Kiss Me and Smile For Me รักนะนายแกล้งจุ๊บ
8.7
เขียนโดย whitecat
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.19 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,408 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559 00.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) chapter 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทำไมต้องทอดทิ้งพวกเรา...พ่อคับ แม่คับ เจครอป นั่นน้องจะไปไหน พ่อคับพ่อจะไปไหน แม่พ่อจะไปไหน ได้โปรดดด อย่าพึ่งไป!! แม่คับ!! พ่อคับบบบบ!! เจครอป!!
"กัสตื่น กัส!! ไอกัสสสสส!!" หื้มม เสียงใครน่ะ ใครเรียกผม เสียงแหลมๆ เล็กๆ คุ้นๆ เสียงเหมือนเคยได้ยิน
"ใคร..." ผมพูดออกไป
"ฉันเอง บารอน พี่สาวแกไง ลุกได้แล้ววว" ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ผมค่อยๆเลื่อนมองจากต้นขาเรียวขาวๆ ขึ้นไปถึงเอวคอดได้สัดส่วน ขึ้นไปถึงใบหน้าที่แสนคม ที่มีเอกลักษณ์ที่บอกได้ทันทีว่าเป็นลูกครึ่ง...
"อ่าว...พี่รอนมีอะไรหรอพี่ มาปลุกแต่เช้าเชียว" ผมพูดพลางขยี้ตาแล้วค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
"เช้าบ้าอะไรล่ะ!!! นี่มันจะเย็นแล้ว!! แหกตาดูเวลาซะ" พี่บารอนพูดพร้อมโยนนาฬิกามาให้ผม
"โอ้ย ให้ดีดีก็ได้ไม่เห็นต้องโยนเลย" ผมพูดพร้อมยกนาฬิกาเรือนเล็กขึ้นดู.........
"เห๊ยยยยย!!! 5 โมงแล้วหรอเนี้ยยย!! ไม่ทันแล้วๆๆ ตายแน่ ทำไมพี่ไม่ปลุกผมละ" ผมถามพี่บารอนพร้อมวิ่งลุกลี้ลุกลนออกจากที่นอน และรีบหยิบชุดที่พี่บารอนเตรียมไว้ให้ ก่อนจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที
"ฉันปลุกแกจะรอบที่ร้อยอยู่แล้ว เอ้า..เร็วๆและรีบมากินข้าวซะ!!" ผมได้ยินพี่บารอนพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเป็นเสียงประตูค่อยๆปิดลง
ผมชื่อ ออกัส อายุแค่ 16 ปี มีพี่สาวชื่อบารอน เราสองคนมีอายุห่างกันแค่สองปี พ่อแม่ของพวกเราเกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์เสียชีวิตไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็อยู่ในรถด้วยและมีน้องชายอีกหนึ่งคนที่อยู่ด้วยชื่อ เจครอป น้องอายุแค่ 9 ปี เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผมและพี่บารอนจำฝั่งใจ
เป็นภาพของพวกเราที่กำลังมีความสุขก่อนที่จะมีก้อนหินปิศนาที่เหมือนมีคนจงใจโยนมา ก้อนหินนั้นได้โดนหน้าพ่อของผมซึ่งเป็นคนขับอย่างจัง ทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งลงในน้ำครองข้างทาง น้ำไหลเข้ามาในรถและเสียงของเจครอปที่ร้องไห้ด้วยความกลัว และแม่ที่เอาแต่ร้องไห้และกอดพ่อ พี่บารอนได้แต่รีบเคาะหน้าต่าง และบอกให้ผมพยายามเปิดประตูหรือทุบกระจกเพื่อเป็นทางออก น้ำเริ่มไหลเข้ามามากขึ้นจนท่วมหัว ผมทุบกระจกได้และก้อพยายามรีบดันตัวออกเหมือนเป็นสันชาตญาณ และผมก็ว่ายมาช่วยพี่บารอน แต่พี่บารอนกลับชี้ไปทางแม่และพ่อที่เบาะหน้า ผมก็ไม่รอช้าที่จะว่ายไปช่วยท่านทั้งสองแต่เมื่อผมเห็นภาพของท่านวินาทีนั้นผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง...ด้วยความที่อยุ่ในน้ำเป็นเวลานาน ผมเริ่มไม่มีอากาศหายใจ ผมเลยรีบว่ายขึ้นเหนือน้ำและกลับลงไปอีกครั้ง ผมเห็นพี่บารอนออกมาได้แล้วและพยายามอุ้มเจครอปออกมา แต่ผมเห็นทีท่าของพี่บารอนที่จะว่ายไปช่วยพ่อกับแม่ ผมจึงรีบว่ายไปดึงเธอไว้และอุ้มน้องเจครอปว่ายสู่ด้านบน ผมว่ายไปเกือบถึงด้านบนของน้ำ ผมได้หันมามองพี่บารอนและเจครอป ผมเห็นทั้งคู่ได้หลับตานิ่งไปแล้ว วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าโดดเดี่ยวมาก แต่อยู่ๆก็มีคนจำนวนมากกระโดดลงมาจากด้านบนแล้วมาค่อยๆดึงตัวพวกเราขึ้นไป..............หลังจากขึ้นมาได้ ผมก็เหนผู้คนมากมายมารุ่มดูและรถกู้ภัยและตำรวจ เจ้าหน้าที่เริ่มปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับพี่บารอนและเจครอป พี่บารอนสำรักน้ำออกและฝืนขึ้นมา โวยวายเรียกหาเจครอป ผม และพ่อกับแม่ เจครอปฝืนแล้วแต่ตัวซีดและหายใจแผ่วๆ พร้อมนั่งสั่นก่อนทีพวกเจ้าหน้าที่จะพาส่งไปโรงพยาบาล ส่วนผมเจ้าหน้าที่จะนำส่งโรงพยาบาลเช่นกันเพราะเห็นอาการช๊อคของผม แต่ผมขัดขืนของดูพี่บารอน พี่บารอนพยายามที่จะกระโดดน้ำลงไปช่วยพ่อและแม่ต่อ แต่พวกเจ้าหน้าที่ดึงตัวเธอไว้ และผมก็เดินเข้าไปบอกพี่บารอนว่า..."พี่ช่วยพวกท่านไม่ทันแล้วแหละ" และผมก็ได้เล่าให้พี่เขาฟังว่า ตอนที่ผมว่ายไปจะช่วยท่านนั้น ผมเห็นแม่กอดพ่อแน่น และหันมายิ้มให้ผมครั้งสุดท้ายและขยับปากได้ใจความว่า "ฝากดูแลพี่บารอนกับน้องด้วย" พูดจบแม่ก็ฟุบหน้าเข้ากับร่างพ่อและนิ่งไป พอพี่บารอนได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับเข่าอ่อน และร้องไห้โฮปางจะขาดใจตาย ผมเห็นแล้วก็อดกันน้ำตาที่มีไว้ไม่อยู่เช่นกัน....หลังจากนั้นไม่กี่ ชม.พวกเจ้าหน้าที่ก็นำรถของพ่อขึ้นมาได้ และในรถนั้นก็เจอศพพ่อและแม่ สภาพที่เห็นคือร่างของทั้งคู่กอดกันเหมือนคู่รักตอนที่ยังมีลมหายใจ....
ณ. โรงบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงไหม่
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจในห้องฉุกเฉิน ร่างของเจครอปเด็กชายที่เป็นเหมือนเสียงหัวเราะของครอบครัวตอนนี้นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนินทา...พี่บารอนได้แต่ยืนมองและร่ำไห้ และพูดเพียงว่าเมื่อไรเจครอปจะฝืน
ตี๊ดดดดดดดดดด ตี๊ดดดดดดด อยู่ๆเครื่องวัดคลืนหัวใจก็ดัง พยาบาลและหมอต่างรีบวิ่งเข้าไปยืนอยู่รอบเตียงที่เจครอปนอนอยู่ พี่บารอนร้องไห้หนักกว่าเก่า และหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนพี่แกจะรู้อะไรเข้าแล้ว และผมก็มีรางสังหรบางอย่าง และรางสังหรนั้นก็ถูกต้อง เมื่อมองเห็นเครื่องวัดคลื่นหัวใจของเจครอปเป็นเส้นตรงยาว พี่บารอนร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจตายมากๆ และคุณหมอก็เดินมาบอก ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตข่าวนั้นคือ น้องเจครอปได้จากผมและพี่บารอนไปอีกคนแล้ว พี่บารอนกอดผมแน่นและร้องไห้ออกมาไม่หยุด........ค่ำคืนอันโหดร้ายของพวกเราก็ได้จบลง แต่ต้องมาเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างทุกทรมานอีก หลังจากนั้นพี่บารอนก็ออกทำงานและส่งผมเรียนหนังสือจนเราทั้งคู่ผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายมาได้.......
ติดตามตอนต่อไป
"กัสตื่น กัส!! ไอกัสสสสส!!" หื้มม เสียงใครน่ะ ใครเรียกผม เสียงแหลมๆ เล็กๆ คุ้นๆ เสียงเหมือนเคยได้ยิน
"ใคร..." ผมพูดออกไป
"ฉันเอง บารอน พี่สาวแกไง ลุกได้แล้ววว" ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า ผมค่อยๆเลื่อนมองจากต้นขาเรียวขาวๆ ขึ้นไปถึงเอวคอดได้สัดส่วน ขึ้นไปถึงใบหน้าที่แสนคม ที่มีเอกลักษณ์ที่บอกได้ทันทีว่าเป็นลูกครึ่ง...
"อ่าว...พี่รอนมีอะไรหรอพี่ มาปลุกแต่เช้าเชียว" ผมพูดพลางขยี้ตาแล้วค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
"เช้าบ้าอะไรล่ะ!!! นี่มันจะเย็นแล้ว!! แหกตาดูเวลาซะ" พี่บารอนพูดพร้อมโยนนาฬิกามาให้ผม
"โอ้ย ให้ดีดีก็ได้ไม่เห็นต้องโยนเลย" ผมพูดพร้อมยกนาฬิกาเรือนเล็กขึ้นดู.........
"เห๊ยยยยย!!! 5 โมงแล้วหรอเนี้ยยย!! ไม่ทันแล้วๆๆ ตายแน่ ทำไมพี่ไม่ปลุกผมละ" ผมถามพี่บารอนพร้อมวิ่งลุกลี้ลุกลนออกจากที่นอน และรีบหยิบชุดที่พี่บารอนเตรียมไว้ให้ ก่อนจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที
"ฉันปลุกแกจะรอบที่ร้อยอยู่แล้ว เอ้า..เร็วๆและรีบมากินข้าวซะ!!" ผมได้ยินพี่บารอนพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเป็นเสียงประตูค่อยๆปิดลง
ผมชื่อ ออกัส อายุแค่ 16 ปี มีพี่สาวชื่อบารอน เราสองคนมีอายุห่างกันแค่สองปี พ่อแม่ของพวกเราเกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์เสียชีวิตไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็อยู่ในรถด้วยและมีน้องชายอีกหนึ่งคนที่อยู่ด้วยชื่อ เจครอป น้องอายุแค่ 9 ปี เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผมและพี่บารอนจำฝั่งใจ
เป็นภาพของพวกเราที่กำลังมีความสุขก่อนที่จะมีก้อนหินปิศนาที่เหมือนมีคนจงใจโยนมา ก้อนหินนั้นได้โดนหน้าพ่อของผมซึ่งเป็นคนขับอย่างจัง ทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งลงในน้ำครองข้างทาง น้ำไหลเข้ามาในรถและเสียงของเจครอปที่ร้องไห้ด้วยความกลัว และแม่ที่เอาแต่ร้องไห้และกอดพ่อ พี่บารอนได้แต่รีบเคาะหน้าต่าง และบอกให้ผมพยายามเปิดประตูหรือทุบกระจกเพื่อเป็นทางออก น้ำเริ่มไหลเข้ามามากขึ้นจนท่วมหัว ผมทุบกระจกได้และก้อพยายามรีบดันตัวออกเหมือนเป็นสันชาตญาณ และผมก็ว่ายมาช่วยพี่บารอน แต่พี่บารอนกลับชี้ไปทางแม่และพ่อที่เบาะหน้า ผมก็ไม่รอช้าที่จะว่ายไปช่วยท่านทั้งสองแต่เมื่อผมเห็นภาพของท่านวินาทีนั้นผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง...ด้วยความที่อยุ่ในน้ำเป็นเวลานาน ผมเริ่มไม่มีอากาศหายใจ ผมเลยรีบว่ายขึ้นเหนือน้ำและกลับลงไปอีกครั้ง ผมเห็นพี่บารอนออกมาได้แล้วและพยายามอุ้มเจครอปออกมา แต่ผมเห็นทีท่าของพี่บารอนที่จะว่ายไปช่วยพ่อกับแม่ ผมจึงรีบว่ายไปดึงเธอไว้และอุ้มน้องเจครอปว่ายสู่ด้านบน ผมว่ายไปเกือบถึงด้านบนของน้ำ ผมได้หันมามองพี่บารอนและเจครอป ผมเห็นทั้งคู่ได้หลับตานิ่งไปแล้ว วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าโดดเดี่ยวมาก แต่อยู่ๆก็มีคนจำนวนมากกระโดดลงมาจากด้านบนแล้วมาค่อยๆดึงตัวพวกเราขึ้นไป..............หลังจากขึ้นมาได้ ผมก็เหนผู้คนมากมายมารุ่มดูและรถกู้ภัยและตำรวจ เจ้าหน้าที่เริ่มปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับพี่บารอนและเจครอป พี่บารอนสำรักน้ำออกและฝืนขึ้นมา โวยวายเรียกหาเจครอป ผม และพ่อกับแม่ เจครอปฝืนแล้วแต่ตัวซีดและหายใจแผ่วๆ พร้อมนั่งสั่นก่อนทีพวกเจ้าหน้าที่จะพาส่งไปโรงพยาบาล ส่วนผมเจ้าหน้าที่จะนำส่งโรงพยาบาลเช่นกันเพราะเห็นอาการช๊อคของผม แต่ผมขัดขืนของดูพี่บารอน พี่บารอนพยายามที่จะกระโดดน้ำลงไปช่วยพ่อและแม่ต่อ แต่พวกเจ้าหน้าที่ดึงตัวเธอไว้ และผมก็เดินเข้าไปบอกพี่บารอนว่า..."พี่ช่วยพวกท่านไม่ทันแล้วแหละ" และผมก็ได้เล่าให้พี่เขาฟังว่า ตอนที่ผมว่ายไปจะช่วยท่านนั้น ผมเห็นแม่กอดพ่อแน่น และหันมายิ้มให้ผมครั้งสุดท้ายและขยับปากได้ใจความว่า "ฝากดูแลพี่บารอนกับน้องด้วย" พูดจบแม่ก็ฟุบหน้าเข้ากับร่างพ่อและนิ่งไป พอพี่บารอนได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับเข่าอ่อน และร้องไห้โฮปางจะขาดใจตาย ผมเห็นแล้วก็อดกันน้ำตาที่มีไว้ไม่อยู่เช่นกัน....หลังจากนั้นไม่กี่ ชม.พวกเจ้าหน้าที่ก็นำรถของพ่อขึ้นมาได้ และในรถนั้นก็เจอศพพ่อและแม่ สภาพที่เห็นคือร่างของทั้งคู่กอดกันเหมือนคู่รักตอนที่ยังมีลมหายใจ....
ณ. โรงบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงไหม่
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจในห้องฉุกเฉิน ร่างของเจครอปเด็กชายที่เป็นเหมือนเสียงหัวเราะของครอบครัวตอนนี้นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนินทา...พี่บารอนได้แต่ยืนมองและร่ำไห้ และพูดเพียงว่าเมื่อไรเจครอปจะฝืน
ตี๊ดดดดดดดดดด ตี๊ดดดดดดด อยู่ๆเครื่องวัดคลืนหัวใจก็ดัง พยาบาลและหมอต่างรีบวิ่งเข้าไปยืนอยู่รอบเตียงที่เจครอปนอนอยู่ พี่บารอนร้องไห้หนักกว่าเก่า และหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนพี่แกจะรู้อะไรเข้าแล้ว และผมก็มีรางสังหรบางอย่าง และรางสังหรนั้นก็ถูกต้อง เมื่อมองเห็นเครื่องวัดคลื่นหัวใจของเจครอปเป็นเส้นตรงยาว พี่บารอนร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจตายมากๆ และคุณหมอก็เดินมาบอก ข่าวร้ายที่สุดในชีวิตข่าวนั้นคือ น้องเจครอปได้จากผมและพี่บารอนไปอีกคนแล้ว พี่บารอนกอดผมแน่นและร้องไห้ออกมาไม่หยุด........ค่ำคืนอันโหดร้ายของพวกเราก็ได้จบลง แต่ต้องมาเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างทุกทรมานอีก หลังจากนั้นพี่บารอนก็ออกทำงานและส่งผมเรียนหนังสือจนเราทั้งคู่ผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายมาได้.......
ติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ