Love Return ขอพิชิตใจเธออีกครั้ง
8.0
เขียนโดย pimlovely_pm
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.53 น.
33 ตอน
0 วิจารณ์
34.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ออกจากชีวิตกันและกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากวันที่พี่ไวท์เดินออกจากชีวิตฉันไป ฉันก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเลยเราทั้งสองไม่ได้เจอกันอีกเลยนี่มันก็หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอกัน ฉันเอาแต่นั่งคิดถึงพี่ไวท์ไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่เราเคยทำร่วมกัน เดินไปตรงไหนก็เห็นแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเราทั้งสอง
เรื่องของพ่อแม่ฉันก็จบลงคดีถูกปิดลงอย่างเป็นธรรมตำรวจแจ้งมาทีหลังว่าพี่เฟรมมีอาการทางจิตหรือเรียกง่ายๆก็คือเป็นบ้าแต่เวลาอยู่กับพวกเราพี่เฟรมก็ไม่เคยแสดงอาการใดๆเลย แถมตำรวจยังบอกอีกว่าพี่เฟรมมีคดีที่ก่อไว้หลายอย่างน่าทึ้งใช่มั้ยล่ะคนหล่อๆอย่างนั้นกลายเป็นคนบ้าดีนะฉันไม่ได้ไปหลงรักพี่เฟรม
“ฝัน…ฝัน…ยัยฝัน!” คนข้างๆตะโกนเรียกฉันที่เอาแต่นั่งเหม่อในโรงอาหารพี่ลีนั่นเอง
“เป็นอะไรเนี่ยเราเหม่อทุกวันช่วงนี้” พี่เบลล์ที่นั่งตรงข้ามฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสติฉันกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแต่ยิ้มกลับไป แต่มันเป็นยิ้มที่เฝื่อนๆแบบไม่ได้ตั้งใจยิ้ม
ทานข้าวเสร็จฉันก็ขอตัวออกมาก่อน ฉันมุ่งตรงไปที่ร้านขายขนมแล้วก็ไปซื้อช็อกโกแลตขนมที่พี่ไวท์อดทนไม่กินมานานฉันตั้งใจจะเอามันไปให้พี่ไวท์เผื่อเราจะได้คุยกันบ้างอีกอย่างฉันก็อยากเจอหน้าพี่ไวท์อีกครั้ง
ฉันซื้อเสร็จมุ่งตรงไปที่ห้องเรียนพี่ไวท์ซึ่งตอนนี้ที่ระเบียงก็มีผู้คนอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆ
“อ้าปากๆ” เสียงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องพี่ไวท์เมื่อแอบมองดูก็เจอกับคริสตัลที่กำลังถือช้อนพร้อมด้วยข้าวที่ตั้งอยู่พี่ไวท์ก็นั่งอยู่ข้างๆด้วย แถมยังอ้าปากกินอย่างว่าง่ายนี่สินะเหตุผลที่พี่ไวท์เดินออกจากชีวิตฉันและไม่ยอมคุยไม่ยอมมาให้เห็นหน้าเลย
ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องฉันไม่ยอมให้ยัยนั่นมีความสุขกับพี่ไวท์หรอก “ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันร้องทักขึ้นทั้งสองคนพร้อมใจกันหันมามองที่ฉันเป็นจุดเดียว
“เธออีกแล้วเหรอ จะมาอีกทำไม” ยัยนกหงส์หยกบ้านั่นพูดอย่างหัวเสีย
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้” ไม่รอช้าฉันเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นทันที
“จะมาแทรกทำไมที่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะเธอนี่!”
“ก็อยากนั่งตรงนี้อ่ะจะทำไม”
“เอ่อ…งั้นฉันไปก่อนนะ” พี่ไวท์พยายามจะหนีหน้าฉันอีกแล้ว
“พี่ไวท์จะไปไหน” ฉันพูดขึ้นแล้วจับมือเขาเอาไว้โดยที่เขายืนฉันนั่งมันเหมือนกับฉันมาร้องขอโอกาสอะไรซักอย่างซึ่งฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย
พี่ไวท์ไม่ตอบเพียงแต่สะบัดมือฉันออกอย่างแรง มันทำให้มือฉันถูกกับขอบโต๊ะอย่างจัง นี่ฉันอุตส่าห์เข้ามาพูดด้วยเข้ามาง้อแต่เขากลับทำแบบนี้กับฉันเหรอเรื่องยัยนั่นฉันก็พยายามไม่โกรธแล้ว แล้วยังมาทำแบบนี้กับฉันอีกใจฉันไม่ใช่หินนะที่จะทนได้ตลอดแบบนี้ เขาทำอะไรไม่เคยนึกถึงใจฉันเลย
“โอเค…ฝันเข้าใจแล้ว พี่ไม่ต้องไปไหนหรอกฝันไปเอง ฝันจะออกไปจากชีวิตพี่” ฉันวางช็อกโกแลตที่ตั้งใจจะเอามาให้ไว้ที่โต๊ะตรงหน้า แล้วลุกเดินออกจากตรงนั้นพร้อมด้วยน้ำตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด ทรมานอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตนี้
“ฝันเสร็จยังลูกเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” ป้านิ่มตะโกนขึ้นมายังห้องฉันจากข้างล่าง
ป้านิ่มชวนเราสองคนพี่น้องกลับไปที่ไทยนี่ก็ครบหนึ่งเดือนตามที่ป้านิ่มบอกแล้วตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่ไปหรอกแต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วกลับไปไทยบ้างก็ดีนี่ก็หกเดือนแล้วที่ไม่ได้กลับไปเลย พอฉันความจำเสื่อมคราวนั้นก็ต้องย้ายไปอยู่ไทยแต่ด้วยความที่ฉันไม่ชินกับโรงเรียนที่ไทยซักเท่าไหร่เลยขอป้านิ่มย้ายกลับไปเรียนที่อังกฤษต่อ
เราทั้งหมดเดินออกจากบ้านพร้อมกันป้านิ่มเดินไปล็อคประตูบ้านแล้วช่วยกันยกของใส่ในรถพี่ลี พี่ลีจะเอารถไปจอดไว้ที่สนามบินเวลากลับมาที่นี่อีกจะได้ไม่ต้องลำบากใครให้ไปรับ รถเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้านจอดรอป้านิ่มที่กำลังล็อคประตูรั้วอยู่
สนามบินดอนเมือง…
หลังจากที่นั่งเครื่องบินมานานหลายชั่วโมงก็ถึงไทยซักทีเราทั้งสามเดินออกมารอรถมารับหน้าสนามบิน เมื่อรถมาถึงคนขับรถก็ยกของทุกอย่างเข้าไปในรถเราเริ่มต้นเดินทางอีกครั้งเช้าที่สดใสแดดจ้าฉันไม่ได้เห็นบรรยากาศพวกนี้มานานแล้ว
บ้านหลังใหญ่ไม่ใช่สินี่มันคฤหาสน์หลังเดิมที่คุ้นเคยรั้วที่เปิดปิดอัตโนมัติ สนามหญ้าใหญ่ๆ บ้านหลังสีขาวลวดลายสีทองนั่นฉันคิดถึงมันเหลือเกิน
ข้างในที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมาย บันไดที่ฉันชอบวิ่งเล่นตอนเด็กๆ ห้องดนตรีที่ฉันเคยเข้าไปป่วนพี่ลี ห้องสมุดเล็กๆที่ฉันชอบอยู่ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ห้องนอนของฉันที่ไม่มีของใดๆเคลื่อนย้ายแถมมันยังคงใหม่เอี่ยมไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิด ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย
ฉันทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆที่แสนจะคุ้นเคยแล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เรื่องของพ่อแม่ฉันก็จบลงคดีถูกปิดลงอย่างเป็นธรรมตำรวจแจ้งมาทีหลังว่าพี่เฟรมมีอาการทางจิตหรือเรียกง่ายๆก็คือเป็นบ้าแต่เวลาอยู่กับพวกเราพี่เฟรมก็ไม่เคยแสดงอาการใดๆเลย แถมตำรวจยังบอกอีกว่าพี่เฟรมมีคดีที่ก่อไว้หลายอย่างน่าทึ้งใช่มั้ยล่ะคนหล่อๆอย่างนั้นกลายเป็นคนบ้าดีนะฉันไม่ได้ไปหลงรักพี่เฟรม
“ฝัน…ฝัน…ยัยฝัน!” คนข้างๆตะโกนเรียกฉันที่เอาแต่นั่งเหม่อในโรงอาหารพี่ลีนั่นเอง
“เป็นอะไรเนี่ยเราเหม่อทุกวันช่วงนี้” พี่เบลล์ที่นั่งตรงข้ามฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสติฉันกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแต่ยิ้มกลับไป แต่มันเป็นยิ้มที่เฝื่อนๆแบบไม่ได้ตั้งใจยิ้ม
ทานข้าวเสร็จฉันก็ขอตัวออกมาก่อน ฉันมุ่งตรงไปที่ร้านขายขนมแล้วก็ไปซื้อช็อกโกแลตขนมที่พี่ไวท์อดทนไม่กินมานานฉันตั้งใจจะเอามันไปให้พี่ไวท์เผื่อเราจะได้คุยกันบ้างอีกอย่างฉันก็อยากเจอหน้าพี่ไวท์อีกครั้ง
ฉันซื้อเสร็จมุ่งตรงไปที่ห้องเรียนพี่ไวท์ซึ่งตอนนี้ที่ระเบียงก็มีผู้คนอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆ
“อ้าปากๆ” เสียงดังเล็ดลอดออกมาจากห้องพี่ไวท์เมื่อแอบมองดูก็เจอกับคริสตัลที่กำลังถือช้อนพร้อมด้วยข้าวที่ตั้งอยู่พี่ไวท์ก็นั่งอยู่ข้างๆด้วย แถมยังอ้าปากกินอย่างว่าง่ายนี่สินะเหตุผลที่พี่ไวท์เดินออกจากชีวิตฉันและไม่ยอมคุยไม่ยอมมาให้เห็นหน้าเลย
ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องฉันไม่ยอมให้ยัยนั่นมีความสุขกับพี่ไวท์หรอก “ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันร้องทักขึ้นทั้งสองคนพร้อมใจกันหันมามองที่ฉันเป็นจุดเดียว
“เธออีกแล้วเหรอ จะมาอีกทำไม” ยัยนกหงส์หยกบ้านั่นพูดอย่างหัวเสีย
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้” ไม่รอช้าฉันเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นทันที
“จะมาแทรกทำไมที่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะเธอนี่!”
“ก็อยากนั่งตรงนี้อ่ะจะทำไม”
“เอ่อ…งั้นฉันไปก่อนนะ” พี่ไวท์พยายามจะหนีหน้าฉันอีกแล้ว
“พี่ไวท์จะไปไหน” ฉันพูดขึ้นแล้วจับมือเขาเอาไว้โดยที่เขายืนฉันนั่งมันเหมือนกับฉันมาร้องขอโอกาสอะไรซักอย่างซึ่งฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลย
พี่ไวท์ไม่ตอบเพียงแต่สะบัดมือฉันออกอย่างแรง มันทำให้มือฉันถูกกับขอบโต๊ะอย่างจัง นี่ฉันอุตส่าห์เข้ามาพูดด้วยเข้ามาง้อแต่เขากลับทำแบบนี้กับฉันเหรอเรื่องยัยนั่นฉันก็พยายามไม่โกรธแล้ว แล้วยังมาทำแบบนี้กับฉันอีกใจฉันไม่ใช่หินนะที่จะทนได้ตลอดแบบนี้ เขาทำอะไรไม่เคยนึกถึงใจฉันเลย
“โอเค…ฝันเข้าใจแล้ว พี่ไม่ต้องไปไหนหรอกฝันไปเอง ฝันจะออกไปจากชีวิตพี่” ฉันวางช็อกโกแลตที่ตั้งใจจะเอามาให้ไว้ที่โต๊ะตรงหน้า แล้วลุกเดินออกจากตรงนั้นพร้อมด้วยน้ำตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด ทรมานอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตนี้
“ฝันเสร็จยังลูกเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” ป้านิ่มตะโกนขึ้นมายังห้องฉันจากข้างล่าง
ป้านิ่มชวนเราสองคนพี่น้องกลับไปที่ไทยนี่ก็ครบหนึ่งเดือนตามที่ป้านิ่มบอกแล้วตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่ไปหรอกแต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วกลับไปไทยบ้างก็ดีนี่ก็หกเดือนแล้วที่ไม่ได้กลับไปเลย พอฉันความจำเสื่อมคราวนั้นก็ต้องย้ายไปอยู่ไทยแต่ด้วยความที่ฉันไม่ชินกับโรงเรียนที่ไทยซักเท่าไหร่เลยขอป้านิ่มย้ายกลับไปเรียนที่อังกฤษต่อ
เราทั้งหมดเดินออกจากบ้านพร้อมกันป้านิ่มเดินไปล็อคประตูบ้านแล้วช่วยกันยกของใส่ในรถพี่ลี พี่ลีจะเอารถไปจอดไว้ที่สนามบินเวลากลับมาที่นี่อีกจะได้ไม่ต้องลำบากใครให้ไปรับ รถเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้านจอดรอป้านิ่มที่กำลังล็อคประตูรั้วอยู่
สนามบินดอนเมือง…
หลังจากที่นั่งเครื่องบินมานานหลายชั่วโมงก็ถึงไทยซักทีเราทั้งสามเดินออกมารอรถมารับหน้าสนามบิน เมื่อรถมาถึงคนขับรถก็ยกของทุกอย่างเข้าไปในรถเราเริ่มต้นเดินทางอีกครั้งเช้าที่สดใสแดดจ้าฉันไม่ได้เห็นบรรยากาศพวกนี้มานานแล้ว
บ้านหลังใหญ่ไม่ใช่สินี่มันคฤหาสน์หลังเดิมที่คุ้นเคยรั้วที่เปิดปิดอัตโนมัติ สนามหญ้าใหญ่ๆ บ้านหลังสีขาวลวดลายสีทองนั่นฉันคิดถึงมันเหลือเกิน
ข้างในที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมาย บันไดที่ฉันชอบวิ่งเล่นตอนเด็กๆ ห้องดนตรีที่ฉันเคยเข้าไปป่วนพี่ลี ห้องสมุดเล็กๆที่ฉันชอบอยู่ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ห้องนอนของฉันที่ไม่มีของใดๆเคลื่อนย้ายแถมมันยังคงใหม่เอี่ยมไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิด ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย
ฉันทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆที่แสนจะคุ้นเคยแล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ