ฟิลาเดลเฟียร์
เขียนโดย RD1412
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.30 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 17.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) มกุฎราชกุมารแห่งฟิลาเดลเฟียร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมกุฎราชกุมารแห่งฟิลาเดลเฟียร์
หลังจากต้องทำงานหลังขดหลังแข็งในเหมืองมาเป็นปี คาเรลล่า ซีซานีล คุ้นเคยแล้วกับการมีผู้คุมส่วนตัวที่ตามไปทุกที่ เสียงโซ่ตรวนกระทบกันเบาๆและปลายดาบที่ชี้มายังเธอ นักโทษส่วนใหญ่ถูกส่งมายังเหมืองและถูกปฏิบัติแบบเดียวกัน แต่คาเรลต้องมีผู้คุมเพิ่มแปดคนเวลาเดินไปกลับที่พักและเหมือง นักฆ่าชื่อกระฉ่อนที่สุดแห่งฟิลาเดลเฟียร์ไม่ได้แปลกใจนักกับเรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่คาดว่าจะเจอชายส่วมฮู้ดสีดำหลังเลิกงานในวันนี้เช่นกัน
เขาพูดอะไรบางอย่างกับผู้คุม และเธอก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับแขนเธอและพาเดินผ่านอาคารหินอ่อนสีขาวซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่และผู้คุมส่วนใหญ่ของเหมือง เขาพาเธอเดินไปตามระเบียง ขึ้นลงบันไดหลายชั้น วนไปวนมาจนน่าเวียนหัว อย่างน้อยเขาคงตั้งใจแบบนั้น เพราะเธอสังเกตเห็นจุดเดิมๆเมื่อเดินผ่าน แม้อาคารหลังนี้จะมีทางเดินและห้องที่เหมือนกันอยู่มากราวกับจะหลงได้ง่ายๆ แต่ถ้าเขาไม่พยายามขนาดนี้ เธออาจรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
ในที่สุดเขาก็พามายังทางเดินยาวสายหนึ่งที่แปลกตาออกไป ความเงียบทำให้ได้ยินแต่เสียงฝีเท้า แม่พื้นจะถูกปูด้วยพรมหนาก็ตาม แม้ว่าชายที่จับแขนเธออยู่จะกำยำและสูงกว่าเธอเกือบฟุต แต่เธอกลับไม่เห็นใบหน้าภายใต้ฮู้ดนั้นนอกจากริมฝีปากที่ขบเป็นเส้นตรง นี่คงเป็นวิธีขู่ให้เธอกลัวและสับสน เสื้อผ้าสีดำทั้งชุดนั่นคงจะอยู่ในแผนนี้ด้วย เขาหันศรีษะมาทางเธอ คาเรลจึงฉีกยิ้มให้ เขาหันกลับไปอีกครั้ง มือจับแขนเธอแน่นขึ้นจนรู้สึกปวด
แหมชื้นใจดีจัง เธอคิด แม้จะไม่รู้อะไรเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือทำไมเขาต้องมารอเธอที่ปากทางเข้าเหมือง หลังจากต้องกะเทาะหินในภูเขามาทั้งวันการพบเขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมองครักษ์แปดนายไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย แต่เธอสะดุดหูเมื่อเขาแนะนำตัวเองกับผู้คุมว่าชื่ออีสเรย์ อัลฟอล์ท หัวหน้าราชองครักษ์แห่งมกุฎราชกุมาร คาเรลล่าพิจารณามือที่จับแขนเธอ ถุงมือสีขาวแทบจะเป็นสีเดียวกับผิวส่วนที่ไม่เปื้อนฝุ่นของเธอ คาเรลจัดชุดที่ขาดวิ่นและสกปรกมอมแมมด้วยมืออีกข้าง เธอเข้าเหมืองก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและกลับออกมาหลังพระอาทิตย์ตกจึงแทบไม่เห็นแสงตะวัน ผิวของเธอขาวซีดจนน่ากลัวภายใต้คราบสกปรก
เธอพิจารณาดาบฝีมือประณีตของชายแปลกหน้า โกร่งดาบเป็นมันเงาและมีรูปร่างเหมือนอินทรีที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ เมื่อสังเกตว่าเธอจ้องอยู่ เขาลดมือลงไปแตะที่ดาบ เธอยิ้มมุมปากอีกครั้ง
“ท่านมาไกลจากกริฟด์ฮอล์เลยนะคุณหัวหน้า” คาเรลพูดพลางกระแอม “มาพร้อมกองทัพเสียงอึกทึกที่ฉันได้ยินก่อนหน้านี้หรือ” เธอเพ่งมองความมืดภายในฮู้ด แม้ไม่เห็นสิ่งใดแต่เธอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังมองเธออยู่ กำลังตัดสิน ชั่งน้ำหนัก ทดสอบ เธอจ้องกลับไป ราชองครักษ์น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีสำหรับเธอตอนนี้ มันอาจจะคุ้มค่าให้เธอพยายามก็ได้
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับทันที ทำเพียงขยับให้รอยพับระหว่าเสื้อคลุมตกลงมาปิดบังตัวดาบ คาเรลยักไหล่อย่างไม่ยี้หระ เข็มกลัดมังกรสีทองบนอกเสื้อส่องประกายแวบเมื่อต้องกับแสงสลัว ราชสัญลักษณ์
“เจ้าสนใจอะไรเรื่องกองทับแห่งฟิลาเดลเฟียร์” ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูด ช่างดีจริงที่เขามีน้ำเสียงเหมือนเธอ เยือกเย็นและชัดเจน
“ไม่มีอะไร” เธอตอบแล้วฉีกยิ้มอีกครั้ง เขาส่งเสียงต่ำในลำคออย่างรำคาญ แหม คงดีไม่น้อยถ้าเธอจะเห็นเลือดเขาสาดลงหินอ่อนสีขาวนี้ เธอเคยโกรธจนสติหลุดอยู่ครั้งหนึ่งในเหมือง เมื่อผู้คุมคนหนึ่งไม่ดูฤกษ์ดูยามผลักเธออย่างแรงจนงานที่เธอทำอยู่เสีย เธอยังจำความรู้สึกตอนใช้สิ่วอันเล็กปาดคอหอยเขาได้ เลือดเหนียวข้นที่ทะลักใส่เธอส่งกลิ่นคาวไปทั่ว เธอสามารถปลดอาวุธผู้คุมได้ภายใจอึดใจ หัวหน้าองครักษ์คนนี้จะรับมือได้ดีกว่าผู้คุมงี่เง่าพวกนั้นไหมนะ เธอครุ่นคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นแล้วส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง
“อย่ามองข้าแบบนั้น” เขาเตือนและวางมือลงบนดาบอีกครั้ง ทั้งคู่เดินผ่านประตูบานใหญ่หลายบานที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อกี้ หากต้องการหนี แค่เลี้ยวซ้ายที่โถงทางเดินแล้วลงบันไดไปอีกสามชั้น เขาตั้งใจทำให้เธอหลงทิศ แต่มันกลับทำให้เธอคุ้นพื้นที่มากขึ้น
จากลานของอาคาร เธอได้ยินเสียงทาสเดินกลับที่พักเสียงครางด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดท่ามกลางเสียงโซ่ ฟังคล้ายกับเพลงหม่นหมองที่ร้องกันในยามทำงาน เสียงแส้ฟาดผ่านอากาศและเสียงกรีดร้องดังเป็นเนื้อเพลงที่เหมืองประพันธ์ขึ้นสำหรับทาสในเหมือง
ขณะที่นักโทษหลายคนคือประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่าพยายามใช้เวทย์มนต์ที่ถูกกวาดล้างจนหมดอาณาจักไปหลายร้อยกว่าปีก่อน ทุกวันนี้นักโทษส่วนใหญ่คือกบฏที่มาจากลิบาเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังสู้เพื่อต่อต้านการปกครองของฟิลาเดลเฟียร์
เธอจะถูกแขวนคอรึเปล่านะ คาเรลครุ่นคิดเป็นครั้งที่ร้อยนับตั้งแต่ถูกลากตัวให้เดินวกวน เธออาจสำคัญมมากพอให้หัวหน้าราชองครักษ์เป็นผู้สังหารเอง แต่ทำไมต้องพาเดินวนไปวนมาในอาคารสีขาวนี้ก่อน
ในที่สุดชายปริศนาก็พาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้ลายวิจิตร ขนาดและลวดลายสีทองอร่ามของมันบ่งบอกถึงศักดิ์ของเจ้าของห้องเป็นอย่างดี ฝ่ามือเธอชุ่มเหงื่อ หัวหน้าองครักษ์กำแขนเธอแน่นขึ้นจนเจ็บ เขากระชากแขนเธอให้เดินแต่ขาของเธอหนักอึ้งเหมือนตะกั่ว “อยากอยู่ในเหมืองมากกว่าหรือไง” เขาถาม น้ำเสียงเจอแววขบขัน เธอทำได้แต่เม้มปากเมื่อรู้ว่ากำลังจะเผชิญกับอะไร
“เข้าไป” หัวหน้าราชองครักษ์คำรามในลำคอและออกแรงฉุดเธอมากขึ้นจนร่างของเธอปลิวไปตามแรง คาเรลล่าเซไปข้างหน้า ฝ่าเท้าแข็งด้านไถลไปตามพื้นหินอ่อนที่ขัดจนขึ้นเงา เธอหันกลับมาและเห็นองครักษ์อีกแปดนายปรากฏตัว
ตราราชสำนักสีทองบนอกเสื้อทอประกายบนเครื่องแบบสีดำ คนพวกนี้เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์แห่งราชตระกูล เป็นทหารที่ว่องไว ฉลาดและไร้ปราณี พวกเขาได้รับการฝึกเพื่อปกป้องและสังหาร เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ จมูกได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ เธอรู้สึกเวียนหัว เหงือซึมตามไรผมเมื่อเผชิญหน้ากับบัลลังก์หรูหราทำจากไม้เนื้อดีตกแต่งด้วยลวดลายวิจิตรสีทอง บนนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ หัวใจเธอแทบหยุดเต้นเมื่อทุกคนก้มศรีษะพร้อมคำนับเขาอย่างนอบน้อม
เธอกำลังยืนอยู่เบื้องหน้ามกุฎราชกุมารแห่งฟิลาเดลเฟียร์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ