ภรรยาสายแข็ง

7.7

เขียนโดย tidadin

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 3 เกลือจิ้มเกลือ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 3 เกลือจิ้มเกลือ 2
         รถแล่นมาถึงจุดหมาย แต่ต้องจอดที่หน้าวัดเพราะลานจอดรถข้างในเต็มเนื่องจากวันนี้ทางวัดมีงานบุญทำให้คนเข้าวัดมากกว่าปกติ คุณนายรุ้งแก้วเดินนำลูกหลานผ่านเข้าประตูโขง เอิ้นขวัญกำลังจะตามเข้าไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงโครมโครามดังจากด้านหลัง เธอรีบหันกลับไปมองพร้อมกับคนอื่นๆ กลางถนนเห็นสุนัขตัวหนึ่งนอนเจ็บอยู่จากการโดนรถชนเมื่อครู่ ถ้าปล่อยไว้อย่างนั้นคงถูกรถที่วิ่งมาตามหลังชนอีกครั้งแน่ๆ จึงตัดสินใจวิ่งไปเพื่อช่วยสุนัขตัวนั้นท่ามกลางความตกใจของทุกคน เนื่องจากบนท้องถนนมีรถราวิ่งผ่านตลอดเวลา
          “เอิ้นระวังรถลูก!”
          ปรัตถกรมองการกระทำของหญิงสาวอย่างคาดไม่ถึง รถราออกเต็มถนนขนาดนั้นกล้าวิ่งออกไปได้ยังไง เดี๋ยวก็โดนรถชนเข้าไปอีกคน ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบวิ่งตามเธอไปทันที เพราะคิดว่าคนตัวเล็กคงจะอุ้มสุนัขซึ่งตัวใหญ่พอสมควรข้ามถนนมาไม่ได้ แต่ก็ยังถือว่าคนใช้รถใช้ถนนมีน้ำใจอยู่มาก จึงได้จอดให้พลเมืองดีทั้งสองช่วยกันอุ้มพาสุนัขที่บาดเจ็บข้ามถนนมาได้อย่างปลอดภัย
          “คุณทำอะไรของคุณเนี่ย ไม่เห็นหรือไงว่ารถบนถนนมันเยอะแค่ไหน” เมื่อข้ามถนนมาได้อย่างปลอดภัย ก็อดตำหนิเธอไม่ได้ที่ทำอะไรไม่รู้จักคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน
          “ก็เพราะว่ารถมันเยอะไงคะ ฉันถึงต้องรีบไป เกิดมันโดนรถชนอีก มันคงไม่รอด” สวมมง ใส่สายสะพาย โบกไม้โบกมือด่วนๆค่ะ นางงามเวทีไหนก็ตายเรียบล่ะงานนี้  “ขามันคงหัก คงต้องรีบพามันไปรักษา ฉันไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับคุณแล้ว” เธอตอบพลางมองน้องหมาที่มีเลือดไหลอยู่ตามลำตัวด้วยความเป็นห่วง
          “แล้วนั่นคุณจะไปไหน” เขารีบถามขึ้นหลังจากเห็นเธอทำท่าจะวิ่งกลับไปที่ถนน
          “ไปเรียกแท็กซี่ไงคะ”
          “เรียกมาทำไมล่ะ รถเราก็มี”
          “แต่น้องหมามันมีเลือด มันจะเปื้อนรถนะคะ” นางเอกช่องไหนจะสู้ไหมคะ
          “แล้วแท็กซี่มันไม่เปื้อนหรือไง ดีไม่ดีเขาไม่ให้ขึ้นด้วยซ้ำ”
เขาบอก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรไปหาคนรถให้วนรถออกมารับ เป็นจังหวะเดียวกันกับคุณนายรุ้งแก้วและผู้ใหญ่วิ่งมาถึงริมถนนพอดี
“คุณย่าครับ เดี๋ยวผมพาหมาไปรักษาก่อนนะครับ”
          “ได้ๆ รีบไปเถอะ งั้นย่ารอในวัดนะ มาถึงแล้วก็โทรหาย่าก็แล้วกัน”
          คุณนายรุ้งแก้วมองหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้ที่กำลังช่วยกันอุ้มสุนัขขึ้นรถอย่างชื่นชม โดยเฉพาะเอิ้นขวัญการกระทำของหล่อนเมื่อครู่ยิ่งตอกย้ำว่านางมองคนไม่ผิดจริงๆ
 
          โชคดีมากที่คลินิกรักษาสัตว์อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก สุนัขเคราะห์ร้ายจึงถึงมือหมอเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเอิ้นขวัญกับ ปรัตถกรยังไม่กลับรอดูอาการก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือเปล่า ปรัตถกรแอบสังเกตเอิ้นขวัญตลอดดูท่าทางเธอจะเป็นห่วงเจ้าตูบตัวนั้นมากจริงๆ
          “นั่งบ้างก็ได้นะคุณ เดินไปเดินมาผมเวียนหัว”
          “ก็ฉันเป็นห่วงน้องหมานี่น่า ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
          “ถึงมือหมอแล้วมันคงปลอดภัยแหละ ดูคุณจะเป็นห่วงมันเหมือนเป็นญาติเลยนะ”
          “ก็เป็นเพื่อนร่วมโลกนี่คะ ถึงมันจะเป็นหมา แต่มันก็มีชีวิต มีจิตใจ มันก็คงรักชีวิตของมันเหมือนกัน”
          ปรัตถกรแอบอมยิ้มเล็กๆ “คุณชอบหมาใช่ไหม ถึงได้วิ่งไปช่วยเร็วขนาดนั้น”
          “ก็ส่วนหนึ่งค่ะ แต่ถึงจะไม่ใช่หมา อาจจะเป็นคุณ ฉันก็ต้องวิ่งไปช่วยอยู่ดี เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าทั้งนั้น”
          “อ้าวคุณ ว่าผมเป็นหมาเหรอ”
          “เปล่านี่คะ ไม่ได้หมายความว่ายังงั้นเลย คุณคิดไปเอง” เอิ้นขวัญยิ้มร้าย พลางกระดิกคิ้วยียวน “ทำไมคุณถึงวิ่งตามฉันไปล่ะคุณกร” ยอมรับว่าแปลกใจไม่น้อยเหมือนกันที่เพราะไม่คาดคิดว่า ปรัตถกรจะวิ่งตามไปช่วยเธออุ้มสุนัขบาดเจ็บข้ามถนนมาอีกฝั่ง
          “ผมเป็นห่วง”
          “เป็นห่วงฉันกลัวโดนรถชน”
          “เป็นห่วงหมา” ค่ะ! เอิ้นขวัญเบ้ปากกรอกตามองบน สะบัดหน้าพรืดใส่เขาอย่างงอนๆ เธอจึงไม่มีโอกาสเห็นอีกรอยยิ้มเล็กๆของอีกฝ่าย
          ก่อนที่สงครามย่อมๆจะเกิดขึ้น สัตวแพทย์ที่รักษาสุนัขเคราะห์ร้ายก็ออกมาแจ้งว่าตอนนี้สุนัขปลอดภัยแล้ว แต่ต้องรักษาที่คลินิกอีกสักอาทิตย์เพราะขาหักสองข้าง สอบถามอาการจนแน่ใจ ปรัตถกรก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด พร้อมกำชับให้คุณหมอดูแลให้ดีที่สุด เอิ้นขวัญมองการกระทำของเขาอย่างยิ้มๆ แม้เขาจะปากร้ายไปหน่อย แต่รุ่นนี้ก็ไม่หน่อยแหละ ปากร้ายมากๆ แต่เขาก็เป็นคนดีมีน้ำใจมากๆคนหนึ่ง เธอเห็นเขาจัดการทุกอย่างทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งตามหาเจ้าของ แถมยังกำชับสัตวแพทย์ให้ดูแลน้องหมาดีๆอีกต่างหาก โอ๊ย! ละลาย หล่อ รวย แถมรักสัตว์ อนาคตพ่อของลูกฉัน
          “หายเร็วๆนะเจ้าตูบ” ปรัตถกรยิ้มอ่อนยื่นมือลูบน้องหมาเบาๆ
          โอ๊ยน่ารักน่าหยิกน่าหม่ำมากค้าว่าที่สามีขา แลดูอบอุ่น อิจฉาหมามาก ณ จุดๆนี้
         
          “คุณพ่อครับ นี่ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ” ปรัตถกรกระซิบถามบิดาหลังจากมาถึงวัดก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังนั่งรอพระอาจารย์กันอยู่
          บดินทร์เองก็เครียดไม่แพ้ลูกชาย เพราะอยากได้สะใภ้เป็นผู้ดีมีสกุลที่ฐานะ หน้าตาทางสังคมเท่าเทียมกันพอจะเชิดหน้าชูตาให้กับวงศ์ตระกูลได้
 “เอางี้ พ่อพอนึกแผนอะไรขึ้นมาได้แล้ว แกตามพ่อมา”
 สองพ่อลูกผู้มีแผนการล้มงานแต่งอยู่ในหัวสบตากันพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำ แต่แท้จริงแล้วจุดหมายไม่ใช่ห้องน้ำอย่างที่บอกกับทุกคน
          “กร หลวงพ่อมาโน้นแล้ววิ่งไปนิมนต์ท่านไว้ก่อนเร็ว เดี๋ยวท่านจะไปพบย่าแกก่อน พอปวดขาเดินเร็วไม่ได้”
          “ครับพ่อ” ปรัตถกรรีบวิ่งไปหาหลวงพ่อที่บิดาบอก“หลวงพ่อครับ นิมนต์ก่อนครับ”        
          “มีอะไรหรือโยม”
          “เจริญพรครับหลวงพ่อ”
          “โยมเอาคำของอาตมาไปใช้แล้ว แล้วจะให้อาตมาตอบว่าอะไรดีล่ะ”
          ปรัตถกรยกมือเกาหัวยิกๆ นี่เขาใช้คำพูดผิดไปเหรอ ทักทายพระสงฆ์องคเจ้าต้องพูดว่าอะไร เรื่องเข้าวัดเข้าวาเขาก็ไม่ค่อยเจนจัดเท่าไหร่นัก
          “มีอะไรหรือเปล่ากร” บดินทร์ถามลูกชายขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของเขา แต่ไม่ทันที่ปรัตถกรจะได้ตอบ หลวงพ่อก็ถามขึ้นด้วยจำหน้าค่าตาของลูกชายคุณนายรุ้งแก้วได้เพราะเคยมาทำบุญหลาย
          “อาตมากำลังจะออกไปหาโยมรุ้งแก้วพอดี”
          “นมัสการครับหลวงพ่อ คือวันนี้คุณแม่จะมาขอฤกษ์แต่งงานให้กับตากรลูกชายผม แต่ตากรไม่อยากแต่ง คุณแม่ก็ไม่ยอมฟัง ก็เลยอยากมาขอให้หลวงพ่อช่วยบอกคุณแม่ว่าไม่มีฤกษ์เหมาะสมที่จะแต่งงานในเร็วๆนี้ได้ไหมครับ”
          “หรือถ้าให้ดีบอกว่าดวงของผมกับของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เนื้อคู่กันเลยได้ยิ่งดีครับ”
          “อาตมาเป็นพระ จะให้โกหกไม่ได้หรอกนะโยม มันผิดศีล ถ้าโยมกรไม่อยากแต่งงานก็ควรไปบอกโยมรุ้งแก้วตรงๆ”
“ผมคุยกับคุณย่าแล้วครับ แต่ท่านก็ไม่ยอมฟัง”
“โยมเชื่อเรื่องบุพเพสันนิสวาสไหมล่ะ คำโบราณเขาบอกไว้ คนที่เป็นเนื้อคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกันไปได้ ห่างกันไกลแสนไกลเดี๋ยวโชคชะตาก็เหวี่ยงให้ได้มาเจอกัน แต่ถ้ามันไม่ใช่เนื้อคู่ ต่อให้จับมือยืนอยู่ข้างๆกันแต่สักวันมันก็ต้องมีเหตุให้ร้างลา ในกรณีของโยมก็เช่นกันถ้าโยมกับโยมผู้หญิงที่คุณนายรุ้งแก้วจะจับให้แต่งงานกันไม่ใช่เนื้อคู่กัน ต่อให้โยมรุ้งแก้วพยายามแค่ไหนความตั้งใจก็ไม่มีทางเป็นจริงไปได้ แต่ถ้าหากโยมทั้งคู่เป็นเนื้อคู่กันแล้วต่อให้โยมพยายามวิ่งหนีไปไกลสักแค่ไหนสักวันก็ต้องเวียนกลับคืนมาอยู่ดี”
          สองพ่อลูกก้มลงกราบพระอาจารย์ก่อนจะหันสบตากันด้วยความหนักใจ ที่พึ่งสุดท้ายไม่ช่วยเหลือคราวนี้คงแล้วแต่เวรแต่กรรมจะบัลดาลดลแล้วล่ะ อย่างที่พระอาจารย์พูดก็ถูกเนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน แต่ถ้ามันไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา