It's Up To You School โรงเรียนแบบนี้ก็มีด้วย
เขียนโดย Bluesalvia
วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.01 น.
แก้ไขเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ข้ามีนามว่ากรีนเซล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้พวกเราต้องแยกย้ายกันเข้าพบมาสเตอร์อาชีพที่เราอยากเป็นครั้งแรก เห็นว่าเป็นเหมือนคำถามก่อนเรียนอะไรประมาณนี้ จะมีการถามแบบนี้สองครั้งคือวันนี้กับวันที่เรียนจบหลักสูตร แต่จากการทดสอบเมื่อวานคนคงจะแห่ไปพบมาสเตอร์อาชีพนักรบกันเยอะแหงๆ เห็นบางคนบอกว่าเจอพวกสัตว์ประหลาดเล่นงาน จนเอาชีวิตกันแทบไม่รอด บางคนเจอกับดักล่อลวง บางคนเจอมาสเตอร์เวทมนต์เล่นงานสะอ่วม แต่บางคนกลับเดินกลับแบบฉลุยไม่เจออะไรเลยก็มี แต่เอาเถอะ ยังไงคำตอบของเขาก็ยังเหมือนเดิม
วันนี้มาสเตอร์ที่เขาจะไปพบ มาสเตอร์กราแฮม อาชีพนักดนตรี
“ไม่มีคนสนใจจริงๆด้วยสินะฮะ” ไบรอันเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เมื่อห้องดันตรี ไม่มีคนมาเลย มีแค่เขากับมาสเตอร์นั่งเล่นจ้องตากันอยู่สองคน
“อืม... ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมเธอถึงอยากเป็นนักดนตรีละ อาชีพอื่นมีเยอะแยะ”มาสเตอร์กราแฮมเริ่มพูดคุยกับไบรอัน
“ไม่รู้สิฮะ เกิดมาผมก็ทำเป็นแค่เล่นดนตรีนี่ฮะ จะไปเป็นอย่างอื่นคงไม่ไหว”
“อาชีพนักดนตรีเรา ไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องเหมือนกาเดี้ยนหรือนักบวช ไม่ได้มีหน้าที่ต่อสู้เหมือนนักรบหรือนักเวทย์ แต่สิ่งที่เราทำคือ สร้างความสุข ความสุนทรีให้กับคนอื่น แต่รู้อะไรไหม ถึงแม้เราจะไม่มีทักษะต่อสู้ ทักษะป้องกัน แต่เรามีทักษะอื่นที่เด่นมากคือ ดึงดูดความสนใจ” “แต่เมื่อวานมีการทดสอบ ผมทำอะไรไม่ได้เลยนะฮะมาสเตอร์ เสียงเพลงในเวลาคับขันไม่เห็นจะมีประโยชน์”
ไบรอันเริ่มออกความเห็นในใจเขาคิดแบบนั้นจริงๆ แม้แต่นักบวชอย่างเจ้าเทเลอร์พลังเจ้านั่นยังมีประโยชน์มากกว่าเขา
“ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดเถอะไบรอัน เป็นในสิ่งที่เธอเป็น แล้วสักวันเธอจะรู้ว่านักดนตรีก็สามารถเป็นฮีโร่ได้”,
“เอาละเธอในฐานะลูกศิษย์คนเดียวของปีนี้ ฉันจะมอบหนังสือโน้ตให้เธอ เป็นโน้ตดนตรีเวทย์ เอาไปฝึกฝนให้ชำนาญละ”
“หือ โน้ตดนตรีเวทย์ ดนตรีก็เป็นเวทย์มนต์ได้หรือฮะ”
“แน่นอนในอดีตเคยมีมาสเตอร์อาชีพนักดนตรี สามารถใช้เวทย์ดนตรีในตำนานได้ เวทย์ดนตรีนั้นสามารถผนึกได้ทุกสิ่ง ฟังดูยิ่งใหญ่ใช่ไหม คราวนี้ยังคิดว่าอาชีพนักดนตรีไม่สำคัญอยู่ไหม?”
มาสเตอร์กราแฮมเอ่ยถาม แต่เขาได้คำตอบแล้วจากใบหน้ายิ้มแย้มของลูกศิษย์ตรงหน้า
ในหนังสือ มีโน้ตเพลงทั้งหมดแปดเพลง
1. เพลงหลับใหลนิทรา ความสามรถ ทุกคนที่อยู่ในเขตดนตรี จะหลับใหล ดังตกอยู่ในห้วงนิทรา
2. เพลงม่านมายา ความสามารถ เฉพาะศัตรู ในเขตดนตรี จะมึนงง สับสน และจะมองเห็นสิ่งที่เป็นมายาที่นักดนตรีสร้างขึ้น
3. เพลงยั่วพิศวาส ความสามรถ ดึงความสนใจจากศัตรู ให้มาสนใจตัวนักดนตรีแทน 4. เพลงเงาพันร่าง ความสามรถ ทำให้ศัตรูที่อยู่ในเขตดนตรี เกิดเถาวัลย์เงาพันร่าง และเคลื่อนที่ได้ช้าลง
5. เพลงโกลาหล ความสามารถ สร้างความแตกตื่น และหวาดหวั่นใจ ให้ทุกคนที่อยู่ในเขตดนตรี
6. เพลงเสริมพลังงานสราญรมย์ ความสามารถ เฉพาะผู้คนที่เป็นมิตรที่มีพลังเวทย์และพลังกายเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในเขตดนตรีเวทย์ (เหมือนเพลงปลุกใจ)
7. เพลงสลายพลัง ความสามารถ ทุกคนที่อยู่ในเขตดนตรี จะไม่สามารถใช้เวทย์มนต์หรืออาวุธที่มีพลังเวทย์มนต์ได้ *ยกเว้นพลังกาย,การต่อสู้มือเปล่ายังคงมีผล
8. เพลงผนึกพลัง ไม่มีคำอธิบายและโน้ตดนตรี (ถูกฉีกไป)
เพลงที่ หนึ่งถึงเพลงที่ห้านี่ไม่เห็นจะดีตรงไหน มีแต่เพลงที่หาเรื่องเข้าตัวทั้งนั้น ไอ่เพลงที่หกและเจ็ดค่อยเข้าท่าขึ้นมาหน่อย แต่ตรงไหนที่บอกว่าเป็นฮีโร่ได้ ยังมองไม่เห็นเลย มาสเตอร์ปลอบใจเราแหงๆ นั่นเป็นความคิดของไบรอันเมื่ออ่านหนังสือเวทย์ดนตรีจบ แล้วเพลงผลึกพลังเวทย์ดนตรีในตำนานนี่หายไปไหน ดูท่าจะเป็นเพลงที่เจ๋งที่สุดแล้วเชียว
วันรุ่งขึ้น...
“วันนี้จะเจอการทดสอบอะไรอีกนะ ฉันอยากเจออะไรแบบบู๊ๆบ้างอะ อย่างพวกฟันดาบ ขี่สัตว์ หรือใช้เวทย์ก็ได้ ฉันอาจจะทำได้ดีก็ได้เนอะพวกนายว่าไหม”
เจ้านักดนตรีพเนจรผู้ไม่สำเนียกตัวเอง พูดขึ้นมากลางวง
“ทำไมละ นายไม่อยากเป็นนักดนตรีแล้วหรอไบรอัน ฉันว่าเหมาะกับนายที่สุดแล้วนะ” พีทถามขึ้น
“ไอ่อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ใครจะไปรู้ว่านักดนตรีมีหน้าที่หาเรื่องใส่ตัวละ ฉันมันรักตัวกลัวตายสะด้วยสิ งานนี้เห็นท่าจะต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ”
ไบรอันทำท่าสยองเมื่อนึกถึงความสามารถดนตรีเวทย์แต่ละเพลง ทักษะดึงดูดความสนใจหรอ..มาสเตอร์กราแฮม ผิดแล้วล่ะ ทักษะหาเรื่องใส่ตัวละไม่ว่า
“คลาสเมื่อวาน เขาไปเจอเรื่องอะไรมานะ ถึงได้ทำตัวพิลึกพูดจาพิลึก”พีทหันไปถามความเห็นเทเลอร์ แต่ก็ได้คำตอบแค่การส่ายหัวเล็กน้อย
“เอาละจ๊ะทุกคนฉันมาสเตอร์ลิเลียน อาชีพนักพืชพรรณจ๊ะ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับพืชพรรณ และการปรุงสมุนไพรกับยาพิษกันจ๊ะ”มาสเตอร์สาวสวย ดูท่าทางใจดี พูดขึ้น
“หาสมุนไพร ปรุงยา ยาพิษ ฟังๆดูเป็นทักษะของพวกนักพืชพรรณ ส่วนมาก แล้วยาพิษก็ทักษะของพวกนักฆ่านิดหน่อยนะฮะ เกี่ยวอะไรกับอาชีพอื่นละฮะ ทำไมถึงต้องเรียนทุกคน” เจ้าคนปากไวโพล่งถามออกไป คงจะผิดหวังที่คิดว่าคลาสเรียนฟันดาบกลายเป็นคลาสเก็บสมุนไพรดอกไม้ใบหญ้า
“ใครว่าไม่เกี่ยวละจ๊ะ เรื่องพวกนี้ ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ต้องรู้ไว้นะจ๊ะ ...ถ้าวันหนึ่งพวกเธอที่ไม่ใช่นักพืชพรรณถูกยาพิษ พวกเธอจะทำยังไง ถ้าไม่มีนักพืชพรรณอยู่ใกล้ๆคอยหายาแก้ให้ นอนรอความตายหรอ?” เสียงเงียบเป็นคำตอบ
“ทีนี้คงเข้าใจแล้วนะจ๊ะว่าทำไม ทุกคนถึงต้องมีความรู้เรื่องสมุนไพร ยาพิษ และทางแก้”
“ครับ/ค่ะ” เสียงตอบอย่างพร้อมเพรียง
“เอาละจ๊ะ นี่คือรายการสมุนไพรและยาพิษที่พวกเธอต้องไปหามาให้มาสเตอร์นะจ๊ะ รายการค่อนข้างเยอะหน่อยนะ แยกย้ายไปกลุ่มละสามคนเป็นยังไงจะได้คอยช่วยเหลือกัน สถานที่ต้องไปคือเมืองเบลลาทิก เมืองของสมาคมนักพืชพรรณอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเรเซนท์นี้นะจ๊ะ มาสเตอร์ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์จ๊ะ ไม่ต้องรีบ หาให้ครบถ้วนและถูกต้อง ที่สำคัญคอยช่วยเหลือกันไว้นะจ๊ะ งานนี้ทำคนเดียวไม่สำเร็จแน่นอน ขอให้โชคดีจ๊ะ”
พูดจบมาสเตอร์ลิเลียน ก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรายการสมุนไพรและยาพิษยาวเหยียดให้ต้องไปหามาภายในหนึ่งอาทิตย์
“เฮ้ ไบรอันเราเอายังไงดี เจ้าเทเลอร์โดนแม่เซเลน่าคนสวยจากเมืองนักบวชนั่นเอาตัวไปแล้ว” พีทสะกิดให้ไบรอันมองตาม
“แหม.. ช่างเขาเถอะน่า ใครๆก็อยากไปผจญภัยกับสาวสวยทั้งนั้นแหละ ถึงจะเป็นนักบวชก็เถอะ”
คนถูกกล่าวหาได้ยินเข้าก็ส่งเพียงสายตาดุๆมาให้ เขารู้อยู่แล้วละ เจ้าเทเลอร์คนเย็นชาไร้ความรู้สึกนั่นไม่สนใจเซเลน่าคนสวยสักนิด แต่คนอย่างนั้นไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆหรอก ..เลยพูดแซวไปเล่นๆแค่นั้นเอง ได้เห็นมันหลุดมาดเย็นชา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ไบรอันยิ้มอย่างเจ้าเล่
“ฉันว่านะ ฉันเจอคนน่าสนใจแล้วล่ะ รับรองงานหาสมุนไพรคราวนี้ มันส์แน่ๆ”
เจ้าคนชอบก่อเรื่องชี้ไปทางเด็กหนุ่มสูงโปร่ง ผมสีแดง ผู้ยืนเด่นสง่าอยู่กลางผู้คน..เจ้าชายอาเธอร์ แห่งร็อกซานน่า
“เอาจริงหรอ ไม่ได้คิดอะไรแผลงๆอยู่ใช่ไหม ไบรอัน” เจ้าคนโดนว่าเพียงแค่ขยิบตาให้แล้วเดินไปหาเจ้าชายอาเธอร์
จริงๆแล้วดูเหมือนสาวๆหลายคนจะสนใจอยากชวนเจ้าชายอาเธอร์นั่นไปอยู่กลุ่มด้วย เพราะหน้าตาอันหล่อเหลา แววตาชวนหลงใหล แต่มาดเจ้าชายแสนเย่อหยิ่งนั่นมันเหมือนกำแพงที่ปิดกั้น ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าหา ส่วนพวกผู้ชายก็คงจะพากันขยาดมาดนั้นเหมือนกัน แต่ก็ยังมีคนไม่เจียมบอดี้ เดินดุ่มๆเข้าไปหา ไม่ได้สนใจกำแพงนั่นสักนิด
“องค์ชายอาเธอร์ พะย่ะค่ะ อยากจะเสด็จไปกับพวกกระหม่อมหรือไม่พะย่ะค่ะ” ไบรอันทักไปด้วยน้ำเสียง และภาษาฟังดูแปร่งๆหู แต่บทสนทนาประหลาดๆเพราะนิสัยขี้เล่นนั้นกลับเรียก รอยยิ้มมุมปากของเจ้าชายมาดเย่อหยิ่งนั่นได้เป็นครั้งแรก
“เอาสิ ฉันจะไปกับนาย” อาเธอร์ตอบเพียงสั้นๆ สร้างความแปลกใจให้กับหลายๆคนที่ได้ยิน แน่นอนรวมถึงเจ้าตัวที่หาเรื่องนั่นด้วย
ณ ชายป่าทางไปเบลลาทิกซ์
“นี่...พีท ต้องเดินอีกไกลแค่ไหน ถึงจะเจอเมืองเบลลาทิกซ์ล่ะ”
ไบรอันตะโกนถามมาจากหัวแถว ขณะที่ในมือถือไม้ขนาดยาวพอดีมือ เดินไปด้วยแกว่งไปด้วยอย่างคนอารมณ์ดี เพราะมันถือวิสาสะนำทางอีกแล้ว
“ก็ถ้าถูกทางนะ..อีกประมาณ สี่ชั่วโมงก็น่าจะถึง” พีทตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่อีกคนที่ยังไม่รู้ฤทธิ์ของเจ้าคนนำทาง กำลังทำหน้าสงสัย….
“ งี่เง่า ”
เป็นคำพูดแรกตลอดการเดินทางมานี่ ของเจ้าชายอาเธอร์ เมื่อได้รู้ว่าได้หลวมตัวให้เจ้าคนชอบหลงทางเดินนำมา
แต่กว่าจะรุ้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้ทั้งสามหลงเข้ามาในเขตป่าพิลึกกึกกือ จากตลอดทางที่เจอแต่ทุ่งหญ้าเขียวขจี สลับกับมีต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ แต่ตอนนี้ กลับเจอแต่..ต้นไม้ แต่ไม่ใช่ต้นไม้แบบที่เคยเจอมา เพราะลำต้นของมันมีขนาดมหึมา และความสูงของมันยังกับจะสูงเทียมฟ้า แผ่กิ่งก้านสาขาและใบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ทำให้สถานที่นี้ดูมืดไปถนัด ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน มีเพียงแสงอาทิตย์ลอดส่องลงมาตามช่องว่างของใบไม้เพียงเล็กน้อย มองเห็นเป็นจุดๆเล็กๆ ราวกับหิงห้อยฉายแสงตอนกลางคืน
“ฉันอยากจะบ้าตาย แล้วจะเอาไงกันดีละทีนี้” เสียงเจ้าพีทเอ่ยออกมา พร้อมกับกุมขมับ ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“เอาน่า เอาน่า... ถือสะว่ามาเที่ยวนะนี่ก็ดูแปลกดีใช่ม่ะ? เจ้าชายอาเธอร์ เจ้าชายแบบนายคงไม่เคยเจอสถานที่แบบนี้หรอกจริงม๊า”คนก่อเรื่องยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
เจ้าชายอาเธอร์มาดเย่อหยิ่งหันมองคนก่อเรื่อง แต่แปลกสีหน้ากลับไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธเลยสักนิด เจ้าคนก่อเรื่องจอมกะล่อนเลยได้ใจ
“ฉันว่าลองดูดีๆ แล้วมันแปลกๆนะ พวกนายว่าไหม” ไบรอันเอ่ยขึ้นมาแววตาจ้องมองบางอย่าง
“ไม่แปลกมั้ง ต้นไม้ยักษ์ แมลงยักษ์ แถมดูนู้น ต้นไม้กินคนยักษ์... ดูปกติมากเลย” เจ้าชายอาเธอร์พูดประชดพร้อมชี้ไปที่ดอกไม้ที่ตูมๆ แต่ต้นค่อนข้างจะใหญ่หน่อยต้นเดียวกับที่ไบรอันจ้องอยู่
โอ้โห้เหะ...จริงๆหมอนี่ก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ ถึงหน้ามันจะดูไม่ค่อยขำก็เถอะ
“ก็นั่นแหละไอ่ที่ว่าแปลก คือพวกนายดูโคนต้นของดอกที่หุบ ของมันสิ ทำไมมันขยับตุบๆยังกะมีอะไรเต้นแท็บอยู่ข้างใน” ทุกคนพึ่งสังเกตุเห็น จริงอย่างไบรอันว่า
“ฉันว่าไม่เข้าท่าแล้วล่ะ ต้นไม้กินคนปกติแล้วดอกมันจะบานเพื่อล่อเหยื่อ แต่นี่มันหุบแสดงว่ามันพึ่งกินเหยื่อเข้าไป ฉันว่า..อาจมีคน พึ่งหลงเข้ามาแล้วโดนเขมือบไปก่อนหน้าที่เราจะมาถึง” เจ้าชายอาเธอร์ พูดถึงเรื่องน่ากลัวขึ้น แต่น้เสียงไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด
“เฮ้ยยย เราจะทำไงกันดี เราต้องช่วยเขานะ ดูสิยังดิ้นๆอยู่แสดงว่าเขายังไม่ตาย” ไบรอันโวยขึ้น
“เอาสิพีทโซ่ทมิฬนายไง มันร้ายกาจออก รัดมันเลย” ไบรอันเริ่มใช้สมองอันน้อยนิดของตัวเองคิด
“ไม่ได้สิรัดไปเดี๋ยวคนในนั้นตาย ทำไงดีหรือฉันจะลองเล่นเพลงหลับไหลนิทราดี เพลงนี้ฉันถนัดนะ โอ้ยย...ใช้ได้สะที่ไหนละ หลับแล้วยังไงต่ออ่ะ เอาออกมาไม่ได้อยู่ดี”
ไบรอันสติแตกเรียบร้อย พูดเอง ตอบเอง สองมือของเขาขยุ้มผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ดาบเปลวอัคคี”
เสียงเรียกดาบดังมาจากเจ้าชายอาเธอร์ แล้วก็ปรากฏ ดาบเล่มหนาใหญ่เคลือบไปด้วยเปลวไฟอยุ่ในมือ
เจ้าชายอาเธอร์กระโดดแล้วเหวี่ยงดาบในมือฟันฉับ ! ทีเดียวต้นไม้กินคนต้นนั้นแยกออกเป็นสองซีก
แล้วก็ปรากฏร่างเล็กๆหล่นตุบลงที่พื้น เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยยางต้นไม้กินคนเหนียวๆ ผมยาวละพื้นสีเขียว นัยน์ตาวาวโรจน์สีแดง ดูน่ากลัว แต่ถูกกลบด้วยขนาดความสูงเพียงไม่เกินสองฝ่ามือ ทำให้ดูน่ารักมากกว่า
“ตัวไร๊อ่ะ” ไบรอันโพล่งออกมา
“ไม่รู้แหะ แต่น่ารักจัง”พีทตอบ
“ฉันว่าดูเหมือนคนแคระนะ” เจ้าชายอาเธอร์พูดอย่างคนรอบรู้
“ใช่แล้ว ข้าเป็นคนแคระนามว่า กรีนเซล เจ้าพวกมนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ พละกำลังที่มหาศาล พวกเจ้าไม่รุ้จักข้าได้ยังไงน้า”
คนแคระตัวเล็กเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงเล็กๆเหมาะกับตัว แต่คำพูดที่ดูยิ่งใหญ่นั่นไม่เหมาะสักนิด “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะๆๆ เผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ พละกำลังมหาศาล แต่มาเต้นแท็บอยู่ในท้องของต้นไม้กินคนเนี้ยนะ งี่เง่าเป็นบ้า”
ไบรอัน พูดขึ้น หลังจากหัวเราะจนท้องแข็ง
คนแคระตัวน้อยที่ถูกเจ้าคนที่หน้าตางี่เง่าที่สุด ด่าว่างี่เง่า ทำให้รู้สึกงี่เง่าคูณสอง โมโหจนควันออกหู จึงเตะเปรี้ยงเข้าไปที่หน้าแข็งของเจ้ามนุษย์ผมสีน้ำตาลที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
“โอ้ยย... นี่ยัยตัวเล็ก เธอจะเป็นเด็กหรือคนแคระ หรือว่าเผ่าพันธุ์ในตำนานอะไรนั่นฉันไม่สนหรอกนะ แต่ถ้าไม่มีฉันเดินพาพวกนี้หลงมาทางนี้ เธอคงได้เต้นแท็บจนตายอยู่ในท้องของเจ้าดอกไม้กินคนยักษ์นั่นแล้วรู้ไว้สะด้วย”
ไบรอันพูดพลางใช้นิ้วหิ้วคนแคระ ที่เขาเรียกว่ายัยตัวเล็กขึ้นมา
“เอาน่าไบรอัน ถ้านายไม่ชอบฉันขอ น่ารักจัง ฉันจะเลี้ยงไว้” พีทพูดพลางแย่งคนแคระ นามว่ากรีนเซลมาจากไบรอัน
“ไม่ได้หรอก คนแคระเป็นปีศาจจากฝั่งตะวันตก ไม่เคยพบเห็นว่ามาเพ่นพ่านอยู่แถวตะวันออก มันน่าสงสัย” อาเธอร์พูดขึ้น ทำให้คนที่อยากเลี้ยงไว้ทำหน้าจ๋อยๆ
“นั่นสิ ไปเถอะพีท เดี๋ยวหาสมุนไพรกับยาพิษ ไม่ทันพอดี มาสเตอร์ให้เวลาแค่อาทิตย์เดียว เรื่องอะไรถึงได้อยากเลี้ยงคนแคระจอมอันธพาลแบบนี้”
ไบรอันพูดพลางลูบหน้าแข้งที่เพิ่งโดนเตะมา สงสัยพละกำลังจะมหาศาลจริงๆไม่ใช่แค่คุย เท้าเล็กๆแค่นั้นแต่เตะหนักเป็นบ้า เมื่อสองเสียงไม่ยอม พีทจึงต้องจำใจวางคนแคระตัวน้อยลงแล้วหันหลังเดินตามเพื่อนๆไป
“เดี๋ยวสิพวกนาย หาสมุนไพรกับยาพิษอะไรกันหรอ กรีนเซลช่วยได้น้า โดยเฉพาะยาพิษน่ะ กรีนเซลเชียวชาญเลยล่ะ”
เสียงคนแคระตัวน้อยเสนอขึ้นมา ทั้งสามยังมองอย่างสงสัย
“ก็ ตอบแทนที่พวกนาย ช่วยกรีนเซลเอาไว้ กรีนเซลจะบอกสถานที่เก็บสมุนไพร แล้วก็ยาพิษตอบแทน”
อาเธอร์และไบรอันชั่งใจอยู่สักครู่ก็พยักหน้าตอบตกลง ส่วนพีทดีใจอย่างกับลิงโลด กรีนเซลจึงโดด ตุบ! ขึ้นไปบนไหล่ของไบรอัน
“นี่เธอเรื่องอะไรขึ้นมาบนไหล่ฉัน นู้นเลยไปหาเจ้าพีทนู้น“ ไบรอันส่งเสียงจึ๊กจักไล่ “ไม่เอากรีนเซลจะอยู่กับไบรอันนี่แหละ ขอโทษที่เมื่อกี้เตะไบรอันน้า ดีกันไว้”
คำนี้ทำให้ไบรอันใจอ่อนอีกแล้ว นั่นสิดีกันไว้ดีกว่า
“โอ้ยย..”
เสียงร้องมาจากไบรอัน
“เป็นอะไรอีกละ” พีทถาม เมื่อหันไปมองเห็นเพื่อนสนิทลูบหน้าอกอยู่
“ไม่มีอะไร สงสัยโดนแมลงกัดน่ะ กลางหน้าอกพอดีเลย เข้าไปได้ยังไงนะ”
ไบรอันพูดพลางลูบตรงจุดที่โดนกัด ตอนนี้เริ่มเป็นจุดแดงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ