Imagine Invasion

-

เขียนโดย MrNoname

วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.40 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  5,674 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 20.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คืนนั้น ระหว่างที่กำลังตั้งแคมป์ ทอมได้ขอตรวจสอบบาดแผลของทุกคน ฮาเกนซึ่งใส่เกราะหนาและมีโล่นั้นมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย แกริคมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยจากเศษหิน ส่วนลาเรียลและเอลลี่ซึ่งเป็นแนวหลังไม่มีบาดแผลใดๆ ที่เหลือก็

     “คริส ตานายแล้ว ขอดูแผลที่ได้รับวันนี้หน่อย”

     “ไม่เป็นอะไรแล้วน่า เห็นมั้ย” คริสพูดพร้อมกับเปิดเสื้อให้เขาดูสีข้าง

ตำแหน่งที่ควรมีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกหินเสียบนั้นไม่มีบาดแผลอะไรปรากฏขึ้นมาเลยราวกับไม่เคยมีอาการบาดเจ็บมาก่อน

     “อาการอ่อนเพลียจากการเสียเลือดหล่ะ” ทอมถามต่อ

     “กินเยอะๆหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วน่าแต่คืนนี้ขอพักเยอะหน่อยก็แล้วกัน” คริสตอบออกไป

พูดจบ คริสก็ลุกออกจากเต็นท์แล้วเดินต่อไปยังกองไฟที่ซึ่งคนอื่นๆกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่

พวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับอาหารที่อยู่ตรงหน้ามาก ถึงขนาดที่ว่าพอคริสเดินเข้าไปใกล้ๆยังไม่มีใครหันมาเลย

คริสเดินเข้าไปยังหม้อต้มน้ำซึ่งอยู่ใกล้ๆกับของไฟเพื่อจะหาของกินจังหวะนั่นเอง แคริคก็ทักขึ้นมา

     “โย่ บาดแผลเป็นยังไงมั่งพี่น้อง”

     (ไปเรียนวิธีพูดแบบนั้นมาจากไหนนะ?) คริสคิดในใจ

     “ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ” คริสพูดพร้อมเปิดสีข้างให้ดู “ไม่เป็นอะไรแล้ว เหลือแค่พักผ่อนกับกินให้พอเพื่อชดเชยเลือดที่เสียไป”

     “เยี่ยมเลยน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ยา’มอร์ฟีน’อะไรนั่นหน่ะ ประสิทธิภาพดีมากเลยนะ”

     “อันนั้นเป็นของที่เพิ่งเคยใช้จริงครั้งแรกเลยนะครับ ก็ดีใจอยู่หรอกที่มันเป็นไปด้วยดี แต่การที่ต้องมาใช้กับตัวเองเนี่ยก็คิดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน”

     “ตอนนั้นนายก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วหน่ะนะ” ทอมซึ่งเดินตามมาทีหลังพูดขึ้นมา

     “แล้วในมุมมองคนที่เป็นหมออย่างคุณคิดว่ายังไงบ้าง”

     “เป็นยาที่ดีเลยหล่ะ สามารถฝากชีวิตไว้ได้เลย ถ้าถูกผลิตขึ้นมาจำนวนมากคงสามารถลดปริมาณการเสียชีวิตทั่วโลกได้ดีเลย”

ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบเสบียงภาคสนามที่อยู่ในหม้อน้ำร้อนออกมา จากนั้นจึงแกะออกแล้วเทใส่ชามและยื่นให้คริส

     “ผมว่าเวทรักษายังจะใช้ง่ายกว่าซะอีกนะ”

     “เวทรักษาที่ได้ผลดีในระยะเวลาอันรวดเร็วหน่ะหายากมากเลยนะคะ อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีเวทที่สามารถรักษาแผลขนาดที่คริสได้รับให้หายในทันทีได้เลย” สาวน้อยร่างเล็กที่เป็นนักเวทประจำกลุ่มพูดขึ้นมาบ้าง

เธอมีชื่อว่าเอเลน เป็นสาวน้อยร่างเล็กราวกับเด็กมัธยมต้น มีผมสีเงินยาวถึงไหล่และหน้าตาน่ารัก เธอสวมเสื้อคลุมที่ดูใหญ่เกินตัวเล็กน้อย ไม้เท้าขนาดยาวกว่าความสูงของเธอวางอยู่ข้างตัว

จากเรื่องราวที่ฟังมา เอเลน เป็นนักเรียนของสถาบันเวทมนตร์จากโลกทางนั้น พอเรียนจบเธอก็ออกผจญภัยเพื่อท่องโลก เนื่องจากเธอมีความสามารถทางเวทมนตร์ในระดับสูง เธอจึงไม่ลำบากในการหาทีมเพื่อเข้าร่วมมากนัก ทีมที่เธออยู่ด้วยในตอนนี้เป็นทีมที่เธอออกผจญภัยด้วยบ่อยที่สุด

     “ผมนึกว่าจะมีเวทที่ร่ายปุ้ป ฮีลได้เต็มปั้ปเลยซะอีกนะ” คริสพูดออกไป

     “....ไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไหร่ แต่ถ้าหมายถึงเวทที่ร่ายแล้วทำให้หายดีได้ในบทเดียวละก็ไม่มีค่ะ”

     “ต่อให้เป็นชั้นที่อยู่มาเป็นร้อยปี ก็ไม่เคยได้ยินเวทมนตร์อะไรแบบนั้นนะ” ลาเรียลเสริมขึ้นมาบ้าง

เธอเป็นผู้หญิงที่รับหน้าที่เป็นแนวหลังอีกหนึ่งคนของทีมนี้ เธอชื่อลาเรียล เธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยงามมาก เธอมีผมสีทองยาวไปเกือบถึงเอว แต่เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาต่อสู้ เธอได้รวบมันไว้เป็นทรงหางม้า ไม่เพียงเท่านั้นหูของเธอยังแหลมและชี้ไม่เหมือนคนทั่วๆไป

จากที่ฮาเกนเล่าให้ฟัง เธอเป็นนักรบของเผ่าเอลฟ์ที่ถูกเนรเทศ เมื่อเธอไม่มีที่ไป เธอจึงมาเป็นนักผจญภัยเพื่อเลี้ยงปากท้อง ด้วยฝีมือของเธอ อีกทั้งด้วยอายุที่ยาวนานเธอจึงได้สะสมประสบการณ์มามากมาย ทำให้เธอเป็นนักผจญภัยที่มีฝีมือคนหนึ่ง

     “อย่าพูดอะไรที่บอกอายุตัวเองแบบนั้นน่าจะว่าไป ปืนที่พวกนายใช้ก็เป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมเลยนะ ไปหาซื้อจากที่ไหนเหรอ ตลาดมืด?” แกริคถามขึ้นพร้อมถามไปยังอาวุธที่พวกเราใช้

สำหรับพวกเขาสี่คนนั้น อาวุธปืนที่คริสและทอมถือเป็นอะไรที่แปลกประหลาดอย่างมาก สาเหตุก็เพราะว่าจากที่ๆพวกเขามานั้น ถ้าพูดถึงปืนแล้ว มันคืออาวุธที่รุนแรงแต่เชื่องช้าและไม่มีความแม่นยำเอาซะเลย อีกทั้งระยะการยิงก็สั้นกว่าธนูมาก

ในสงคราม ปืนขนาดใหญ่ถูกใช้เพื่อป้องกันหรือโจมตีเมือง ส่วนปืนขนาดเล็กที่ยิงได้ทีละนัดแล้วต้องบรรจุลูกใหม่นั้น ถูกเลือกใช้โดยทหารบางนายเพื่อเป็นอาวุธสำรองเท่านั้น

เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเขามาถึงโลกนี้ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับอาวุธปืนที่ถูกใช้เป็นอาวุธหลักของเหล่านักรบในโลกนี้ พวกมันทั้งแรง เร็ว แม่นยำ และยังยิงได้ไกลอีกด้วย แต่ถึงแบบนั้น ปืนระดับอาวุธสงครามก็ถูกครอบครองโดยเหล่าทหารของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ คนทั่วไปจะถือครองปืนได้เฉพาะขนาดกระสุนที่รัฐบาลกำหนดเท่านั้น ซึ่งตรงนี้นั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากโลกในตอนก่อนนี้เลย

แกริครู้กฎข้อนี้ดี เพราะฉะนั้นเขาถึงอดสงสัยไม่ได้ถึงขนาดกระสุนที่ไม่มีขายตามร้านทั่วๆไป

คริสกับทอมมองหน้ากันแล้วบอกไปว่า

     “จากคนรู้จักหน่ะ”

แกริคเองก็ไม่ได้ซักไซ้ไปมากกว่านั้น เขาเองก็เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และก็ไม่อยากซวยเพราะของที่ถือว่าผิดกฏหมายเท่าไหร่

เท่าที่รู้มา เขาเป็นอดีตทหารรับจ้างที่ผันตัวเป็นนักผจญภัย เขาเป็นมนุษย์ผู้ชายร่างใหญ่กล้ามค่อนข้างหนา ตัดผมสั้นเกรียนติดหนังศรีษะ เขาเข้าร่วมกับทีมของฮาเกนเพราะอยู่แล้วสบายใจ

คริสกับทอมตัดสินใจที่จะปิดความจริงเรื่องที่เขาทำทุกอย่างออกมาเองเอาไว้ก่อน พวกเขาเพิ่งรู้จักกันไม่นาน พวกเขาไม่แน่ใจว่า เหล่านักผจญภัยเบื้องหน้าจะเก็บความลับอยู่หรือไม่

     “จะว่าไป อาหารพวกนี้รสชาติไม่เลวเลยนะ” ฮาเกนพูดขึ้นมา เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนทิศทางการสนทนา

เขาเป็นผู้ชายที่ร่างไม่ใหญ่เท่าแกริค เขาเป็นผู้ชายผมทองสั้น หน้าตาจัดว่าค่อนข้างดี โดยปกติแล้วเขาจะใส่เสื้อเกราะหนาที่เน้นพลังป้องกัน แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อน เขาได้ถอดเสื้อเกราะหนักตัวนอกออกเหลือไว้แค่ชุดหนังที่อยู่ด้านใน

เท่าที่ได้ฟัง ฮาเกนเป็นคนก่อตั้งกลุ่มนี้ เขาเริ่มผจญภัยคนเดียวก่อน จากนั้นถึงเริ่มหาสมาชิกร่วมทีม เนื่องจากเขามีความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมและการตัดสินใจที่ดี ทีมที่เขาเคยอยู่ด้วยนั้นมีสถิติการเสียชีวิตน้อยมาก และเมื่อเขาตั้งกลุ่มเอง กลุ่มเขาก็ไม่เคยมีใครเสียชีวิตมาก่อนเลยเช่นกัน

     “นี่ถือว่ากลางๆนะ ฉันเคยเจอแย่กว่านี้อีก” ทอมพูดออกมา

โทมัส เฮล หรือที่เราเรียกเขาสั้นๆว่าทอม เคยประจำการในฐานะเสนารักษ์ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหมอทหารในกองทัพบกสหรัฐ เขาเคยลิ้มรสอาหารภาคสนาม(MRE)ของกองทัพสหรัฐมาแล้ว และเขาก็ตัดสินใจว่า มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะกินอีกในชีวิตนี้

     “ถ้างั้นคราวหน้าพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาด้วยท่าจะไม่เลว” คริสพูดบ้าง

     “จะอะไรก็ได้น่า แต่ได้กินอาหารดีๆช่วงเดินทางแบบนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่าโลกโน้นเป็นไหนๆ” แกริคพูด

     “เห็นด้วยเลย แม้กระทั่งอาหารที่ไม่มีส่วนประกอบจากสัตว์ที่เอลฟ์กินได้ก็ยังอร่อยมาก” ลาเรียลเสริมขึ้นมา

     “งั้นถ้าเราเข้าพื้นที่ๆที่ปลอดภัยกว่านี้ได้เมื่อไหร่ ผมจะทำมื้อพิเศษให้ละกัน ”

พอคริสพูดจบ ทุกคนก็ยิ้มออกมา บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น

     “โอ้ จะตั้งตารอเลยหล่ะ ว่าแต่ อีกนานแค่ไหนกัน” แกริคถามขึ้นมา

ทอมหยิบอุปกรณ์บอกตำแหน่งออกมาแล้วตรวจสอบกับแผนที่

     “ตอนนี้เรามาได้ครึ่งทางจากโคเปนเฮเกนแล้ว อีกไม่เกินสามวันก็จะเข้าเขตเยอรมนี หลังจากนั้นเราจะหยุดพักที่เมืองฮัมบูร์ก” ทอมพูดออกมา

     “สามวันสินะ อดใจแทบไม่ไหวแล้ว”

     “วันนี้พอแค่นี้แหละ คริส นายไม่ต้องเฝ้ายามนะ ไปพักผ่อนซะ” ฮาเกนพูดออกมา

     “งั้นก็ ราตรีสวัสดิ์” คริสพูดแล้วจึงเดินกลับไปที่เต็นท์

พอเข้าไปในเต็นท์ คริสก็หยิบสมาร์ทโฟนทำเองออกมา ส่งข้อความกลับบ้าน แล้วจึงล้มตัวลงนอน

     “ผ่านมาสองปีแล้วสินะ นับจากวันนั้น คลื่นลูกที่สี่”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา