สาวโอตาคุกู้วิกฤตพิชิตโลก

7.7

เขียนโดย Yaksa

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 01.14 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  16.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 02.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) การพลิกวิกฤตของเหล่านักรบสาว : ตอนกลาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     และในที่สุดมื้ออาหารอันแสนอึดอัดก็ผ่านไปโดยที่ทุกคนต่างไม่ได้รับรสอาหารอย่างเต็มที่กันเอาเสียเลย ยกเว้นเพียงองค์ราชาและลิซ่าเท่านั้นที่เหมือนจะอิ่มเอมในอาหารมื้อนี้พอสมควร
     ผมลุกขึ้นรวบรวมจากชามแล้วจึงผ้าเช็ดโต๊ะ แน่นอนว่ารู้สึกกดดันเมื่อต้องเข้าไปเช็ดโต๊ะตรงหน้าราชา เมื่อทำความสะอาดโต๊ะเสร็จแล้วจึงรวบรวมจานชามไปล้างในห้องครัวโดยที่มีความคิดจะหลบอยู่ภายในนั้นจนกว่าพ่อของลิซ่าจะกลับ แต่เหมือนเดเน่จะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เธอจึงรีบตามผมเข้ามาช่วยในทันที
     “กดดันสุดๆเลยค่ะ...”
     ผมพูดพลางถอดหายใจออกมาแล้ววางกองจานที่ซ้อนกันบนอ่างล้างจาน
     “นั้นสินะ...”
     เดเน่เองก็เห็นด้วยเธอเองก็วางจานลงบ้างแล้วพวกเราจึงเริ่มลงมือทำความสะอาดจานชามพวกนี้
     “เดเน่ไม่เคยเจอท่านมาก่อนเหรอคะ...”
     “ก็เคยอยู่นะ... แต่ตอนนั้นก็เป็นเพียงแค่งานพิธีใหญ่ๆท่านไม่สนใจฉันหรอก”
     “หมายความว่าเพิ่งจะเคยร่วมโต๊ะกันครั้งแรกสินะคะ...”
     “อืม...แค่พูดคุยยังไม่เคยเลย...”
     แสดงว่าเราเจอแจ็คพอตเข้าพอดีเลยสินะเนี่ย....
     “ว่าแต่ทำไมท่านถึงมาที่นี่กันนะ หรือว่าจะพวกห่วงลูกสาวมากกว่าที่คิด...”
     เธอพึมพำออกมาพลางนำจานที่ผมล้างเสร็จแล้วไปเช็ด
     “จะว่าไปไม่เห็นองครักษ์ตามมาด้วยเลยนะคะ”
     “ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ข้างนอกก็ได้นะ”
     ก็จริงนะ... คนระดับผู้นำประเทศคงไม่มีทางมาเดินเล่นนอกปราสาทเพียงคนเดียวแน่นอน...
     แต่ระหว่างที่พวกเราเพิ่งจะล้างจานกันได้เพียงครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องครัว วินเชสต้าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจแล้วบอกกับผมว่าพ่อของลิซ่าต้องการพบ
     ใจคอเริ่มไม่ดีแล้ว... หวังว่าเมื่อครู่จะไม่ได้ทำอะไรผิดใจท่านไปนะ...
     ผมหยิบผ้ามาเช็ดมือก่อนจะเดินตามวินเชสต้าไป ทางเดเน่เมื่อเห็นว่าผมโดนเรียกก็รีบเช็ดมือแล้วตามมาเช่นกัน
     ผมกลับมาหมายจะนั่งที่เดิมแต่ราชากลับชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตัวข้างๆเขาแทนผมจึงเดินไปนั่งลงตรงนั้นอย่างช่วยไม่ได้ พอมองไปหาทุกคนโดยรอบก็ต่างทำสีหน้าลำบากใจจนผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผมถูกราชาเรียกมาทำไม
     “เธอ...ชื่อเจร่าสินะ”
     จู่ๆหญิงสาวผมแดงผู้นั่งอยู่ข้างๆผมก็เอ่ยขึ้นมา
     “คะ...ค่ะ...”
     “ฉัน... กราฟิสเซล อาร์ แดฟโฟดิล ยินดีที่ได้รู้จักนะ...”
     เธอพูดแนะนำตัวพร้อมกับส่งมือมาให้ ผมเลิ่กลั่กก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายอย่างสั่นๆ ก่อนจะปล่อยมือออกด้วยความกังวลเล็กน้อย
     “เธอทำอาหารอร่อยดีนะ...แต่เหมือนว่าเธอไม่ใช่คนในเมืองนี่สินะ มาจากที่ไหนเหรอ?”
     “เอ่อ...ก็จากที่แสนไกลพอสมควรเลยน่ะค่ะ”
     “เหรอ...”
     กราฟิสเซลเปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างแล้วเท้าคางหรี่ตามองผมเหมือนกำลังประเมิณอะไรบางอย่าง
     “ได้ยินมาว่ามีเด็กผู้หญิงอายุน้อยโผล่มาช่วยบัญชาการในช่วงที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่...ไม่คิดว่าจะเป็นเธอได้เลยนะ...”
     อีกฝ่ายพูดพลางเปลี่ยนอิริยาบถเล็กน้อย
     “อ่า...ค่ะ...”
     “ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยพวกเราไว้...”
     องค์ราชากล่าวขอบคุณด้วยร้อยยิ้ม นั้นทำเอาผมเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก
     “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ช่วยเหลือในสิ่งที่พอจะช่วยได้”
     “อื้ม...ความเสียสละและความกล้าหาญนั้นหาได้ยากยิ่งเลยล่ะ เพราะเราไม่เคยถูกมอนสเตอร์บุกมานานแล้วถึงได้ขาดการรับมือ อ่ะ…ไม่ได้จะว่าอะไรพวกเธอนะ”
     นั้นก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมกองทัพของฝั่งเราถึงถูกโจมตีได้ง่ายนัก... พวกเธอขาดการฝึกซ้อมรับมือกับมอนสเตอร์อย่างที่กราฟิสเซลบอกมาจริงๆ...
     กราฟิสเซลหันไปพูดกับอัศวินทั้งห้าที่นั่งอยู่พวกเธอต่างส่งยิ้มแห้งๆให้อย่างไม่คิดอะไร แต่ผมกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่
     “พวกเธอทุกคนทำได้ดีแล้วล่ะ...”
     ไม่เคยถูกมอนสเตอร์บุก…รู้สึกแปลกๆแฮะ...
     “ไม่เคยถูกโจมตีเลยเหรอคะ?”
     เพราะจู่ๆผมเอ่ยออกไปทำให้ผู้ที่ถูกถามทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
     “อืม...เท่าที่มีบันทึกในรอบหลายร้อยปีมานี้ เมืองหลวงไม่เคยถูกมอนสเตอร์บุกอย่างที่เธอเข้าใจนั้นแหละ”
     หมายความว่า...เพิ่งจะมีกองทัพออร์คมาโจมตีเมืองครั้งแรกสินะ...
     “คิดอะไรอยู่เหรอ?”
     ลิซ่าที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ผมเองก็สงสัยอะไรอยู่อีกเล็กน้อยเช่นกันจึงถามอีกไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม
     “ขอโทษที่ต้องถามแบบนี้นะคะ ไม่ทราบว่าการต่อสู้เมื่อตอนเย็นมีคนเสียชีวิตไหมคะ?”
     “ไม่มีนะ”
     ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีล่ะนะ...
     “ไม่มีคนศูนย์หายด้วยใช่ไหมคะ?”
     “อืม...ใช่...”
     “แล้วทำไมพวกมันถึงมาโจมตีล่ะคะ?”
     “หมายความว่าไงเหรอ?”
     เดเน่ที่นั่งข้างๆเอียงคอสงสัย
     “ฉันหมายถึงว่าพวกมันมีเป้าหมายอะไรถึงได้บุกมาโจมตีน่ะค่ะ?”
     คำถามของผมทำให้บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไปในทันที
     “นั้นสินะเป้าหมายของพวกมันคืออะไรกัน?”
     กราฟิสเซลเอนหลังติดเก้าอี้แล้วใช้มือจับคางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ผมจึงลองพูดข้อมูลอะไรบางอย่างออกไปให้ทุกคนได้ฟัง
     “เท่าที่ฉันศึกษามา...ออร์คมันมักจะอยู่ในป่าแล้วบุกจู่โจมหมู่บ้านเล็กๆเสียมากกว่า ฉันว่าการที่มันมาบุกเมืองหลวงแบบนี้ไม่ค่อยจะฉลาดเอาเสียเลยนะคะ?”
     “แต่ถ้าหากมันคิดจะจู่โจมจริงๆเป้าหมายคืออะไร? อาหาร? ทรัพย์สิน?”
     ผมส่ายหน้าให้กับคำถามของเอลเซ่แล้วจำเอ่ยกล่าวคำตอบ
     “พวกมันไม่สนเรื่องของมีค่าหรอกค่ะ อาหารก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมันเพราะมันสามารถหาสัตว์ป่าเป็นอาหารได้ แต่เพราะเป้าหมายของพวกมันคือมนุษย์เองนั้นแหละค่ะ”
     “อย่าบอกนะว่ามันกินคนน่ะ?”
     ลิซ่าพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว
     “เปล่าเลยค่ะ…เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของพวกมันต่างหากล่ะ...”
     รู้สึกเขินๆที่ต้องพูดเล็กน้อยแฮะ...แต่ดูแล้วทุกคนตั่งใจฟังกันจังเลย...
     “พวกมันต้องใช้สิ่งมีชีวิตเพศหญิงจากเผ่าพันธุ์อื่นในการสืบพันธุ์ค่ะ”
     “เพศหญิง?”
     “เอ่อ...หมายถึงมนุษย์น่ะค่ะ”
     ผมรีบตอบคำถามของกราฟิสเซลเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรมากเกินไป
     “หืม...หมายความว่าเป้าหมายของการโจมตีคือเพื่อลักพาตัวคนไปสินะ...อ๊ะ!”
     เหมือนว่าเดเน่จะเข้าใจแล้วว่าผมจะสื่ออะไรคนอื่นๆเองก็เช่นกัน
     “เพราะฉะนั้นที่ไม่มีคนศูนย์หายเลยก็เป็นเรื่องแปลกไงล่ะคะ...”
     “ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายจริงๆของพวกมันคืออะไรล่ะ...”
     เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องอีกครั้ง ทุกคนต่างพยายามเรียบเรียงความคิดเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่กำลังเผชิญ ผมพยายามคิดว่า‘ถ้าหากตัวเองเป็นพวกออร์คจะพยายามโจมตีเข้ามาจนตัวเองตายให้มันได้อะไรขึ้นมา’
     เดี๋ยวนะ...โจมตีเข้ามา...จนตาย...แล้วสิ่งที่จะได้...
     “…เข้าใจแล้ว…”
     ผมพึมพำออกมาเบาๆแต่ทุกคนกลับได้ยินและสนใจในทันที
     “คืออะไรเหรอ?”
     แครอลเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างรวดเร็ว
     “ค่อนข้างเป็นปัญหาพอสมควรเลยค่ะ...”
     “แล้วมันคือ…”
     “ช่วงเย็นพวกมันไม่ได้ตั้งใจโจมตีอย่างจริงจัง...แต่เพียงแค่เช็คแมพ(check map)เท่านั้นค่ะ…”
     “อ่ะ...หมายความว่าไงน่ะ?”
     เผลอหลุดใช้ภาษาเกมออกไปซะแล้ว...
     “หมายถึงสำรวจพื้นที่น่ะค่ะ…เพราะฉะนั้นแล้ว...”
     ผมเว้นช่วงหายใจเล็กน้อยล่ะพูดต่อ
     “พวกมันจะมาอีกแน่นอนค่ะ...”
     กราฟิสเซลลุกขึ้นส่งเสียงเก้าอี้เลื่อนไปด้านหลัง แล้วหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
     “ที่พูดมาจริงเหรอ?”
     “คิดว่านะคะ… ถ้าฉันเป็นพวกมันก็คงจะมาอีกนั้นแหละค่ะ”
     “เมื่อไหร่?”
     ด้วยคำถามนั้นผมจึงปิดตาลงครุ่นคิดหาคำตอบ
     พวกมันโจมตีตอนเย็น...เพื่ออะไร...ประเมินกำลังรบของทางเรา?...ไม่สิเพราะเป็นช่วงเย็นไงถึงได้โจมตี...แล้วช่วงต่อไปที่จะมาก็อาจจะเป็น...
     “ช่วงประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนที่ชาวเมืองนอนหมดแล้ว…!?”
     ผมรีบหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดูเวลา หลังกระจกแผ่นเล็กนั้นบอกกลับมาเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม
     แต่ก็น่าแปลกที่พวกมันมีสมองคิดแผนการได้ถึงขนาดนี่เลยเหรอ…?
     “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นปัญหาจริงๆแล้วน่ะสิ! ต้องเตรียมการแล้ว...เอลเซ่ที่ค่ายแห่งนี้มีห้องวางแผนบัญชาการไหม?”
     “ค่ะ!...มีค่ะ!”
     สถานการณ์ภายในห้องตึงเครียดขึ้นมาในทันที อัศวินสาวทุกนายต่างลุกขึ้นเพื่อเตรียมรับคำสั่ง ลิซ่าเองก็ลุกขึ้นเดินไปยืนข้างพ่อของเธอ
     “พาฉันไปทันทีเลย...”
กล่าวจบองค์ราชาก็รีบเดินไปเปิดประตูออกไปภายนอก ก่อนจะหันมาพูดกับผมที่กำลังนั่งมองทุกคนอยู่
     “ทำอะไรน่ะพวกเธอก็ต้องมาด้วยนะ…”
     ทั้งผมและเดเน่ต่างก็มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกเดินออกไปตามคำสั่ง ภายนอกห้องมีอัศวินยืนอยู่ประมาณห้าคน กราฟิสเซลเริ่มสั่งการกับอัศวินทั้งห้า
     “ไปยังค่ายทหารอื่นๆในเมืองแล้วบอกให้อัศวินระดับหัวหน่วยขึ้นไปทั้งหมดมาประชุมในห้องห้องวางแผนที่ค่ายนี้ อ๋อ!...แล้วก็สั่งให้ทหารและอัศวินคนอื่นๆที่ไม่ได้เข้าวางแผนเตรียมตัวรบให้เรียบร้อยด้วย”
     เมื่อได้รับคำสั่งอัศวินทั้งห้าก็กระโดดขึ้นควบม้าแล้ววิ่งออกไปทำตามคำสั่ง
 
     พวกเราเข้ามาในห้องห้องวางแผนบัญชาการภายในนั้นรวกกับภาพที่ผมเคยเห็นในหนังแนวประวัติศาสตร์ มีทั้งแผนที่ติดอยู่เต็มผนังและอุปกรณ์มากมาย แสงคบไฟภายในห้องก็ให้ความสว่างมากพอสมควร
     ส่วนอัศวินกองที่34ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ายังไม่ได้สวมชุดให้เรียบร้อยก็รีบเดินกลับไปยังห้องแล้วเปลี่ยนชุดกันอย่างรวดเร็ว ในตอนแรก อัลม่า แครอล และ วินเชสต้า ต่างก็จะยืนรอข้างนอกแต่กราฟิสเซลกลับสั่งให้พวกเธอเข้าไปด้วยทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
     เอลเซ่สั่งให้คนนำแผนที่มากางบนโต๊ะขนานใหญ่กลางห้องแล้วพวกเราจะเริ่มคุยถึงแผนการณ์และเรื่องต่างๆ ไม่นานนักเสียงควบม้าก็ดังขึ้นภายในค่ายอย่างต่อเนื่อง
     เหล่าอัศวินระดับหัวหน้าผู้มีผ้าคลุมไหล่สีแดงเช่นเดียวกับเอลเซ่ต่างเดินเข้ามาภายในห้อง พวกถอดหมวกเหล็กเพื่อทำความเคารพราชาของพวกเธอแล้วจึงเดินมายืนรอบๆโต๊ะ
     ผมสัมผัสได้ถึงสายตาของที่พวกเธอที่มองมาอย่างแปลกใจ แน่นอนล่ะเด็กสาวอย่างผมคงไม่มีทางมาอยู่ในที่แบบนี้ได้หรอก แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถามออกมาเพราะผมกำลังพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกราฟิสเซลอยู่
     ไม่นานนักประมาณสิบกว่านาทีอัศวินผู้เกี่ยวข้องทุกนายประมาณเกือบห้าสิบคนต่างเข้ามาพร้อมกับภายในห้องแห่งนี้ แต่ก็มีบางคนที่สวมผ้าคลุมไหล่สีฟ้าซึ่งเป็นของรองหัวหน้าซึ่งหมายความว่าเธอมาเป็นตัวแทนในการประชุม กราฟิสเซลจึงวางมือลงบนโต๊ะและเริ่มเปิดการประชุมในทันที
     “เอาล่ะ...หลายๆคนคงจะสงสัยสินะว่าเรียกมาทำไมสินะ?”
     แต่หลายต่อหลายคนต่างมองผมประมาณว่า ‘ตอนนี้สงสัยเรื่องเด็กคนนั้นมากกว่า...’
     “พอดีว่ากำลังจะมีศึกใหญ่ก่อตัวขึ้นในเขตที่พักอาศัย ศึกต่อยอดกับออร์คเมื่อช่วงเย็นล่ะนะ”
     “หมายความว่าไงคะท่าน?”
     อัศวินจากหน่วยอื่นเอ่ยถามขึ้น
     “พวกมันจะกลับมาอีกเหรอคะ?”
     “น่าจะเป็นอย่างนั้น...แต่ยังไงก็ต้องหาทางรับมือไว้ก่อน”
     “แต่พวกมันก็ตายหมดแล้วนี่คะ?”
     ยังคงมีคำถามมาจากอัศวินสาวอีกหลายนาย กราฟิสเซลยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยรอยยิ้มนั้นทำเอาผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ผมก่อนจะพูดต่อ
     “ก่อนอื่นฟังข้อมูลจากเด็กคนนี้ก่อนก็แล้วกันนะ...”
     นั้นไงล่ะ...มิน่าถึงเรียกเรามาด้วย...แต่เราคงจะจบหน้าที่แค่ให้ข้อมูลสินะ...
     ผมเริ่มบอกข้อมูลทั้งหมดที่เคยพูดให้ทุกคนฟังในห้องพักกับอัศวินระดับหัวหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ทุกคนต่างนิ่งเงียบตั้งใจฟังผมจึงพูดได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็กังวลเล็กน้อยเพราะไม่เคยต้องมาพูดต่อหน้าคนจำนวนมากถึงขนาดนี้จนมีหลายครั้งที่เผลอพูดติดๆขัดๆหรือไม่ก็กัดลิ้นตัวเอง
     “...ก็อย่างที่ว่ามานั้นแหละ...ค่ะ...”
     พอมองไปรอบๆห้องก็พบกับสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างตั้งใจผมก็รู้สึกประหม่าขึ้นมากขึ้นไปอีกจึงหลบสายตาแล้วพูดต่อ
     “...เอ่อ...คือ...ฉันคิดว่าพวกมันต้องมาอีกแน่นอนน่ะ...ค่ะ...คิดว่า...นะคะ...”
     “ที่พูดมาก็พอมีเหตุผล...แต่พวกมันจะมาจริงๆเหรอ?”
     “ตั้งรับเอาไว้ก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหายนะ”
     กราฟิสเซลเอ่ยทักขึ้นมาทำให้คนคนต่างเงียบไปในทันที
     “แล้วเราจะเชื่อเด็กคนได้จริงเหรอคะ?”
     อุ...มาแล้วประโยคที่ไม่อยากได้ยินมากที่สุด
     “เฮ้! ระวังคำพูดหน่อยเด็กคนนี้ฝ่าบาทเป็นผู้เรียกให้มาร่วมด้วยตัวเองเลยนะ”
     เอลเซ่ช่วยพูดแก้ตัวให้ก่อนที่ทุกจะเริ่มสงสัยในตัวผมมากไปกว่านี้
     “อีกเรื่องคือเมื่อช่วงเย็น อัศวินที่เหลืออยู่ยี่สิบกว่าคนก็ได้เธอคนนี้แหละช่วยไว้”
     นั้นเรียกความสนใจในตัวผมจนมีหลายคนส่งเสียงฮือฮาออกมา
     “ก็อย่างที่ได้ยิน...ฉันว่าเราสามารถพึ่งความสามารถของเด็กคนนี้ได้มากเลยล่ะ”
     เสียงสนับสนุนของราชาช่วยให้ความครางเครงใจภายในห้องหายไปบางส่วน
     “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เจร่าวางแผนการทั้งหมดก็แล้วกันนะ…”
     สิ่งที่องค์ราชาพูดออกมาทำเอาผมรีบหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
     เอาจริงเหรอ... เราเนี่ยนะ...
     “ดะ...เดี๋ยวสิคะ...ฉันเหรอ? มะ...ไม่ไหวมั้งคะ…”
     “ใครในที่นี้เห็นด้วยขอให้ช่วยยกมือขึ้นด้วย”
     มะ...ไม่ได้สนใจฟังเราเลย...
     ผมคิดว่าคงเป็นมีปัญหามากนักเพราะคงจะมีน้อยคนนักที่จะยกมือเห็นด้วย
     “...ฉันเห็นด้วย เมื่อตอนเย็นก็ได้เห็นความสามารถนั้นแล้ว...”
     สิ่งที่เธอพูดออกมาทำให้ผมรู้ว่าเธอคงจะเป็นหนึ่งในอัศวินที่ต่อสู้เมื่อช่วงเย็น
     “...ฉันก็เช่นกัน ลูกน้องของฉันบอกว่าเธอเก่งมากเลยล่ะ…”
     “…นั้นสินะการต่อสู้เมื่อเร็วๆนี่ก็ช่วยชี้จุดและแนะนำวิธีการต่อสู้ได้ดีเลยล่ะ…”
     มีคนยกมือเห็นด้วยกว่าสิบคน พอมองไปยังเอลเซ่ที่ยืนอยู่ข้างๆราชาก็เห็นว่าพวกเธอทั้งสองต่างก็ยกมือขึ้นเช่นกัน ผมจึงเปลี่ยนไปขอความช่วยเหลือจากเดเน่และลิซ่าที่นั่งอยู่ข้างๆห้องก็พบว่าพวกเธอก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
     ไหนบอกว่าอย่าไปทำอะไรอันตรายๆไงล่ะคะพี่เดเน่...ตอนนี้ดันเห็นด้วยซะงั้นอ่ะ...
     “มีประมาณยี่สิบกว่าคนสินะ อืม...ถ้าอย่างนั้นเรามาลองฟังแผนการของเธอก่อนก็แล้วกันนะ เพื่อว่าคนอื่นๆจะเปลี่ยนใจมาเห็นด้วย...”
     เอลเซ่ได้ยินดังนั้นก็หยิบกล่องเหล็กมาวางไว้บนโต๊ะแล้วเปิดออกภายนั้นมีตัวหมากเหมือนกับไว้ใช้ในการวางแผนยุทธการ เธอเลือนมันมาตรงหน้าผมนั้นเป็นการสื่อว่าให้ผมลองร่างแผนการออกมา
     ผมถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบตัวหมากออกมาจากกล่อง แล้วจึงเงยหน้ามองทุกคนรอบๆห้อง
     อุ...สายตากดดัน... เอาสิของลองดูซักตั้ง... สู้เข้าตัวเรา...
     “ถ้าอย่างนั้น...ก่อนอื่นขอรู้ขีดจำกัดกำลังพลของทางเราก่อนก็แล้วกันนะคะ”
     “มีอัศวิน 50 กองแต่ตอนนี้เหลือประมาณ 46 แล้ว”
     เอลเซ่หยิบเอกสารขึ้นอ่านพลางตอบคำถามของผม
     หนึ่งกองมีประมาณห้าคนก็....สองร้อยสามสิบกว่าๆ...
     ผมคาดการณ์โดยใช้หน่วยของเอลเซ่เป็นเกณฑ์ แล้ววางหมากบางส่วนลงบนแผนที่
     “กำลังทหารล่ะคะ...”
     “ประมาณเกือบห้าร้อยนาย”
     มากพอสมควรแต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด...
     “อาวุธที่อยู่ในคลังมีมากพอไหมคะ…”
     “อัศวินทุกคนมีอาวุธประจำตัวอยู่ แต่ทหารส่วนใหญ่จะใช่เป็นดาบหรือไม่ก็หอกเท่านั้น…”
     “อาวุธหนักอย่างเช่นปืนล่ะคะพอจะมีไหม?”
     “หมายถึงปืนใหญ่เหรอ? เก่าเก็บอยู่ในคลังน่ะ”
     กราฟิสเซลตอบคำถามด้วยคำถาม
     “เอ่อ...หมายถึงอาวุธปืนสำหรับทหารทั่วไปน่ะคะ”
     “ไม่เข้าใจในคำถาม?”
     ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...รู้จักการใช้ดินปืนแต่ยังไม่รู้วิธีสร้างอาวุธปืนสินะ...อืม...เอาไว้ก่อนแล้วกันเรื่องนี้...
     “งั้นก็คงจะมีดินปืนสินะคะ”
     “จะใช้เหรอ?”
     เอลเซ่เอ่ยด้วยความสงสัย ผมจึงถามต่อไปในทันที
     “คิดว่าอาจจะนะคะ แล้วพวกน้ำมันมีไหมคะ แบบที่ใช้สำหรับจุดเชื้อเพลิงน่ะค่ะ...”
     “มีสิ…”
     “มากไหมคะ?”
     “ก็คิดว่าเยอะอยู่นะ...”
     อย่างน้อยก็มีอะไรไว้สำหรับตอบโต้แล้วล่ะนะ...
     “ต่อไปก็กำลังพลของศัตรูทุกคนคิดว่าประมาณเท่าไหร่คะ?”
     ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปพลางหาคำตอบ แต่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้นจากมุม
     “ประมาณเกือบสองร้อยแต่ไม่น่าจะเกินนี้มากหรอก เพราะประเมินจากที่อยู่อาศัยของมันและดูจากแผนที่ดินแดนแล้วพวกมันไม่น่าจะมีกำลังพลมากไปกว่านี้แล้วล่ะ”
     เดเน่ช่วยให้ข้อมูลในสิ่งที่จำเป็นพอสมควร
     “ขอบคุณนะคะพี่เดเน่”
     ผมก้มศีรษะให้ก่อนจะกลับมาจดจ่อกับแผนที่บนโต๊ะ พลางหยิบหมากขึ้นมาในมือ
     “ดูจากสถานการณ์แล้วเราเสียเปรียบอยู่พอสมควรนะคะ ต่อให้เราใช้คนทั้งหมดเข้าแลกก็ไม่คุ้มอยู่ดีอีกทั้งเป็นช่วงดึกเราจะเสียเปรียบกว่าออร์คที่เป็นมอนสเตอร์ เพราะพวกมันสามารถและดมกลิ่นได้ดีจึงจะรู้ตำแหน่งของเราได้”
     “ถ้าอย่างนั้นมีแผนแล้วเหรอ?”
     “ก็พอจะมีแล้วนะคะ...”
     ผมเงยหน้าส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะเอ่ยแผนการออกไป พร้อมกับวางหมากในมือลงบนแผนที่
     “แผนที่ฉันคิดไว้คือ...”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา