ภรรยาสายแข็ง

7.7

เขียนโดย tidadin

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทนำ

 

        ปรัตถกร รัตนนุสิทธิ์ พระเอกหนุ่มสุดฮอตที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งไต่ขึ้นบัลลังก์ซุปเปอร์สตาร์ทั้งๆที่พึ่งก้าวเข้ามาในวงการเพียงไม่กี่ปี ความหล่อที่สะดุดตาทำให้มีบรรดาแฟนคลับติดตามอย่างมากมาย บวกกับฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดาส่งกลิ่นหอมให้เหล่าผู้จัดต่างเรียกหาอยากได้เขาไปร่วมงานด้วยแทบทุกค่ายทุกสังกัด

          ปรัตถกรไม่เพียงมีดีแค่หน้าตาและฝีมือการแสดงเท่านั้น หากเรื่องฐานะชาติตระกูลก็เรียกว่าไม่ธรรมดา เพราะบิดามารดาก็เป็นเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ชื่อดัง แถมยังมีย่าเป็นเจ้าของไร่องุ่นอันกว้างใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา ความเพอร์เฟคแทบทุกด้านของชายหนุ่มทำให้สาวๆทั้งนางเอก นางร้ายหรือแม้แต่สาวๆนอกวงการต่างหมายตาอยากได้เขาเป็นคู่ครองกันทั้งนั้น

          ที่ผ่านมาพระเอกหนุ่มก็มีข่าวกับสาวๆสลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยตามประสาคนเนื้อหอมและโปรไฟล์เยี่ยม ยังไม่ได้ลงหลักปักฐานคบกับใครจริงจัง ปรัตถกรยังไม่คิดจะคบกับใครเป็นตัวเป็นตน เพราะยังสนุกอยู่กับชีวิตหนุ่มโสดที่มีอิสระในการใช้ชีวิต อยากทำอะไร อยากไปไหนก็ทำได้ตามใจไม่ต้องขออนุญาตใคร หรือมีใครโทรจิกโทรตามให้รำคาญใจ เหมือนเพื่อนของเขาหลายคนที่มีแฟนแล้ว แต่เวลานี้ความโสดของเขากำลังสั่นสะเทือน มันอยู่ในภาวะวิกฤตเต็มทีเพราะย่าของเขาโทรตามให้เขามาหาที่ไร่รุ้งแก้วเพื่อคุยธุระสำคัญบางอย่าง

          “หลานไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธตากร ไม่ว่ายังไงเราจะต้องแต่งงานกับหนูเอิ้นตามที่ย่าสั่ง” หญิงชรากระแทกเสียงขุ่น มองหลานชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างขัดใจ นั่นเพราะหลานชายตัวดีพึ่งจะปฏิเสธสิ่งที่นางหยิบยื่นให้เมื่อครู่

          “ไม่มีทางเด็ดขาดครับคุณย่า นี่สมัยไหนกันแล้ว คุณย่ายังจะใช้วิธีโบราณคร่ำครึจับผมคลุมถุงชนอีกเหรอครับ เลิกคิดไปได้เลยไม่สำเร็จหรอก” ปรัตถกรยืนยันคำเดิม ค้านหัวชนฝาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ย่าของเขากำลังทำอยู่

          “วะ! มาหาว่าฉันหัวโบราณอีกนะพ่อหัวสมัยใหม่ เดี๋ยวจะถูกเขกกะโหลกสักที อย่าคิดว่าโตเป็นหนุ่มแล้วฉันจะไม่กล้าเขกหัวนะ ขนาดพ่อแกมีเมียมีลูกโตเท่าควายแล้วฉันยังไม่เว้น”

          บดินทร์สะดุ้ง เมื่อรับรู้ฤทธิ์เดชของมารดาดีว่าเป็นอย่างไร แม้จะอายุอานามเกือบเจ็ดสิบปีเข้าไปแล้ว แต่ความดุและจริงจังยังไม่ได้หย่อนยานไปตามวัยที่ล่วงเลย เขายังจำรสชาติมะเหงกของท่านได้ขึ้นใจ มันเจ็บระบมไปหลายวันเลยทีเดียว

          “คุณย่าต้องเข้าใจผมนะครับ ว่าการเลือกใครสักคนเป็นคู่ชีวิตผมก็อยากเลือกด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครยกใส่พานมาถวายเหมือนกับที่คุณย่ากำลังคิดจะทำอยู่”

 ปรัตถกรยกมือขึ้นกุมขมับ เขาอธิบายเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วเท่าที่จำได้ แต่ผู้เป็นย่าก็ไม่ยักจะเข้าใจเสียที

          “ฉันก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งอะไรกับชีวิตของแกมากนักหรอกนะตากร มันปวดหัว แต่ที่สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้มันจำเป็นจริงๆ ฉันก็บอกแกไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่เรอะ”

          เรื่องของเรื่องที่ทำให้คุณนายรุ้งแก้วต้องมาปากเปียกปากแชะขอร้องกึ่งบังคับหลานชายคนโตให้แต่งงานกับเอิ้นขวัญ ก็เพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับเพื่อนรักเมื่อสามสิบปีก่อน คำสัญญาที่ว่านั้นคือหากทั้งสองแต่งงานมีลูกก็จะให้ลูกของทั้งคู่เกี่ยวดองกัน แต่บังเอิญว่าทั้งนางและเพื่อนมีลูกชายด้วยกันทั้งสองฝ่าย จึงไม่สามารถจับแต่งงานกันได้ตามที่เคยเอ่ยปาก คำมั่นสัญญาจึงกลายเป็นมรดกตกทอดมาสู่รุ่นหลาน

           และถือว่าโชคเข้าข้างที่บดินทร์ลูกชายของนางมีลูกชายถึงสองคนคือปรัตถกรกับชญานนท์ ส่วนลูกชายเพื่อนของนางก็มีลูกสาวหนึ่งคนคือเอิ้นขวัญ และลูกชายหนึ่งคนชื่อสายชล ดังนั้นแจ๊คพ็อตจึงตกไปยังปรัตถกรในฐานะผู้พี่ที่จะต้องแต่งงานกับเอิ้นขวัญตามสัญญาของผู้เป็นย่า

          “นั่นมันเป็นสัญญาของคุณย่านี่ครับ ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ที่สำคัญตอนนี้เพื่อนของคุณย่าก็เสียไปแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ถือว่าเป็นโมฆะก็สิ้นเรื่อง เพราะถึงคุณย่าจะทำหรือไม่ทำตามสัญญายังไงเพื่อนคุณย่าก็ไม่รับรู้อยู่ดี”

          “หน็อย! ดูพูดเข้า อยากให้ย่าเป็นอีแก่ตอแหลตลบตะแลงงั้นเหรอตากร ยิ่งเพื่อนของย่าเสียไปแล้วย่าก็ยิ่งต้องรีบทำตามสัญญา ไม่เช่นนั้นวิญญาณของเพื่อนย่าจะครหานินทาว่าย่าไม่รักษาคำพูด”

          ปรัตถกรยกมือขึ้นนวดขมับ  ให้ตายสิ! กลัวแม้กระทั่งผีนินทา นี่ย่าของเขาคิดได้ยังไงเนี่ย

          “ผมยังยืนยันว่าผมไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณย่ายกใส่พานมาถวายแน่ๆครับ เธอเป็นใคร หน้าตาดีหรือขี้ริ้วขี้เหร่ ผมก็ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง ถ้าผมยอมทำตามคุณย่านี่ผมก็บ้าเกินไปแล้ว”

          “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเพราะพรุ่งนี้ย่าจะพาหนูเอิ้นมาทำความรู้จัก”

          “โธ่! คุณย่า ฟังผมไม่เข้าใจเหรอครับว่าผมไม่อยากแต่งงานตอนนี้ ผมเป็นดารากำลังโด่งดัง ถ้าแต่งงานรับรองว่าผมดับสนิทแน่ๆ” หลานชายเริ่มจนปัญญาจะหาข้ออ้างเพื่อให้หลุดพ้นจากถุงที่ผู้เป็นย่ากำลังจะจับคลุมหัวเขาอย่างหน้าชื่นตาบาน

          “ดับก็ปล่อยให้ดับไปสิ เงินทองเราก็มีออกเยอะแยะ แค่ไม่ได้เป็นดารารับรองว่าฉันไม่ปล่อยให้แกอดตายหรอกน่า แกจะไปแคร์ทำไม”

          ปรัตถกรถึงคราวเข้าตาจน เมื่อหญิงชราไม่ยอมฟังเหตุผลดื้อดึงที่จะบังคับเขาให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อเอิ้นขวัญอะไรนั่นให้ได้ ชายหนุ่มเริ่มหาตัวช่วยด้วยการหันไปสบตากับบิดากองสนับสนุนเพียงหนึ่งเดียวที่เขามีอยู่ เพราะมารดาของเขาแสดงตัวชัดเจนว่าอยู่ฝั่งแม่สามี

          “เอ่อ คุณแม่ครับ ผมว่า” บดินทร์กำลังจะอ้าปากช่วยลูกชาย แต่ก็โดนหญิงชราชี้หน้าไว้

          “หยุดเลยนะตาดิน อย่ามาขัดใจฉันอีกคน ยังไงฉันก็ยืนยันว่าตากรจะต้องแต่งงานกับหนูเอิ้นตามคำสัญญาของฉันที่ให้ไว้กับเพื่อน แต่ถ้ายังดื้อดึงขัดคำสั่ง ฉันจะตัดชื่อทุกคนออกจากกองมรดก แล้วยกสมบัติพัสฐานที่ฉันมีให้เป็นสมบัติของแผ่นดินให้หมด”

          คุณนายรุ้งแก้วเริ่มโมโหเมื่อทั้งหลานชายและลูกชายขัดใจไม่ยอมทำตามคำขอ ในเมื่อขอร้องกันดีๆไม่ยอมช่วยเหลือ นางก็ต้องมีการบังคับกันบ้างล่ะ ก็ให้มันรู้กันไประหว่างหลานชายกับคนแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายใครมันจะแน่กว่ากัน

 

          หลังจากถูกคุณนายรุ้งแก้วโยนระเบิดลูกใหญ่เข้าหาและเตรียมกดรีโมตทุกเมื่อ ก็ทำให้สองพ่อลูกต้องมานั่งจับเข่าปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อไปดี

          “พ่อว่าแกต้องยอมทำตามความต้องการของคุณย่าแล้วล่ะกร”

          “ไม่เอานะครับคุณพ่อ ผมไม่อยากถูกจับคลุมถุงชนนะ ที่สำคัญคือผมไม่อยากแต่งงานตอนนี้” ตกลงเขาจะต้องพ่ายแก่คุณย่าวายร้ายของเขาจริงๆหรือนี่ “แล้วผู้หญิงที่คุณย่าจะจับคู่ให้ผมรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงผมก็ไม่เคยเห็น ถ้าขี้เหร่ขึ้นมาผมก็ซวยสิ”

          “พ่อเองก็ไม่เคยเห็นซะด้วยสิ แต่คิดว่าหนูเอิ้นอะไรนั่นคงสวยใช้ได้แหละ ไม่งั้นคุณย่าไม่สนับสนุนออกหน้าออกตาถึงขนาดนั้นหรอก”

          “นี่ตกลงคุณพ่อจะสนับสนุนให้ผมแต่งงานอีกคนใช่ไหมครับ”

          “ไม่ใช่ว่าพ่อสนับสนุน แต่เราไม่มีทางเลือก ถ้าเกิดลูกไม่ทำตามที่คุณย่าขอ แล้วคุณย่าเกิดยกสมบัติทั้งหมดให้กับคนอื่นจริงๆ นั่นหมายถึงเราจะไม่ได้อะไรเลยนะกร ลูกก็รู้นี่สมบัติของคุณย่ามูลค่ามันมหาศาลแค่ไหน”

          “เฮ้อ…” ปรัตถกรถอนหายใจอย่างคนปลงไม่ตก “ทำไมคุณย่าไม่ไปบังคับเจ้านนท์บ้างนะ” ทั้งๆที่ชญานนท์ก็เป็นหลานชายของท่านเหมือนกับเขา แต่เจ้านั้นกลับโชคดีรอดไปอย่างหวุดหวิด

          “ก็เพราะเราเป็นพี่ไงล่ะ อีกอย่างตานนท์ก็ยังเรียนไม่จบ คุณย่าคงไม่ยอมให้แต่งงานแน่ๆ” บดินทร์เดินมาตบไหล่ลูกชายอย่างเห็นใจ “เอาน่า อย่าพึ่งคิดอะไรมาก รอดูหน้าตาของหนูเอิ้นพรุ่งนี้ก่อน ไม่แน่นะเธออาจจะสวยถูกใจลูกก็ได้”

       

        ไม่ใช่แค่เพียงปรัตถกรเท่านั้น ที่หนักใจเรื่องจะถูกย่าจอมอิทธิพลจับคลุมถุงชน หากว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างเอิ้นขวัญก็แทบเอาเท้าก่ายหน้าผากไม่ต่างกันนัก หลังจากอุไรผู้เป็นแม่บอกกล่าวเรื่องแต่งงานซึ่งเป็นคำขอสุดท้ายของย่าผู้ลาลับ

          “แม่คะ เอิ้นไม่แต่งไม่ได้เหรอ บอกตามตรงว่าเอิ้นยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวในตอนนี้”

        “โธ่ พี่เอิ้น พี่จะปฏิเสธทำไม ถ้าครั้งนี้พี่ไม่แต่ง ก็ไม่มีใครเอาพี่แล้วนะ” สายชลเอ่ยแทรกขึ้นพลางหัวเราะ จึงถูกพี่สาวหยิกเข้าให้ที่ต้นแขน

          “แม่ก็ไม่ได้อยากให้ลูกแต่งงานในเวลานี้หรอกนะเอิ้น แต่แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะมันเป็นคำขอของย่าก่อนท่านจะจากไป”

          “แล้วคุณปรัตถกรอะไรนั่นเขาจะยอมแต่งกับเอิ้นเหรอคะ”

          “คุณนายรุ้งแก้วโทรมาบอกแม่ว่าคุณปรัตถกรไม่มีปัญหาอะไร เขาพร้อมจะแต่งงานกับลูกตามสัญญาของผู้ใหญ่”

          “เขายังไม่เห็นหน้าเอิ้นใช่ไหม”

          สีหน้าของผู้เป็นแม่ห่อเหี่ยวลง มือแสนอบอุ่นกุมมือลูกสาวเอาไว้แน่น “ยังไม่เห็นหรอกลูก”

          “ถ้าเขาเห็นเขาคงไม่ยอมแต่งงานกับเอิ้น” เธอมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น งานแต่งระหว่างเธอกับผู้ชายที่ชื่อปรัตถกรจะไม่มีวันเกิดขึ้นหากฝ่ายนั้นได้เห็นตัวจริงของเธอ

 

รุ้งเช้าคุณนายรุ้งแก้วสั่งสาวใช้ให้ตระเตรียมอาหารต้อนรับว่าที่สะใภ้ที่นางส่งคนไปรับตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้มาทำความรู้จักกับ ปรัตถกร งานนี้หญิงชราควบคุมแม่ครัวทำอาหารเองทุกขั้นตอนหวังให้อาหารประทับใจว่าที่หลานสะใภ้ที่นางพิจารณาดูแล้วว่าเหมาะสมกับปรัตถกรที่สุด

          คุณนายรุ้งแก้วรู้จักกับเอิ้นขวัญมาตั้งแต่เด็ก หล่อนเป็นคนเด็ดเดี่ยวกล้าหาญแต่ไม่ก้าวร้าว อีกทั้งยังเป็นคนเอาการเอางาน มีความรับผิดชอบ การบ้านงานเรือนเอิ้นขวัญก็ไม่ได้บกพร่องแต่ประการใด ยิ่งฝีมือการทำอาหารเอิ้นขวัญไม่เป็นสองรองใคร นางยังจำได้ว่าตอนนั้นที่ไปเยี่ยมเพื่อนสนิทก็ได้ทานอาหารฝีมือของเอิ้นขวัญเวลานั้นหล่อนอายุเพียงสิบเอ็ดขวบ แต่กลับทำอาหารได้อร่อยจนนางติดอกติดใจชมไม่หยุดปากเลยทีเดียว

          “แล้วนี่หลานชายบังเกิดเกล้าของฉันไปไหนเสียล่ะแม่ดา อย่าบอกนะว่าปานนี้ยังไม่ตื่น” คุณนายรุ้งแก้วหันไปถามชลดาลูกสะใภ้ที่มาช่วยงานในครัวอีกแรง

          “น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะคุณแม่ เดี๋ยวดาขึ้นไปตามตากรให้นะคะ”

          คล้อยหลังชลดาไปได้ไม่นาน คุณนายรุ้งแก้วก็ได้ยินเสียงรถจอดเทียบที่หน้าบ้าน คงจะเป็นรถตู้ที่นางส่งให้ไปรับเอิ้นขวัญกับแม่ของหล่อน นางจึงวางทัพพีแล้วสั่งให้สาวใช้จัดการต่อส่วนตัวนางเดินออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน

        “มาถึงกันแล้วเรอะแม่อุไร หนูเอิ้น เชิญๆเข้ามาในบ้านก่อน”

          “สวัสดีค่ะคุณนาย” ทั้งอุไรกับเอิ้นขวัญยกมือไหว้หญิงชราอย่างนอบน้อม ก่อนที่อุไรจะเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบในระหว่างที่พากันเดินเข้าไปในบ้าน “คุณนายสบายดีไหมคะ”

          “สบายดีไม่มีโรคภัยอะไรหรอกแม่อุไร หากจะมีบ้างก็ปวดแข้งปวดขาบ้างตามวัยชรานั่นแหละ” เดินมาถึงห้องรับแขกเจ้าของบ้านก็เชิญแขกทั้งสองนั่งที่โซฟา สักพักหนึ่งสาวใช้ก็ยกน้ำมาเสิร์ฟแขก “หนูเอิ้นรู้เรื่องสัญญาของย่ากับย่าของหนูแล้วใช่ไหมลูก”

          “ค่ะ เอิ้นทราบแล้ว”

          “หนูไม่มีอะไรขัดข้องใช่ไหม”

          “ค่ะ เอิ้นไม่มีอะไรขัดข้อง ถ้าผู้ใหญ่เห็นสมควรเอิ้นก็ยินดีที่จะทำตามคำมั่นสัญญาของคุณย่า”

          คุณนายรุ้งแก้วคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ ฝ่ายหญิงไม่มีปัญหาขัดข้องก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง จะเหลือก็แต่หลานชายบังเกิดเกล้าของนางเท่านั้น ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย

          ในระหว่างที่คุณนายรุ้งแก้วสนทนาอย่างออกรสออกชาติกับอุไรและเอิ้นขวัญ ชลดาที่ขึ้นไปตามลูกชายก็ลงมาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคน ส่วนปรัตถกรกับบดินทร์เกือบห้านาทีจึงเดินตามลงมา ไม่วายโดนคุณนายรุ้งแก้วแขวะเข้าให้

          “ฉันนึกว่าจะต้องให้เอาเสลี่ยงเงินเสลี่ยงทองขึ้นไปอันเชิญลงมาซะแล้ว”

          เอิ้นขวัญมองชายหนุ่มที่พึ่งลงมาตาไม่กะพริบ เธออึ้งไปเกือบสามตลบกับความหล่อเหลาราวกับเทพบุตรมาปรากฎกายอยู่เบื้องหน้า ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของเขายังดูคล้ายกับดาราคนโปรดอย่างกับโคลนนิ่งกันมา ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือน และเมื่อมองชัดๆก็ทำให้เธอมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่านี่คือ ปรัตถกร รัตนนุสิทธิ์ พระเอกในดวงใจของเธอจริงๆด้วย!

        “กรี๊ดดด!!”  

เอิ้นขวัญเผลอตัวกรีดร้องตามประสาเหล่าแฟนคลับที่ได้เห็นดาราที่ตนชื่นชอบแบบตัวเป็นๆ แต่เสียงกรีดร้องนั้นกลับทำให้ทุกคนตกใจกันไปตามๆกัน

          “เอิ้นเป็นอะไรลูก ผีเข้าเหรอ!” อุไรหันมาถามลูกด้วยความวิตก ไม่ต่างจากคนอื่นที่จ้องดรุณีวัยกำดัดเป็นเป้าหมายเดียวกัน

        ปรัตถกรเองก็เป็นอีกคนที่จ้องมองเจ้าของเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ ภาพที่เห็นคือหญิงสาวรูปร่างเพรียวสมส่วน แต่มีตำหนิที่ใบหน้าข้างซ้ายที่มีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่เด่นชัด ดาราหนุ่มแอบหวั่นใจกลัวว่าผู้หญิงที่เขามองว่าอัปลักษณ์คนนี้หรือเปล่าที่คุณย่าหมายจะใส่พานยกมาถวายให้เขาถึงที่ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาจะค้านจนหัวชนฝาเลยทีเดียว

          “แม่คะ แม่ว่าเขาใช่คุณกร ดาราคนโปรดของเอิ้นหรือเปล่า” เธอถามทั้งๆที่มั่นใจว่าใช่คนเดียวกันไม่ผิดแน่ “แม่บอกเขาไปว่าหนูชอบเขา”

          “นิ่งๆไว้ อย่าพึ่งแรดลูก อย่าพึ่งแรด”

 ##ฝากไว้ด้วยจ้า ภรรยาสายแข็ง เรื่องนี้เขียนร่วมกันกับพี่เอิ้นขวัญ ในโครงการ buddy writer คอมเม๊นส์ติชมกันได้จ้า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา