It's Up To You School โรงเรียนแบบนี้ก็มีด้วย

8.0

เขียนโดย Bluesalvia

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.01 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,553 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) วิชาการเที่ยว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               “จะได้อยู่กับคนแบบไหนมั้งนะ ถ้าแม่น้ำสายโชคลาภไหลผ่านเมืองนี้จริงขอให้ได้อยู่กับคนที่คุยด้วยง่ายๆหน่อยเถ๊อะ..สาธุ”

     คนที่ยังหวังลมๆแล้งๆว่าแม่น้ำโชคลาภไหลผ่านเมืองนี้ อธิษฐานพร้อมยกมือไหว้ปลกๆอยู่หน้าประตูห้องที่เขามีรายชื่อ แล้วจึงค่อยๆเปิดประตูเข้าไป

     คนที่อยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้วหันมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เด็กหนุ่มผมสีดำเทา ดวงตาสีเขียวคู่ที่คุ้นเคยเหมือนเพิ่งเห็นมาหยกๆมองสบมาที่เขา

               “ไม่ได้ไหลผ่านจริงๆด้วยสินะ”ไบรอันพึมพำ

               “ว่าไง ฉันจองเตียงนี้นะ”เด็กหนุ่มคนเดิมตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงข้างหน้าต่างพูดกับเขา                “อืม เอาเถอะก็นายมาก่อนนี่ ฉัน ไบรอัน ซิลวาโน่ แล้วนายล่ะ”ไบรอันเอ่ยถาม เขาเริ่มปลงตก ไหนๆก็ต้องอยุ่ห้องเดียวกันนี่เนอะ

               “ฉันพีท ร็อดดิก ยินดีที่ได้รู้จัก”

               “แล้วอีกคนเป็นใครหรอพีท นายพอจะรู้ม่ะ”

               “ไม่รู้สิ ถึงรู้ชื่อก็ไม่เคยเห็นหน้า”

               “ช่างเถอะ เดี๋ยวมาคงรู้เอง ว่าแต่...เรื่องอาชีพน่ะ นายคิดว่าไงพีท ไอฉันน่ะ ยังไงๆก็คงจะเป็นนักดนตรีนั่นแหละ ถึงจะจนก็ช่างเถอะ ก็ฉันมันคนเปื้อนฝุ่น คงกอดไม่อุ่นเท่าคนมีตังค์ ใช่ม๊ะๆ หน้าอย่างฉันไปเป็นนักรบงี้ ใครฟังเขาได้หัวเราะกันท้องแข็งตาย..”

     ไบรอันเริ่มพูดพร้อมแสดงท่าทาง ทำให้คนที่ใบหน้าเรียบเฉยหลุดหัวเราะออกมา ไบรอันได้ทีจึงเริ่มโม้ใหญ่ บางเรื่องก็จริงบ้าง แต่งบ้าง เอาเถอะไหนๆก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันแล้ว อย่างมาสเตอร์บอริสว่า ดีกันไว้

     ขณะที่ไบรอันกับพีทกำลังพูดคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิงประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง เด็กหนุ่มตัวสูงสง่าคนนึงเดินเข้ามา ผมขาวนัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้าดูเย็นชา ไม่แม้แต่จะยิ้มทัก หนักกว่าเจ้าพีทไปอี๊ก

               “ฉันไบรอัน ซิลวาโน่น่ะ ส่วนเจ้านี้ พีท ร็อดดิก”

     ไบรอันรีบแนะนำตัวให้กับคนมาใหม่ แต่เจ้าคนตรงหน้า ไม่ได้สนใจมองเขาเลยสักนิด กลับเดินตรงไปที่เตียงที่ยังว่างอยู่แล้วจัดของของตัวเองเข้าตู้ข้างหัวเตียง

               “อะไรของเจ้าหมอนี่ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลยเน๊อะ ยังงี้อยู่ด้วยกันอึดอัดตาย เขาเลือกหอกันยังไงนะ สุ่มจับฉลากเอาหรอ ถ้าใช่..เรานี่ซวยเป็นบ้าเลยเนอะพีท”

     คนปากดีกระซิบกระซาบนินทาคนตรงหน้าให้เพื่อนที่เพิ่งรู้จักฟัง แต่เขาคงจะพูดเสียงดังไปหน่อย คนถูกนินทาจึงหันมาตอบด้วยสีหน้ารำคาญใจ

               “ฉันเทเลอร์ เฟเรอเดอร์ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกอึดอัด” ไบรอันกับพีทได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งให้

               “เห็นไหม เขาโกรธเลย นายน่ะไปนินทาเขาฉันเลยโดนหางเลขด้วยเลย”พีทกระซิบพร้อมกะทุ้งศอกใส่เจ้าคนปากดี

               “แหะ แหะ เอาเถอะ สมานฉันท์กันดีกว่านะ ยินดีที่ได้รู้จักเทเลอร์ ฉันมันก็เป็นคนแบบนี้แหละ ปากมันไวกว่าสมองน่ะ นายคงไม่ถือหรอก ใช่ไหม”เจ้าคนปากดีแก้ตัว เอามือเกาท้ายทอยแก้เขิน

               “ว่าแต่นายนะพีท เลือกอาชีพได้ยัง อยากเป็นอะไร”

               “นักฆ่า”

               “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่ได้ผลหรอกแก หลอกฉันได้แค่ครั้งเดียวน่า หือว่าไง”

     เจ้าคนปากดีและยังถือดีพูดพลางเอามือตบไหล่เพื่อนใหม่ไปพลางอย่างถือสนิท แต่คนถูกตบไหล่ยังเงียบ

               “เอาจริงดิ นี่นายคงไม่ได้เชื่อมาสเตอร์นั่นจริงๆใช่ไหม ว่าอาชีพนักฆ่า เป็นอาชีพยอดฮิต สุดเท่ห์น่ะ”

               “ไม่หรอกฉันมีเหตุผลของฉันน่ะ” พูดจบพีทก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง (เอาอีกล่ะเข้าโหมดส่วนตัวอีกล่ะ)

               “แล้วนายล่ะเทเลอร์อยากเป็นอะไร”ไบรอันเปลี่ยนเป้าหมาย คนที่นิ่งฟังอยู่นานจึงหันมาสบตา

               “นักบวช”

               “เอาเข้าไป แกนี่ก็อีกคน อาชีพเท่ห์ๆมีเยอะแยะ ดันอยากเป็นนักบวช แย่งอาชีพผู้หญิงเค้าอีก”

               “เฮ้อ..” เทเลอร์ถอนหายใจเหมือนรำคาญเต็มทน

               “ไม่สำคัญหรอกว่าอาชีพอะไรจะเท่ห์แค่ไหน แต่ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง พูดไปนักดนตรีเร่ร่อน อิสระไร้กฏเกณฑ์แบบนาย ก็คงไม่เข้าใจหรอก”

     คนถูกตำหนิตาโต เพราะความตะลึง ไม่หรอก...เขาไม่เข้าใจที่เทเลอร์พูดนั่นสักนิด ที่เขาตะลึงน่ะคือ มันพูดประโยคยาวๆเป็นด้วยเหรอเนี้ย อัพ ทู ยู สคูลนี่มันมีแต่เรื่องให้ได้ประหลาดใจอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

 

     เช้าวันรุ่งขึ้น

               “ถ้าพวกเธอกำลังคิดว่าที่นี่จะเรียนในห้องเรียนนั่งฟังมาสเตอร์พูด ตามองตำรา เอาไม้กายสิทธิ์แกว่งไปมา แล้วก็ยกมือถามคำถามเหมือนโรงเรียนทั่วไปพวกเธอคิดผิด เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ วันนี้ฉันจะพาพวกเธอไปเที่ยวนอกเมือง”

     เสียงจากมาสเตอร์คนใหม่ ชื่ออิวานาเจลีน

               “เฮ้ยพีท แกว่าไปเที่ยวนี่มันจะเกี่ยวกับอาชีพไรว่ะ ฉันว่าอาชีพนักดนตรีแบบฉันแหงๆ เชื่อสิ อันนี้ฉันมั่นใจ มันสไตส์ฉัน” ไบรอันพูดอวดโชว์ภูมิ

               “สมองนิ่ม เขาอาจจะมีด่านทดสอบอะไรอยุ่ข้างนอกก็ได้ แค่มาสเตอร์เขาพูดว่าไปเที่ยวนายก็เชื่อเขาละหรอ ทักษะปัญญาไม่ผ่านแน่นายนะ ไหวพริบไม่มีเลย”

     เสียงเล็กหวานของผู้หญิง แต่คำพูดที่ฟังดูพิกลแบบนี้ มาจากใครไม่ได้นอกจาก ชาลล์สาวน้อยที่เอาแต่ใจคนนั่น

               “หรอ แม่คนไหวพริบดี งั้นเธอว่าเกี่ยวกับอาชีพอะไรไหนบอกมาสิ” ไบรอันต่อปากต่อคำ

               “สองคนนี้นี่ เจอหน้ากันทีไร ทำไมทะเลาะกันตลอดนะ ดีกันไว้น่า”ฟามีร์ แม่ค้าฝึกหัด พูดยิ้มๆ

               “ก็ตาบ้านี่อยากโชว์โง่ทำไมล่ะ” ชาลล์ยังค้าน

               “เธอนั่นแหละทำเป็นสอนงั้นงี้ เอาเข้าจริงตัวเองกลับไม่รู้อะไรเลย”

     ไบรอันแย้งขึ้นมาอีก แล้วก็เถียงกันไม่รู้เรื่องอะไรต่อมิอะไร จนฟามีร์คนใจเย็นยังยากที่จะห้ามทัพ ได้ถอนหายใจ พีทมองฟาร์มีอย่างเข้าใจหัวอก

               “ว่าแต่ พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าเจ้าเทเลอร์นั่นเดินคุยอยุ่กับใคร สวยเป็นบ้าเลยอ่ะ”ไบรอัน เอ่ยขึ้นมาหลังจากยุติสงครามน้ำลายกับชาลล์ได้สักพัก

               “อ่อ นั่นเซเลน่า เขามาจากเมืองเดียวกันน่ะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆเลยมั้ง ไม่ใช่แค่สวยนะ แต่ยังสุภาพ เรียบร้อย นายสนใจหรอไบรอัน” ฟามีร์ถาม

               “ไอ่สนมันก็สนอยู่นะ แต่เย็นชาแบบหมอนั่น เป็นเพื่อนกับผู้หญิงสวย นิสัยดีแบบนั้น น่าขนลุกจริงๆ”

 

               “เอาล่ะถึงแล้ว”

     เสียงเรียกจากมาสเตอร์อิวาน เรียกความสนใจจากทุกคน ตอนนี้พวกเราทุกคนมาอยุดอยู่ในป่าบนภูเขาห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส มีเสียงแมลง และนกร้องเป็นระยะๆ

               “จากนี้จะเริ่มการเรียนการสอนจริงจังสักทีนะ ไม่มีอะไรยากมากหรอก แค่กลับให้ถึงอัพ ทู ยู สคูลให้ได้ก่อนตะวันตกดินก็พอ เป็นอันว่าผ่านการทดสอบวิชาของฉัน”

     พูดจบร่างของมาสเตอร์อิวานก็หายไป

     ไบรอันขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก ไปทางไหน ไปยังไง ทำไมไวจัง

               “นายไม่ได้ตาฝาดหรอก นั่นละทักษะพิเศษของอาชีพนักฆ่า ความว่องไวดุจสายลม”      เสียงเอ่ยขึ้นจากพีท เด็กหนุ่มผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักฆ่า

               “ฉันชักเข้าใจแล้วทำไมนายอยากเป็นนักฆ่านัก เท่ห์ไม่หยอกนิหว่า”

               “แล้วนี่เราจะเอาไง คนอื่นเริ่มไปกันไกลละนะ”

               “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันน่ะใคร นักดนตรีพเนจรนะเว้ย เดินทางมาแล้วเหนือจรดใต้ หลงทางก็บ้าแล้ว เสียชื่อนักพเนจรหมด”คนอวดดีโชว์ภูมิอีกหนแล้วออกเดินนำ

     และแล้วก็หลง ยิ่งเดินป่าข้างทางยิ่งไม่คุ้น จากจุดเริ่มต้นที่มองเห็นท้องฟ้าปลอดโปร่งเห็นนกบินเป็นระยะๆ ตอนนี้มองแทบไม่เห็นท้องฟ้าเพราะป่าทึบขึ้นเรื่อยๆ

               “ฉันว่าพอเถอะ เรากลับทางเก่ากันดีไหมไบรอัน ก่อนจะเดินไปทะลุเมืองกลาเซีย”พีทเตือน ถึงเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของเรเซนท์ทิศที่เขากำลังมุ่งหน้าไป

               “งั้นนายมาเดินนำไหม เผื่อจะตัดเข้าเส้นทางถูก” ไบรอันเริ่มออกความเห็น ท่าทีเปลี่ยนจากตอนแรกถนัด

               “ฉันบอกนายหลายครั้งแล้ว ว่าทิศนี้มันไม่ใช่ๆ แต่นายบอกว่าไงนะ เชื่อฉันน่า...นักฆ่าอย่างนายจะเถียงนักดนตรีพเนจรอย่างฉันหรอ”

     พีทพูดทำท่าเลียนแบบ เหมือนเขาไม่มีผิด

               “ก็ถ้าไม่รู้ จะอวดเก่งทำไม” เสียงเย็นชาทักออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง

               “เอ้า เจ้าเทเลอร์ แกก็หลงเหมือนกันเร๊อะ ฮ่ะฮ่ะ งี่เง่าเป็นบ้า ”

     ไบรอันหัวเราะทักคนที่เพิ่งมาใหม่

               “แกสิงี่เง่า เทเลอร์มันเห็นแกเดินมาทางนี้ มันก็หยุดหันมามองตามตอนพวกเราออกมา ตอนแรกฉันก็นึกว่านายเดินไปกับเซเลน่านู้นสะอีก” พีทพูด

               “แกเห็น แล้วแกก็ดันตามมา จะดีหรอทิ้งสาวสวยมาหาพวกฉันสองคนเนี้ย ถึงฉันกับเจ้าพีทจะหล่อพอใช้ก็เถอะนะ แต่ฉันว่าแบบนี้มันไม่ค่อยเข้าท่า”

     คนผิดที่ยังไม่รุ้ตัวว่าผิด ทำหน้ายียวน ยุไม่ขึ้น นึกว่าจะโดนระเบิด แต่กลับกันเทเลอร์เพียงแค่ส่งสายตาดุๆให้เขา แล้วก็ออกเดินนำหน้ามา

     ทำยังไงนะเขาถึงจะทำให้เจ้าคนตรงหน้านี้ แสดงอารมณ์ออกมาได้จริงๆสักที หมั่นไส้มาดเย็นชาของมันเต็มทน

     ทันใดนั้นคนทั้งสามก็ต้องสะดุ้งสุดตัว

     เมื่อได้ยินเสียงหวี๊ดร้องของผู้หญิง ตามด้วยเสียงโฮ่ก ! ดังลั่น ทั้งสามออกวิ่งไปตามทางที่ได้ยินเสียงนั่นแว่วดังมาอย่างรวดเร็ว ผ่านป่าหนามและพงหญ้าก็ปรากฏภาพหญิงสาว เนื้อตัวขะมุกขมอม ล้มอยู่กับพื้น เหนือร่างของผู้หญิงคนนั้น คือตัวบิ๊กฟุต ตัวสูงใหญ่เกือบห้าเมตร ขนดกหนาสีน้ำตาลดำ หน้าตาดุร้าย

     ไบรอันไม่รุ้ว่าเพื่อนทั้งสองของเขารู้สึกยังไง แต่ตัวเขามันมากกว่ากลัว หรือตกใจ เท้าเย็น มือเย็น ทำอะไรไม่ถูก จะวิ่งหนีไป หรือทำยังไงดี วินาทีนั้นเขาลืมหมดทุกสิ่งอย่างแม้แต่การหายใจ เวลาเดินผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที แต่มันนานราวกับเป็นชั่วโมงๆ ทำไม..ทำไมไม่มีใครทำอะไรเลยละ      แล้วคนที่คิดว่าขี้ขลาดที่สุดในกลุ่มอย่างเขากลับทำเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

               “เฮ้ยยยย ไอตัวคนดก เล่นกับผู้หญิงอ่อนแอจะสนุกหรอ มาๆเล่นกับฉันสามคนดีกว่า”      ไม่พูดเปล่าเจ้าคนปากไวก็หยิบกิ่งไม้แห้งที่ตกอยุ่ใกล้ๆตัวขว้างไปทางเจ้าบิ๊กฟุตตัวนั้น แล้วทักษะความแม่นยำที่ตัวเขาไม่เคยมี วันนี้กลับทำได้ดีเกรดA+ กิ่งไม้ขนาดพอดีมือนั้น พุ่งเข้าเป้าหมายกลางแสกหน้าของเจ้าบิ๊กฟุต แม่นราวจับวาง

     ได้ผลถนัด เจ้าบิ๊กฟุตเหลือบมามองตามทิศทางที่เขาทั้งสามคน แล้ว โฮ่กกก... เสียงดังกว่าเดิม เพิ่มเติมคือ ความเกรี้ยวกราด สองตีนหนาใหญ่สมชื่อ วิ่งมาทางเขาเสียงเท้ามันกระทบพื้นดินดังลั่นปานแผ่นดินจะถล่ม เพื่อนสองคนข้างกายไหวตัว ทักษะการเอาตัวรอดทำงานอัตโนมัติ เมื่อหยั่งรุ้ถึงภัยอันตรายที่ใกล้จะมาถึง

     แต่เจ้าคนที่กล้าดีเดือดเมื่อกี้ กลับกลัวจนขาสั่น วิ่งไปไหนไม่ไหว ทั้งที่ใจของเขาตอนนี้ ไปไกลถึง อัพ ทู ยู สคูลแล้ว อีกเพียงแค่เอื้อมมือกรงเล็บแหลมของเจ้าตัวบิ๊กฟุตนั่นก็จะถึงตัวเขา ตายแน่ๆ ยังงี้ต้องตายแน่ๆ เสียงดังก้องอยุ่ในใจของไบรอัน เจ้าบิ๊กฟุตยกมือขึ้นพร้อมเหวี่ยงวงสวิงแบบคอมโบ เขาทำได้เพียงหลับตาปี๋

               “เกราะแห่งแสง”

     เช้ง !

     เสียงเล็บเจ้าตัวบิ๊กฟุตกระทบกับอากาศ แล้วมีประกายแสงสีทองวาบแตกเป็นสะเก็ด เหมือนเล็บเสียดสีกับโลหะ

               “แกนี่มัน ดีแต่หาเรื่องจริงๆ” เสียงมาจากคนตัวสูง ผมขาว นัยน์ตาสีฟ้า ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา

               “พีทเร็ว เกราะนี่ทนได้ไม่นาน”

     เสียงเทเลอร์ร้องเตือน แค่พริบตาพีทก็หายไปจากหลังต้นไม้ที่หลบอยู่ มาโผล่อยู่ข้างหลังเจ้าบิ๊กฟุตตัวนั้น แล้วใช้โซ่ทมิฬ รัดคอเจ้าบิ๊กฟุตนั่นไม่กี่วินาที เจ้าตัวใหญ่ขนดก ท่าทางเกรี้ยวกราด ก็ล้มลงไป สิ้นฤทธิ ไม่สามารถทำร้ายใครได้อีก

               “พะ พวกนายเป็นใคร พีท กับเทเลอร์ ใช่นายสองคนแน่หรอ”

     คำถามออกมาจากปากของเจ้าคนดีแต่ก่อเรื่อง เทเลอร์เงียบเพียงแค่หันมาสบตา ส่วนเจ้าพีทยิ้มแบบมีเลศนัย

               “แล้วไอที่พวกนายเก่งกันขนาดนี้คืออะไร มีแต่ฉันใช่ไหมที่ทำได้มากสุดแค่เอากิ่งไม้ขว้างใส่หน้ามัน”

     เจ้าเทลอร์ไม่ได้สนใจจะฟังเขาสักนิด กลับเดินไปช่วยพยุงหญิงสาวเคราะห์ร้ายที่เกือบเป็นเหยื่อเจ้าบิ๊กฟุตตัวนั้น เขาละเกลียดจริงๆเวลาที่มันเมินเขาแบบนี้ จึงหันไปถามเจ้าเพื่อนตัวดีอีกคน แต่มันกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ผิวปากหวือ

               “ขอบคุณพวกคุณมากนะคะ ที่ช่วยดิฉันไว้”

               “อืม ไม่เป็นไรหรอกฮะ อันที่จริง แค่นี้น่ะจิ๊บจ๊อย อีกสักตัวสองตัวยังไหว” เจ้าคนที่เมื่อกี้ยืนขาสั่น คุยโวใส่หญิงสาวตรงหน้า

               “น่าอายจริงๆที่ต้องให้พวกคุณมาช่วย แต่อยากจะขอร้องอีกสักหน่อย คือว่า...ช่วยไปส่งฉันที่เมืองกลาเซียได้ไหมคะ ดิฉันกลัวจนไม่กล้าเดินทางกลับคนเดียวแล้วค่ะ” หญิงสาวดังกล่าวขอร้องมาอีกด้วยท่าทางวิงวอน

               “เอ่อ แต่ว่า” ไบรอันเอ่ยขึ้น

               “ได้โปรดเถอะนะคะ” หญิงสาวขอร้องอย่างไม่ลดละ

               “พวกเรากลับอัพ ทู ยู เถอะ” เสียงเย็นชาจากคนตัวสูง เอ่ยขึ้นมา

               “นี่แก กล้าปฎิเสธคำขอร้องของผู้หญิงที่กำลังบาดเจ็บแบบนี้ได้ยังไง”ไบรอันตวาดขึ้นมา เขาชักจะฉุนจริงๆ เพราะความใจดำของคนตรงหน้า

               “แต่ฉันเห็นด้วย กับเทเลอร์นะ เราช่วยเขาไว้แล้วครั้งหนึ่งนี่ แล้วไอเรื่องที่จะให้ไปส่งกลาเซียน่ะ มันมากไป เรากลับมาไม่ทันก่อนตะวันตกดินหรอก” พีทออกความเห็น

               “แต่ยังไง พวกนายก็ใจดำเกินไป ฉันรับไม่ได้” คนดื้อยังเถียง

               “แล้วนายจะเอายังไง ยอมสอบตกวันนี้ เพื่อเป็นฮีโร่ไปส่งผู้หญิงที่เมืองกลาเซียหรอ” พีทถามย้ำขึ้นมาอีก

     ไบรอันมองแววตาของผู้หญิงตรงหน้าอยู่นาน ก็จริง ถ้าไปส่งเขาต้องสอบตกแน่ แต่ก็อยากจะช่วย

               “พี่สาวฮะ ผมคงช่วยพี่ไม่ได้ฮะ ถึงผมอยากจะช่วยพี่แค่ไหน แต่ถ้าเจ้าสองคนนี้ไม่ไป ผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอกฮะ ไอ่ผมน่ะ ต่อสู้ก็ไม่ได้เก่งเหมือนพีท แล้วก็ไม่ได้มีเกราะกันกระแทกเหมือนเจ้าเทเลอร์ด้วย เดินยังหลงทิศหลงทางเลย ผมคงไปส่งพี่ไม่ได้หรอกฮะ ผมขอโทษจริงๆ”      ไบรอันพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ หญิงสาวตรงหน้ายิ้ม แล้วปัดเสื้อผ้าตัวเองที่เปื้อนฝุ่น

               “เฮ้อ...ไม่สำเร็จจริงๆ อุตส่าห์ลงทุนล้มลุกคลุกคลานนะเนี้ย.. ฉันมาสเตอร์เอลานอร์ อาชีพกาเดี้ยนจ๊ะ”

     หญิงสาวคนเดิมพูด พร้อมกับจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของหนุ่มน้อยชื่อไบรอัน ตอนนี้หน้าตาเขาคงตลกสุดๆเพราะมาสเตอร์เอาแต่หัวเราะก๊ากก อะไร อะไรอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน วันนี้มันมีเรื่องเยอะแยะมากมายจนสมองเขารับไม่ทันแล้ว

               “หนุ่มน้อยแสนซื่อ หนุ่มน้อยแสนเจ้าเล่ห์ และหนุ่มน้อยแสนฉลาด คิดไม่ผิดจริงๆที่มารอเส้นทางนี้” มาสเตอร์เอลานอร์เอ่ย

               “ว่าแต่เรารู้เมื่อไหร่จ๊ะ พ่อหนุ่มน้อยแสนฉลาด”มาสเตอร์หันหน้าไปถามเทเลอร์ที่เตรียมออกเดินทางกลับ

               “ตอนที่ช่วยพยุงมาสเตอร์ สัมผัสถึงกล้ามเนื้อตรงช่วงแขน ประกอบกับมาสเตอร์ให้ไปส่งกลาเซีย เมืองของสมาคมกาเดี้ยน ถึงได้สังเกตมือสองข้างของมาสเตอร์ชัดๆแถวข้อมือมีรอยด้านเกิดจากการถืออาวุธประเภทหอก และอีกข้างถือโล่”

     คำพูดยาวเหยียดจากเจ้าคนพูดจาน้อยคำ มาสเตอร์เอลานอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

               “แค่นี้ก็รุ้แล้วหรอ ฮ่ะฮ่ะ แล้วเราล่ะ รุ้แต่ทำไมถึงได้แกล้งทำเป็นไม่รู้ หนุ่มน้อยแสนเจ้าเล่ห์”คราวนี้หันไปถามเจ้าพีท

               “ก็มันสนุกดีนินา อยากรู้ว่าเจ้าไบรอันมันจะทำยังไง จะยอมสอบตกไหม จะบ้าดีเดือดไปส่งมาสเตอร์ตามลำพังหรือเปล่า” เจ้าพีทตอบเหมือนคนยอมจำนนเพราะถูกจับไต๋ได้

               “อะไร อะไร นี่มีแต่ฉันคนเดียวใช่ไหม ที่เห็นมาสเตอร์นี่เป็นแค่หญิงสาวบาดเจ็บ ที่ถูกบิ๊กฟุตจะทำร้าย”

     เสียงไบรอันโวยขึ้นมาอีก จอมก่อเรื่องเริ่มสติแตก สมองเขาเริ่มจะรับไม่ทันจริงๆ นี่มันอะไรกั๊นนน

               “เอาเถอะน่า ไบรอัน เราก็มีข้อดีของเรานะ ตอนที่ขว้างกิ่งไม้นั่นช่วยมาสเตอร์ไง กล้าหาญมากเลยนะ อย่าจิตตกไปเลย”

     มาสเตอร์เอลานอร์ปลอบใจเด็กหนุ่ม ที่ตั้งแต่เริ่มเดินทางกลับก็หน้างอง้ำ

               “ถึงผมไม่ปากิ่งไม้แห้งๆนั่นช่วย มาสเตอร์ก็คงบึ้มปล่อยพลังทีเดียวบิ๊กฟุตนั่นกระเด็นสบายๆ ผมมันสอดไปเอง”ไบรอันพูดประชด เพราะน้อยใจ

               “แล้วแกนะเทเลอร์ ทำได้ไง บิ๊กฟุตนั่นตบฉันไม่โดนสักนิด ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันจะตายแล้วจริงๆสะอีก ถ้ามีพลังเจ๋งๆแบบนั้นทำไมไม่ใช้ตั้งแต่แรก” ไบรอันเริ่มพาล

               “แกอีกพีท ไม่น่าทำกับฉันได้นะ ไวขนาดนั้นทำไมไม่โผล่ไปรัดคอมันแต่แรก ปล่อยให้ฉันทำอะไรเสล่อๆออกไป น่าอายชะมัด”

               “ปกติฉันไม่ได้ไวขนาดนั้นหรอก เทเลอร์ใช้เวทย์เสริม หรือที่เรียกว่า บัฟ ให้ต่างหาก” พีทแย้งมา

               “แต่เทเลอร์นี่พลังศักดิ์สิทธิ์เยอะจริงๆนะ ใช้เวทย์ของนักบวชอาชีพได้ตั้งหลายเวทย์ แถมขั้นสูงด้วย”มาสเตอร์เอเลนอร์เอ่ยชม

     ไบรอันหันไปมองเจ้าคนที่ถูกกล่าวถึง ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เก่งเกินไปแล้วเจ้านี่...ยิ่งเห็นมาดเย็นชา สงบ เงียบขรึมนั่น หงุดหงิดจริงๆโว้ยยย แต่เพียงชั่วครู่ แววตาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกปลาบปลื้มใจ คนๆนี้พึ่งพาได้จริงๆ

 

     ภายในห้องนอนของไบรอัน พีท และเทเลอร์

               “สุดท้ายก็สรุปว่าพวกเราผ่านมาได้ด้วย ดี สินะ แต่ฉันก็ยังติดใจอยู่ดีว่ามันเป็นวิชาอะไร” ไบรอันนึกไปถึงเรื่องที่เถียงกับชาลล์แม่สาวเอาแต่ใจ เมื่อเช้า

               “เห็นว่าเป็นการทดสอบ เพื่อดึงความสามารถ ความถนัดของนักศึกษาออกมา ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นวิชาของอาชีพอะไร”

     เสียงตอบเรื่อยๆดังมาจากคนตัวสูงทีนั่งอ่านหนังสืออยู่ เจ้าเทเลอร์ตอนนี้มันเริ่มพูดมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังน้อยคำอยู่ดี

               “ใช่ เห็นมาสเตอร์บอกว่าการทดสอบจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยด้วย น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ”เสียงพีทเอ่ยเสริมขึ้นมา

               “ทดสอบหรอ นั่นสินะ ฉันได้คะแนนความกล้าบวกกับความเสล่อเต็มรอยแหงๆ ส่วนนายเทเลอร์เกราะกันกระแทกนาย ได้คะแนนปกป้องเต็มร้อยเหมือนกัน”

               “เกราะแห่งแสงต่างหาก นายพูดถึงพลังศักดิ์สิทธิของคนอื่นให้มันดีๆหน่อย”

     จากคนพูดน้อยคำ กลับเป็นต่อปากต่อคำ ก็คนตรงหน้ามันยั่วโมโหเขาอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

               “แล้วก็โซ่ทมิฬของนายนะพีท ไอเท่ห์มันก็เท่ห์อยู่ แต่ถ้าไม่มีบัฟดีๆจากเจ้าเทเลอร์ ก็คงบ่จี้ มีไว้หลอกเด็กแหงๆ แต่ยังไงไอฉันมันก็ใจดีอะนะ ให้คะแนนพละกำลังนายเต็มร้อยเหมือนกัน เป็นไงดีไหม”เจ้าคนปากหาเรื่อง หันไปถาม

               “นายว่าไงนะ ของหลอกเด็กหรอ จะลองดูไหม” พูดจบพีทก็เรียกโซ่ทมิฬออกมา จัดการมัดเจ้าคนปากดี แล้วเอาเทปปิดปาก คืนนี้จะได้นอนแบบสงบๆสักที

               “อั๋น อัน อี้ อั้น อั้ง อื่อ ใอ้ อ่า อิ อา อาร เอี่ยว อ่ะ อัน อี ไอ อวก อาย”

               (งั้นวันนี้ฉันตั้งชื่อให้ว่า วิชาการเที่ยว ละกัน ดีไหมพวกนาย)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา