ลิขิตโลกา - One World
8.0
เขียนโดย CatMoNo
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.20 น.
13 บท
2 วิจารณ์
13.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตอนพิเศษ ฮิบารี โทมิยะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4 ฮิบาริ โทมิยะ
“ ขอแสงความยินดีกับคุณโทมิยะด้วยนะครับ ที่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านทรัพยากรบุคคล ประจำเขตสยาม ทวีปเอเชียนี้ “ เสียงแสดงความยินดี และเสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้องภายในที่ทำการสภาโลก เขตสยาม ทวีปเอเชีย
ผมยิ้มอย่างมีความสุข และโค้งคำนับขอบคุณทุก ๆ คนรอบตัว เพื่อเป็นการตอบแทนทุก ๆ คนที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็เริ่มสนทนากับคนรอบ ๆ ว่าผมเองยังมีประสบการณ์น้อยนัก คงต้องขอความเมตตาจากทุกคนในการช่วยเหลือผมทำงานในตำแหน่งนี้ด้วย ซึ่งก็เรียกความนิยมให้กับตัวผมเองได้เป็นอย่างดี ทั้งพนักงานใหม่ พนักงานอาวุโส ต่างก็ชมชอบผมกันทุกคน
ใช้เวลานานพอดูกว่าที่ผมจะมาถึงห้องทำงานของผมได้ ทันทีที่ผมปิดประตูห้องทำงาน ผมก็ได้เห็นว่าพ่อของผม หรือก็คือท่านแม่ทัพ ฮิบาริ เคียวเฮ นั่งรอผมอยู่ในห้องแล้ว
“ สวัสดีครับท่านพ่อ ขออภัยครับที่ปล่อยให้ท่านต้องรอ ” ผมโค้งตัวลงขออภัย
“ ไม่เป็นไรหรอกโทมิยะ ก่อนอื่น พ่อก็ต้องแสดงความยินดีด้วยนะที่ได้รับตำแหน่งนี้ ”
“ ขอบพระคุณครับ ”
“ เอาล่ะ เรื่องงานเบื้องหน้าของเจ้าก็แค่นั้น พ่อมาวันนี้เพื่อจะบอกถึงงานเบื้องหลังของเจ้าด้วย ”
อย่างที่รู้กันนะครับ ผมเป็นลูกของแม่ทัพสภาโลก แน่นอนว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คนหลาย ๆ คนคิดหรอกครับ งานที่ผมรับตำแหน่งในวันนี้เป็นเพียงงานที่ใช้บังหน้าเท่านั้น ส่วนงานจริง ๆ ที่ผมรับการแต่งตั้งมานานแล้วโดยปราชญ์ทวีปเอเชีย นั้นก็คืองานโจรกรรมข้อมูลทุกชนิด ที่ทางสภาโลกต้องการ
งานโจรกรรม ทำให้ผมต้องสร้างลักษณะนิสัยขึ้นมาใหม่ ให้กลายเป็นคนมากเสน่ห์ เพื่อสร้างความลุ่มหลงให้กับเป้าหมายในการล้วงข้อมูล และใช้ตัวตนที่เจ้าชู้เพื่อบังหน้าการทำงานที่แท้จริงเท่านั้น แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ผมคิดว่านี้อาจจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของผมก็ได้นะใครจะรู้ หึหึ กลับเข้าเหตุการณ์ดีกว่าครับ
“ เป้าหมายใหม่คืออะไรครับท่านพ่อ ”
“ เพื่อนสนิทของเจ้าเองนั้นแหละ เอกราช รัฐประชา ”
“ อะไรนะครับ? ทำไม........ว่าแต่ ทางสภาต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอะไร? ”
“ ครั้งนี้น่าจะเป็นงานยาวนะโทมิยะ ทางเบื้องบนของสภาโลกมีคำสั่งให้เจ้าคอยคุ้มครอง และปฏิบัติงานเองตามดุลยพินิจของเจ้า ” เคียวเฮ เว้นจังหวะการพูดเพื่อมองลูกชายเพียงคนเดียวของเขาซักพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ “ งานนี้ไม่มีกำหนดระยะเวลา แต่อาจมีงานสืบข้อมูลเป้าหมายอื่นมาแทรกบ้างเป็นบางครั้ง เจ้าคิดว่าจะรับงานนี้ไหวรึเปล่า ” โทมิยะ พอได้ยินก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ก่อนที่จะถามพ่อของเขาว่า
“ หากผมไม่รับ ก็จะมีคนมาทำหน้าที่นี้แทนใช่รึเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอรับงานนี้เองเลยก็แล้วกันครับท่านพ่อ ”
“ งานนี้ไม่มีเอกสารรองรับ ไม่มีเงินเดือน แต่หากเจ้าต้องการเบิกงบประมาณ หรือเบิกอุปกรณ์ใดก็สามารถทำได้ทันที พ่อจะส่ง วิล และ สัน ให้มาช่วยเหลือลูกด้วยก็แล้วกัน ทั้งสองคนนี้ให้เป็นลูกน้องประจำตัวลูกไปเลย ”
“ ขอบพระคุณครับท่านพ่อ ผมจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดครับ ขอท่านพ่อวางใจได้ ผมจะไม่ทำให้ท่านพ่อ และตระกูลของเราผิดหวังเด็ดขาดครับ ”
“ พ่อรู้ว่าพ่อวางใจลูกชายของพ่อได้เสมอ ฝากด้วยนะ โทมิยะ ” เคียวเฮ พูดพลางยกมือมาลูบหัวลูกชายสุดที่รักของเขา จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานของโทมิยะไป
--------------------------------------------------
ย้อนกลับไปยังวันเกิดเหตุหน้าห้องพักของเอกราช
นับจากตอนที่โทยะ (หรือโทมิยะ แต่ขอเรียกว่าโทยะ ตามที่เอก และริน เรียกนะครับ) โทรศัพท์เรียกลูกน้องให้มาจัดการศพ ใช้เวลาไม่นานลูกน้องทั้งสองก็มาถึงหน้าห้องของเอกราช
“ ท่านได้รับบาดเจ็บที่ไหนรึเปล่าครับ ” ลูกน้องที่ชื่อวิล เอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นโทยะ นั่งคอตกอยู่ในห้อง
“ เปล่าหรอก ไม่ได้บาดเจ็บ พอผมมาถึงพวกสมุนเงาก็หนีกันไปหมดแล้ว ” โทมิยะพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาทั้งสองคน
“ วิล ไปตามล่าสมุนเงาที่หนีไป สืบข้อมูลพวกมันให้มากที่สุด แล้วกลับมารายงานผมในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองด้วยนะ “ โทมิยะสั่งงานกับลูกน้องด้านข้าง
“ รับทราบครับท่าน ” วิลพูดจบก็เดินจากไปทันที ขณะเดียวกันโทยะก็ค้นตัวนักวิจัยที่เสียชีวิต พบโทรศัพท์มือถือ และแหวนสีเงินไม่มีลวดลาย 1 วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ เขาเก็บแหวนไว้ในกระเป๋ากางเกงข้างที่เก็บกระปุกยา จากนั้นก็สั่งงานลูกน้องอีกคน
“ สัน คุณดำเนินการรักษาศพของนักวิจัยคนนี้ ในระดับ B จากนั้นใช้พรสวรรค์ของคุณดึงความทรงจำก่อนตายของเขาออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รายงานผมในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองเหมือนกันนะ ”
“ รับทราบคำสั่งครับท่าน ” จากนั้น สัน ก็หยิบแผ่นกระจกใส รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาจากกระเป๋า และวางมันลงไปบนศพนักวิจัย
เกิดแสงสว่างคล้าย ๆ แสงแฟลชแว็ปขึ้นมาหนึ่งครั้ง ศพของนักวิจัยและคราบเลือดบนพื้นหายไป เหลือเพียงแค่แผ่นกระจก ที่เปลี่ยนจากสีใสกลายเป็นสีดำ สัน หยิบกระจกแผ่นเดิมมาเก็บไว้ในกระเป๋า และโค้งคำนับโทยะ ก่อนเดินจากไป
โทยะ ปิดประตูห้อง และเดินกลับมานั่งโซฟาที่เดิม เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าสภาโลกต้องมีสายขององค์กรเงาอยู่แน่นอน ไม่อย่างนั้นคำสั่งวิจัยลับแบบนี้คงไม่ไปเข้าหูพวกสมุนเงาได้ โทยะจึงตัดสินใจปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน โดยยังไม่รายงานเบื้องบน เขาคว้าเอกสารงานวิจัยมาอ่านต่อ ไม่นานเขาก็หลับไปคาโซฟานั้น
-----------------------------
“ พี่คะ.........พี่โทยะ........ตื่นสิ.......นี่สายแล้วนะ “ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ หูผม พร้อมกับความรู้สึกเหมือนโดนสะกิดที่ขา
( อื่ม......เสียงใครฟะเนี้ย คนจะนอน ทำไมช่วงนี้โดนยุ่งตอนหลับทุกครั้งเลยฟะ ) ผมคิดในใจ พร้อมกับยกหมอนขึ้นมาปิดหู แต่ยังไม่ทันได้ปิด หมอนก็ถูกดึงออกจากมือไป พร้อมกับเสียงตะโกนจนหูผมอื้อ
“ พี่โทยะ ตื่นได้แล้ววววว !!! ” นั้นไง ครั้งนี้ตะโกนซะหูเกือบดับเชียว ว่าแต่ใครฟะ แล้วทำไรเรียกผมว่าพี่เนี้ย ผมไม่ได้มีน้องสาวซักหน่อย เอ๊ะเดี๋ยวนะ..........เสียงผู้หญิงงั้นเหรอ?
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคนข้างหน้าผม ฉับพลันผมรีบลุกขึ้นมานั่งและขยี้ตาทันที ผมมั่นใจว่าผมไม่รู้จักคนข้างหน้านี้หรอก หรือให้พูดจริง ๆ ที่อยู่ข้างหน้าผมเนี้ย ใช่คนแน่เหรอ ทำไมถึงดูเปล่งประกายความน่ารักได้แบบนี้ล่ะ
ภาพที่ผมเห็นนั้น คือเด็กสาวคนหนึ่ง อายุถ้าให้ผมเดาก็คง 16 – 17 ปี เธอมีรูปร่างเล็กเหมือนเด็กมัธยม 6 แต่หน้าอกน่าจะประมาณมหาวิทยาลัย ผมสีดำที่ยาวถึงบั้นท้ายดูยุ่ง ๆ นิดหน่อยเหมือนพึ่งตื่นนอน ดวงตาที่เธอมองผมนั้นแฝงความหงุดหงิดเล็ก ๆ มันเปรียบเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างสวยงาม บนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่สิ่งที่ทำให้ผมตาค้าง คือชุดนอนที่ประกอบไปด้วยกางเกงฟุตบอลขาสั้น เผยให้เห็นขาอ่อนเรียวงามน่าลูบไล้ และเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินของผู้ชายที่ตอนนี้ดูหลวม ๆ บนตัวเธอ มันยังไม่พอ ด้วยขนาดเสื้อที่ใหญ่กว่าคนใส่ ทำให้คอเสื้อข้างซ้ายมันย้วยลงมาเปิดเผยหัวไหล่สีขาวอมชมพู และเนินหน้าอกที่แทบกระชากวิญญาณของผมออกจากร่าง ทำให้ผมรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ เธอโนบรา.......
เธอยืนเอามือท้าวเอว แล้วทำแก้มป่องเหมือนจะงอน พร้อมกับพูด “ พี่โทยะตื่นยากทุกวันเลยอะ ให้หนูมาปลุกพี่ทุกเช้าแบบนี้ หนูก็เหนื่อยเหมือนกันนะ ” พอพูดจบก็ทำเมินหน้าไปอีกทาง สื่ออารมณ์ประมาณว่า เชอะ..... อะไรแบบนั้น.........มันจะน่ารักเกินไปแล้วนะ ใครฟะเนี้ย.........
ผมมองคนด้านหน้า โดยที่ไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เธอพูดเลย ในหัวผมตอนนี้มีคำสั่งจากสมองส่วนที่ดำมืดขึ้นมาว่า (กิน....อย่าให้เหลือ) โดยไม่รู้ตัว ผมพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว คือ...ผมจะบอกว่ามันเร็วยิ่งกว่าตอนผมวิ่งหลบกระสุนปืนซะอีก (พลังความหื่นล้วน ๆ โอ้ว.....ช่างน่ากลัวยิ่งนัก)
“กรี๊ด.........พี่โทยะ.......ทำอะไรเนี้ย.....”
เธอล้มลงโดยมีผมคร่อมทับด้านบน มือทั้งสองข้างผมประคองมือเธอติดแนบพื้น (แบบนี้ไม่ได้เรียกประคองมั้ง เค้าเรียกจับกดแล้ว : ไรเตอร์เองจ๊ะ) ผมก้มลงมองเด็กสาวอย่างใกล้ชิด
“ พี่โทยะ......ไม่เอา......หนูต้องไปโรงเรียนอยู่นะ พี่อย่าลืมสิ...” เธอส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบ ผมเห็นใบหน้าของเธอที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความอาย
“ ตอนนี้มันยังเช้าอยู่เลยนะ พี่ปล่อยหนูเถอะนะ ” เสียงพูดอุบ ๆ อิบ ๆ ดังลอดออกมาจากไต้ร่างผม เพราะเธอก้มหน้าหลบจากสายตาของผมที่จ้องมองอยู่ “ อย่างน้อย ให้หนูไปอาบน้ำก่อนเถอะนะคะ พี่ชาย ” ด้วยระยะใกล้แบบนี้ ทำให้ผมยิ่งเห็นเนินอกของเธอ สติของผมเริ่มขาด ๆ หาย ๆ ด้วยภาพข้างหน้า ผมพูดกับเธอเบา ๆ ว่า
“ ไม่ว่าน้องจะเป็นใคร ตอนนี้พี่ไม่สน แต่น้องแต่งตัวแบบนี้มาปลุกพี่ น้องคิดว่าพี่จะทนไหวเหรอครับ ” โทยะพูดเบา ๆ พร้อมกับก้มหน้าลงหาริมฝีปากของเด็กสาวอย่างช้า ๆ
“ ดะ......เดี๋ยว.....เห้ย......ไอ้โทยะ......เป็นอะไรฟะ......เราผู้ชายเหมือนกันนะเห้ย ” เสียงเด็กสาวพูดตอบกลับมาทำให้ผมแอบขำ เธอคนนี้หาเหตุผลหนีจากเหตุการณ์แบบนี้ได้อ่อนประสบการณ์เสียจริง ๆ ผมก้มลมไปหอมซอกคอเธอ กลิ่นหอมที่ผมไม่เคยได้รับรู้มาก่อนสัมผัสกับจมูกผม มันช่างหอมจนน่าหลงละเมออะไรขนาดนี้นะ แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรต่อ ภาพทุกอย่างกลับหายไป ความมืดเข้ามาแทนที่ จนผมตั้งตัวไม่ทัน
“ เห้ย..ไอ้โทยะ...ตื่นได้แล้วเว้ย จะนอนเอาโล่หรือไงฟะ ” เสียงดังขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกเหมือนโดนสะกิดที่ขาทำให้ผมรู้สึกตัวว่าเมื้อกี้ผมฝันไป
“ อื่อ......ตื่นแย้วววววว........โอ๊ย ทำไมปวดคอแบบนี้เนี้ย ” ผมลุกขึ้นนั่งพร้อมกับพยายามหันหน้าไปอีกทางด้ายความทรมาน
“ ก็เอ็งนอนตกหมอนซะแบบนั้น ตะโกนเรียกแล้วก็ไม่ยอมตื่นนี่หว่า ”
วินาทีนั้น ผมได้กลิ่นหอมเหมือนในความฝันอีก ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองคนที่คุยกับผมอยู่ตอนนี้ และผมก็ได้พบกับเธออีกครั้ง
ผมพุ่งตัวเข้าหาเธอทันที เหมือนย้อนเวลากลับไป ตอนนี้ผมประคองมือเธอทั้งสองข้างให้แนบติดพื้น (เค้าเรียกว่าจับกด..) อย่างเบามือ (เหรอฟะ) ผมก้มลงพูดกับเธออีกครั้ง
“ ไม่ว่าน้องจะเป็นใคร ตอนนี้พี่ไม่สน แต่น้องแต่งตัวแบบนี้มาปลุกพี่ น้องคิดว่าพี่จะทนไหวเหรอครับ ” และผมก็ก้มลงไปหาใบหน้าอันงดงามด้านล่าง
“ ดะ......เดี๋ยว.....เห้ย......ไอ้โทยะ......เป็นอะไรฟะ......เราผู้ชายเหมือนกันนะเห้ย ” อา....เหมือนกับในฝันเลยแหะ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปต่อหน้าผมหรอก เธอเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น นี่ไม่ใช่ความรู้สึกจากความโลภ หรือว่าความหลง แต่ผมรู้ตัวผมดี รู้สึกได้จริง ๆ จากจิตวิญญาณของผม ว่าแม้ผมพึ่งจะเคยเจอเธอ ถึงอย่างนั้นผมก็รักเธอคนนี้สุดหัวใจแล้ว
จู่ ๆ ก็มีเสียงวิ่งเข้ามาด้านหลังผม แต่ผมไม่สนใจแล้ว ผมกลัวว่าเธอคนนี้จะหายไปเหมือนในฝันอีกครั้ง
“กรี๊ด......ไอ้โทยะ.....แกจะทำอะไรเอกห๊ะ...” อื่ม....เสียงคุ้น ๆ นะเหมือนจะเป็นเสียงของริน จอมพลัง ผมรู้สึกเหมือนถูกกระชากคอเสื้อด้านหลัง แล้วบินผ่านเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายในห้องพัก และ แอ๊ก..!! หลังผมกระแทกกับกำแพงอย่างแรง สติผมเริ่มจะจางหายไป ผมเห็นลาง ๆ ว่ารินทุ่มผมมากระแทกกำแพง และดึงเอกลุกขึ้นยืน แต่น่าแปลกแหะ.....ทำไมเอกถึงแต่งตัวเหมือนเธอคนนั้นเปี๊ยบ แล้วเธอคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ และสติของผมก็ดับไปด้วยอาการสลบจากการถูกจอมพลังจับทุ่มติดกำแพงห้อง
--------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ