ลิขิตโลกา - One World
8.0
เขียนโดย CatMoNo
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.20 น.
13 บท
2 วิจารณ์
13.77K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เรื่องแปลก ๆ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3 เรื่องแปลก ๆ
แสงแดดอ่อน ๆ พร้อมกับท้องฟ้าที่สดใส เบื้องบนนั้นเต็มไปด้วย ปุยเมฆลักษณะเหมือนกับขนมปุยฝ้ายที่ลอยละล่องปลิวไปตามสายลม รอบข้างผมตอนนี้ ต่างก็แว่วเสียงนกเสียงแมลงร้องขับขานเป็นบทเพลงแห่งธรรมชาติท่ามกลางผืนป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาและปกติสุขของเหล่าสรรพสัตว์
ผมเอกราช หรือที่มีชื่อเล่นว่าเอก ตอนนี้ลืมตาขึ้นมามองสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ กาย ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้า พุ่มไม้ที่มีดอกไม้ป่าหลากหลายสายพันธุ์ ต้นไม้ขนาดใหญ่หลายคนโอบที่อยู่รอบตัว และผมก็พบว่า ผมกำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นต้นมะกอกของแถบยุโรป หรือที่เรียกว่าต้นโอลีฟน่ะแหละครับ ต้นโตขนาดแบบนี้น่าจะอายุซัก 300 ปีเป็นอย่างต่ำ
งงกันรึเปล่าครับว่าผมอยู่ที่ไหน บอกตรง ๆ เลยว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน จำได้ตอนสุดท้ายผมจะสลบไปในห้องพักของผม เจ้าโทยะ มันประคองผมนอนบนเตียง คล้าย ๆ ว่ามันจะเอายาแก้ปวดหัวจากอาการใช้สมาธิเร่งให้สมองทำงานเกินพิกัดมาให้ผมกิน แล้วผมก็สลบไป........อื่ม......แล้วไหงผมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ?
เอาเถอะนะ ไม่ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกคือความสงบ ไม่มีความวุ่นวายของมนุษย์คนอื่น ๆ มาทำให้สถานที่แห่งนี้แปดเปื้อน รอบกายของผมเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ถึงแม้จะมีไอ้มนุษย์อย่างผมมาโผล่ที่นี่แบบแปลก ๆ ก็ตาม ผมก็ไม่อยากให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนี้หรอกครับ ขอดื่มด่ำกับภาพและบรรยากาศขณะนี้ให้เต็มที่เสียก่อนก็แล้วกัน เพราะโลกจริงที่ผมอยู่นั้น สถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตแห่งธรรมชาติแบบนี้มันไม่มีอีกแล้วน่ะสิ ขอนั่งแบบนี้ไปนาน ๆ เท่าที่จะทำได้ดีกว่า
“ อื่ม.......เฉื่อยกว่าที่คิดนะเจ้าน่ะ...... ” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมา ผมจำแนกไม่ได้ว่ามันดังมาจากทางไหน และบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะเสียงพูดนี้มันเป็นเสียงรวมของหลาย ๆ เสียงที่พูดประโยคเดียวกันขึ้นมา คิ้วของผมย่นลงเล็กน้อย เพราะรู้ว่าคงหมดเวลาที่ผมจะนั่งอยู่กับความสงบแล้ว
“ ไม่ถามข้าซักหน่อยหรือ ว่าที่นี่คือที่ไหน และข้าเป็นใคร หรือเพราะเหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ” เสียงนั้นถามผม
“ ที่นี่......ถ้าจะให้ผมเดา ก็คงเป็น Garden of Eden มั้งครับ? หรือถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่สนใจหรอกว่ามันคือที่ไหน เพราะตอนนี้ผมพอใจที่ได้มาอยู่ในสถานที่นี่แล้วล่ะ ” ผมลองตอบแบบส่ง ๆ และมั่ว ๆ ไปตามที่เคยได้เรียนในตำรามา
“ เดาไปได้ไกลมากนะมนุษย์.....ไม่ใช่หรอก ที่นี่ก็แค่ป่าในอดีต ก่อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นเจ้าจะเริ่มทำลายมันต่างหาก ”
ผมมองไปรอบ ๆ พร้อมกับเกิดความคิดว่าน่าเสียดายจริง ๆ เหตุใดนะที่บรรพบุรุษของมนุษย์ถึงต้องทำลายสิ่งที่เปรียบได้ดังสรวงสวรรค์นี้ด้วย...........เพียงแค่เพราะเงินอย่างนั้นหรือ แล้วไงล่ะ สุดท้ายก็ตายกันเกือบยกโลก
“ เฮ้อ........น่าเศร้ากับการกระทำของบรรพบุรุษพวกผมจริง ว่าแต่คุณเป็นวิญญาณหาที่อยู่รึเปล่า ผมไม่ใช่เคนจิตสัมผัสอะไรหรอกนะ และถ้าจะให้ผมเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพอะไรนั้นก็ไปคุยกับคนอื่นเถอะครับ ผมเลี้ยงไม่ไหวอะ ”
“หึ หึ ........อารมณ์ขันและมองโลกในแง่บวกดีนะเจ้าเนี้ย ข้าเป็นใครนั้นยังไม่ต้องรู้หรอก ที่ข้ามาเพื่อจะบอกเจ้าว่า มันได้เวลาแล้วต่างหาก เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าถือเป็นเรื่องดีนะ ข้าอยากให้เจ้ามีความยินดีในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถึงมันจะผิดแผนที่ข้าวางไว้ก็ตาม ”
“ อารมณ์ขันน่ะผมยอมรับนะ แต่มองโลกในแง่ดีเนี้ยผมขอปฏิเสธดีกว่า ว่าแต่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ล่ะ ผมไม่เข้าใจ ”
“ ถ้าข้าจำไม่ผิด ความฝันสุดท้ายของเจ้าคือการได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามสินะ ข้าคิดว่าเรื่องนี่เจ้าน่าจะพอใจ เพราะจากนี้ไปเจ้าได้ไกลชิดกับหญิงสาว ผู้สวยงามตลอดเวลาแน่นอน ข้า Confirm ถึงข้าจะไม่ใช่หมอดูคนนั้นก็เถอะ ”
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว ผมเกิดอาการอายขึ้นมาทันที เพราะฝันที่ผ่านมาคือการได้เที่ยวแบบแนบเนื้อใกล้ชิดกับเหล่านางแบบสวย ๆ ทั้งกองถ่ายในทะเล มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ๆ หรอกครับ ไม่ใช่ว่าผมหน้าตาห่วยอะไรหรอกนะ แต่พอผมอยู่ใกล้ ๆ ผู้หญิงสวยทีไร หัวมันจะขาวโพลนไปหมด เกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก พูดตรง ๆ คือผมแพ้ผู้หญิงสวยอะ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมมีแฟนตั้ง 37 คนนะ ฟังดูดีมั้ยครับ เวลา 4 ปี มีแฟน 37 คน แต่ขอโทษเถอะอย่าพึ่งอิจฉา แต่ละคนคบได้ไม่ถึง 3 วันก็ต้องเลิกไป เพราะไอ้อาการแพ้ผู้หญิงของผมเนี้ยแหละ จนกระทั่งตอนนี้ผมอายุ 25 ปีแล้ว ก็ยังไม่เคย.......ซักที เป็นไงล่ะฟังแบบนี้อิจฉาผมมั้ย? ในความฝันที่ทะเลนั้น มันก็เป็นฝันที่ดีจริง ๆ แหละ ผมไม่มีอาการแพ้ผู้หญิงเลย แต่เอ........
“ ทำไมคุณถึงรู้ความฝันผมได้ล่ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณบอกผม ” ผมถามออกมาด้วยความสงสัย ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังคุยอยู่กับใครก็เถอะ
“ มันผิดพลาดนิดหน่อยนะ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะชอบแนวโลลิเหมือนข้า แต่คงไม่เป็นไรนะ หยวน ๆ เอาก็แล้วกัน ส่วนเรื่องที่เจ้าถามมา ข้า.....ขี้เกียจอธิบาย ยังไงเจ้าก็จะเข้าใจเองแหละว่าข้าหมายถึงอะไร บอกตอนนี้เจ้าคงไม่เห็นภาพ ” เสียงลึกลับตอบกลับมา ทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่
แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อไป จู่ ๆ ภาพรอบกายก็เลือนหายไปกลายเป็นหมอกควันสีเทา ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ท่ามกลางหมอกควัน ผมมองเห็นเงาของนกตัวหนึ่งที่กำลังค่อย ๆ บินมาหาผม พร้อม ๆ กับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นในหัว
“ ข้ากำลังตามหาเจ้า.............เจ้าอยู่แห่งไหนกันนะ......”
---------------------------------
“ ปู้ด.....ป๊าดดดด........แผละ ๆ ๆ ๆ !!! ” เสียงดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงฟุตบอลด้านหลัง มันเป็นกางเกงที่ผมใส่นอนประจำ ฟังดูแล้วน่าสยองรึเปล่าครับ จริง ๆ แล้วมันเป็นเสียงนาฬิกาปลุกของโทรศัพท์มือถือที่ผมตั้งไว้เองแหละ อย่าคิดไปไกล
ผมคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดปิดเสียงปลุก ตอนนี้เวลา 08:15 น. สายนิด ๆ แหะ แสดงว่าโทรศัพท์ผมมันปลุกมา 4 รอบแล้วสินะ ตื่นเอารอบที่ 5 เหอะ ๆ ก็ยังดีกว่ารอบที่ 10 แหละนะ
จู่ ๆ หัวผมก็ปวดขึ้นมาอีกซะอย่างงั้น อาการเมื่อวานยังไม่ดีขึ้นสินะ ครั้งนี้เหมือนจะหนักไปหน่อย แต่เพราะอีกฝ่ายมันฆ่าคนตายนี่น่า จะว่าไปมอง ๆ ดูก็ไม่เห็นศพของนักวิจัยคนนั้นแล้วแหะ โทยะ มันเรียกเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมั้ง
ผมลุกขึ้นจากที่นอนมาปัดเตียงพับผ้าห่มเรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกห้องนอนมาเห็นโทยะ นอนอยู่ที่โซฟา หัวกำลังเอียงตกหมอนอยู่ เป็นที่มั่นใจได้เลยว่าตื่นนอนแล้วมันต้องคอเคล็ดแน่นอน
“ เห้ย...โทยะ เอ็งนอนตกหมอนอยู่เว้ย.. ” ผมตะโกนบอกโทยะเสียงดัง หวังให้มันนอนเหมือนชาวบ้านเค้าบ้าง
“ อื่อ..........อย่าเผือก.......คนกำลังนอน ครอกฟี้.........”
เอาเป็นว่า คอที่จะปวดมันไม่ใช่คอผมก็แล้วกัน ผมเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปลงฟันตามปกติ แต่พอผมเดินผ่านกระจกห้องน้ำ หางตาผมแลเห็นคนเดินผ่านในกระจก ปกติแล้วมันก็ไม่แปลกอะไรหรอกครับ ถ้าครั้งนี้มันไม่ใช่เด็กผู้หญิงผมยาวแต่งตัวเหมือน ๆ กับผมเดินผ่านไปพร้อมกัน
ผมหยุดเดินทันที ตาสว่างโดยไม่ต้องล้างหน้า ( แต่ปากยังเหม็นเพราะยังไม่ได้แปรงฟัน ) สะบัดหัวเบา ๆ เพื่อตั้งสติ แล้วค่อย ๆ เดินถอยหลังมาหน้ากระจก ภาพที่ผมเห็นคือ ตัวผมเองในสภาพหัวกระเซิงแบบเด็กแนวที่มีสไตล์การจัดทรงผมสุดฮิปสเตอร์ ( ทรงตื่นนอนนั้นแหละครับ อย่าไปฟังเอกมันโม้มาก : ไรเตอร์เองจ๊ะ )
ก็ปกติ.....ในกระจกยังคงเป็นตัวผม แล้วเด็กผู้หญิงเมื่อกี้......ผมตาฝาดสินะ เอ.......เหมือนก่อนผมตื่นผมจะฝันอะไรรึเปล่านะ จำไม่ได้ซะด้วย จำได้แค่ฝันของเมื่อวานอะ ทะเล นางแบบ โอ้ว.....ขอฝันแบบนั้นอีกทีได้ป่ะ
คิดไปไกลละ ผมเดินเข้าห้องน้ำต่อ เพื่ออาบน้ำแต่งตัวตามปกติ พอเสร็จแล้วก็ออกมาด้วยชุดเดิมนั้นแหละ ไอ้โทยะมันยังนอนท่าเดิม ปลุกมันดีกว่า เพราะนี่ก็สายแล้วด้วย
“ เห้ย โทยะ.....ตื่นได้แล้วเว้ย....นอนเอาโล่ห์หรือไงฟะ ” ผมปลุกเพื่อนรักอย่างนุ่มนวล ด้วยการเอาเท้าเขี่ย ๆ
“ อื่อ........ตื่นแย้วววววว โอ้ย....ทำไมปวดคอแบบนี้เนี้ย ” โทยะ ลุกขึ้นมา และทำท่าพยายามจะเอียงคอไปอีกด้านอย่างทรมาน
“ ก็เอ็งนอนตกหมอนซะแบบนั้น ตะโกนเรียกแล้วก็ไม่ยอมตื่นนี่หว่า ”
จู่ ๆ โทยะก็ค่อย ๆ หันมามองผมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นมันก็ทำตาโตเท่าไข่ห่าน แล้วกระโดดเข้าแท๊คเอวผมแบบนักอเมริกันฟุตบอลจนล้มไปด้วยกัน “ เห้ย.......ทำอะไรฟะโทยะ ” ตอนนี้โทยะกำลังทับตัวผมอยู่ด้านบน พร้อมกับทำสายตาในแบบที่มันมักจะทำเวลาเจอผู้หญิงสวย ๆ เดินผ่าน หรือเวลาที่มันอยู่กับกิ๊กจำนวนนับไม่ถ้วนของมันเอง
“ หนูเป็นใครครับ แล้วแต่งตัวแบบนี้มาปลุกพี่ตอนเช้า หนูคงไม่คิดว่าพี่จะทนไหวหรอกนะครับ” โทยะพูดขึ้นมาเสียงเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มกับสายตาเยิ้ม ๆ บนใบหน้าที่ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาหาผมเรื่อย ๆ
“ เดี๋ยว ๆ เห้ย....ไอ้โทยะ เป็นอะไรฟะ.......เราผู้ชายด้วยกันนะเว้ย ”
-----------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ