vampire love รักเธอนะแวมไพร์ที่รัก
เขียนโดย Rasberry
วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.20 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 14.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เด็กใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ Musical Academy
ฉันตื่นนอนแต่เช้าเพราะมีเรียนตั่งแต่ 07.00น. พวกเราจะเรียนกันในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่แวมไพร์กับมนุษย์ จะเรียนแยกกันคนละห้อง โดยพวกแวมไพร์จะเรียน specialclass เป็นคราสพิเศษที่มีเรียนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ส่วนพวกมนุษย์จะเรียนวันจันทร์-วันศุกร์ ทุกคนจะเลือกว่าจะพักที่หอนักเรียนหรือกลับไปพักที่บ้านตัวเองก็ได้ แต่ฉันเลือกพักที่หอเพราะไม่อยากกลับบ้าน แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ครื้นเครงกันจังนะ
“เอ่อ คือว่าวันนี้มีอะไรกันเหรอ” ฉันหันไปถามเพื่อนที่กำลังเดินกลับที่นั่งของตัวเอง
“อ้าวนี่ คุณไคริสากิไม่รู้เหรอว่าวันนี้มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาน่ะ”
“ไม่รู้เลย”
“”ไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร แต่เขาหล่อมากเลยล่ะ
“หรอ”
“อื้อ ไปนะ”
ครืด~~~~
“เอาล่ะ เด็กนั่งที่วันนี้มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามา เชิญเลย”
ต๊อกๆ (เขาเขียนชื่อตัวเองบนกระดาน)
“สวัสดี ผมไนซารุ มิเสะ เรียกไนต์หรือมิเสะ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
‘กรี๊ดดดดดดดดดด’ ผู้หญิงในห้องกรี๊ดลั่นสร้างความรำคาญให้เหล่ากับพวกผู้ชายเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่กับฉัน เพราะฉันไม่มีใครสนใจซะด้วยซ้ำไป
“เอาล่ะ เงียบ ส่วนที่นั่งของเธอก็ข้างไคริสากิล่ะกัน ไคริสากิ!!!”
“ค่ะ!!” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที
“เอาล่ะไปนั่งข้างไคริสากินะ”
“ไคริสากิ?”
“ก็เด็กผู้หญิงคนที่ยืนอยู่นั้นไง”
“อ๋อครับ” เขาว่าอย่างงั้นแล้วก็เดินมาที่นั่งข้างๆฉัน ซึ่งฉันนั่งคนเดียวมาโดยตลอด หลายๆคนรังเกียจฉันเนื่องขากฉันจนที่สุดและไม่ได้เรื่องที่สุดในห้อง “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณไคริสากิ”
“อืม” ฉันตอบแค่นั้นเพราะฉันไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว “เฮ้อ~~ เพื่อนนี่มันหายากจริงๆเลยสินร้า”
“เหงาเหรอ คุณไคริสากิ” ไนซารุว่า
“มากอ่ะ ที่นี่เขาหยิ่งกัน ง่ายๆคือคนจนก็ส่วนคนจน คนรวยก็ส่วนคนรวยน่ะ”
“เหรอ”
“อืม แล้วที่นายนั่งน่ะถูกปล่อยทิ้งไว้ตั่งแต่ฉันเข้าเรียนที่นี่วันแรกแล้วล่ะ”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีเพื่อนผมจะเป็นเพื่อนให้เธอเอง โอเคนะคุณไคริสากิ”
“ไคริ เรียกฉันว่าไคริ นะมิสะคุง”
“อืม” เขาว่าแค่นั้นแล้วก็หันไปตั่งใจเรียนเหมือนเดิม ส่วนฉันได้แต่ยิ้มนิดๆ
‘แม่ค่ะ ในที่สุดหนูก็มีเพื่อนแล้วนะ’
“นี่ ไคริ ไคริ!!”
“ห๊ะ หา” ฉันสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปตามเสียงเรียก “มะ มีอะไรเหรอมิเสะคุง”
“ไปทานข้าวกันครับ” เขาว่าพลางดึงแขนให้ผมลุกขึ้น
“อื้อ” ฉันลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปตามแรงดึงของมิเสะ มือเขาอบอุ่นจังเลยอยากให้เขาจับไปตลอดจังเลย
“เดี๋ยวสิย่ะ หล่อนคิดจะงาบไนซารุคุงไว้คนเดียวรึไง!!!” ว่าจบพวกนั้นก็เดินมาดึงแขนฉันออกจากมือของมิเสะทันที แล้วก็ผลักฉันไปชนกับผนังห้องทันที
“นี่พวกเธอทำอะไรกันนะ ทำไมต้องรุนแรงกับไคริด้วย!!! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมไคริ” เขาหันไปตะคอกใส่ยัยพวกนั้น แล้วค่อยหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“มะ ไม่เป็นไร ฮึก ไม่เป็นไรจริงๆนะ ฮึกๆ ฮือๆ”
“ไม่ร้องนะไคริ ไม่ร้องนะ” เขาว่าพลางดึงฉันเข้าไปกอดซึ่งฉันก็กอดตอบ เพื่อจะให้เขาเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจในตอนนี้ “ตอบมาได้ยังว่าทำไมถึงต้องทำร้ายไคริด้วย”
“ก็เพราะมันจนนะสิหรือว่าไนซารุคุงสนใจคนแบบนี้กันล่ะ”
“ถ้าผมตอบว่าใช่ล่ะ”
“ทำไมต้องสนใจมันด้วย มันมีดีตรงไหนเหรอ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง”
“คนเราไม่ควรดูคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกนะ แต่ควรดูด้วยใจต่างหาก”
“สักวันนายต้องเสียใจแน่ที่เลือกมัน ไนซารุคุง”
“ผมไม่มีวันเลือกผิดคนหรอก”
“เฮ้ ไคริ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ทำไมนายถึงไปพูดกับพวกนั้นแบบนั้นล่ะ”
“ก็พวกนั้นดูถูกเธอก่อนนิ ผมทนไม่ได้หรอกนะ” เขาว่าพลางเล่นเส้นผมยาวๆ สีม่วงของฉันอย่างสนุก “เธอน่ะ เป็นแวมไพร์ใช่ไหม”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“ผมไม่ได้เป็นแวมไพร์น่ะ”
“นะ นายเป็นมนุษย์เหรอ” ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“ใช่ รังเกียจรึเปล่าล่ะ”
“ไม่หรอก ว่าแต่นายจะกินอะไรล่ะ ฉันไมทานข้าวหรอกฉันต้องทานเลือดน่ะ”
“อ๋อ งั้นไคริไปซื้อของไคริแล้วไปนั่งรอผมใต้ต้นไม้ตรงนั้นนะ” เขาว่าพลางชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วเดินไปซื้อของตัวเอง
“นายใจดีจัง” ฉันพูดเบาๆแล้วก็ไปซื้อของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ที่ว่านั้นทันที สักพักมิเสะก็เดินมากับข้าวกล่อง 1 กล่องกับน้ำเปล่า 1 ขวด “เออนี่ ถามอะไรอย่างได้ไหม”
“ได้สิ ถามได้ทุกอย่างเลย”
“นายไม่กลัวฉันดูดเลือดนายเหรอ”
“ไม่กลัวหรอก ถ้าเธอจะดูดเลือดฉันจริงๆ ฉันก็ยินดีให้เธอดูดเลยล่ะ”
“คิกๆ ทำไมนายถึงมาเรียนเสาร์อาทิตย์ ไม่ไปเรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ล่ะ”
“พอดีไม่ว่างนะ ติดงานเลยเลือกเรียนเสาร์อาทิตย์แทนนะ”
“อยากมีงานทำบ้างจัง”
“มาทำงานที่ Nasaru en,. สิ”
“มันคืออะไร”
“ค่ายของวงการบันเทิงนะ หรืออีกชื่อก็ค่ายไนซารุ เป็นค่ายของครอบครัวผมเอง”
“นายเป็นนักร้องเหรอ”
“เปล่าเป็นนายแบบนะ มาเป็นนางแบบคู่กับผมสิ เดี๋ยวผมสอนงานให้เอง”
“จริงเหรอ ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ รีบทานเถอะเดี๋ยวก็ขึ้นเรียนสายเอานะ”
“จะ จริงด้วย” ฉันตอบก่อนที่จะลงมือทานเลือดที่ซื้อมา ส่วนเขาก็นั่งทานข้าวต่อไป จนในที่สุดพวกเราก็ทานเสร็จแล้วจึงเดินเข้าห้องเรียนด้วยกัน
“คุณไคริสากิ ครูขอคุยด้วยสักแปปได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“งั้นผมไปรอที่ห้องเรียนนะ ไคริ”
“อะ อื้ม”
“ครูจะคุยกับเธอด้วยนะ คุณไนซารุ”
“เอ๋ ผมเหรอ”
“ใช่ ตามมาสิ”
“ครับ/ค่ะ” พวกผมตอบอาจารย์พร้อมกัน แล้วเดินตามอาจารย์ไปอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกมิสะ” ฉันปลอบมิสะพร้อมกับวางมือบนไหล่ของเขาเพื่อให้กำลังใจ
“อืม แค่มีไคริอยู่ด้วยผมก็อุ่นใจขึ้นเยอะแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ นายพูดว่าอะไรนะ”
“หืม เปล่านิ”
“หรอ”
“อื้อ”
Mise Say
สวัสดีครับ ผมไนซารุ มิเสะ ผมเป็นลูกชายคนโตของตระกูลไนซารุ ตระกูลของแวมไพร์ฮันเตอร์ มีหน้าที่กำจัดแวมไพร์หรือที่ทุกคนรู้ดี ที่ผมเข้าเรียนที่นี่ก็เพราะว่ามีคนที่ผมสนใจเรียนอยู่ที่นี่แต่คนคนนั้นก็เป็นแวมไพร์ซะด้วยนี่สิ คนที่ผมชื่นชอบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ คุณไคริสากิ มิสุยะ ผมชื่นชอบเธอมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้สนิทสนมกับเธอสักที เธอคงจำผมไม่ได้หรอก เพราะตั่งแต่ประถมผมไม่เคยได้คุยกับเธอเลย เธอค่อนข้างที่จะทำตัวแปลกๆ เลยไม่ค่อยมีใครอยากจะยุ่งด้วย ผมอยากจะเดินเข้าไปคุยกับเธอแต่ก็โดนเพื่อนห้ามไว้ เพราะถ้าผมเข้าไปคุยกับเธอ หรือไปเป็นเพื่อนกับเธอพวกเขาก็จะไม่ยุ่งกับผมเหมือนที่พวกเขาไม่ยุ่งกับเธอ บางคนล้อเธอว่าเป็นแวมไพร์ แต่เธอก็ไม่แสดงกิริยาอะไรออกมา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นแวมไพร์จริงๆรึเปล่า ผมเองก็อยากรู้ว่าเธอเป็นแวมไพร์จริงๆรึเปล่า
End Mise Say
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ