Impossible Love... รักไม่ได้ก็จะรัก
7.3
เขียนโดย maillynboony
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.19 น.
6 chapter
0 วิจารณ์
8,491 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 17.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) พบกันอีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 1
1 เดือนที่แล้ว……
อากาศเมืองไทยยังคงร้อนได้โล่ทองดำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ส่วนผมเองก็ยังเหมือนเดิม มาเรียนและนั่งรออาจารย์อย่างเคย หึ! นิผมเรียนจะจบปี 3 อยู่แล้วนะ อาจารย์ก็ยังมาทีหลังผมตลอด แต่ก็นั่นแหละผมก็ทำได้แค่ว่าแกในใจ ถ้าขืนพูดออกมาให้ได้ยิน ผมมีหวังโดนตัดสิทธิ์การสอบปลายภาคแน่นอน จะว่าไปแล้ว วันนี้ผมโคตรอยากโดดเรียนเลย ผมรอแกมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ผมก็ยังไม่เห็นเงาแกเลย ส่วนไอ้กานต์หัวหน้าห้องหรือขี้ข้าของห้องเรานั้นก็ยังไม่มาเช่นกัน เพราะมันต้องไปอันเชิญอาจารย์มาสอนนั่นเองงงง… ส่วนที่นั่งหัวโด่อยู่ในห้องก็มีผม ไอ้ศร ไอ้ภูมิที่ตอนนี้แทบจะเอาหัวทะลุลงไปใต้โต๊ะอยู่แล้ว
“โว้ยยย!!! แม่งมันนานเกินไปแล้วนะเว้ย ใครก็ได้โทรหาอาจารย์ไม่ก็ไอ้กานต์ทีดิ นิรอจนรากจะทะลุพื้นตึกลงดินแล้ว ไม่มาซักที ไอ้ศร! มึงโทรตามดิ”
“เกี๊ยะ มึงใจเย็นก่อนดิว่ะ มึงก็รู้ว่าคาบนี้อาจารย์ที่สอนอยู่ต่างคณะ ต้องรอแกเดินมาด้วยเว้ย นิก็เหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่ง มึงก็นั่งเล่นมือถือไปดิว่ะ” หนุ่มแว่นโตประจำกลุ่มผมเริ่มจะเทศนาผมอีกแล้ว .. นิถ้าไม่คิดว่าต้องให้มันช่วยติวสอบ ผมจะไล่มันออกจากกลุ่มจริงๆด้วย
“โฮ้! ไม่เอา แบตฯจะหมด กูต้องเอาไว้เล่นตอนกลับบ้าน ภูมิ! มึงโทรหาไอ้กานต์ดิ”
“ไม่ว่าง กูกำลังตีเมืองอยู่ ถ้ามึงรีบมากนะ มึงก็โทรเองซิค้าบบ มึงอย่ามางกค่าโทรให้มันมากนักนะ เค็มจะตายห่าอยู่แล้วมึงง่ะ อย่างกอะไรที่ไม่เป็นเรื่องไอ้บ้า! เชี้ยยย!!! ปราสาทกู”
“พวกมึงแม่ง ไม่ได้อย่างใจกูเลยซักคน วู้!”
ปากผมก็บ่นไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย ผมล้วงมือถือมากดโทรออกหาเปรตวัดสุทัศน์ของกลุ่มทันที ตู๊ดๆๆ… เสียงเหมือนตัดสายทิ้ง ผมโทรไป 4-5 รอบมันก็เหมือนเดิม เหมือนตัดสายผมทิ้ง ผมว่ามันเริ่มไม่ใช่ล่ะ เพราะปกติกานต์มันเป็นคนรับโทรศัพท์ไวที่สุดในกลุ่มแล้ว และไม่เคยที่จะไม่รับสายพวกเราเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้มันแปลก.. มันตัดสายทิ้งเฉย
"มันไม่รับสายกูว่ะ ตัดสายทิ้งตลอดเลย หรือว่ามีเรื่องอะไรหรือป่าวว่ะพวกมึง"
"คิดมากไปป่าวเกี๊ยะ ไอ้กานต์มันเข้าห้องน้ำอยู่หรือป่าว ถ้ามันไม่รับก็ไม่ต้องโทรแล้ว อ่อ! ถ้ามึงรีบมาก มึงไปตามอาจารย์เลยดีกว่ามั้ย"
ไอ้เหม่งภูมิพูดตัดความรำคาญกับผมอย่างไม่ใยดี ผมแค่สงสัยนิผมผิดมากมั้ยเนี่ย... เออ ไปตามเองก็ได้ว่ะ ผมยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะลุกออกจากห้อง แต่พอดีกับกานต์ที่ดันถือของเข้ามาพอดี ทำให้ไม่ต้องเสียพลังงานเดินไปตามเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์คนนี้ถึงได้มาสายนัก แถมให้ไอ้กานต์เพื่อนผมถือของมาเหมือนย้ายบ้านขนาดนี้ .. ไม่นานสายตาของผมก็เห็นขายาวๆใส่กางเกงเสล็คสีดำก้าวเข้ามาในห้อง เสียงสาวๆแตกผึ่งและกรี๊ดกร๊าดเหมือนเห็นดาราก็ไม่ปาน ผมไล่ตามองขึ้นตามสัดส่วนของอาจารย์คนนี้ จนกระทั่ง...
"สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน วันนี้อาจารย์ชุติมาลาคลอดก่อนกำหนด และจากนี้ไปผมจะเป็นคนมารับผิดชอบในการสอนแทนนะครับ ผม อโณทัย พิพัฒนากร.. ชื่อเล่นข้าวปั้น เป็นอาจารย์ฝึกสอนครับ"
"ไอ้ปั้น" เสียงงึมงัมในปากผมมันแผ่วลง ตั้งแต่เห็นหน้าเพื่อนสมัยเด็กที่ตอนนี้กลับกลายเป็นอาจารย์ฝึกสอนเค้าไปซะแล้ว
"เกี๊ยะ! ไอ้ห่าเกี๊ยะ!"
"หะ.. ห่ะๆ! มึงจะตะโกนทำเชี้ยไรเนี่ยไอ้กานต์ หูกูแตกหมดแล้วมั้ยเนี่ย แสบหูเลยไอ้ห่า"
"กูเห็นมึงตะลึงค้างหนักที่เห็นอาจารย์ฝึกสอนนานล่ะ ทำไมว่ะ รสนิยมมึงเปลี่ยนมาเป็นยอดชายแล้วเหรอไง"
" พ่องงง! ใช่ที่ไหนล่ะ กูแค่ตกใจที่เพื่อนข้างบ้านกูมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนเนี่ย กูไม่คิดว่าจะมาสอนที่มหาลัยเรา"
"เพื่อนข้างบ้าน? ไอ้เกี๊ยะ เพื่อนมึงอายุเท่าไหร่ว่ะ" คำตอบของผมทำให้ศรเงยหน้าจากจอมือถือได้อย่างง่ายดาย
"แก่กว่าปีเดียว แต่มันเรียนเก่ง สมองมันดี มันเข้าเรียนก่อนกู 2 ปี"
"อ้อ! สรุปว่ามึงโง่กว่าแค่นั้น?"
"ไอ้เชี้ยศร มึงเงียบปากแล้วเล่นเกมส์ต่อไปเลย สัส!"
ผมเกลียดเสียงหัวเราะกวนประสาทสะกิดเบื้องล่างของพวกนี้สุดๆ มันทำให้เส้นประสาทผมเต้นจนมันจะดีดออกมาจากหนังข้างขมับ ถึงผมไม่ได้แคร์ว่ามันฉลาดและผมโง่ก็เหอะ.. แต่พอเวลาได้ยินเสียงไอ้ปั้นกับเห็นหน้ามันแล้ว ผมรู้สึกถึงรังสีออร่าเปร่งประกายส่องมาทางผม รังสีออร่าความฉลาดที่มันแผ่ออกมา.. นี่ขนาดผมอยู่ไกลมันแบบนี้ มันยังจะแผ่รังสีให้ผมดูโง่ลงได้อีกนะ เฮ้อออ... ข้าวปั้นมันเป็นเด็กฉลาดและวางตัวดีมาตลอด ผมเคยได้ยินแม่กับป้าปิ่นแม่ของไอ้ปั้นคุยกันเรื่องมันตอนเด็ก ถ้าผมจำไม่ผิด ป้าปิ่นแกบอกว่า ข้าวปั้นมันคลานได้ตอน 4 เดือน แล้วอีก 2 อาทิตย์ก็นั่งได้ มันเดินได้ตอน 6 เดือนครึ่ง และพูดได้ตอน 8 เดือน ... พอมาเทียบกับไอ้เตี้ยหมาตื่นอย่างผม.. ผมมันด้อยพัฒนาการกว่ามันไป 2 เดือน ช้าแม่งอย่างกะเต่าเด็กคลานลงทะเล...
ถ้าถามว่าผมกับข้าวปั้นมาสนิทกันได้ยังไง? คงจะเป็นตอนที่ผมโดนให้มาอยู่บ้านป้าปิ่นตอน 5 ขวบมั้ง ตอนนั้นที่บ้านผมต้องย้ายไปต่างจังหวัดกะทันหัน และไม่อยากให้ผมย้ายโรงเรียนบ่อย ป้าปิ่นแกเลยอาสาเลี้ยงผมให้ แม้ว่าแม่ผมจะเกรงใจแกก็ตาม แกก็ฝากฝังผมไว้อย่างดิบดี หึๆ.. รักลูกมาจริงๆคุณนาย = = .. แม่ผมส่งค่าเลี้ยงดูกับค่าเทอมมาให้แกตลอด โอเค.. นอกเรื่องมานาน ผมกับไอ้ปั้นสนิทกันก็ตอนที่เราไปโรงเรียนด้วยกันนั่นแหละครับ แต่ถ้าว่ากันตามความจริง ผมมันเป็นแค่เบ้รับใช้มันมากกว่า ถึงเราจะเรียนคนละชั้นกัน.. มันก็ข่มผม ใช้ผมได้ตลอด ซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมถึงเดินมาห้องผมแล้วครูไม่ด่ามันเลยซักครั้งเดียว... ไอ้เรื่องนี้ถ้าถามว่าป้าปิ่นรู้มั้ย ว่านิสัยด้านข่มชาวบ้านของลูกชายคนเดียวของแกมันกำลังทำร้ายผมอยู่ ผมบอกได้เลยว่า.. ไม่!!
"นายจิตภัทร์ ลีละตระการ"
ทำไมมึงถึงมาฝึกสอนที่นี้ว่ะปั้น มหาลัยอื่นเต็มหมดหรือไง?
"นายจิตภัทร์ มาหรือป่าวครับ ขานรับชื่อด้วย"
ตั้งแต่จบม.ปลาย กูไม่เคยเจอหน้ามึงเลย.. หลายปีมานี้ มึงหล่อขึ้นเหมือนกันแฮะ
"นายจิตภัทร์ ไม่มานะ เอ้า! ต่อไป..."
........ เพี๊ยะ!!!! ........ เสียงการตบกบาลเบาๆของเพื่อนแว่นลงหัวผมพอดี.. หน้าเนท!
"โอ๊ยยยยยยยยย!!"
"ไอ้เชี้ยเกี๊ยะ!!! เหม่อห้าอะไรของมึงว่ะ อาจารย์เรียกชื่อมึงหลายรอบแล้วนะ"
"มันเจ็บนะโว้ยไอ้ศร ตบมาได้ กูยิ่งโง่ๆ ยิ่งได้โง่หนักกว่าเดิมหรอก... เอ่อ..."
"นายเองเหรอชื่อจิตภัทร์" เสียงทุ้มที่เอ่ยมาด้านหน้าชั้นเรียนลอยกระแทกหูผมเบาๆแต่ทำไมผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
"เอ่ออ ครับจารย์ แฮะๆ^^"
"วันหลังตั้งใจฟังเสียงผมพูดด้วยนะครับ อย่าเหม่อมองอะไรเรื่อยเปื่อย มันใช้ไม่ได้"
"ขะ..ขอโทษครับอาจารย์"
"ช่างเถอะๆ ไม่เป็นไร.. คนต่อไปนะ...."
แล้วร่างสูงหน้าชั้นเรียนก็เบนหน้าไม่สนใจผมอีกเลย เดี๋ยวนะเดี๋ยว.. ผมว่ามันแปลกๆ ทำไมมันดูทางการแบบนี้ว่ะ สายตาที่มองผมมันดูแปลกๆเหมือนไม่ได้สนใจว่าคนที่เรียกอยู่เป็นใครเลยด้วยซ้ำ หรือว่ามันจำผมไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้หรอกหน่า ผมกับมันไม่ได้เจอกันแค่ 7 ปี เองนะ มันจะลืมทาสรับใช้อย่างผมได้ไง.. จนกระทั่งเสียงขานชื่อของข้าวปั้นจบลง ก็ทำการสอนหนังสือและไม่ได้มองมาที่ผมอีกเลย.. แต่ช้าก่อน มันอาจจะเป็นที่ว่า มันเป็นอาจารย์ฝึกสอนหรือป่าวว่ะ ถึงได้เนียบขนาดนี้ รอเลิกเรียนก่อนแล้วกัน...
เสียงออดหมดคาบดังขึ้น กานต์ก็ทำหน้าที่เดิมคือการไปส่งอาจารย์อโณทัยเพื่อนของเค้า ผมเลยเอาจังหวะนี้แหละเป็นการทักทายเพื่อนเก่าคนสนิทอีกครั้ง กานต์เดินนำผมไปที่โต๊ะอาจารย์แล้วเอากล่องที่หนักที่สุดให้ผมเป็นคนถือ.. เป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก! พอเก็บของกันเสร็จ สองคนนั้นก็เดินนำหน้าผมไปอย่างไว และทิ้งให้ผมรั้งท้ายคนเดียว
"ไอ้กานต์!! รอกูด้วย แล้วมึงก็เลวยันแก่น ตัวมึงใหญ่กว่ากูทำไมไม่แบกกล่องนี้ว่ะ!! ... ไอ้กานต์!! ไอ้เชี้ยกานต์!!!!!"
"บ่นมากจังเว้ย เดินเร็วๆเข้า อาจารย์เค้าจะรีบไปสอนคณะอื่นต่อ"
"ถ้ามันรีบมากให้แม่งมาถือเอง เดินตัวปลิวเป็นกระดาษเลยนะไอ้ปั้น... แล้วจะแบกอะไรมาเยอะแยะว่ะห่ะ!" ผมตะโกนด่าไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าสุดทันทีที่กานต์มันหันมาคุยกับผม เพื่อนสมัยเด็กของผมหยุดเดินแล้วหันกลับมามองที่ผม ก่อนที่มันจะขยับปากพูดอะไร ผมรู้ทันทีว่า เพื่อนสนิทของผม.... มันไม่ใช่คนเดิม
"ถึงผมเป็นอาจารย์ฝึกสอน คุณควรจะเรียกผมอย่างสุภาพด้วยนะครับ อีกอย่างผมจำไม่เห็นได้ว่าเคยมีเพื่อนเป็นเด็กมหาลัย"
**********************************************************************************************
ติชมได้น้าาา ... อยากให้เรื่องเป็นแนวไหนก็แนะนำกันมาได้ เราเอามามิกซ์แอนด์แมชชชชชกันเหอะ
1 เดือนที่แล้ว……
อากาศเมืองไทยยังคงร้อนได้โล่ทองดำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ส่วนผมเองก็ยังเหมือนเดิม มาเรียนและนั่งรออาจารย์อย่างเคย หึ! นิผมเรียนจะจบปี 3 อยู่แล้วนะ อาจารย์ก็ยังมาทีหลังผมตลอด แต่ก็นั่นแหละผมก็ทำได้แค่ว่าแกในใจ ถ้าขืนพูดออกมาให้ได้ยิน ผมมีหวังโดนตัดสิทธิ์การสอบปลายภาคแน่นอน จะว่าไปแล้ว วันนี้ผมโคตรอยากโดดเรียนเลย ผมรอแกมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ผมก็ยังไม่เห็นเงาแกเลย ส่วนไอ้กานต์หัวหน้าห้องหรือขี้ข้าของห้องเรานั้นก็ยังไม่มาเช่นกัน เพราะมันต้องไปอันเชิญอาจารย์มาสอนนั่นเองงงง… ส่วนที่นั่งหัวโด่อยู่ในห้องก็มีผม ไอ้ศร ไอ้ภูมิที่ตอนนี้แทบจะเอาหัวทะลุลงไปใต้โต๊ะอยู่แล้ว
“โว้ยยย!!! แม่งมันนานเกินไปแล้วนะเว้ย ใครก็ได้โทรหาอาจารย์ไม่ก็ไอ้กานต์ทีดิ นิรอจนรากจะทะลุพื้นตึกลงดินแล้ว ไม่มาซักที ไอ้ศร! มึงโทรตามดิ”
“เกี๊ยะ มึงใจเย็นก่อนดิว่ะ มึงก็รู้ว่าคาบนี้อาจารย์ที่สอนอยู่ต่างคณะ ต้องรอแกเดินมาด้วยเว้ย นิก็เหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่ง มึงก็นั่งเล่นมือถือไปดิว่ะ” หนุ่มแว่นโตประจำกลุ่มผมเริ่มจะเทศนาผมอีกแล้ว .. นิถ้าไม่คิดว่าต้องให้มันช่วยติวสอบ ผมจะไล่มันออกจากกลุ่มจริงๆด้วย
“โฮ้! ไม่เอา แบตฯจะหมด กูต้องเอาไว้เล่นตอนกลับบ้าน ภูมิ! มึงโทรหาไอ้กานต์ดิ”
“ไม่ว่าง กูกำลังตีเมืองอยู่ ถ้ามึงรีบมากนะ มึงก็โทรเองซิค้าบบ มึงอย่ามางกค่าโทรให้มันมากนักนะ เค็มจะตายห่าอยู่แล้วมึงง่ะ อย่างกอะไรที่ไม่เป็นเรื่องไอ้บ้า! เชี้ยยย!!! ปราสาทกู”
“พวกมึงแม่ง ไม่ได้อย่างใจกูเลยซักคน วู้!”
ปากผมก็บ่นไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย ผมล้วงมือถือมากดโทรออกหาเปรตวัดสุทัศน์ของกลุ่มทันที ตู๊ดๆๆ… เสียงเหมือนตัดสายทิ้ง ผมโทรไป 4-5 รอบมันก็เหมือนเดิม เหมือนตัดสายผมทิ้ง ผมว่ามันเริ่มไม่ใช่ล่ะ เพราะปกติกานต์มันเป็นคนรับโทรศัพท์ไวที่สุดในกลุ่มแล้ว และไม่เคยที่จะไม่รับสายพวกเราเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้มันแปลก.. มันตัดสายทิ้งเฉย
"มันไม่รับสายกูว่ะ ตัดสายทิ้งตลอดเลย หรือว่ามีเรื่องอะไรหรือป่าวว่ะพวกมึง"
"คิดมากไปป่าวเกี๊ยะ ไอ้กานต์มันเข้าห้องน้ำอยู่หรือป่าว ถ้ามันไม่รับก็ไม่ต้องโทรแล้ว อ่อ! ถ้ามึงรีบมาก มึงไปตามอาจารย์เลยดีกว่ามั้ย"
ไอ้เหม่งภูมิพูดตัดความรำคาญกับผมอย่างไม่ใยดี ผมแค่สงสัยนิผมผิดมากมั้ยเนี่ย... เออ ไปตามเองก็ได้ว่ะ ผมยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะลุกออกจากห้อง แต่พอดีกับกานต์ที่ดันถือของเข้ามาพอดี ทำให้ไม่ต้องเสียพลังงานเดินไปตามเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์คนนี้ถึงได้มาสายนัก แถมให้ไอ้กานต์เพื่อนผมถือของมาเหมือนย้ายบ้านขนาดนี้ .. ไม่นานสายตาของผมก็เห็นขายาวๆใส่กางเกงเสล็คสีดำก้าวเข้ามาในห้อง เสียงสาวๆแตกผึ่งและกรี๊ดกร๊าดเหมือนเห็นดาราก็ไม่ปาน ผมไล่ตามองขึ้นตามสัดส่วนของอาจารย์คนนี้ จนกระทั่ง...
"สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน วันนี้อาจารย์ชุติมาลาคลอดก่อนกำหนด และจากนี้ไปผมจะเป็นคนมารับผิดชอบในการสอนแทนนะครับ ผม อโณทัย พิพัฒนากร.. ชื่อเล่นข้าวปั้น เป็นอาจารย์ฝึกสอนครับ"
"ไอ้ปั้น" เสียงงึมงัมในปากผมมันแผ่วลง ตั้งแต่เห็นหน้าเพื่อนสมัยเด็กที่ตอนนี้กลับกลายเป็นอาจารย์ฝึกสอนเค้าไปซะแล้ว
"เกี๊ยะ! ไอ้ห่าเกี๊ยะ!"
"หะ.. ห่ะๆ! มึงจะตะโกนทำเชี้ยไรเนี่ยไอ้กานต์ หูกูแตกหมดแล้วมั้ยเนี่ย แสบหูเลยไอ้ห่า"
"กูเห็นมึงตะลึงค้างหนักที่เห็นอาจารย์ฝึกสอนนานล่ะ ทำไมว่ะ รสนิยมมึงเปลี่ยนมาเป็นยอดชายแล้วเหรอไง"
" พ่องงง! ใช่ที่ไหนล่ะ กูแค่ตกใจที่เพื่อนข้างบ้านกูมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนเนี่ย กูไม่คิดว่าจะมาสอนที่มหาลัยเรา"
"เพื่อนข้างบ้าน? ไอ้เกี๊ยะ เพื่อนมึงอายุเท่าไหร่ว่ะ" คำตอบของผมทำให้ศรเงยหน้าจากจอมือถือได้อย่างง่ายดาย
"แก่กว่าปีเดียว แต่มันเรียนเก่ง สมองมันดี มันเข้าเรียนก่อนกู 2 ปี"
"อ้อ! สรุปว่ามึงโง่กว่าแค่นั้น?"
"ไอ้เชี้ยศร มึงเงียบปากแล้วเล่นเกมส์ต่อไปเลย สัส!"
ผมเกลียดเสียงหัวเราะกวนประสาทสะกิดเบื้องล่างของพวกนี้สุดๆ มันทำให้เส้นประสาทผมเต้นจนมันจะดีดออกมาจากหนังข้างขมับ ถึงผมไม่ได้แคร์ว่ามันฉลาดและผมโง่ก็เหอะ.. แต่พอเวลาได้ยินเสียงไอ้ปั้นกับเห็นหน้ามันแล้ว ผมรู้สึกถึงรังสีออร่าเปร่งประกายส่องมาทางผม รังสีออร่าความฉลาดที่มันแผ่ออกมา.. นี่ขนาดผมอยู่ไกลมันแบบนี้ มันยังจะแผ่รังสีให้ผมดูโง่ลงได้อีกนะ เฮ้อออ... ข้าวปั้นมันเป็นเด็กฉลาดและวางตัวดีมาตลอด ผมเคยได้ยินแม่กับป้าปิ่นแม่ของไอ้ปั้นคุยกันเรื่องมันตอนเด็ก ถ้าผมจำไม่ผิด ป้าปิ่นแกบอกว่า ข้าวปั้นมันคลานได้ตอน 4 เดือน แล้วอีก 2 อาทิตย์ก็นั่งได้ มันเดินได้ตอน 6 เดือนครึ่ง และพูดได้ตอน 8 เดือน ... พอมาเทียบกับไอ้เตี้ยหมาตื่นอย่างผม.. ผมมันด้อยพัฒนาการกว่ามันไป 2 เดือน ช้าแม่งอย่างกะเต่าเด็กคลานลงทะเล...
ถ้าถามว่าผมกับข้าวปั้นมาสนิทกันได้ยังไง? คงจะเป็นตอนที่ผมโดนให้มาอยู่บ้านป้าปิ่นตอน 5 ขวบมั้ง ตอนนั้นที่บ้านผมต้องย้ายไปต่างจังหวัดกะทันหัน และไม่อยากให้ผมย้ายโรงเรียนบ่อย ป้าปิ่นแกเลยอาสาเลี้ยงผมให้ แม้ว่าแม่ผมจะเกรงใจแกก็ตาม แกก็ฝากฝังผมไว้อย่างดิบดี หึๆ.. รักลูกมาจริงๆคุณนาย = = .. แม่ผมส่งค่าเลี้ยงดูกับค่าเทอมมาให้แกตลอด โอเค.. นอกเรื่องมานาน ผมกับไอ้ปั้นสนิทกันก็ตอนที่เราไปโรงเรียนด้วยกันนั่นแหละครับ แต่ถ้าว่ากันตามความจริง ผมมันเป็นแค่เบ้รับใช้มันมากกว่า ถึงเราจะเรียนคนละชั้นกัน.. มันก็ข่มผม ใช้ผมได้ตลอด ซึ่งจนถึงเดี๋ยวนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมถึงเดินมาห้องผมแล้วครูไม่ด่ามันเลยซักครั้งเดียว... ไอ้เรื่องนี้ถ้าถามว่าป้าปิ่นรู้มั้ย ว่านิสัยด้านข่มชาวบ้านของลูกชายคนเดียวของแกมันกำลังทำร้ายผมอยู่ ผมบอกได้เลยว่า.. ไม่!!
"นายจิตภัทร์ ลีละตระการ"
ทำไมมึงถึงมาฝึกสอนที่นี้ว่ะปั้น มหาลัยอื่นเต็มหมดหรือไง?
"นายจิตภัทร์ มาหรือป่าวครับ ขานรับชื่อด้วย"
ตั้งแต่จบม.ปลาย กูไม่เคยเจอหน้ามึงเลย.. หลายปีมานี้ มึงหล่อขึ้นเหมือนกันแฮะ
"นายจิตภัทร์ ไม่มานะ เอ้า! ต่อไป..."
........ เพี๊ยะ!!!! ........ เสียงการตบกบาลเบาๆของเพื่อนแว่นลงหัวผมพอดี.. หน้าเนท!
"โอ๊ยยยยยยยยย!!"
"ไอ้เชี้ยเกี๊ยะ!!! เหม่อห้าอะไรของมึงว่ะ อาจารย์เรียกชื่อมึงหลายรอบแล้วนะ"
"มันเจ็บนะโว้ยไอ้ศร ตบมาได้ กูยิ่งโง่ๆ ยิ่งได้โง่หนักกว่าเดิมหรอก... เอ่อ..."
"นายเองเหรอชื่อจิตภัทร์" เสียงทุ้มที่เอ่ยมาด้านหน้าชั้นเรียนลอยกระแทกหูผมเบาๆแต่ทำไมผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
"เอ่ออ ครับจารย์ แฮะๆ^^"
"วันหลังตั้งใจฟังเสียงผมพูดด้วยนะครับ อย่าเหม่อมองอะไรเรื่อยเปื่อย มันใช้ไม่ได้"
"ขะ..ขอโทษครับอาจารย์"
"ช่างเถอะๆ ไม่เป็นไร.. คนต่อไปนะ...."
แล้วร่างสูงหน้าชั้นเรียนก็เบนหน้าไม่สนใจผมอีกเลย เดี๋ยวนะเดี๋ยว.. ผมว่ามันแปลกๆ ทำไมมันดูทางการแบบนี้ว่ะ สายตาที่มองผมมันดูแปลกๆเหมือนไม่ได้สนใจว่าคนที่เรียกอยู่เป็นใครเลยด้วยซ้ำ หรือว่ามันจำผมไม่ได้.. เป็นไปไม่ได้หรอกหน่า ผมกับมันไม่ได้เจอกันแค่ 7 ปี เองนะ มันจะลืมทาสรับใช้อย่างผมได้ไง.. จนกระทั่งเสียงขานชื่อของข้าวปั้นจบลง ก็ทำการสอนหนังสือและไม่ได้มองมาที่ผมอีกเลย.. แต่ช้าก่อน มันอาจจะเป็นที่ว่า มันเป็นอาจารย์ฝึกสอนหรือป่าวว่ะ ถึงได้เนียบขนาดนี้ รอเลิกเรียนก่อนแล้วกัน...
เสียงออดหมดคาบดังขึ้น กานต์ก็ทำหน้าที่เดิมคือการไปส่งอาจารย์อโณทัยเพื่อนของเค้า ผมเลยเอาจังหวะนี้แหละเป็นการทักทายเพื่อนเก่าคนสนิทอีกครั้ง กานต์เดินนำผมไปที่โต๊ะอาจารย์แล้วเอากล่องที่หนักที่สุดให้ผมเป็นคนถือ.. เป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก! พอเก็บของกันเสร็จ สองคนนั้นก็เดินนำหน้าผมไปอย่างไว และทิ้งให้ผมรั้งท้ายคนเดียว
"ไอ้กานต์!! รอกูด้วย แล้วมึงก็เลวยันแก่น ตัวมึงใหญ่กว่ากูทำไมไม่แบกกล่องนี้ว่ะ!! ... ไอ้กานต์!! ไอ้เชี้ยกานต์!!!!!"
"บ่นมากจังเว้ย เดินเร็วๆเข้า อาจารย์เค้าจะรีบไปสอนคณะอื่นต่อ"
"ถ้ามันรีบมากให้แม่งมาถือเอง เดินตัวปลิวเป็นกระดาษเลยนะไอ้ปั้น... แล้วจะแบกอะไรมาเยอะแยะว่ะห่ะ!" ผมตะโกนด่าไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าสุดทันทีที่กานต์มันหันมาคุยกับผม เพื่อนสมัยเด็กของผมหยุดเดินแล้วหันกลับมามองที่ผม ก่อนที่มันจะขยับปากพูดอะไร ผมรู้ทันทีว่า เพื่อนสนิทของผม.... มันไม่ใช่คนเดิม
"ถึงผมเป็นอาจารย์ฝึกสอน คุณควรจะเรียกผมอย่างสุภาพด้วยนะครับ อีกอย่างผมจำไม่เห็นได้ว่าเคยมีเพื่อนเป็นเด็กมหาลัย"
**********************************************************************************************
ติชมได้น้าาา ... อยากให้เรื่องเป็นแนวไหนก็แนะนำกันมาได้ เราเอามามิกซ์แอนด์แมชชชชชกันเหอะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ