พี่ชาย...ที่รัก
เขียนโดย วีรนันท์
วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 07.52 น.
แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 08.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) พายุอารมณ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ โรงแรมดาราวัณเทวี ภูริภัทรขับรถตรงเข้าไปยังบริเวณลานจอดรถสำหรับผู้บริหารระดับสูง ไม่นานนักชายหนุ่มก็พารถคันงามเข้าไปจอดสงบนิ่งอยู่ที่ช่องจอดประจำที่มีป้ายชื่อของชายหนุ่มติดอยู่อย่างชัดเจน
ภูริภัทรพารัตติกาลเดินตรงไปยังลิฟท์โดยสาร เพื่อขึ้นไปยังที่ทำงานซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูแห่งนี้ มันเป็นลิฟท์ส่วนตัวซึ่งปกติแล้วมีเพียงเขาหรือคุณหญิงรำไพเท่านั้นที่สามารถโดยสารลิฟท์ตัวนี้ได้ ไม่นานนักลิฟท์ก็หยุดนิ่ง หญิงสาวเหลือบดวงตาขึ้นมองผนังลิฟท์ด้านหน้า จึงได้รู้ว่าเวลานี้เธออยู่บนชั้นที่ 52 ของตึก
ชายหนุ่มพาหญิงสาวก้าวออกไป ภาพที่หญิงสาวได้เห็นตรงหน้าคือ สถานที่แห่งนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นที่ทำงานขนาดใหญ่ เป็นทางการ มีห้องประชุม และบริเวณริมทางเดินด้านขวา มีโต๊ะทำงานอยู่หลายโต๊ะ โดยมีพาเทชั่นกั้นระหว่างโต๊ะแต่ละตัว แลดูเป็นสัดส่วน มีพนักงานหญิงชายนั่งประจำที่ของแต่ละคน และเมื่อภูริภัทรเดินผ่านโต๊ะเหล่านั้น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่เธอและเขา ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร แต่พาหญิงสาวเดินตรงผ่านโต๊ะเหล่านั้นไปยังห้องทำงานเบื้องหน้า บริเวณหน้าห้อง ก็ปรากฎเป็นโต๊ะทำงานขนาดย่อม โดยมีเจ้าของโต๊ะเป็นหญิงอายุประมาณสี่สิบต้นๆ ตามความคาดเดาจากสายตาของรัตติกาล ซึ่งหญิงสาวจำได้ดีว่าคือคุณสายสมร เธอเคยเป็นเลขาของคุณหญิงรำไพ มารดาของเธอนั่นเอง
"สวัสดีค่ะท่านประธาน วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ" หญิงคนดังกล่าวทักทายชายหนุ่ม แล้วมองเลยมาทางหญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างแปลกใจ
"อ้าว! คุณรุ้ง! นี่คุณรุ้งกลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอคะ" น้ำเสียงของสายสมรเจือไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
"เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้เองค่ะคุณสายสมร" รัตติกาลตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มกว้างกลับไป
"วันนี้คุณรุ้งเธอจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับงานของโรงแรมน่ะครับคุณสายสมร" ชายหนุ่มแจ้งข่าวกับเลขาส่วนตัว
"เดี๋ยวยังไงต้องรบกวนคุณสายสมรช่วยจัดหาห้องทำงานให้คุณรุ้งหน่อยนะครับ" ชายหนุ่มพูดต่อไป
"อ๋อ ได้สิคะท่านประธาน เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้นะคะ" คุณสายสมรรับคำสั่งมั่นเหมาะ
แต่รัตติกาลกลับตวัดสายตาไปที่ชายหนุ่มคนที่ยืนข้างๆ เธอแบบทันทีทันใดเมื่อได้ยินบทสนทนานั้น
"ทำไมต้องจัดห้องใหม่ด้วยล่ะคะ รุ้งคิดว่า ถ้ารุ้งได้ทำงานในห้องเดียวกับพี่ภีม มันจะสะดวกกว่า เพราะยังไงพี่ภีมก็ต้องเป็นคนสอนงานให้รุ้งอยู่แล้ว" หญิงสาวพูดบอกพร้อมจ้องไปที่ใบหน้าหล่อของชายหนุ่มนิ่ง
สายสมรมองหน้าภูริภัทรและรัตติกาลสลับไปมา และเธอก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึมครึมตรงหน้ายังไงชอบกล
"เดี๋ยวผมขอคุยกับคุณรุ้งสักเดี๋ยวนะครับคุณสายสมร" ชายหนุ่มกล่าวกับเลขา
"เชิญครับน้องรุ้ง" ประโยคหลังชายหนุ่มหันมาพูดกับรัตติกาลพร้อมกับออกเดินนำหญิงสาวไป
ชายหนุ่มเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้า แล้วก้าวนำหญิงสาวเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเขา ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ทำให้รัตติกาลได้เห็นว่าภายในนั้นกว้างขวางมากแค่ไหน จากประตูเข้าไป ทางซ้ายมือคือโซฟาตัวใหญ่รูปตัวแอล ที่สามารถใช้เป็นที่นอนพักผ่อนได้อย่างสบายๆ ในความคิดของหญิงสาว รอบๆ ห้องล้อมไปด้วยกระจกใสที่สูงระดับเดียวกันกับเพดานห้อง เผยให้เห็นวิวของแม่น้ำที่อยู่กลางเมืองหลวงได้อย่างชัดเจน มันช่างเป็นวิวที่สวยมากสำหรับเธอ ที่กลางห้องใกล้ๆ กับกระจก คือโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ทำจากไม้เนื้อดีสีน้ำตาลเข้ม พร้อมด้วยเก้าอี้ที่มีเบาะหนานุ่มพนักสูงสีดำสนิท แลดูน่านั่ง บนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม สายตาหญิงสาวก็สะดุดไปที่รูปปั้นกระทิงที่ทำจากแก้วคุณภาพดีสีดำวางอยู่ เพราะเธอจำมันได้ว่า เธอเองเป็นคนส่งมันตรงมาจากอเมริกาให้ชายหนุ่ม ซึ่งที่อเมริกาเชื่อกันว่ากระทิงมีความหมายที่ดีสำหรับนักธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการค้า หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะขบฟันคมสวยลงบนริมฝีบางบางแล้วยิ้มนิดๆ ขณะที่หันไปมองชายหนุ่ม หล่อนไม่คิดว่าเขาจะสนใจนำมันมาวางไว้บนโต๊ะทำงานแบบนี้
ชายหนุ่มรับรู้ถึงอากัปกิริยานั้นของหญิงสาว แล้วเขาก็ต้องหันหน้ามองออกไปยังวิวเมืองด้านนอก ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะเข้ามาในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเขายังสามารถเก็บเจ้ากระทิงนั้นลงได้ทัน
"ห้องทำงานพี่ภีมก็กว้างขวางดีนะคะ ถ้ารุ้งจะเข้ามานั่งทำงานด้วยอีกคน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่มั้ยคะ" หญิงสาวเปิดหัวข้อสนทนาพร้อมทั้งก้าวเข้ามายืนตรงหน้าชายหนุ่ม
ภูริภัทรมองเห็นถึงปัญหาที่อยู่ข้างหน้ารำไร
" แต่พี่คิดว่าถ้าน้องรุ้งมีห้องส่วนตัวจะสะดวกกว่านะครับ" ชายหนุ่มพยายามอธิบาย
"ไม่สะดวกค่ะ" หญิงสาวโต้กลับอย่างคนเอาแต่ใจ
"ก็ไหนๆ พี่ภีมก็ต้องสอนงานให้รุ้งอยู่แล้ว ถ้ารุ้งอยู่ ใกล้ๆ... มันก็น่าจะสะดวกกว่า... ว่ามั้ยคะ?" รัตติกาลเน้นหนักคำว่า ใกล้ ใส่ภูริภัทร ที่ตอนนี้ยืนหันด้านข้างให้หญิงสาว ก้มหน้ามองพื้นห้องที่ปูด้วยพรมราคาแพงอย่างครุ่นคิด
ชายหนุ่มไม่เข้าใจในการกระทำของหญิงสาว เธอต้องการอะไร? เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะผลักไสตัวเองให้ไกลจากเธอ เพื่อเป็นการง่ายที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามหนีเธอเท่าไหร่ กลับกลายเป็นว่าเขาและเธอยิ่งเข้าใกล้กันยิ่งกว่าเดิม
"ตรงนี้เลยค่ะพี่ภีม วิวสวย รุ้งชอบ" หญิงสาวเอ่ยพร้อมทั้งชี้ไปบริเวณที่ว่างซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของชายหนุ่มไปเพียงสามสี่ก้าว
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า พร้อมกับเดินไปที่โต๊ะทำงาน จุดหมายคือโทรศัพท์ที่วางอยู่ เขาใช้นิ้วเรียวยาวกดปุ่มลงไป พลันเสียงของคุณสายสมรก็ดังขึ้น
"ค่ะ ท่านประธาน"
"เดี๋ยวผมต้องขอรบกวนคุณสายสมรให้คนจัดหาโต๊ะทำงานสำหรับคุณรุ้งด้วยนะครับ" ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปโต้ตอบกับผู้เป็นเลขา เพราะคิดว่าเขาคงเปลี่ยนใจรัตติกาลไม่ได้อย่างแน่นอน
"เอ่อ... ท่านประธานจะให้วางไว้ที่ไหนคะ" สายสมรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจ
"ในห้องผมครับ" ชายหนุ่มกล่าวออกไป แต่ดวงตาจับจ้องไปที่ดวงหน้าสวย ที่เวลานี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้กำชัยชนะ
"ได้ค่ะ ท่านประธาน" สายสมรรับคำ
"ติ๊ดด" เป็นอันสิ้นสุดการสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับเลขา
หญิงสาวก้าวเข้าไปยืนอยู่ชิดชายหนุ่ม
"ขอบคุณค่ะพี่ภีม รุ้งสัญญาว่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ดีค่ะ"
ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง แล้วก็เป็นชายหนุ่มอีกเช่นเคยที่ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อน
ไม่นานนัก โต๊ะทำงานตัวเขื่องก็ปรากฎขึ้นภายในห้องทำงานของภูริภัทร และเวลานี้รัตติกาลก็นั่งประจำที่ ท่าทางพร้อมที่จะเรียนรู้งานเต็มที่
ที่ตู้เก็บเอกสารริมห้อง ชายหนุ่มกำลังค้นหาแฟ้มเอกสารบางอย่าง สักพักเขาก็ถือแฟ้มที่ต้องการเดินกลับมาหาหญิงสาว
"นี่คือเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับโรงแรมนะครับ พี่ว่าน้องรุ้งน่าจะเริ่มจากตรงนี้ก่อน" ชายหนุ่มพูดพลางวางแฟ้มเอกสารลงตรงเบื้องหน้ารัตติกาล
"ก็ดีค่ะพี่ภีม" เธอเงยหน้าตอบเขา
"ถ้าน้องรุ้งไม่เข้าใจตรงไหน ก็ถามพี่ได้ตลอดนะครับ" ชายหนุ่มเสริม
สิบนาทีผ่านไป
รัตติกาลลอบชำเลืองมองชายหนุ่มเล็กน้อย เขาดูเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังและดูจะมีสมาธิกับงานตรงหน้า ส่วนตัวหญิงสาวนั้น เธอหาสมาธิในการอ่านเอกสารไม่ได้เลย นั่นเพราะสมาธิของเธอถูกถ่ายโอนไปหาผู้ชายโต๊ะข้างๆ เธอนี่เอง
และแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้น ถือแฟ้มเอกสารไว้ในมือ เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม
"รุ้งไม่ค่อยเข้าใจตรงนี้ค่ะพี่ภีม" หญิงสาววางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าเขา แล้วถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งลงบนที่ท้าวแขนของเก้าอี้ชายหนุ่ม แขนเรียวงามทอดไปวางไว้ที่พนักพิงด้านหลัง เธอจงใจเบียดสะโพกมนเข้ากับต้นแขนด้านข้างของเขา
ริมฝีปากหนาได้รูปของชายหนุ่มเม้มเข้าหากันจนเกือบเป็นเส้นตรง นี่ไงล่ะ สิ่งที่เขากลัวว่ามันจะเกิดขึ้น
ภูริภัทรรู้ดีว่าหญิงสาว จงใจ ทำกับเขาเช่นนี้ เธอแกล้งเขา เธอต้องการอะไรกันแน่? เธอต้องการให้เขาคลั่งไปต่อหน้าเลยใช่มั้ย?
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยอะไรออกมา รัตติกาลก็ย้ายแขนกลมกลึงจากพนักพิงด้านหลัง มาโอบไว้รอบบ่ากว้างของภูริภัทร พร้อมกับใช้นิ้วเรียวสวยไล้ไปตามท้ายทอยมนได้รูป และสอดปลายนิ้วเข้าไปยังกลุ่มผมหนาอย่างแผ่วเบา
แล้ววินาทีต่อมาหญิงสาวก็ได้รู้ว่าเธอกำลังเล่นกับไฟ เพราะความอดทนของชายหนุ่มได้หมดสิ้นลงแล้ว สติสัมปะชัญญะขาดผึง
ชายหนุ่มตวัดแขนแข็งแกร่งสมชายชาตรี รวบเข้าที่เอวคอดกิ่วแล้วออกแรงยกร่างบางมานั่งลงบนโต๊ะทำงานเบื้องหน้า
"พี่ภีม!" หญิงสาวอุทานออกมาอย่างลืมตัว ตกตะลึงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ชายหนุ่มที่ขณะนี้ยืนขึ้นเต็มความสูงคร่อมร่างหญิงสาวไว้กลายๆ แขนแกร่งข้างซ้ายกอดเข้าที่เอวบางแน่น มือหนาข้างขวาถูกสอดเข้ายึดไว้ที่ต้นคอขาวนวลนุ่มละมุนมือ เรียวขางามของเธอในขณะนี้ถูกแยกออกจากกันและกำลังโอบล้อมต้นขาแข็งแกร่งของเขาที่แทรกตัวเองเข้าไปอยู่ระหว่างกลาง อกอวบหยุ่นของหญิงสาวขณะนี้บดเบียดแนบชิดอยู่กับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มอย่างไม่มีที่ว่างระหว่างคนทั้งสอง สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ ใช่! เขาโกรธที่ถูกคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาในเวลานี้แกล้งให้หัวปั่น
ชายหนุ่มจ้องสบตาหญิงสาวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหลบ รัตติกาลยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง ใจเต้นแรงรัว เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเขา เพียงแต่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มเป็นแบบนี้มาก่อนเลย หญิงสาวกำลังรู้สึกว่าผิวที่เนียนนุ่มของเธอกำลังจะแผดเผาเพราะความร้อนจากฝ่ามือทั้งสองของชายหนุ่มที่ส่งเข้ามา เธอรู้สึกถึงความแห้งผากที่ริมฝีปากบางได้รูป จนต้องลากลิ้นเรียวขึ้นให้ความชุ่มชื้นแก่มัน แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าภาพนั้นช่างยั่วยวนอารมณ์หวามให้กับชายหนุ่มมากขนาดไหน ม่านตาของรัตติกาลเริ่มกว้างขึ้น กว้างขึ้น เมื่อชายหนุ่มค่อยๆ ก้มลงมาหาดวงหน้าหวาน จนเธอต้องหลับตาลง เผยอริมฝีปากรอรับการลงทัณฑ์ เธอรับรู้ได้ว่าปลายจมูกโด่งคมสันใกล้เข้ามาเมื่อเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดดวงหน้ามน หญิงสาวยกปลายจมูกของเธอขึ้นไปแตะที่ปลายจมูกของเขาแผ่วเบา หญิงสาวรู้สึกทรมาน เธอต้องการสัมผัสจากเขาเหลือเกิน
และก่อนที่ริมฝีปากของภูริภัทรจะแตะลงบนกลีบปากสีชมพูเรื่อของรัตติกาล ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั้งหลายก็กรูกันกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มหยุดการกระทำนั้นไว้ แล้วเคลื่อนใบหน้าคมคร้ามไปซบลงบนบ่าบอบบางของหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับหลับตานิ่งเหมือนต้องการสงบสติอารมณ์
รัตติกาลลืมตาขึ้น รู้สึกงงงวยกับอาการของชายหนุ่ม ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?
สักครู่ต่อมาชายหนุ่มก็ถอนใบหน้าจากไหล่นวลเนียนของหญิงสาว แล้วอุ้มร่างบางลงจากโต๊ะทำงาน พร้อมกับหันหลังให้กับหญิงสาว เงยหน้าขึ้นมองเพดาน มือหนาถูกยกขึ้นเสยผมอย่างคนท้อแท้สิ้นหวัง
"ผมขอโทษ" ชายหนุ่มเอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ยืนหันหลังให้เธอ
"ขอตัวสักครู่นะครับ" พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปที่ประตูห้องทำงานอย่างรีบเร่งแล้วเปิดออกไปด้านนอกโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวอีกเลย
ผม คำสรรพนามแทนตัวเองที่เขาไม่เคยใช้กับเธอมาก่อนเลย เกิดอะไรขึ้น
เขาเป็นอะไร? เขากำลังจะจูบเธอ? เพราะอะไร? เพราะโกรธเธอยังงั้นหรือ? แล้วเขาหยุดมันลงเพราะอะไร?
หญิงสาวยืนนิ่งราวกับรูปปั้น แล้วตัวเธอเองล่ะ ทำไม? ทำไมเธอถึงรู้สึกต้องการสัมผัสจากเขา? เธอต้องการให้เขาจูบเธอ!!
และวินาทีนั้นเองดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อหญิงสาวค้นพบว่าตัวเธอนั้นรู้สึกเช่นไรต่อชายหนุ่ม
เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ตลอดเวลาที่เธอพยายามพาตัวเองเข้าใกล้ชิดเขา เธอคิดมาตลอดว่าที่เธอทำเช่นนั้นเพราะเธอต้องการกลั่นแกล้งเขา เพราะเธอรู้สึกขัดใจกับท่าทางเย็นชาที่เขาแสดงต่อเธอ แต่แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่เลย ที่เธอทำเช่นนั้นทั้งหมด มันมาจาก หัวใจ ของเธอนั่นเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รัตติกาลได้แต่พยายามถามตัวเองในใจ
ภายในสปอตคลับของโรงแรมดาราวัณเทวี
"ท่าทางท่านประธานจะร้อนมากนะวันนี้ มาถึงก็กระโดดลงน้ำโครมๆ" หนึ่งในสองไลฟ์การ์ดที่ดูแลบริเวณสระว่ายน้ำพูดขึ้น
"นั่นน่ะสิ ไม่รู้ไปโกรธใครมาหรือเปล่า หน้างี้เครียดเชียว" ไลฟ์การ์ดอีกคนพูดเสริมขึ้น
ในสระว่ายน้ำขนาดมาตราฐาน ร่างสูงที่ถูกนินทากำลังว่ายไปหยุดที่อีกฝั่ง มือยาวเรียวแต่ทว่าแข็งแรงยึดอยู่ที่ขอบสระ ผมหนาดกดำเวลานี้เปียกลู่ หยดน้ำพราวเกาะอยู่เต็มใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ชายหนุ่มหยุดหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยเพราะว่ายน้ำกลับไปมาอยู่หลายรอบเหมือนต้องการระบายอารมณ์ที่สับสนตีกันยุ่งเหยิงในใจเขาในเวลานี้
นี่เขาทำอะไรลงไป ทำไม! ทำไมเขาถึงไม่หนักแน่น ทำไมถึงหักห้ามใจไม่ได้ ชายหนุ่มนึกโกรธตัวเอง แล้วมือข้างขวาก็ถูกกำเข้าหากันแน่นพร้อมชกลงไปในน้ำหลายครั้ง ทำไม!! ทำไม!!
"ชัวร์เลย โมโหใครมาแน่นอน" ไลฟ์การ์ดคนเดิมพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้เห็นภาพนั้นของชายหนุ่ม
บนชั้นที่ 52 รัตติกาลนั่งครุ่นคิดอย่างหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ และแล้วมือบอบบางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาใครคนหนึ่ง
"กิ่ง ฉันเอง" หญิงสาวกรอกเสียงหวานไปหาปลายสาย
กิ่ง หรือ กิ่งกานดา เธอคือเพื่อนสนิทของรัตติกาลตั้งแต่สมัยประถม ทั้งสองสนิทสนมกันมาก จนกระทั่งเมื่อรัตติกาลต้องไปเรียนต่างประเทศ ทำให้ทั้งสองไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน
"อ้าว! รุ้ง! นี่แกยังไม่นอนอีกเหรอ ที่อเมริกาก็ดึกมากแล้วนะตอนนี้" กิ่งกานดาเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
"ฉันกลับมาเมืองไทยแล้ว" หญิงสาวคลายความสงสัยให้กับเพื่อนรัก
"ห๊ะ!! นี่แกกลับมาเมืองไทยโดยไม่บอกฉันเนี่ยนะ?!" กิ่งโต้กลับด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ
"ก็ฉันอยากเซอร์ไพรส์แกไงล่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้เลยนะ แกว่างมั้ย มารับฉันหน่อยสิ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงแรมของคุณแม่ มารับฉันหน่อยนะ"
"แกเป็นอะไรหรือเปล่ารุ้ง เสียงแกฟังดูไม่ค่อยดีเลยอ่ะ" เธอถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
"เถอะน่า มารับฉันก่อน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง" รัตติกาลรบเร้า
"โอเคๆ งั้นรอฉันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปรับ"
"ขอบใจมากแก" รัตติกาลวางสายจากเพื่อนรัก พร้อมกับยกมือเรียวงามขึ้นกดบริเวณขมับทั้งสองข้างอย่างอ่อนล้า เพียงครู่หญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าสะพายใบงามคล้องที่ไหล่แล้วเดินตรงไปยังประตูห้องเบื้องหน้า
"คุณสายสมรคะ รุ้งรบกวนช่วยบอกพี่ภีมทีนะคะ ว่ารุ้งออกไปทานข้าวกับเพื่อน ไม่ต้องรอ เดี๋ยวรุ้งจะกลับบ้านเองค่ะ" หญิงสาวเอ่ยกับเลขาท่านประธาน
"ได้ค่ะคุณรุ้ง แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ" สายสมรตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้างให้บุตรสาวเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
สี่โมงเย็น
ภายในห้องทำงานที่ไร้เงาของรัตติกาล ภูริภัทรก็เหวี่ยงปากกาในมือลงพื้นอย่างหมดความอดทน สมาธิในการทำงานไม่มีเอาเสียเลย เมื่อเขากลับขึ้นมายังห้องทำงานแล้วได้รับการรายงานจากผู้เป็นเลขาหน้าห้อง ว่ารัตติกาลออกไปทานข้าวกับเพื่อน เพื่อนงั้นเหรอ? ผู้ชายหรือผู้หญิง? แล้วไปที่ไหน? ชายหนุ่มไม่สามารถทนเก็บความสงสัยนั้นต่อไปได้ เขาหันหน้าเข้าหาจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วเปิดโปรแกรมบางอย่างขึ้นมา เขารู้ว่าเขาไม่ควรทำอย่างนี้ แต่เขาทนทรมานไม่ไหวแล้วจริงๆ
ณ. ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางใจเมือง ภายในร้านอาหารอิตาเลียนหรู
"แค้ก! แค้ก! แค้ก!" เสียงไอของกิ่งกานดาที่สำลักน้ำมะนาวโซดาที่เพิ่งยกขึ้นดื่มเป็นอึกแรก
"แกว่าไงนะรุ้ง พูดอีกทีสิ สงสัยหูฉันจะเพี้ยน" กิ่งเอ่ยขึ้นหลังจากอาการแสบคอทุเลาลง
รัตติกาลกรอกตาคู่หวานขึ้นด้านบนอย่างอ่อนใจ
"หูแกไม่เพี้ยนหรอก ก็อย่างที่แกได้ยินนั่นแหละ" หญิงสาวตอบเพื่อนรักที่นั่งทำตาโตยิ่งกว่าไข่ห่านอยู่ในเวลานี้
"แกบอกฉันว่า แกรู้สึกกับพี่ภีมมากกว่าพี่ชาย?! ยังไงอ่ะเพื่อน ก็แกกับพี่ภีมเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ" กิ่งกานดาถามอย่างรู้สึกสับสน
"แกก็รู้ว่าฉันกับเขาไม่ได้เป็นพี่น้องกันทางสายเลือดสักหน่อย" รัตติกาลแก้
"อืม... จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย" "แล้วพี่ภีมเขา... เขาคิดยังไงอ่ะแก" กิ่งถามต่อ
"ฉันก็ไม่รู้" หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วเรียวขึ้นลูบริมฝีปากบางอย่างลืมตัวเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับเธอก่อนหน้า เขาทำอย่างนั้นเพราะอะไร เพราะความโกรธอย่างเดียวงั้นหรือ มันมีความรู้สึกอื่นแฝงอยู่ด้วยบ้างมั้ยนะ หญิงสาวใคร่รู้
"รุ้ง! รุ้ง!" กิ่งกานดาเรียกชื่อเพื่อนสาวที่นั่งตรงข้ามกับเธอพร้อมกับทำตาโตด้วยความตกใจเหมือนกำลังเห็นสิ่งมหัศจรรย์
"อะไรยัยกิ่ง? เรียกทำไม?" หญิงสาวที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ความคิด ถามด้วยความแปลกใจในท่าทีของเพื่อนรัก
กิ่งกานดาไม่ได้พูดตอบเธออย่างใด แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นไปทางด้านหลังของรัตติกาล หญิงสาวหันดวงหน้าหวานมองไปตามทิศทางที่เพื่อนพยายามจะสื่อ แล้วเธอก็ต้องอ้าปากค้าง
"สวัสดีครับน้องกิ่ง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" และแล้วชายหนุ่มก็คลายความสงสัยให้กับตัวเองได้แล้ว ว่าเพื่อนที่รัตติกาลออกมาหาคือใคร นั่นสิ! ทำไมเขาถึงเดาไม่ออกนะ ว่าน่าจะเป็นกิ่งกานดา เพื่อนที่รัตติกาลสนิทด้วยมากๆ ถึงขนาดเข้าออกคฤหาสน์ตรีกีรติอยู่บ่อยๆ เขาจึงได้พบเจอกิ่งกานดาอยู่หลายครั้ง
"เอ่อ.. สะ.. สวัสดีค่ะพี่ภีม" กิ่งกานดาเอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างมีพิรุธ นั่นเพราะเธอเพิ่งได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากเพื่อนสาวตรงหน้า เธอจึงรู้สึก ทำตัวไม่ถูก เมื่อต้องเผชิญหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
"พี่ภีมมาที่นี่ได้ยังไงคะ?" รัตติกาลเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจอย่างเหลือล้น
"พี่ออกมาทำธุระแถวนี้น่ะครับ แล้วบังเอิญเห็นน้องรุ้งนั่งอยู่ตรงนี้พอดี" ภูริภัทรจำต้องปิดบังความจริง เขาจะบอกเธอได้ยังไงว่าที่เขาเจอเธอที่นี่ นั่นเป็นเพราะเขาตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวมา ต้องนึกขอบคุณเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความสงสัยของรัตติกาลกำลังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมดุของอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบที่เขาให้กับเธอ
"เอ่อ... นี่ยัยรุ้ง! พอดีฉันนึกขึ้นมาได้ว่าต้องไปทำธุระให้คุณแม่อ่ะ เดี๋ยวฉันต้องกลับก่อนนะ ยังไงกิ่งต้องรบกวนพี่ภีมรับยัยรุ้งกลับบ้านไปด้วยเลยได้มั้ยคะ?" กิ่งกานดาเอ่ยขึ้นกับเพื่อนรัก พร้อมทั้งหันไปฝากรัตติกาลกับชายหนุ่ม เพราะเธอคาดเดาจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ก็ต้องบอกกับตัวเองว่า เธอควรจะปลีกตัวออกไปโดยเร็ว เพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ดูจะเพิ่มดีกรีความกระอักกระอ่วนในไม่ช้า
"ครับ เดี๋ยวพี่พาน้องรุ้งกลับบ้านเอง" ชายหนุ่มรับคำ
"งั้นฉันไปก่อนนะยัยรุ้ง ยังไงเดี๋ยวฉันโทรหานะแก" กิ่งกานดาหันมากล่าวกับหญิงสาวพร้อมกับลุกพรวดแล้วเดินห่างออกไป
"อ้าว! กิ่ง! กิ่ง! เดี๋ยว!" รัตติกาลพยายามเรียกเพื่อนรักที่ตอนนี้เดินพ้นอาณาเขตร้านอาหารไปเสียแล้ว
ภูริภัทรทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามหญิงสาวแทนที่กิ่งกานดา
"จะไปไหนมาไหน ทำไมไม่บอกพี่" ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อตอนนี้เหลือเพียงเธอกับเขา
หญิงสาวตวัดดวงตาคู่สวยขึ้นมองอย่างไม่พอใจเมื่อชายหนุ่มเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ
"พี่ภีมลืมไปหรือเปล่าคะ ว่ารุ้งไม่ใช่เด็ก 6-7 ขวบแล้ว รุ้งไปไหนมาไหนเองได้ค่ะ" หญิงสาวสวนกลับอย่างถือดี
ถ้าเธอเป็นเด็ก 6-7 ขวบก็ดีน่ะสิ เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึก เหมือนที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจในขณะที่สบสายตากับหญิงสาวตรงหน้า
"แต่คุณหญิงให้พี่เป็นคนดูแลน้องรุ้งนะครับ น้องรุ้งหายไปแบบนี้ พี่จะเรียนคุณหญิงว่ายังไง" ชายหนุ่มพยายามอธิบายถึงเหตุผล
รัตติกาลสะบัดดวงหน้าสวยให้หันไปทางอื่นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นของชายหนุ่ม นี่สินะเหตุผล สิ่งที่เขาทำ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันเป็นเพียงงาน เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ เพียงแค่คิดกระบอกตาของเธอก็รู้สึกร้อนผ่าวด้วยความน้อยใจ
"รุ้งถามจริงๆ เถอะค่ะพี่ภีม ในชีวิตนี้ พี่ภีมเคยทำอะไรที่ใจพี่ภีมอยากจะทำบ้างมั้ยคะ?" หญิงสาวเอ่ยถาม เธออยากจะรู้เหลือเกินว่า สิ่งที่เขากระทำกับเธอในห้องทำงานในวันนี้ มันเป็นสิ่งที่ใจเขาต้องการหรือเปล่า
ชายหนุ่มหลบตาเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น
"นี่ก็เย็นมากแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะนะครับ" ชายหนุ่มพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่ค่ะ รุ้งยังไม่อยากกลับ ถ้าพี่ภีมอยากกลับก็กลับไปก่อนได้เลยค่ะ รุ้งดูแลตัวเองได้ หรือถ้าพี่ภีมกลัวที่จะต้องตอบคำถามคุณแม่ เดี๋ยวรุ้งจะโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่เองค่ะว่ารุ้งจะกลับดึก" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความดื้อดึง
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า รัตติกาลเป็นผู้ชนะอีกเช่นเคยเมื่อชายหนุ่มต้องยอมตามใจคนที่เอาแต่ใจตรงหน้า
"น้องรุ้งจะไปไหน เดี๋ยวพี่พาไปครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับเธอในที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ