ภรรยาสายแข็ง
เขียนโดย tidadin
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ตอนที่ 3 เกลือจิ้มเกลือ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3 เกลือจิ้มเกลือ 3
“วันที่ 9 เดือน พฤษภาคม เป็นวันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานมงคล”
“หา!” ปรัตถกรอุทานขึ้นเสียงหลงตอนนี้เดือนกุมภาพันธ์ก็เหลือเพียงสามเดือนเท่านั้นน่ะสิ “ทำไมมันเร็วจังเลยครับหลวงพ่อผมว่าเอาฤกษ์ที่ช้ากว่านี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวเตรียมงานไม่ทัน เอาฤกษ์อีกสักห้าสิบปีค่อยแต่งก็ได้”
“แกช่วยไปขุดกระดูกฉันขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอเจ้าสาวให้แกแล้วกันนะตากร ถ้าจะนานขนาดนั้น” คุณนายรุ้งแก้วหันไปเอ็ดหลานชาย “ไม่มีฤกษ์ที่เร็วกว่านี้เหรอคะหลวงพ่อ”
ปรัตถกรหันขวับมองคุณย่ามาเฟียผู้พยายามยกเขาใส่พานขึ้นถวายให้เอิ้นขวัญอย่างหน้าชื่นตาบาน แถมยังเร่งรีบอยากให้เขาแต่งงานให้เร็วที่สุดอีกต่างหาก
“ฤกษ์นี้ดีสุดแล้วโยม”
“ค่ะ หลวงพ่อ”
“โยมกร จำคำอาตมาไว้นะ คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน”
คำพูดตบท้ายของหลวงพ่อทำให้ปรัตถกรต้องกลืนน้ำลายอย่างเสียวไส้ แถมในนาทีที่หลวงพ่อพูดเป็นจังหวะที่ชำเลืองมองเอิ้นขวัญเธอก็หันมองเขาพอดีแถมยังยิ้มแป้นคล้ายบอกว่าเธอนี่แหละเนื้อคู่ของเขาไม่ผิดแน่ เขานี่แทบอยากมุดพื้นคอนกรีตหนีให้รู้แล้วรู้รอด
หลังจากกราบลาหลวงพ่อแล้ว คุณนายรุ้งแก้วก็พาลูกๆหลานๆไปทำบุญก่อนกลับ เริ่มจากทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญถวายโลงศพ ปิดท้ายด้วยปล่อยนกปล่อยปลาเพื่อความเป็น สิริมงคลในชีวิต โดยเฉพาะว่าที่คู่บ่าวสาวคุณนายรุ้งแก้วก็อยากให้ทั้งคู่ได้ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมกัน จะได้ครองคู่กันไปตลอดชีวิต
“ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน เขาว่านอกจากจะเป็นเนื้อคู่กันในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะเกิดมาเป็นคู่กันอีกนะคะ”
มือที่กำลังจะปล่อยปลาลงน้ำชะงักก่อนปรายตามองหญิงสาวที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ “ถ้างั้นเปลี่ยนใจไม่ปล่อยแล้ว เอาไปทอดกินดีกว่าถึงจะบาปแต่ก็คุ้มที่ไม่ต้องเกิดมาเจอใครบางคน”
เอิ้นขวัญคลี่ยิ้ม “โบราณว่าคนเราเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น สงสัยจะเป็นจริง”
“ถ้างั้น ผมคงต้องเปลี่ยนมารักคุณใช่ไหม”
เอิ้นขวัญยิ้มแป้นแล้นทำทีบิดตัวไปมาเอียงอาย
ปรัตถกร มองอย่างหมั่นไส้บิดเข้าไปสิ ดูทำท่าเข้าช่างน่ารักน่าถีบจริงๆ แม่คุณ “เขินจัง ผู้ชายบอกรักซึ้งๆหน้า”
“ผมประชด!”
“อ้าวเหรอคะ ไม่รู้สิ ปกติแล้วฉันเป็นคนเชื่อคนง่าย ขนาดหัวใจบอกให้ชอบคุณฉันก็ยังชอบเลย” กระพริบตาปริบๆ อ่อยยังไงให้รู้ว่าอ่อย
ปรัตถกรค้อนขวับ เอิ้นขวัญหัวเราะร่า “ไม่เอาค่ะมันบาป รีบปล่อยเถอะ ปล่อยนกปล่อยปลาได้บุญมากนะคะ”
“ถ้างั้นคุณก็ปล่อยผมไปสิ นี่ก็คงได้บุญมากเหมือนกัน”
เอิ้นขวัญชะงัก ปรายตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง “เสียดายนะคะ คุณน่าจะพูดให้เร็วกว่านี้ เผอิญว่าฉันพึ่งปล่อยปลาไปเมื่อกี้นี้เอง บุญก็ได้แล้ว งั้นปลาตัวนี้ฉันคงต้องขังไว้ก่อน คงปล่อยยังไม่ได้” เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนลุกขึ้นเดินกลับไปหาญาติผู้ใหญ่ที่รออยู่ที่ศาลา
“มากันแล้วเหรอ ตากรพาหนูเอิ้นไปไหว้ขอพรพระในโบสถ์สิลูก”
“ไม่เอาล่ะครับ แค่นี้ก็ได้บุญมากแล้ว” ขืนทำบุญด้วยกันมากๆแล้วชาติหน้าเกิดมาเจอกันอีกจะทำยังไง ลำพังแค่พบกันในชาตินี้ก็แทบเอาเท้ากายหน้าผากแล้ว
“เถอะน่า หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ ขออะไรก็จะได้ตามที่เราปรารถนา แต่มีข้อแม้ว่าขอได้คนละหนึ่งข้อเท่านั้น”
“จริงเหรอครับ” คราวนี้ปรัตถกรเกิดสนใจขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบตกลงพาเอิ้นขวัญเข้าไปไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เอิ้นขวัญมองชายหนุ่มอย่างระแวง เธอคิดว่าเขาคงมีแผนการอะไรอยู่ในหัวแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยอมง่ายๆแบบนี้ทั้งๆที่ปฏิเสธไปแล้ว
“เดี๋ยวคุณ จะว่าไปมองจากด้านหลังคุณก็ดูสวยเหมือนกันนะ”
เอิ้นขวัญชะงัก ไม่ได้ปลาบปลื้มกับคำชมของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่านั่นคือคำโกหก ถ้าหน้าอย่างเธอสวยโลกนี้คงหาคนขี้เหร่ไม่เจอแล้วล่ะ เธอขมวดคิ้วคิดว่าเขาคงมีแผนการอะไรอยู่ในหัวแน่ๆถึงได้แกล้งชมเธอทั้งๆที่ปกติแทบจะกระโดดถีบหน้าเธอด้วยซ้ำ ทว่าเธอก็ยอมหันกลับมาหาเขาเพราะอยากรู้ว่าเขาจะไม้ไหนอีก
“มองข้างหลังเหมือนอั้ม พัชราภา” คงหมายถึงเธอเซ็กซี่เหมือนพี่อั้ม ก็ได้อยู่นะถึงหน้าเธอไม่ดีแต่หุ่นเธอก็แซบนะเออ “มองข้างหน้าใช่นุ่นวรนุชไหม” เริ่ดเขาคงหมายถึงเธอคงหน้าหวานเหมือนนุ่น “มองด้านขวาเหมือนญาญ่ามาแต่ไกล” ว้าย! สวย แสบ ซ่า “แต่พอมองใกล้ๆอุ๊ยตกใจนี่หรือคน” อุ๊ย! เขาชมว่าเธอไม่เหมือนคน เริด…แต่เดี๋ยวนะ นี่เขาหลอกด่าเธออยู่นี่หว่า
เอิ้นขวัญเบ้หน้าใส่เขา ว่าจะโกรธอยู่แล้วเชียวถ้าหากเขาไม่ยิ้มร้ายให้เธอเสียก่อน เป็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์แต่กลับมาเสน่ห์จนน่าทึ่ง บางครั้งเธอก็เหมือนโรคจิตอยู่เหมือนกันนะรู้ทั้งรู้ว่าเขายิ้มเยาะเย้ยแต่กลับปลาบปลื้มซะงั้นไปหมดล่ะสมงสมองเอิ้นขวัญเอ๊ย! แต่อย่าหวังว่าคนอย่างเอิ้นขวัญจะยอมแพ้รับประกันได้ว่าเธอไม่ยอมให้เสียชื่อเอกภาษาไทยที่ร่ำเรียนมาตั้งห้าปีแน่นอน
“มองข้างหลังพี่เหมือนติ๊ก เจษฎา
มองข้างหน้าเหมือนเวียร์หล่อเหลือหลาย
มองด้านขวาเหมือนณเดชหล่อบรรลัย
มองใกล้ๆอุ๊ยตายเหมือนสามี”
เอิ้นขวัญกระตุกยิ้ม พลางกระดิกคิ้วให้เขาสื่อประมาณว่าเกมกระดานนี้เอิ้นขวัญชนะอีกแล้วค้า ส่วนว่าที่สามีก็หน้าหงิกหน้างอเหมือนปลาทูแม่กลองที่ค้างคืนมาสักสามวันได้
“เราเข้าไปในโบสถ์เถอะค่ะ ฉันอยากอธิษฐานเต็มทีแล้ว”
“ ข้างในมีพระพุทธรูปนะ ถ้าคุณเข้าไปคุณจะไม่ร้อนเหรอ” ปรัตถกรยิ้มร้ายอีกครั้ง
“ช่างเป็นว่าที่สามีที่ขยันหยอกว่าที่ภรรยาจังเลยนะคะ ปากร้ายแบบนี้แต่งงานกันไปคงมีลูกหัวปีท้ายปี ฉันจะเลี้ยงไหวไหมเนี่ย สงสัยคงต้องตั้งทีมฟุตบอลเป็นของตัวเอง”
รอยยิ้มร้ายเมื่อสักครู่หุบหายไปทันทีเมื่อเจอรอยยิ้มที่ร้ายกาจมากกว่า ปรัตถกรเบ้หน้าก่อนรีบเข้าไปในโบสถ์โดยมีเอิ้นขวัญเดินตามเข้าไปติดๆ ทั้งคู่จุดธูปเทียนก่อนนั่งยกมือไหว้พระพุทธรูปที่อยู่เบื้องหน้า ต่างคนต่างอธิษฐานหากว่าปรัตถกรตั้งใจกล่าวคำอธิษฐานออกมาดังๆให้คนข้างๆได้ยินด้วย
“สาธุเถิดหลวงพ่อองค์ศักดิ์สิทธิ์
ลูกขอตั้งดวงจิตอธิษฐาน
ขอให้ลูกพ้นจากบ่วงงานแต่งงาน
ให้แผ้วพาลจากการคลุมถุงชน”
เอิ้นขวัญหันมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งหลับตานิ่งด้วยความเจ็บปวด แต่เธอต้องข่มมันเอาไว้ ก่อนหันหน้ามองพระพุทธรูปแล้วหลับตา จงใจกล่าวคำอธิษฐานออกมาดังๆ
“สาธุเถิดหลวงพ่อองค์ศักดิ์สิทธิ์
ลูกขอตั้งดวงจิตอธิษฐาน
ขอให้คำของเขาที่บนบาน
ถูกลบล้างยกเลิกไม่เป็นจริง”
ปรัตถกรลืมตาหันมองเจ้าของคำอธิษฐานที่หักล้างคำอธิษฐานของเขาเมื่อครู่อย่างคาดไม่ถึง เอิ้นขวัญลืมตาหันไปสบตากับเขาต่างคนต่างจดจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร นานหลายนาทีก่อนที่ปรัตถกรจะหันกลับไป พนมมือ แล้วกล่าวคำอธิษฐานขึ้นเพื่อหักล้างคำอธิษฐานของเธอเมื่อครู่นี้
“สาธุเกิดหลวงพ่อองค์ศักดิ์สิทธิ์ ลูกขอตั้งดวงจิตอธิษฐาน”
“คุณย่าบอกว่าเราสามารถขอได้คนละหนึ่งข้อค่ะ”
คำพูดของเอิ้นขวัญทำให้ปรัตถกรชะงัก จริงสินะคุณนายรุ้งแก้วบอกว่าหนึ่งคนสามารถขอได้คนละหนึ่งข้อ ในเมื่อเขาอธิษฐานไปแล้วนั่นก็เท่ากับว่าเขาหมดสิทธิ์ไปเรียบร้อย
“งั้นคุณก็โกงผม อธิษฐานทีหลังแต่ใช้คำอธิษฐานของตัวเองมาหักล้างคำอธิษฐานของผม”
“คุณต่างหากที่โกง โกงโชคชะตาโกงพรหมลิขิตด้วยการอธิษฐานขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปลี่ยนในสิ่งที่มันควรจะเป็น ฉันก็แค่อธิษฐานให้ทุกอย่างกลับมาในแนวทางของมัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เราสองคนเสมอตัว ต่อจากนี้ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามพรหมลิขิตอย่างที่หลวงพ่อบอกแล้วล่ะค่ะ” เธอคลี่ยิ้มเล็กๆให้เขาก่อนก้มลงกราบพระพุทธรูปแล้วเดินออกไป
รอยยิ้มเล็กๆเมื่อครู่หุบหายเมื่อหันหลังให้กับเขา เคยเห็นนางเอกในละครที่ฝืนยิ้มทั้งที่ใจร้องไห้ไหม เธอเองอยู่ในอารมณ์แบบนั้นเลยในตอนนี้
บางทีการรักเขาแต่เขาไม่รู้ ก็ยังดีกว่าเขารับรู้แต่เขาไม่รักสินะ
กบก็กบเถอะ เจอเขียดตะปาดอย่างเธอดราม่าเข้าไป สุวนันท์ตายเรียบนะคะงานนี้!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ