ในเรือนเบี้ย

8.0

เขียนโดย ilithyia

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.43 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 21.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คนครัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วาดดาวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฝนตก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สุดท้ายในห้วงความทรงจำเธอภาวนาให้มันเป็นแค่ฝันไป เธอลืมตาขึ้นมาพบว่าเรือนที่เธอนอนอยู่ก็เป็นกระท่อมหลังเดิม ใช่! เธอไม่ได้ฝัน เมื่อวานนี้หลังจากเธอสัญญากับยายตองนวลว่าเธอจะไม่หนี วาดดาวก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ ตกเย็นนาให้เธอกินน้ำข้าวอีกครั้ง แล้วบังคับให้เธอกินยาหม้อถ้วยใหญ่ ยาหม้อนั้นทำให้เธอหายปวดได้ดีจริง เพราะความเหม็นและความขมของมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปเสียสนิท หลังจากที่เธอเหนื่อยเพลียมาทั้งวันตกดึกก็สามารถหลับได้โดยง่าย

          “ตื่นแล้วเหรอ หายปวดเนื้อปวดตัวหรือยังเอ็ง” นาตื่นก่อนเธออยู่แล้ว ดูท่าทางคงกำลังจะออกไปทำงานที่เรือนใหญ่

          “ก็ดีขึ้นบ้าง”

          “วันนี้เอ็งก็นอนพักเถอะนะ ข้าเรียนแม่นายให้แล้ว ท่านอนุญาตให้เอ็งพักจนกว่าจะหายดี กับข้าวกับปลาข้าจะเอาลงมาให้เอง เอ็งไม่ต้องขึ้นไปบนเรือนใหญ่ด้วยสังขารเยี่ยงนี้ดอก” นาดูมีน้ำใจกับวาดดาวมาก เธอคงเป็นเพื่อนรักกับ “อีวาด” ตัวจริง

......................................................................................................................................

          สองสามวันมานี้วาดดาวได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ในเรือนไม้ไผ่ เธอรู้สึกหมดหวังเมื่อทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็เจอเรือนทาสหลังเดิม นาคอยสอนเธอว่าการใช้ชีวิตที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้าล้างหน้าล้างตา สีฟันด้วยไม้ข่อย นุ่งผ้าแถบและโจงกระเบนที่คอยแต่ใช้มือรั้งไว้เพราะหลุดจนถูกนาตีมือเอาเรื่อย สอนให้ใช้มือเปิบข้าวแทนช้อน สอนให้เธอ “เข้าสวน” แทนการเข้าห้องน้ำ และที่เธอชอบที่สุดคือการได้ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำตอนเย็น แต่มีสิ่งเดียวที่เธอไม่ยอมทำตามที่นาสอน คือการกินหมาก

          “โอ้ยอีวาด พอฟื้นขึ้นมาก็เบื่อหมากเสีย หน้าเอ็งนี่แทบไม่มีสีอันใด ซีดยังกับผี อายุเอ็งใช่น้อย สิบเจ็ดสิบแปดแล้ว รักสวยรักงามบ้าง” แม้นาจะพยายามบอกเธอแค่ไหนว่าการกินหมากทำให้ฟันงาม หน้าตาดูมีสีมีสันแต่เธอก็ยืนยันว่าไม่ทำตามแน่

          “นา มีกระจกไหม”

“กระจกคืออะไร”

          “ก็กระจกที่เอาไว้ส่องหน้าไง ฉันอยากเห็นหน้าตัวเอง” วาดดาวนึกสงสัยหน้าตาตัวเองในตอนนี้ เธอจะยังเป็นเธอคนเดิมเพียงแต่อยู่คนละพบชาติ หรือเธอมาอาศัยสิงในร่างคนอื่น

          “คันฉ่องรึ ของมีราคาเยี่ยงนั้นข้าไม่มีดอก แม่นายท่านหรือไม่คุณมิ่งเมืองคงมี แต่เอ็งอย่าได้ไปรบกวนท่านเชียว อยากเห็นเงาตัวเองเอ็งก็ไปส่องในไหน้ำเถิด คงพอมองเห็น” คำตอบของนาทำให้วาดดาวออกจะผิดหวัง ได้แต่ใช้มือคลำหน้าตาตัวเองว่าไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม

          นอกจากนาแล้วเพื่อนทาสคนอื่นที่เธอเจอชื่อพี่ดวง และพี่เลี้ยงของคุณมิ่งเมืองลูกสาวคุณพระชื่อพี่คำฟอง แต่ไม่มีใครอยากคุยกับเธอมากนัก เพราะต่างพูดกันว่าเธอเป็นบ้าเสียสติ บ้างก็ว่าเธอถูกผีเข้า

          ตกเย็นวันที่สามวาดดาวคิดว่าเธอแข็งแรงมากพอแล้วไม่จำเป็นต้องกินยาต้มยาหม้ออีก เธอบอกนาว่าอยากทำงานช่วยบ้าง เพื่อตอบแทนนาที่อุตส่าห์มีน้ำใจกับเธอ

          “ข้าไม่อยากให้เอ็งขึ้นไปช่วยงานบนเรือนใหญ่ดอก นังบ้าไม่รู้ความอย่างเอ็งมีแต่จะไปขัดหูขัดตาคุณๆบนเรือน เรือนคุณพระมีคนไม่มาก งานบ้านงานเรือนข้ากับพี่ดวงไอ้ยอดไอ้สักพอทำไหว ส่วนพี่คำฟองก็คอยปรนนิบัติแม่นายกับคุณหนูมิ่งอยู่ นายท่านเรือนนี้ไม่ชอบใจให้มีค่าทาสมากมายเหมือนเรือนอื่น”

          วันที่สี่ของการย้อนมาอยู่ในยุคกรุงธนบุรี วาดดาวตื่นแต่ก่อนสว่างเพื่อรอว่าวันนี้เธอจะได้ทำงานอะไรบ้างในฐานะทาส วาดดาวอยากทำงาน เธออยากใช้เวลาให้มันผ่านไปให้เร็วๆ ตลอดสามวันที่เอาแต่อยู่ในเรือนทาสวาดดาวเอาแต่คิดว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จะกลับไปสู่ปัจจุบันได้อย่างไร และที่ทำให้เธอปวดใจมากที่สุด คือเธอไม่รู้ชะตากรรมของพิรัล ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อขณะนี้เธอยังหาทางออกไม่ได้ เธอก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่า มีแต่จะทำให้ฟุ้งซ่าน เธอเคยทำงานเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายที่บริษัท จะให้มานั่งๆนอนๆก็อึดอัดเหลือเกิน วาดดาวเดินออกมาหน้าเรือนตนเอง สายตามองไปรอบๆก็เห็นยายตองนวลอยู่ที่เรือนไม้หลังเล็ก หญิงชรากำลังนั่งกินหมากอยู่บนพื้นหน้าเรือน ด้วยความคิดถึงคุณยายนวลของเธอวาดดาวจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาและนั่งลงที่พื้นไม่ไกลก่อนจะยกมือไว้

          “หายดีแล้วน้อ แม่วาด” หญิงชราทักทายเธอด้วยความเอ็นดู

          “เจ้าค่ะคุณยาย” วาดดาวรับคำก่อนจะชวนคุยหลายๆอย่างที่เธอคิดและนึกสงสัย

          “หนูอยากช่วยงานบนเรือน นั่งๆนอนๆอยู่แบบนี้แทบเป็นบ้าตายแล้วค่ะคุณยาย นามันบอกว่าหนูเป็นบ้า ไม่ให้ขึ้นไปวุ่นวายบนเรือน แต่หนูไม่ได้เป็นบ้านะคะคุณยาย”

          “ก่อนที่เจ้าจะว่าตัวไม่ได้เป็นผีบ้า ก็พูดหัดพูดจาให้มันอยู่กับร่องกับรอยนะแม่วาด หนูเหนออิหยังกัน” เมื่อถูกหญิงชราเตือนวาดดาวก็สลดลงเล็กน้อย ก็คงไม่แปลกที่เธอจะถูกมองว่าบ้า เพราะหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ทำตัวผิดแปลกจากคนที่นี้ ทั้งคำพูดคำจา และการกระทำทุกอย่างที่คนที่นี้ทำเป็นกิจวัตรก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ

          “เจ้าค่ะคุณยาย ข้า....ขอถามคุณยายได้ไหมเจ้าคะ ทำไมคุณยายถึงพูดสำเนียงทางเหนือเป็นบางคำ” วาดดาวถามในสิ่งที่เธอสงสัยมาตั้งแต่วันแรกแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามนา

          “เจ้าคงลืมทุกอย่างสิ้นหนอแม่วาด ตัวข้าเป็นแม่นมขอแม่นายมิ่งหล้าของพวกเจ้า แม่นายของเจ้ามีศักดิ์เป็นหลานเจ้าลำพูน ตัวข้า แม่นาย นางคำฟองมาจากเมืองลำพูน เจ้าลำพูนยกแม่นายหื้อมาเป็นแม่เฮือนคุณพระ ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าคุ้มเชียงทองเมืองตาก แม่นายกับคุณพระมีลูกสามคน พ่อเมืองคำ พ่อเมืองราม กับแม่มิ่งเมือง พอขุนหลวงตากท่านสร้างกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร และอวยยศให้เจ้าคุ้มเชียงทองขึ้นเป็นพระพรหมเสนา ตัวข้า แม่นาย พ่อเมืองราม แม่มิ่งเมือง นางคำฟอง ก็ได้พากั๋นอพยพมานี่ เหลือแต่พ่อเมืองคำดูแลคุ้มอยู่ พวกข้าบ่ได้อยู่เมืองเหนือมาเมิน ก็พูดคำเหนือกันบ่หนักทุกคำ” ยายตองนวลเล่าเผื่อถึงทุกคนที่เธอต้องรู้จักไว้ในฐานะเจ้านาย วาดดาวฟังอย่างตั้งใจเพราะอยากจดจำรายละเอียดของทุกคนที่เธออาจต้องพึ่งพาเมื่อต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่

          “ยายจ๋า ข้าอยากทำงานอะไรบ้าง ยายให้ข้าทำงานเถิดนะ ข้าเบื่ออยู่แต่ในเรือน” วาดดาวเข้าไปบีบนวดหญิงชราแล้วอ้อนเหมือนกับทุกครั้งที่เธออ้อนคุณยายนวล และครั้งนี้เธอก็คิดว่าต้องได้ผล

          “แล้วเจ้าคิดว่าทำอะไรเป็นบ้าง ตั้งแต่ที่ยังมีสติดี เจ้าก็ทำอันใดบ่เป็นจิ้นเป็นอันจั๊กอย่าง มีแต่นางนาคอยเป็นมือเป็นเท้าทำให้” วาดดาวได้แต่ถอนใจ แม่วาดในอดีตช่างไม่เอาถ่านเหลือเกิน

          “ข้าเคยเป็นลูกมือแม่กับยายในครัว ข้าทำครัวได้จ๊ะยาย” วาดดาวไม่อวดว่าตนเองทำอาหารและขนมอร่อย เพราะไม่รู้ว่าคนโบราณจะชอบกับข้าวรสมือเธอไหม วาดดาวจึงอาสาเป็นลูกมือในครัวไปก่อน

          แล้วก็สำเร็จ พอสว่างยายตองนวลก็พาเธอขึ้นมาที่เรือนครัวบนเรือนใหญ่ ที่พี่ดวงและนากำลังเตรียมสำรับเช้ากันง่วน พอทั้งคู่เห็นวาดดาวเข้ามาก็ตกใจชะงักมือจากงานที่ทำหันมามองเธอเป็นตาเดียว

          “ข้าอนุญาตให้นางวาดมันขึ้นมาเอง มันก็ไม่ได้เป็นบ้าหรือผีเข้าอันใดดอก แค่สติเดิมมันหายไปเสียตั้งแต่วันนั้น ถ้าพวกเจ้าว่ามันบ้า ก็แสดงว่าพวกเจ้าว่าพ่อเมืองรามด้วยเช่นกัน” พอพูดถึงเมืองราม ยายตองนวลก็ถลึงตาดุเหมือนจะคาดโทษทั้งสอง วาดดาวก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่านาเคยบอกเธอว่าถูกม้าที่คุณเมืองรามลูกชายคุณพระกำลังปราบพยศเหยียบเอา คุณเมืองรามก็บาดเจ็บหมดสติเช่นเธอ นี่คงฟื้นขึ้นมาอาการแย่พอกัน

          วาดดาวช่วยยายตองนวลทำครัวได้คล่อง พี่ดวงและนาก็ค่อยคลายกังวลที่เธอเข้ามายุ่งในเรือนครัวเพราะไม่ได้มีอะไรแตกเสียหายอย่างที่กลัวไว้ ออกจะช่วยให้ทำอะไรได้เร็วขึ้นเสียด้วยซ้ำ

          จากผลงานในเรือนครัวที่ดีเกินคาด ยายตองนวลจึงอนุญาตให้เธอช่วยยกอาหารไปจัดสำรับวางบนศาลากลางเรือน สำรับที่จัดบนขันโตกหวายอันใหญ่ประกอบด้วยอาหารคาวหลายอย่างมีทั้งทอด นึ่ง แกงและย่าง มีผักสดและน้ำพริกเคียง ส่วนของหวานจะเตรียมกันเมื่อจัดสำรับคาวเสร็จแล้วซึ่งเป็นของหวานง่ายๆ วันนี้คือกล้วยบวชชี วาดดาวจัดวางอาหารให้ดูน่ากิน เตรียมน้ำล้างมือ ผ้าเช็ดมือและน้ำดื่มให้คุณๆ ทั้งสี่ ก่อนที่จะกลับเข้าครัวไปช่วยยายตองนวลอีกครั้ง ขณะกำลังลุกขึ้นและเอี้ยวตัวกลับไป ก็ชนกับร่างหนึ่งเข้าอย่างจังจนเธอแทบลงไปกองกับพื้น พอได้หันมองว่าเธอชนใครเข้าให้ หัวใจของวาดดาวก็แทบหล่นไปอยู่ใต้ถุนเรือน

          “วิน!!”

          “วี!!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา