันที่จะไม่บังคับให้มนุษย์แต่ล่อลวง”
“งั้นเราจะโทษใครล่ะพระเจ้า?มนุษย์?ปีศาจ?ที่โลกมีความชั่วร้ายความทกข์ทรมานและความตายมันเป็นใครกันแน่ล่ะใครที่เราควรกำจัดกันแน่”
“….”ทุกๆอย่างอยู่ในความเงียบงันทั้งสารวัตรฉันอักษรแล้วก็หมูทุกคนก้มหน้าครุ่นคิดเพื่อหาคนที่ผิดแล้วเสียงนึงก็ตอบขึ้นมา
“มนุษย์....”สารวัตรเมธีตอบขึ้นมาทำลายความเงียบงันนี้”ใช่มนุษย์น่ะโง่เขลาต้องมีศาสนาคอยคำ้จุนจิตใจและความคิดเพื่อให้ไม่นอกลู่นอกทางหรือสร้างปัญหาให้กับคนที่ฉลาดกว่า...”
“อื้มๆๆถูกต้องแล้วล่ะ”
“แต่ว่า...แต่ว่า...การฆ่าเด็กพวกนั้นน่ะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องอยู่ดีครับ!!”
“คุณอักษรนี่ดื่อด้านจังเลยนะคะมนุษย์น่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นบาปต่อโลกพวกคุณอะไรไว้บ้างก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือคะทั้งฆ่าฟันกันเองโกหกหลอกลวงทำลายธรรมชาติแล้วยังไม่สำนึกบุญคุณของผู้ที่ช่วยเหลืออย่างพระเจ้าเลยไม่ใช่เหรอคะ”
“ระ..เรื่องนั้น...”
“หรือว่าจะบอกว่าพวกเราผิดคะปีศาจผิดมากเลยงั้นหรือคะที่ทำให้มนุษย์เลือกที่จะทำแบบนั้น”
“ถึงมนุษย์จะผิดจริง..แต่ว่าพวกเด็กๆก็ไม่สมควรที่จะต้องตายเพื่อคนแบบคุณ!!!”
อนาสตาเซียหุบรอยยิ้มหวานแล้วพูดด้วยนำเสียงเซ็งๆว่า
“พวกคริสเตียนสินะถึงว่าล่ะดื่อกว่าที่คิดไว้ซะอีกคุณรู้มั้ยพวกคนที่นับถือพระเจ้าน่ะน่าเบื่อกว่าพวกคนนับถือศาสนาอื่นเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยนะ”แล้วเธอก็หันมองไปทางหมูที่นั่งก้มหัวอยู่บนตักของอักษร
“เธอล่ะหมูเธอคิดว่าใครผิดหรอมนุษย์พระเจ้าหรือปีศาจ”
“เธอนั่นแหละ....”
“ฮืม?”
“เธอนั้นแหละที่ผิดน่ะไม่ต้องเอาเรื่องอะไรไม่รู้มาอ้างหน่อยเลยหยุดทำเรื่องบ้าๆเดียวนี้เลยนะหยุดฆ่าเพื่อนๆของฉันซะที!!”
“แต่ว่าเพื่อนของเธอน่ะ..ตายไปหมดแล้วนะ”
“ใครที่ดีกับฉันฉันก็เห็นเป็นเพื่อนหมดนั้นแหละเพราะงั้นก็หยุดซะทีจะไปลงนรกที่ไหนก็ไปเลยยยย!!!!”
“ตายแล้วววตัวแค่นี้รู้จักหยาบคายแล้วหรองั้นหรอทุกๆคนเลยหรอถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโรคตัวเหม็นหน้าตาน่ารังเกียจดูไม่ได้เลยหรือแม้กระทั้งเพื่อนคนนั้นจะเป็นฆาตรกรนั่นก็ยังเป็นเพื่อนกับเธอสินะ”
หมูถึงกับพูดไม่ถูกก็เลยเงียบไปฉันเริ่มรู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับว่าเซลล์สมองฉันกำลังล้าเต็มทนกับการเจอศึกหนักมาตลอดทั้งวันฉันไม่คิดเลยว่าการพูดให้เธอเปลี่ยนใจมันจะเป็นไปได้ฉันต้องทำอะไรซักอย่างอย่าง...ใช้เวทย์มนต์เพื่อกำจัดเธอซะ
ไม่ได้!ทำแบบนั้นไม่ได้ฉันเป็นคนของพระเจ้าฉันต้องใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช้การใช้สิ่งแบบนั้น!
“คุณลิซ่าคุณดูเครียดมากเลยนะคะเครียดเรื่องอะไรอยู่หรือคะ”
“มีวิธีอื่นอีกมั้ยที่จะทำให้เธอหยุดเรื่องนี้ได้”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าให้พูดเปลี่ยนใจฉันไงคะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่าเหมือนกับที่เธอพยายามพูดให้ฉันหยุดช่วยมนุษย์นั่นแหละเธอน่าจะรู้ดีไม่ใช่รึไง”
“อืมมมม..”เธอหันหน้าครุ่นคิดพร้อมสานผมลอนของเธอ“ก็ถูกของคุณนะที่ฉันพูดมาทั้งหมดก็เพื่อให้คุณมาเข้าพวกกับฉันแต่คุณก็ไม่มีท่าทีจะเปลียนใจซักนิดงั้นจะทำยังไงดีนะ“
แต่แล้วไม่นานนักที่อนาสตาเซียเงียบไปเธอก็เหมือนจะปิ้งไอเดียสนุกๆออกซึ่งก็น่าจะสนุกสำหรับหล่อนคนเดียวเท่านั้น
“งั้นเรามาเล่นเกมกันซักหน่อยมั้ย”
“เกมงั้นหรอ..”
“เกมกิโยตินไงล่ะเคยได้ยินมาก่อนมั้ย”
“เกมกิโยตินที่เป็นเกมการ์ดของฝรังเศษที่ในตานึงจะมีการ์ดคนทั้งหมด12ใบที่มีทั้งผู้บริสุทธ์และนักโทษอยู่รวมกันในมือของผู้เล่นแต่ละคนก็คือใบบอกการกระทำว่าต้องยังไงกับการ์ดข้างหน้าถ้าสามารถหั่นหัวของการ์ดคนชั่วได้มากก็จะได้คะแนนมากแต่ถ้าผู้บริสุทธ์ไม่ได้ก็จะเสียคะแนน”
“ใช่แล้วล่ะเราจะมาเล่นอันนั้นกันโดยมีเด็กๆเป็นเดิมพัน”
แป๊ะ!!!
เสียงดีดนิ้วของอนาสตาเซียดังขึ้นทุกอย่างก็พลันกลายเป็นความมืดมิดและตรงหน้าฉันก็กลายเป็นลานประหารขนาดเล็กมีกิโยตินที่เหมือนจะเป็นของจริงอยู่ริมซ้ายสุดและสิ่งที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าฉันไม่ได้เป็นการ์ดแต่อย่างใด
แต่เป็นคนสิบสองคนในสภาพที่เหมือนตุ๊ตาหุ่นกระบอกในนั้นมีบันนี่โมโม่หญิงแมรี่และยังมีหมูอักษรและสารวัตรเมธีถูกล่ามโซ่เอาไว้ที่ขาและล็อกกุญแจมือเหมือนถูกเตรียมประหารนอกนั้นยังมีภักดิเรกสกุณาสังคมและยังมีตัวฉันและอนาสตาเซียอีกด้วยรวมทั้งหมดก็สิบสองคนครบพอดี
“เราเล่นกันสองคนนะเกมนี้จะมีแค่ตาเดียวเท่านั้นกิโยตินจะทำงานทุกๆสองนาทีถ้าคุณไม่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนของคุณจากกิโยตินได้วิญญาณของพวกเขาก็จะกลายอาหารของปีศาจแต่ว่าถ้าคุณสามารถเอาวิญญาณของคนร้ายทั้งหมดลงสู่กิโยตินได้ฉันก็จะหายไปตลอดกาล”
“เล่นเกมป่าเถื่อนแบบนี้เนี้ยนะ”
“เกมสนุกๆต่างหากล่ะงั้นฉันจะเริ่มก่อนเลยละกันนะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ