It's Up To You School โรงเรียนแบบนี้ก็มีด้วย

8.0

เขียนโดย Bluesalvia

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.01 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,343 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ต้นโอ้คนางฟ้า แห่งเบลลาทิกซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “มันแปลกนะที่คนอ่อนแอที่สุดอย่างฉัน กลับไม่เคยเป็นอะไรเลย พวกนายว่าไหม”

     ไบรอันพูดติดตลก ขณะเดินอยู่บนถนนใจกลางเมืองแบลลาทิกซ์

          เพราะพวกเราใช้สมุนไพรแก้ไปสองอย่างแล้ว จึงต้องกลับมาหาเพิ่มอีก

          แต่โชคดีที่เจอฟามีร์แล้วขอร้องให้เธอแบ่งให้อย่างละนิด แน่นอนฟามีร์ผู้ใจดีที่มีกระเป๋าสารพัดประโยชน์นั่น ไม่ปฎิเสธและเต็มใจแบ่งให้ แต่แม่คนเอาแต่ใจชาลล์นั่นน่ะสิ หาเรื่องด่าเขาตลอดทาง

          “ทำไมพวกนายถึงได้สะบักสะบอมแบบนี้ละ แค่ไปหาสมุนไพรกับพิษแค่ไม่กี่อย่างเองนี่นา”ฟามีร์ถามขึ้นมา

          “ไอสมุนไพรน่ะ ไม่เท่าไร แต่ไอพิษนี่สิ เกือบตายวันละหลายๆหนเลยละ”ไบรอันรีบโม้           “หรอ ของฟามีร์กับชาลล์ไม่เห็นจะได้พิษอะไรแปลกๆเลยนะ มีแต่สัตว์เล็กๆ”

          “เอ๊ะ เราไม่ได้หาของเหมือนกันหรอกเร๊อะ ก็ว่าพวกเราเสี่ยงชีวิตเกือบตาย ซวยจริงๆเลยฉันฮ่ะฮ่ะ”

     ไบรอันหัวเราะชอบใจ เพราะคิดว่านั่นเป็นความซวยของเขาจริงๆที่ได้หาแต่วัตถุดิบโครตมหายาก

     แต่กลับไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มอีกสองคน แล้วพีทก็หันไปกระซิบกับกรีนเซล

          “กรีนเซล มันหมายความว่าไง ทำไมพวกนั้นถึงบอกว่าพิษที่ไปหา หาได้ง่ายจากสัตว์ตัวเล็กๆ” พีทถามด้วยใบหน้าเอาเรื่อง ที่กรีนเซลไม่เคยเห็นมาก่อน

          “กรีนเซลไม่รู้น้า กรีนเซลก็บอกไปตามที่กรีนเซลรู้นี่นา” เสียงเล็กๆแก้ตัวด้วยใบหน้าจ๋อยๆ

 

     ก่อนหน้านี้ เมืองเบลลาทิกซ์ เป็นเมืองที่รกร้าง เพราะมีภูมิประเทศ และภูมิอากาศเฉพาะตัว ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เป็นภูเขา ยากแก่การอยู่อาศัย

     แต่กลับมี ต้นไม้ต้นหนึ่งสามารถยืนต้นอยู่ได้ อย่างสง่างาม ผ่านสภาพอากาศที่ทั้งร้อนและแห้งแล้ง ทำให้มีกลุ่มนักพืชพรรณ สนใจและพากันเดินทางเข้ามาสำรวจต้นไม้ต้นนี้ พวกเขาได้ขนานนามต้นไม้ต้นนี้ว่า ต้นเลือดมังกร

     เหตุผลที่ได้สมญานามว่า เลือดมังกร เพราะเมื่อกรีดลำต้น หรือปลอกกิ่งของต้นนี้ จะมีน้ำยางไหลออกมาเป็นสีแดง ดั่งเลือด นักพืชพรรณได้ลองนำ ยางของต้นเลือดมังกรนั้น มาสกัดทำยา พบว่ายานั้นสามารถรักษาได้สารพัดโรค

     นั่นถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ได้ละ พวกเขาจะปล่อยให้ทรัพยากรที่มีค่า ยืนต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้อีกไม่ได้

     นั่นเป็นความคิดเห็นของนักพืชพรรณ กลุ่มที่มาสำรวจ จึงทำให้พวกเขาเริ่มเพาะและปลูกพืช ผสมพันธุ์พืช ให้สามารถขึ้นและงอกงามได้ในสภาพภูมิอากาศของเมืองเบลลาทิกซ์ พวกเขาพยายามครั้งแล้ว ครั้งเล่า

     จนวันหนึ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลง จากพื้นที่รกร้าง ก็เริ่มมีพืชพรรณขึ้นงอกงาม และอาจเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศเฉพาะตัวนั้นแหละ ทำให้พืชที่ขึ้นในเมืองนี้เกิดการกลายพันธุ์และมีลักษณะแปลกตา

     คำบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเมืองเบลลาทิกซ์ จากหัวหน้าสมาคมนักพืชพรรณ

          “ดูอย่างต้นนั้นสิ ชื่อว่าต้นแห่ง40ผล ต้นไม้ต้นนี้สามารถออกผลได้มากกว่า40ชนิด มีทั้งสโตนฟรุต พีช และเชอรี่ คนในเมืองนี้ ไม่เคยขาดแคลนผลไม้เลย มีให้กินตลอดปี”

     แล้วเจ้าคนมือไวก็แอบเด็ด ลูกพีช และเชอรี่ลงมากินไม่พอ ยังแอบซ่อนไว้ในกระเป๋า

          “ฉันเริ่มชอบเมืองนี้ขึ้นมาแล้วสิ กินผลไม้ฟรีตลอดปีเชียวนะ” ไบรอันพูดขึ้นแล้วหันไปยักคิ้วให้พวกเพื่อนๆ

          “งั้นนายก็อยู่ที่นี่เลยเป็นไง ฉันจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้านาย”คนแนะนำคือชาลล์

          “เธอนี่ชอบหาเรื่องฉันอยู่เรื่อย หรือที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรักจะจริง”

          “ไม่จริงย่ะ ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงเกลียด”

          “นี่พวกเธอสองคนพอแล้วน่า อยู่สถานที่ดีๆแบบนี้ยังจะเถียงกันอีกนะ”ฟามีร์ต้องเข้าไปห้ามก่อนที่ทั้งสองคนจะทะเลาะกันใหญ่โต

          “นั่นสินะ อยู่ตรงหน้าสถานที่โรแมนติกแท้ๆ ต้นนี้เป็นต้นโอ้คนางฟ้า เพราะต้นโอ้คต้นนี้มีกิ่งก้านที่สวยที่สุด งดงามเหมือนนางฟ้ากำลังสยายปีก เลยมักจะมีคนมาขอพรต่อนางฟ้า ให้สมหวังให้ความรัก”หัวหน้าสมาคมพืชพรรณอธิบายมาอีก

          “ว้าว จริงเหรอคะ โรแมนติกสุดๆเลยเนอะชาลล์”

          “อืมก็ดีนะ วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักก่อนนะ ขอบคุณมากนะคะหัวหน้าสมาคมพืชพรรณที่พาพวกเราเดินชมเมือง”

     หัวหน้าสมาคมพืชพรรณยิ้มรับแล้วเดินจากไป

     ส่วนชาลล์และฟามีร์ก็เดินออกไปหาโรงแรมเช่นกัน

          “พรุ่งนี้เดินทางกลับเมืองพร้อมกันนะไบรอัน รอพวกเราด้วยละ เจอกันที่หน้าประตูเมือง”เสียงฟามีร์ตะโกนมา ขณะที่วิ่งตามชาลล์คนเอาแต่ใจที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

     โมโหอะไรของเขาน่ะยัยคนนี้ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ

          “เฮ้อ ฉันก็เหนื่อยสุดๆเหมือนกัน ไปหาโรงแรมงีบก่อนดีกว่า”เสียงมาจากพีท ที่เริ่มบิดขี้เกียจ

          “ฉันขอไปหาอะไรกินก่อนนะ แล้วจะตามไป” ไบรอันตอบ

          “แล้วนายละ เจ้าชายอาเธอร์ ไม่ไปพักกับเขาบ้างหรอ” ไบรอันหันมาถามอาเธอร์ที่ยืนเฉยไม่ยอมตามพีทไป

          “แล้วนายละ ทำไมไม่ไป” เสียงเรียบๆตอบกลับมาเป็นคำถามจากเจ้าชายอาเธอร์

          “ฉันก็บอกแล้วไงว่าจะไปหาอะไรกินก่อน”

          “คิดเหรอ ว่าฉันจะเชื่อ?”

          “เออ เออ ฉันไม่ค่อยกล้าสู้หน้านายกับพีทนิ ” ไบรอันจำใจสารภาพ เกลียดจริงๆพวกรู้ทัน           “ทำไม?”

          “ก็ฉันเอาแต่ก่อเรื่องตั้งไม่รู้กี่ครั้ง พวกนายต้องเสี่ยงตายกันขนาดไหน แล้วยังมาปกป้องคนอย่างฉันอีก”

          “ฉันกับพีทไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นหรอก”

          “ฉันรู้...แต่มันก็ยังอดรู้สึกไม่ได้อยู่ดี”

          “เฮ้อ”เจ้าชายอาเธอร์ถอนใจแล้วนั่งลง

          “มันก็จริงนะ นายที่เอาแต่ก่อเรื่อง แค่คำขอโทษก็คงยังไม่พอหรอก”เจ้าชายอาเธอร์พูดเสียงเฉียบ แต่แอบซ่อนยิ้ม

          “เห็นไหมล่ะ ฉันว่าแล้วยังไงพวกนายก็ต้องคิด ว่าฉันมันเป็นตัวถ่วง ตัวปัญหา จะเลิกคบฉันเป็นเพื่อนสินะ” คนพูดทำหน้าจ๋อยสนิท

          “หือ? แค่นั้นก็คงยังไม่พอหรอก”

          “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ บอกมาสิ”

     อาเธอร์ลอบยิ้มให้กับคนติดกับ แล้วเงยหน้าสบตาคนตรงหน้า

          “อย่าตาย”

          “ห๊ะ อะไรนะ?”

          “อย่าตายก็พอ” อาเธอร์พูดยิ้มๆ หลุดมาดเจ้าชายแสนเย่อหยิ่งเป็นครั้งแรก ไบรอันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     แล้วน้ำตาของไบรอันที่ กักเก็บมานานก็ค่อยๆเอ่อไหลออกมา ไม่รู้ว่ามันมาจากความรู้สึกไหน อัดอั้นตันใจ กลัวว่าจะเสียเพื่อนไป หรือเพราะโล่งใจที่ได้เปิดอกคุยกับคนตรงหน้า

          “หรือว่า ที่นายพูดกับฉันในถ้ำนางพญามดนั้นก็เพราะ....?”

     คนที่เพิ่งหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตา และน้ำมูกที่ไหลย้อย จนจะเข้าปาก อาเธอร์ต้องเบือนหน้าหนี

          “อะไรของนาย?”

          “นายคงไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้นใช่ไหม เจ้าชายอาเธอร์ ถึงนายจะหล่อ ดูดีมีเสน่ ก็เถอะ แต่ไอแบบนั้น.. กับฉันน่ะ ไม่ไหวหรอกนะ” เจ้าคนที่เพิ่งหยุดร้องไห้ พูดยิ้มๆแบบคนเจ้าเล่

          “นายคิดอะไรของนายไบรอัน” เจ้าชายที่ตอนนี้กลายเป็นเหยื่อหลงติดกับสะเอง โพล่งออกมาอย่างคนหัวเสีย

          “แหม...ทำเป็นไม่เข้าใจ ฉันเพิ่งรู้นะว่าฉันมีเสน่ห์ขนาดนี้ แม้แต่นายที่เป็นเพศเดียวกัน ก็ยัง อุ๊บ!!”

     คนพูดไม่ทันจะได้พูดจบ เพราะถูกศอกเจ้าชายกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง

          “ฉันถอนคำพูดไบรอัน” เจ้าชายอาเธอร์ก้มหน้า มือกำหมัดแน่น

          “นายจงตายสะเถอะ ด้วยมือของฉันเอง”

     แล้วสงครามระหว่างเจ้าชายนักรบกับนักดนตรีก็เกิดขึ้น ใต้ร่มเงาของต้นโอ๊คนางฟ้า ใครกันนะบอกว่าสถานที่นี้โรแมนติกสุดๆ ใครกันนะเล่าว่าคนที่มาอธิษฐานใต้ต้นโอ้คนางฟ้าแห่งนี้จะสมหวังในความรัก... จากวันนี้ผู้คนคงจะเล่าขานตำนานต้นโอ้คแห่งนี้เป็นอีกแบบหนึ่ง คงจะเป็น ต้นโอ้ค แห่งมิตรภาพและตามมาด้วยรอยฟกช้ำ...

 

     ยังไงสะ นักดนตรีที่ไม่มีทักษะการต่อสู้ก็ย่อมแพ้อยู่วันยันค่ำ เมื่อผลออกมาคือ ตาข้างซ้ายของไบรอันเขียวช้ำ และปากมีเลือดไหลซิบๆ

          “อู้ยยยย...เบาๆหน่อยสิฟะ พีท เจ็บนะเว้ย”

     เจ้าคนแพ้แล้วพาล ด่าคนที่กำลังทำแผลให้           

          “แล้วไปทำอีท่าไหนละ ถึงได้สภาพยับเยินมาแบบนี้ หรือนายไปกินแล้วชักดาบเขามา”พีทถามแบบสงสัย เพราะก่อนแยกกัน เจ้าไบรอันมันบอกเขาว่าจะไปกินข้าวนี่นา

     แอ๊ด ! เสียงประตูเปิด

     แล้วเจ้าชายร่างสูงสง่า มาดเนี๊ยบแต่ติดที่ตอนนี้ทรงผมยุ่งเหยิงไปหน่อย ก็เดินเข้ามา

          “นั่นไง เจ้านั่นแหละพีท ไอคนที่มันย่ำยีฉัน” เจ้าคนแพ้แล้วพาล ยังพูดจาสองแง่สามง่าม แล้วทำท่าร้องไห้กระซิกๆ

          “ย่ำยี? เฮ้ อาเธอร์ นายคงไม่ได้..”

     พูดไม่ทันจบประโยคพีทก็ต้องรีบหุบปากลง เพราะเจ้าชายอาเธอร์ หันมามองด้วยแววตาแสนจะน่ากลัว รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาตอนนี้บ่งบอกว่า ถ้าขืนเขาพูดอะไรไม่เข้าหูออกไปอีกนิดเดียว เจ้านั่นได้เรียกดาบออกมาแหวกอกเขาเป็นแน่แท้

 

     เช้าวันรุ่งขึ้น

          “นี่นาย...ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาละนั่น” ชาลล์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพตาปูดบวมช้ำ ของไบรอัน ส่วนเจ้าชาย(หมา)ถึงกับสะดุ้งโหยง

          “หมาอันธพาลแถวนี้แหละ อยากจะเที่ยวต่ออีกสักหน่อยเลยหมดอารมณ์เลย”ไบรอันบ่นอุบอิบ

          “เอาน่า สมุนไพรกับยาพิษก็ได้ครบแล้ว ไปรออยู่ที่อัพ ทู ยู สคูลดีกว่า”ฟามีร์พูดยิ้มๆ

 

     แล้วคนทั้งห้า ก็ออกเดินทางกลับมายังเมืองเรเซนท์ แน่นอนครั้งนี้เจ้าชายอาเธอร์เป็นคนนำ การเดินทางถึงได้ไม่ยืดเยื้อ

     แต่แปลกที่วันนี้ เจ้าจอมยุ่งนั่นกลับไม่อาสา ขอเดินนำทางเลยสักนิด คงเพราะโดนเจ้าชายอาเธอร์สั่งสอนด้วยหมัดแห่งมิตรภาพไป ดูท่าคงจะไม่กล้าก่อเรื่องไปอีกนาน

 

     แล้วเสียงโวยวายก็ดังมาจากฟามีร์และชาลล์

          “ว้ายย นี่ตาบ้าเป็นอะไรของนายเนี้ย” เสียงชาลล์แหวขึ้นเมื่อไบรอันล้มลงไปทับเจ้าหล่อนที่เดินอยู่ข้างๆ

          “ฉัน.. ฉันรุ้สึกเหมือนไม่สบาย ขอ โทะ”เสียงแหบพล่าลอดออกจากปากของไบรอัน ไม่ทันจบประโยคเจ้าตัวก็หมดสติไป

          “เดี๋ยวนะชาลล์ ไบรอันตัวร้อนอย่างกับไฟเลย หน้าก็แดงมากด้วย”ฟามีร์ร้องขึ้นมาอีกคน

     พีทและเจ้าชายอาเธอร์รีบวิ่งมาดูจอมก่อเรื่องที่ตอนนี้หมดฤทธิ์ล้มไปกองกับพื้น

     พีทรีบสำรวจดูตามเนื้อตัวของไบรอัน แล้วกระชากที่คอเสื้อ ปรากฏรอยจุดกลางหน้าอก ที่ไบรอันเคยบอกว่าโดนแมลงกัด และตอนนี้สีแดงตรงจุดนั้น ค่อยๆเปลี่ยนเป็นคล้ำเป็นจ่ำสีม่วง

          “นั่น ไบรอันโดนพิษนี่นา พิษแรงด้วยน้า แก้ไม่ทันตายแน่”

     เสียงเล็กของกรีนเซลเอ่ยขึ้นแบบหวาดวิตก หลังจากที่เงียบมาตลอดทาง

          “พิษ? พิษอะไรกรีนเซล แล้วจะแก้ยังไง”พีทตะโกนใส่หน้า คนตัวเล็ก

          “วิธีแก้เหรอ กรีนเซลรู้ แต่จะเชื่อกรีนเซลอยู่หรือเปล่า”

     กรีนเซลทำหน้าจ๋อย หลังจากโดนพีทดุเรื่องนำทางหายาพิษเมื่อวันก่อน

          “ไว้ค่อยคุยกันเถอะ รีบพาไบรอันกลับหอพักด่วยเลย”ฟามีร์คนใจเย็น พูดอย่างร้อนรน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา