พื้นที่สงคราม 1 (Wars Area 1) : ความหวังสายฟ้า

7.4

เขียนโดย Blackblood

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.22 น.

  42 บท
  0 วิจารณ์
  39.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 02.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่ 11 ฟรอสท์ไอรอนแคลด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 11
ฟรอสท์ไอรอนแคลด
               
          หลังจากเดินทัพมาหลายวัน หยุดตั้งแคมป์มาหลายจุด ทัพหลวงแห่งโมราโซมอสก็เคลื่อนพลเข้าเขตอาณาจักรโฟรเซ็นทิเนล ทั้งทัพบกและทัพอากาศอยู่ในสภาพพร้อมรบ เหล่าทหารได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ได้กินอาหารดีๆ ตามที่ต้องการ ทุกคนมีทั้งกำลังกายและกำลังใจในการรบเต็มเปี่ยม ตลอดเวลาที่เดินทัพมานี้ ยังไม่พบวี่แววของพวกดาร์คเนสดีวิลอีกเช่นเคย คงจะถอยไปรวมตัวคอยตั้งรับอยู่ในตัวเมืองฟรอสท์ไอรอนแคลดกันหมด ไม่มีการยกทัพออกมาปะทะในที่โล่งเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน ครั้งนี้กองทัพมนุษย์มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ปืนใหญ่และบันไดยาวถูกนำมาด้วยมากมาย พร้อมใช้ตีเมือง ทหารม้ากับทหารหอกยาวมีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นที่ทหารดาบหรือทหารหอกสั้น สำหรับปีนบันไดขึ้นไปต่อสู้บนป้อมหรือกำแพง และทหารปืนยาวที่จะยิงสนับสนุนอยู่ข้างล่าง กัปตันเท็มเปิลสวมเกราะครบชุด ขี่ม้านำหน้ากองทัพ มีอโลบัสขี่ม้าตามอยู่ข้างๆ อดสังเกตไม่ได้ว่าเจ้าชายหนุ่มดูจะถูกโฉลกกับความหนาวเย็นของดินแดนนี้ เหมือนว่าเขาดูมีพลังขึ้น เป็นคนเดียวที่ไม่สวมขนสัตว์กันหนาว สวมแค่ชุดเกราะและติดผ้าคลุมยาวที่หลังเหมือนตอนอยู่โมราโซมอส ไม่รู้สึกหนาวด้วย ผิวซีดๆ ของเขาไม่แตกแห้ง ตัวไม่สั่นแม้แต่น้อย
          เรือเหาะมนุษย์จำนวนมากลอยลำอยู่เหนือกองทัพบก มันเป็นเรือขนาดกลางที่มีบอลลูนอากาศคอยยกลำเรือให้ลอยขึ้น มีเตาความร้อนอยู่ใต้บอลลูน คอยกระจายความร้อนให้มันพองตัวลอยขึ้น พวกลูกเรือต่างช่วยกันโกยถ่านเข้าไปในเตาอย่างแข็งขัน ทั้งเตาความร้อน ตัวบอลลูน ลักษณะของเรือเหาะ ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาให้ทนต่อพายุและการโจมตีจากกระสุนหรือลูกธนูเป็นอย่างดี เตาความร้อนก็มีกรอบล้อมมิดชิด ใบผ้าที่ใช้ทำบอลลูนมีส่วนประกอบของเส้นใยที่เหนียวทนทานมาก มันทนทานต่อสิ่งมีคม ความเย็น แรงกระแทก และเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม มันไม่ถูกฟ้าผ่าและไม่ถูกสอยลงไปง่ายๆ แน่ กัปตันฟิลโกถือพวงมาลัยอยู่ที่เรือจ่าฝูง ส่องกล้องมองหาวี่แววของศัตรู อยู่บนฟ้าจะหนาวกว่าอยู่บนพื้น ลูกเรือที่ทำหน้าที่โกยถ่านใส่เตาเชื้อเพลิงจะสบายกว่าพวกอื่น วันนี้อากาศค่อนข้างดี มีแสงแดดจางๆ ไม่มีหิมะตกลงจากฟ้า ไม่มีหมอกควัน ลมไม่แรง แต่เชื่อว่าผู้นำสูงสุดแห่งดาร์คเนสดีวิลก็คงจะควบคุมเมฆฝนให้กระหน่ำใส่พวกเขาอยู่ดี ซึ่งกัปตันฟิลโกก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่ปัญหา กองเรือเหาะของเขาสามารถทนต่อพายุได้ เรือเหาะแต่ละลำถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
          “ช่องเขาที่เมืองฟรอสท์ไอรอนแคลดยังว่างเปล่า” อโลบัสรายงานเมื่อได้ยินเสียงแตรสัญญาณจากเรือเหาะของกัปตันฟิลโก “ทัพอากาศยังไม่พบกองทัพหรือแนวป้องกันของพวกดาร์คเนสดีวิลบริเวณนั้น”
          “ช่องเขามันกว้างมากเจ้าชาย กองทัพใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถขวางช่องเขาได้ ถอยไปตั้งรับที่กลางเมืองจึงไม่ต่างกันนัก” กัปตันเท็มเปิลพูดไอควันออกปาก “นั่นคงเป็นสิ่งที่พวกดาร์คเนสดีวิลทำ เพราะป่านนี้ยังไม่เห็นวี่แววของพวกมันสักคน”
          “ครั้งที่แล้วก็เงียบๆ อย่างนี้” อโลบัสเตือนความจำ “แล้วพวกนั้นก็โผล่มา โจมตีท่านอย่างหนักหน่วง”
          “ครั้งนี้ลองพวกมันทำแบบเดิมสิ” กัปตันเท็มเปิลท้า “ข้าจะไล่ตะเพิดพวกมันจนทะลุเทือกเขาออกไปอีกด้านเลย”
          แน่ล่ะ ใครจะโง่เข้ามาโจมตีกองทัพใหญ่ขนาดนี้ในที่โล่ง หากมีกำแพง ป้อม หรืออาคารป้องกันใดๆ ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ สบายใจได้เลยว่าพวกดาร์คเนสดีวิลไม่ปัญญาอ่อนใช้กลยุทธ์เดิมเป็นครั้งที่สองกับกองทัพข้าศึกที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก หน่วยลาดตระเวนมนุษย์ที่ถูกส่งไปสำรวจพื้นที่รอบข้างก็กลับมารายงานว่า ไม่พบดาร์คเนสดีวิลแม้แต่คนเดียว เป็นการยืนยันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกดักโจมตีกลางทางเหมือนศึกคราวที่แล้ว กองทัพมนุษย์เคลื่อนพลเข้าใกล้ช่องเขาเมืองฟรอสท์ไอรอนแคลดมากขึ้นเรื่อยๆ  ยังคงไม่มีวี่แววพวกดาร์คเนสดีวิลปรากฎให้เห็น พวกทหารมนุษย์ตื่นตัวอยากรบกันเต็มที่ ขณะที่กัปตันเท็มเปิลคอยส่องกล้องมองไปรอบๆ  ศึกที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่าจะประมาทความเงียบของพวกปีศาจไม่ได้ อโลบัสเป็นมนุษย์คนเดียวที่นั่งอยู่บนม้าอย่างสงบนิ่งและเงียบสนิท เช่นเดียวกับพวกดาร์คเนสดีวิล
          “ท่านคิดดีแล้วหรือ ที่ไล่ตะเพิดกองกำลังคนแคระกลับไปเมื่อเช้า” อโลบัสถาม
          “พวกมันมารายงานตัวแค่ยี่สิบห้าคน ท่านเรียกว่ากองกำลังอย่างนั้นหรือ” กัปตันเท็มเปิลโวยวาย “พระราชามีบัญชาให้พวกคนแคระมาร่วมศึกครั้งนี้กับเราด้วย แต่พวกมันก็เพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็นเมื่อเช้า ในสภาพเมาแอ๋กันทุกคน แล้วก็มากันแค่ยี่สิบห้าคน เห็นชัดเลยว่ามาอย่างเสียไม่ได้ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมา พวกมันไม่รู้จักสำนึกในหน้าที่กันสักคน”
          “ข้าคิดว่า มันอาจไม่ใช่หน้าที่ของพวกคนแคระ ที่จะต้องมาทำศึกกับพวกดาร์คเนสดีวิล” อโลบัสพูดอย่างยุติธรรม “พวกเขาไม่ได้อยู่ในสังกัดกองทัพมนุษย์ ไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกดาร์คเนสดีวิล แล้วก็ไม่ได้รับการปฏิบัติจากมนุษย์อย่างเท่าเทียม--”
          “พวกมันอาศัยอยู่ในแผ่นดินของมนุษย์ พวกมันต้องทำในสิ่งที่พระราชามนุษย์บัญชา” กัปตันเท็มเปิลเสียงแข็ง “หากไม่พอใจ ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย”
          “อย่างไรก็ตาม ข้าตระหนักได้ว่าท่านคิดดีแล้ว ที่ส่งพวกนั้นทั้งยี่สิบห้าคนกลับโอมิลรอนไป” อโลบัสกล่าวต่อ “คนแคระเมาๆ เหล่านั้นคงช่วยอะไรเราไม่ได้มากนัก”
          “นั่นคือสิ่งที่พวกมันต้องการ ทำให้เราคิดว่าไม่สามารถใช้พวกมันในศึกได้ และส่งพวกมันกลับไปสบายอยู่ที่โอมิลรอน” กัปตันเท็มเปิลพูดอย่างแค้นใจ “แต่พวกมันจะได้รู้ซึ้งแน่ ว่ามันเป็นความสบายชั่วคราว หลังศึกครั้งนี้ พระราชาจะต้องลงโทษคนแคระทุกคนทั้งโอมิลรอน ให้สาสมกับการกระทำอันไร้เกียรตินี้ ข้าก็คงจะตามไปช่วยลงโทษพวกมันแล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องสู้กับพวกดาร์คเนสดีวิลในวันนี้--”
          ทันใดนั้น ราวกับว่าพวกเขาเดินทะลุมายังอีกมิติหนึ่ง มันเหมือนขี่ม้าผ่านเข้ามาในเกราะที่มองไม่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นมันกะทันหันมาก ทั้งอโลบัสและกัปตันเท็มเปิลกระชากสายบังเหียนอย่างแรงจนม้าทั้งสองยกขาหน้าร้องคำรามลั่น นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันช่างเหนือความคิดยิ่งนัก กัปตันเท็มเปิลตาเหลือกอ้าปากค้าง ขยี้ตาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่อโลบัสผู้ไร้อารมณ์ ก็ยังมองนิ่งไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ
          ช่องเขามันไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่เห็นเมื่อวินาทีที่แล้ว มันถูกกั้นด้วยกำแพง กำแพงที่ทำด้วยน้ำแข็ง มันทอดยาวมากจนปิดช่องเขามิดชิด เป็นกำแพงสูงตระหง่านพอๆ กับหอคอยปราสาท มีป้อมและหอคอยที่ทำด้วยน้ำแข็งเชื่อมต่ออยู่เป็นจุดๆ  กำแพงบางส่วนจะมีแฉกเหลี่ยมๆ แหลมๆ ขึ้นมาเป็นช่วงๆ คล้ายขอบปีกเอเลนเซฟเวอรี่ ซึ่งบนเชิงเทินกำแพงนั้น เต็มไปด้วยนักรบดาร์คเนสดีวิลหนาแน่นไปหมด ทุกคนสวมเกราะสีดำติดอาวุธครบ พวกดีเซ็นทรีถือหอกสามง่าม สะพายโล่ใบเล็กกับหน้าไม้ เข็มขัดคาดดาบสองเล่ม พวกดีวอเชอร์สวมเกราะ สวมเสื้อคลุมยาวแผ่นโลหะทับชุดเกราะ ถือโล่ทรงรียาวเท่าตัวคนละใบ ลักษณะคล้ายปีกค้างคาว ทั้งหมดยืนสงบนิ่งเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ บนเชิงเทินกำแพงที่กว้างเป็นพิเศษ พวกดีเซ็นทรีมีกระบังหมวกเกราะหน้าปีศาจแยกเขี้ยวปิดหน้า พวกดีวอเชอร์มีผ้าเหล็กลายปากปีศาจแยกเขี้ยวคาดหมวกเกราะปิดปาก การที่พวกดาร์คเนสดีวิลมีสิ่งมาปิดหน้าปิดตานั้น ยิ่งทำให้พวกเขาดูน่ากลัวมากขึ้น
          “เป็นไปไม่ได้” กัปตันเท็มเปิลกระซิบ
          “พวกดาร์คเนสดีวิลสร้างสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร” อโลบัสกระซิบ
          กองทัพบกมนุษย์ที่ตามหลังมาต่างแตกตื่นกันใหญ่ พวกเขาหยุดเดินทัพ หันซ้ายหันขวาไปรอบๆ  พึมพำพูดคุยกันเสียงเซ็งแซ่
                “พวกเขาหายไปไหน”
                “ข้าเห็นกับตา สองคนนั้นหายตัวไปเฉยๆ”
                “กัปตันเท็มเปิล เจ้าชายอโลบัส พวกท่านอยู่ไหน”
                อโลบัสและกัปตันเท็มเปิลมองหน้ากัน
          “พวกเขามองไม่เห็นเรา” อโลบัสพึมพำ “และไม่เห็นกำแพง”
          “ข้าว่า มันต้องเกี่ยวกับความรู้สึกที่เหมือนทะลุอะไรสักอย่างเมื่อกี้แน่” กัปตันเท็มเปิลตั้งข้อสังเกต
          “เกราะพรางตาแห่งมนต์ดำ” อโลบัสยื่นมือไปสัมผัสอากาศข้างหลัง มันกระเพื่อมเหมือนน้ำ พวกทหารมนุษย์ที่อยู่นอกเขตเกราะมนต์ดำมองบริเวณที่อากาศกระเพื่อมเป็นตาเดียวกัน ชักดาบออกมาครึ่งฝักอย่างไม่ไว้ใจ “พวกดาร์คเนสดีวิลสร้างเกราะที่ทำจากธาตุอากาศมาพรางพื้นที่บริเวณนี้ไว้ เราจึงมองกำแพงไม่เห็นจากระยะไกล และเมื่อเราทะลุผ่านเกราะพรางตาเข้ามาแล้ว พวกทหารของเราที่อยู่นอกเกราะก็จะมองไม่เห็นเราด้วย”
          “นี่ท่านจะบอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ พวกดาร์คเนสดีวิลเอาภาพเหมือนช่องเขาฟรอสท์ไอรอนแคลด มาแปะบังหน้าตบตาเราอย่างนั้นหรือ” กัปตันเท็มเปิลกุมหมวกเกราะ
          “ข้าว่าข้าได้ยินเสียงกัปตันเท็มเปิล เขาอยู่แถวๆ นี้” ทหารคนหนึ่งบอกคนอื่นๆ กวาดตาไปรอบๆ
กัปตันเท็มเปิลทะลุออกนอกเกราะพรางตา พวกทหารมนุษย์สะดุ้ง มองมาทางเขากันหมด
          “นี่คือหมอกลวงตาที่พวกดาร์คเนสดีวิลสร้างขึ้น เพื่อให้พวกเราคิดว่าช่องเขาฟรอสท์ไอรอนแคลดนั้นว่างเปล่าตลอดมา” เขาเอื้อมมือไปสัมผัสให้มันกระเพื่อม “เคลื่อนทัพผ่านมันเข้ามา ทัพหลวงแห่งโมราโซมอส แล้วเตรียมตัวเข้าตีกำแพงเมืองฟรอสท์ไอรอนแคลด”
          พวกทหารมนุษย์ก้าวเท้าเคลื่อนพลตามคำสั่ง แล้วพวกแรกๆ ที่ผ่านเกราะมนต์ดำเข้ามาต่างก็หยุดยืนนิ่ง จ้องกำแพงตาค้างอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด พวกที่ตามหลังมาจึงชนกันเป็นทอดๆ เสียงโวยวายด้วยความหงุดหงิดดังมาจากพวกข้างหลังไม่ขาดสาย
          “หยุดกะทันหันทำไม”
          “เฮ้ย! อย่าชนสิ”
          “ถ้าทำแบบนี้อีกรอบ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเอง”
          “นั่นมันกำแพงบ้าอะไร”
          “เจ้างั่ง อย่าบังอาจเอาม้ามาชนข้า”
          “เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ” กัปตันเท็มเปิลตะคอก
          “ท่านคิดดีแล้วหรือ ที่จะบุกเข้าไป” อโลบัสเตือน “กำแพงนั่นสูงมาก และดูจะแข็งแกร่งมากด้วย พวกดาร์คเนสดีวิลที่รักษากำแพงก็ดูจะไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ ศัตรูแข็งแกร่งกว่าที่เราประเมินไว้มาก”
          “ท่านจะให้ข้าถอยทัพโดยที่ยังไม่ได้รบอย่างนั้นหรือ ศัตรูของเรา เผ่าพันธุ์ของเรา รวมทั้งคนอื่นๆ ที่รู้จักข้า จะหาว่าข้าขี้ขลาดน่ะสิ” กัปตันเท็มเปิลพ่นใส่ “ข้าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน”
          “อย่างน้อย มันก็จะช่วยให้ท่านรักษากองทัพเอาไว้ได้” อโลบัสแนะนำ “ท่านสามารถถอยกลับไปตั้งหลัก คิดกลยุทธ์ใหม่ที่เหมาะสมกว่าเดิม”
          “ท่านก็พูดได้สิ ท่านไม่ใช่ผู้บัญชาการกองทัพ ข้านี่สิต้องแบกรับความอับอายทั้งหมด มันทั้งเสียเวลา เสียศักดิ์ศรี และเสียความเชื่อมั่นจากคนในกองทัพ ถ้าข้าถอยตอนนี้ กองทัพไหนจะอยากฟังคำสั่งข้าอีก” กัปตันเท็มเปิลกัดฟันแน่น “เราจะบุกเข้าโจมตีกำแพงนั่น ท่านคิดว่าไอ้น้ำแข็งยักษ์ก้อนนี้มันจะขวางกองทัพของเราได้หรือ เรายังคงมีทหาร มีอุปกรณ์ตีเมือง เราจะพาดบันไดบุกตีกำแพงงี่เง่านั่น ไม่ว่ามันจะสูงแค่ไหนก็ตาม”
          “บันไดของเรายาวไม่พอ” อโลบัสบอก “จริงอยู่ ที่มันสามารถนำมาต่อกันได้ แต่ก็จะทำให้ความแข็งแรงลดลง มันอาจหักได้หากรับน้ำนักมากเกินไป”
          “ข้าจะทยอยส่งคนขึ้นไปอย่างพอดี ไม่ให้ปีนพร้อมกันมากเกินไป แล้วทัพอากาศของกัปตันฟิลโกก็จะช่วยลำเลียงพลจากเรือเหาะลงไปบนกำแพงอีกทางหนึ่ง ถือว่าเรายังสามารถส่งคนขึ้นไปบนกำแพงได้ครั้งละมากๆ ไม่ต่างจากเดิม” กัปตันเท็มเปิลกล่าว “เราปราบพวกปีศาจมาแล้วเจ้าชาย และเราก็จะปราบได้อีก หากท่านไม่อยากเสี่ยงที่จะอยู่ทำศึก ข้าก็อนุญาตให้ท่านกลับโมราโซมอสตอนนี้ได้”
          “ข้าได้รับคำสั่งให้อยู่ช่วยทำศึกที่นี่” อโลบัสกล่าวเรียบๆ
          “งั้นก็อยู่ที่นี่ แล้วทำศึก ตามวิธีของข้าต่อไป” กัปตันเท็มเปิลพูดเสียงเด็ดขาด
          “ตามที่ท่านสั่ง ท่านผู้บัญชาการ” อโลบัสโค้งศีรษะ
          กองทัพอากาศของกัปตันฟิลโก้ก็ชะงักกันไปตามๆ กัน เมื่อลอยลำผ่านเกราะมนต์ดำเข้ามา พวกเขาไม่ต้องลดระดับเรือเหาะลงต่ำกว่านี้ ยอดกำแพงมันสูงระดับเดียวกับที่พวกเขาบินอยู่พอดี ไม่อยากเชื่อเลยว่ากำแพงมหึมาที่เห็นอยู่นี้ จะถูกสร้างขึ้นโดยที่ไม่มีมนุษย์สักคนรู้เห็นมาก่อน พวกมนุษย์ทยอยเคลื่อนพลผ่านเข้ามาในเกราะพรางตากันจนหมด ทั้งทัพบกและทัพอากาศ ขบวนแถวถูกจัดพร้อมรบ พวกทหารมนุษย์ช่วยกันนำบันไดยาวสองอันมาประกอบกันให้เป็นอันเดียว ให้มันยาวพอสำหรับปีนกำแพงสูงลิบลิ่วนี้ได้ แต่ผลที่ตามมาคือ จำนวนบันไดต้องลงลดเหลือครึ่งเดียว พวกเขาจะส่งคนขึ้นไปบนกำแพงได้ช้าลง
          “ข้ามองไม่เห็นประตูกำแพงเลย” อโลบัสลากสายตาจากสุดปลายกำแพงฟากหนึ่งที่เห็นอยู่ไกลๆ ทางซ้าย ไปยังสุดกำแพงอีกฟากหนึ่งที่อยู่ไกลๆ ทางขวา “เราจะใช้เสากระทุ้งกับส่วนไหนดี”
          “ไม่มีประตู เราก็จะพาดบันไดบุกขึ้นไป และลำเลียงพลด้วยกองเรือเหาะ แต่เราจะเปิดฉากด้วยการยิงใส่พวกมันก่อน” กัปตันเท็มเปิลคำราม “ปืนใหญ่ ประจำตำแหน่ง ปรับระยะยิงให้เหมาะสม”
          ปืนใหญ่ทุกกระบอกถูกเข็นลุยหิมะมาเรียงกันเป็นหน้ากระดาน กระสุนและดินปืนก็ถูกขนมากองไว้ข้างๆ พวกมนุษย์บรรจุกระสุนปืนใหญ่ ปรับปากกระบอกปืนให้แหงนขึ้น เล็งไปบนยอดกำแพงที่พวกนักรบดาร์คเนสดีวิลประจำที่อยู่ อย่างน้อยครั้งนี้มันก็มีหลังคาบังฝนทุกกระบอก พวกดาร์คเนสดีวิลจะทำให้ดินปืนเป็นน้ำแข็งอย่างคราวที่แล้วไม่ได้
          “แปลกมาก” กัปตันเท็มเปิลพึมพำ “ทำไมครั้งนี้ พวกมันไม่โปรยฝนใส่เรา”
          อโลบัสมองไปยังกึ่งกลางกำแพง ร่างในผ้าคลุมยาวสีดำยืนอย่างสงบนิ่งอยู่แถวหน้าสุด ร่วมกับพวกนักรบดาร์คเนสดีวิลคนอื่นๆ ชายผ้าคลุมโบกสะบัดไปตามแรงลมอย่างสง่างามลึกลับ โซลิแทร์ แบล็กโฟรเซ็นสตอร์ม หรือ เดอะ แบล็กไรดิงฮู้ด ที่พวกมนุษย์เรียกกัน เขาสวมเกราะสวมหน้ากากติดอาวุธพร้อมรบ ดวงตาสีน้ำเงินเรืองแสงอยู่กลางความมืดใต้หมวกฮู้ดและช่องหน้ากาก มันสะท้อนภาพกองทัพมนุษย์ที่เขามองอยู่อย่างชัดเจน
          เซซิลยืนอยู่ข้างซ้ายของโซลิแทร์ สวมเกราะสวมเสื้อคลุมยาวที่ทำด้วยแผ่นโลหะมาร้อยต่อกัน หมวกเกราะประจำตัวสวมครอบศีรษะ มือซ้ายถือโล่ทรงรียาว ลักษณะคล้ายปีกค้างคาวเช่นเดียวกับของพวกดีวอเชอร์คนอื่นๆ เพียงแค่มีตราสัญลักษณ์ประจำตัวเขาอยู่ที่กึ่งกลางโล่ เป็นรูปหลอดทดลองที่มีควันโชย แล้วมีหมวกตัวตลกสวมอยู่บนกลุ่มควัน
          กัปตันมาซูลยืนอยู่ทางขวาของโซลิแทร์ สวมเกราะติดอาวุธครบชุด หมวกเกราะที่เขาสวมยังคงประดับด้วยซากจิ้งจอกหิมะอย่างเป็นเอกลักษณ์ เขายังไม่ดึงกระบังหมวกปิดหน้าเหมือนดีเซ็นทรีคนอื่นๆ  เช่นเดียวกับเซซิลที่ยังไม่คาดผ้าเหล็กปิดปากเหมือนดีวอเชอร์คนอื่นๆ  ทำให้มองเห็นเขี้ยวเงาวับในปากของทั้งคู่ และขอบขนตาที่เข้มขึ้นมาในบัดดล นั่นเป็นการแสดงสัญชาตญาณของดาร์คเนสดีวิลเพศชาย ว่าพร้อมที่จะแสดงความก้าวร้าว ต่อสู้ ฆ่า หรือทำลายแล้ว
          แถวด้านข้างและด้านหลังของทั้งสามหลายแถว คือเหล่านักรบดาร์คเนสดีวิลจำนวนมากมาย พวกเขาจัดแถวบนเชิงเทินกำแพงอย่างเป็นระเบียบ แม้จะมีสิ่งปิดหน้าปิดปากกันทุกคน แต่มั่นใจได้ว่าแต่ละคนมีเขี้ยวงอกอยู่ในปากกันแล้ว ทุกคนยืนนิ่งสนิทราวกับเป็นกองทัพชุดเกราะดำที่ถูกนำมาตั้งเรียงบนกำแพง จัดแถวเป็นระเบียบราวกับใช้ไม้บรรทัดมาวัด
          “พวกมนุษย์กำลังจะยิงปืนใหญ่เปิดฉากการโจมตี” เซซิลพึมพำ “เครื่องยิงของเราพร้อมแล้ว จะยิงใส่พวกมันก่อนไหม”  
          เครื่องยิงกลไกบนกำแพงที่ลักษณะคล้ายค้างคาวปีศาจแต่ละเครื่อง ถูกบรรจุกระสุนเตรียมพร้อม มันตั้งอยู่ด้านหลังส่วนที่เป็นแหลมแฉกของกำแพงทุกส่วน เสมือนเป็นโล่กำบังให้มัน พวกนักรบดาร์คเนสดีวิลที่ประจำอยู่ตามเครื่องยิงแต่ละเครื่องช่วยกันหมุนเฟืองง้างสปริง ปีกค้างคาวของเครื่องยิงค่อยๆ หุบลงตามการถูกง้าง กองทัพบกมนุษย์มองไม่เห็นเครื่องยิงเหล่านี้ เพราะมีส่วนแหลมแฉกของกำแพงบังอยู่
          “ให้พวกมันยิงก่อน” โซลิแทร์พูดผ่านหน้ากากที่สวมอยู่ “เราจะได้ทราบตำแหน่งปืนใหญ่ทุกกระบอกของพวกมัน และทราบแรงส่งกระสุนของพวกมันด้วย”
          “เตรียมจุดชนวน” กัปตันเท็มเปิลตะโกนสั่ง ชูทวนในมือขวาขึ้น
          “ดาร์คเนสดีวิล ถอยหลังสามก้าว” โซลิแทร์สั่งเสียงเรียบๆ แต่ได้ยินกันทั่วด้วยอำนาจภาษาดาร์เคน
          ขบวนแถวดาร์คเนสดีวิลบนกำแพง ถอยห่างจากกำแพงเชิงเทินสามก้าวตามคำสั่ง พวกเขาถอยหลังได้หลายก้าวเพราะพื้นที่บนกำแพงนั้นกว้างขวางมาก พวกที่ยืนอยู่แถวหลังๆ ก็ถอยลงบันไดไปเล็กน้อย เซซิลคาดผ้าเหล็กปิดปาก กัปตันมาซูลดึงกระบังหมวกลงมาปิดหน้า ทั้งคู่ก้าวถอยไปพร้อมกับคนอื่นๆ  มีเพียงโซลิแทร์ที่ยังยืนชิดกำแพงเชิงเทินอยู่ที่เดิม ตาจ้องมองกองทัพมนุษย์อย่างสงบนิ่ง
          “ยิง” กัปตันเท็มเปิลตะโกน ชี้ทวนไปข้างหน้า
          ปืนใหญ่ของพวกมนุษย์ทุกกระบอกถูกจุดชนวน และลั่นกระสุนเข้าใส่กำแพง กระสุนปืนใหญ่หลายต่อหลายนัดปะทะกับกำแพงและกระดอนออก กำแพงส่วนที่ถูกยิงใส่นั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน กำแพงเชิงเทินก็เช่นกัน พวกดาร์คเนสดีวิลบนกำแพงก็ไม่มีใครได้รับอันตรายเพราะถอยออกมาห่างจากขอบกำแพงกันหมด โซลิแทร์คุกเข่าย่อตัวหลบเมื่อกระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งพุ่งมาทางเขา มันพุ่งข้ามหัวเขาไป ผ้าคลุมของเขาสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมที่มันหอบมาด้วย
          “กำแพงพวกมันแข็งแกร่งกว่าที่คิด” กัปตันเท็มเปิลตาค้าง
          “และดูจะกว้างกว่าที่คิด” อโลบัสเสริม “กองกำลังรักษากำแพงถึงสามารถถอยหายไปจากสายตาของเราได้ การยิงระลอกแรกของเรา ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อฝ่ายตรงข้ามได้เลย”
          “เราทราบตำแหน่งปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว สังเกตได้จากควันที่โชยออกมาจากปากกระบอกปืน” โซลิแทร์ลุกขึ้นยืนตรง “เครื่องยิงบนกำแพง ยิงตอบโต้”
          นักรบดาร์คเนสดีวิลที่ประจำอยู่ตามเครื่องยิงแต่ละเครื่อง ดึงคันโยกที่เหมือนกับหางปีศาจปลายลูกศร ปีกเครื่องยิงสยายออก แล้วกระสุนลูกเหล็กลายหน้าปีศาจแยกเขี้ยวจำนวนมากก็พุ่งออกจากปากเครื่องยิงที่ออกแบบเหมือนหัวค้างคาวปีศาจ พุ่งทะยานออกไปเป็นแนวโค้ง และตกลงไประเบิดใส่พวกมนุษย์อย่างรุนแรง สะเก็ดดาวตกและเปลวไฟสีเขียวแบบเดียวกับของพวกเอเลนเซฟเวอรี่กระจายรัศมีกว้าง กลุ่มแถวมนุษย์หลายตำแหน่งถูกระเบิด ถูกไฟครอก ถูกสะเก็ดดาวตกกระจัดกระจายตายกันคนละทิศละทาง บางคนถูกแยกร่างกายเป็นชิ้นๆ อย่างไม่น่าดู บางคนก็แทบไม่เหลือซากร่าง ปืนใหญ่หลายกระบอกถูกระเบิดวอดวาย หิมะบนพื้นละลายเหลว ไอควันสีขาวลอยโขมง
          “กระสุนพวกมันทำลายล้างสูงเป็นบ้า” กัปตันเท็มเปิลคำราม ลดโล่ที่กำบังศีรษะลง “นี่มันไฟและสะเก็ดดาวตกชนิดเดียวกับของพวกเอเลนเซฟเวอรี่นี่”
          “ด้านหลังส่วนที่เป็นแฉกแหลมของกำแพงมีเครื่องยิงติดตั้งอยู่” อโลบัสบอก
          “ปรับระยะยิงให้ไกลขึ้นสามช่อง” โซลิแทร์สั่ง
          เครื่องยิงค้างคาวปีศาจทุกเครื่องบนกำแพง ถูกปรับองศาให้แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย และถูกง้างเฟืองมากขึ้นสามช่องวัด กระสุนนัดใหม่ถูกบรรจุอย่างรวดเร็ว
          “ยิง” โซลิแทร์สั่ง
          กลุ่มกระสุนเพลิงปีศาจถูกส่งออกไปเป็นระลอกที่สอง ครั้งนี้ไกลกว่าเดิม มันตกลงไประเบิดใส่กลางกองทัพมนุษย์ บางลูกก็ระเบิดใส่เกวียนบรรทุกดินปืน เหล่าทหารมนุษย์กระจัดกระจายตายเกลื่อน ขบวนทัพเริ่มแตกแถว กองทัพอากาศของกัปตันฟิลโกโชคดีบินอยู่บนที่สูง จึงไม่ได้รับอันตรายจากระเบิดเพลิงนรกนี่ กัปตันฟิลโก้กลืนน้ำลาย ตามองไปยังเหล่ากองทัพบกที่กำลังถูกยิงใส่อย่างหนักหน่วง
          “ระดมยิงสวนพวกมันไป” กัปตันเท็มเปิลตะคอกผ่านเสียงระเบิด”
          “ระดมยิงต่อเนื่อง” โซลิแทร์สั่งเสียงเบาๆ เรียบๆ แต่ได้ยินชัดเจนกันทั่ว
          ปืนใหญ่ของพวกมนุษย์และเครื่องยิงกลไกของพวกดาร์คเนสดีวิลระดมส่งกระสุนโต้ตอบกันไปมา กระสุนปืนใหญ่บางนัดก็พุ่งข้ามกำแพงไปปลิดชีพกลุ่มนักรบดาร์คเนสดีวิลที่ตั้งแถวอยู่หลังกำแพงชั้นแรก ส่วนกระสุนเพลิงของพวกดาร์คเนสดีวิลก็พุ่งไประเบิดเอาชีวิตทหารมนุษย์ไปครั้งละมากมาย และทำลายปืนใหญ่ไปอีกหลายกระบอก ยิงใส่กันด้วยอาวุธหนักเช่นนี้พวกมนุษย์เสียเปรียบ พวกดาร์คเนสดีวิลอยู่ในที่สูงกว่า กระสุนที่ใช้ยิงก็มีรัศมีทำลายล้างกว้างกว่า พวกมนุษย์ไม่สามารถยิงปืนใหญ่ใส่เครื่องยิงเหล่านั้นได้ เพราะมันมีส่วนแฉกแหลมของกำแพงกำบังอยู่ ข้อเสียเปรียบของฝ่ายรุก คือมักจะไม่มีอะไรช่วยกำบัง ทุกครั้งที่กระสุนเพลิงของพวกดาร์คเนสดีวิลพุ่งลงมาระเบิด จะต้องมีมนุษย์สังเวยชีวิตไปมากมาย
          “ยิงสู้กันแบบนี้เราเสียเปรียบ” อโลบัสบอกกัปตันเท็มเปิล “เครื่องยิงของของอีกฝ่ายยิงได้ไกลกว่าปืนใหญ่ของเรา มันอยู่บนที่สูงกว่ามาก”
          “ข้าเห็น ข้าไม่ได้ตาบอด” กัปตันเท็มเปิลคำราม
          “กระสุนปืนใหญ่ของเราพุ่งออกไปเป็นแนวตรง ในสถานการณ์เช่นนี้ มุมยิงมันแคบมาก” อโลบัสพูดต่อ “เมื่อข้าศึกถอยห่างจากขอบกำแพง เราก็แทบจะยิงไม่ถูกเป้าหมายเลย”
          “เรื่องนั้นข้าก็เห็นแล้วเหมือนกัน”
          “และกำแพงฟรอสท์ไอรอนแคลดก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่ปืนใหญ่ของเราจะสร้างความเสียหายได้”
          “ข้าบอกแล้วไงเจ้าชาย ว่าข้าเห็นแล้ว ข้าไม่ได้ตาบอด”
          “เช่นนั้น ท่านก็ควรทำอะไรสักอย่าง ที่เข้าท่ากว่าการต่อสู้ด้วยการยิงอาวุธหนักแบบนี้”
          “เคลื่อนพลบุกไปข้างหน้า” กัปตันเท็มเปิลตะโกนสั่งผ่านเสียงระเบิด “บุกเข้าหากำแพง สู้เพื่อพระราชา”
          เขายกแตรเป่าส่งสัญญาณ มีสัญญาณแตรตอบรับจากเรือเหาะของกัปตันฟิลโก แล้วทัพอากาศก็เริ่มเคลื่อนพลตรงเข้าหากำแพง เช่นเดียวกับทัพบก
          “กางใบเรือเหาะทุกลำ เดินหน้าเข้าหากำแพงเต็มกำลัง” กัปตันฟิลโกตะโกนสั่ง “เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อม บรรจุกระสุนทุกกระบอก”
          ปืนใหญ่หลายกระบอกถูกเข็นมาตั้งบนแท่นดาดฟ้าเรือเหาะแต่ละลำ เป็นปืนใหญ่ขนาดเล็กและมีอยู่ไม่กี่กระบอก เพราะมากเกินไปจะทำให้น้ำหนักเกิน เรือเหาะอาจบินไม่ขึ้นหรือบินได้ช้า พวกลูกเรือต่างเตรียมอาวุธเตรียมปืนยาว พร้อมลำเลียงพลลงไปบนกำแพงเมื่อเข้าไปถึง
          “ท่านทำอะไร” กัปตันเท็มเปิลขยับทวนขวางอโลบัส ที่ทำท่าจะควบม้าไปข้างหน้า
          “ท่านสั่งให้เคลื่อนพลไปข้างหน้า” อโลบัสบอก
          “ข้าสั่งพวกทหารแนวหน้า ไม่ได้สั่งท่าน”
          “แต่ข้าควรไปร่วมรบกับพวกนั้นไม่ใช่หรือ”
          “ท่านไม่เคยเล่นหมากรุกหรือไง เบี้ยเดินก่อน แนวหน้ามันอันตราย”
          “เช่นนั้น ข้ายิ่งไม่ควรปลอดภัยอยู่ตรงนี้ ขณะที่ส่งคนอื่นๆ ไปเสี่ยงตายแทน” อโลบัสกล่าว “หากข้าไปร่วมรบกับพวกแนวหน้า ข้าจะสามารถบัญชาการการเคลื่อนพลได้สะดวกกว่าตรงนี้”
          “ซึ่งพวกที่อยู่แนวหน้า ก็มีโอกาสที่จะตายมากกว่าพวกอื่น” กัปตันเท็มเปิลเน้นเสียง “พระราชาจะว่าอย่างไร ถ้าข้าปล่อยให้ท่านตาย”
          “เรามาทำศึกสงคราม” อโลบัสกล่าวเรียบๆ “ความตายเป็นเรื่องธรรมดา”
          “ท่านอยู่ตรงนี้กับข้า” กัปตันเท็มเปิลสั่งอย่างเฉียบขาด
          “ตามที่ท่านต้องการ” อโลบัสโค้งศีรษะอย่างไร้ความรู้สึก “ผู้บัญชาการทัพ”
          “พวกมนุษย์หยุดยิงปืนใหญ่แล้ว ทหารของพวกมันกำลังเคลื่อนพลเข้าหากำแพง” กัปตันมาซูลมองเหล่าทหารราบมนุษย์ ที่วิ่งห้อเข้าหากำแพงพร้อมกับส่งเสียงกู่ร้อง เครื่องยิงบนกำแพงปรับระยะให้ใกล้ขึ้นเพื่อคอยยิงสกัด “กองเรือเหาะของพวกมันก็เคลื่อนพลเข้ามาด้วยเช่นกัน แต่คาดว่าทางบกจะมาถึงก่อน”
          “หน้าไม้ ประจำตำแหน่งรบ” โซลิแทร์สั่ง
          พวกดีเซ็นทรีก้าวขยับแถวขึ้นมาชิดกำแพงเชิงเทินร่วมกับโซลิแทร์ จัดเป็นสองแถว แถวหน้าสุดประทับเล็งหน้าไม้กลไกไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง กัปตันมาซูลก็เป็นหนึ่งในนั้น เขายืนเล็งหน้าไม้อยู่ข้างๆ โซลิแทร์ที่ไม่ขยับไปไหน
          “เครื่องยิงบนกำแพงระดมยิงต่อไป หน้าไม้รอคำสั่งจากข้า” กัปตันมาซูลพูดสั่งผ่านกระบังหมวกหน้าสุนัขจิ้งจอกแยกเขี้ยว “ข้าศึกจะเข้ามาถึงระยะหน้าไม้ ในอีกแปดวินาทีโดยประมาณ---ห้าวินาที---สามวินาที---ยิง”
          เขาเหนี่ยวไกยิงศรดอกแรกออกไป แล้วพวกดีเซ็นทรีแถวหน้าสุดก็ส่งฝูงศรอาบยาพิษพุ่งลงไปหาพวกทหารมนุษย์แนวหน้า ทิศทางการพุ่งของมันเป็นแนวตรงเช่นเดียวกับปืนยาวของพวกมนุษย์ ความรุนแรงก็ใกล้เคียงกันทีเดียว หัวลูกศรสามง่ามคมกริบเจาะทะลุเกราะของพวกทหารมนุษย์หงายหลังล้มลงไปตายระเนระนาด พวกดีเซ็นทรีแถวแรกสุดก้าวถอยหลังไปเพื่อบรรจุศรดอกใหม่ ในขณะที่พวกแถวสองก้าวขึ้นมาแทนตำแหน่งพวกแถวแรก และยิงใส่พวกมนุษย์อย่างทันท่วงที ทั้งสองแถวสลับกันก้าวขึ้นมายิงและถอยหลังไปบรรจุลูกศร ทำให้จังหวะยิงต่อเนื่องมาก พวกมนุษย์แนวหน้าถูกยิงตายกันเกลื่อนก่อนจะทันได้เข้าใกล้กำแพง มีแค่บางคนที่สามารถยกโล่กำบังตัวเองไว้ได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายรุกจะต้องถูกฝ่ายรับระดมยิงใส่ก่อนในจังหวะบุกเข้าหากำแพง เนื่องจากฝ่ายรับอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายรุกควรมีจำนวนมากกว่าฝ่ายรับ พวกมนุษย์เองก็ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดของพวกดาร์คเนสดีวิล กำแพงมันบังอยู่ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถเป็นฝ่ายพิชิตชัยได้
                หลังจากถูกยิงตายกันมากมาย กองทัพบกมนุษย์ก็บุกเข้ามาประชิดกำแพงได้ ปืนยาวเล็งยิงตอบโต้ ดีเซ็นทรีหลายคนถูกยิงล้มลงไปตาย บางคนก็กระเด็นตายเพราะแรงปืน โซลิแทร์ยกสนับแขนกำบังกระสุนนัดหนึ่งที่พุ่งมาทางตน กัปตันมาซูลก้าวมายืนข้างๆ เขาเมื่อบรรจุลูกศรเสร็จ และยิงลงไปเข้าหน้าผากทะลุหมวกเกราะทหารมนุษย์คนหนึ่ง
                “ดีวอเชอร์ ขยับมาข้างหน้า” โซลิแทร์ทำสัญญาณมือ
                พื้นที่กว้างขวางของกำแพง ทำให้พวกดาร์คเนสดีวิลสามารถขึ้นมายืนบนกำแพงได้หลายแถว และจัดเปลี่ยนรูปแถวได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พวกดีเซ็นทรีขยับแถวถอยหลังไป พวกดีวอเชอร์ขยับแถวขึ้นมาข้างหน้า และยกโล่ยาวกำบังต่อเรียงกันเป็นกำแพงโล่มิดชิด เซซิลถือโล่กำบังรวมอยู่ในแถวด้วย เขากำบังให้โซลิแทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน กระสุนปืนยาวที่พวกมนุษย์ยิงตอบโต้นั้น ไม่อาจยิงผ่านกำแพงโล่อันแน่นหนาของพวกดีวอเชอร์ได้
                “โจมตี” เซซิลตะโกนสั่งผ่านผ้าเหล็กปิดปากลายปากปีศาจแยกเขี้ยว
                โล่แต่ละใบหันเปิดออกสี่สิบห้าองศาเป็นช่องเล็กๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของพวกดีวอเชอร์ก็ปล่อยวงแหวนร้อนจัดสีขาวลงไปโจมตีใส่พวกมนุษย์เบื้องล่าง มันร้อนแรงมากจนทะลุเกราะของพวกทหารมนุษย์ มนุษย์อีกจำนวนมากต้องลงไปนอนตายพร้อมกับรอยไหม้รูปวงแหวนที่ชุดเกราะ บางคนใช้โล่กำบังไว้ได้ ผิวโล่ส่วนนั้นละลายเป็นรูปวงแหวน
                “กำบัง” เซซิลตะโกนสั่ง
                โล่แต่ละใบหันกลับมาปิดช่องแน่นหนาเหมือนเดิมเมื่อพวกมนุษย์ยิงสวนกลับ ดีวอเชอร์บางคนขยับปิดโล่ไม่ทันจึงถูกยิงตาย พวกที่อยู่แถวที่สองนั้นขยับขึ้นมาแทนที่คนตายทันที คอยรักษารูปแถวให้คงสภาพเดิม เซซิลกำหนดจังหวะเปิดโล่โจมตีและปิดโล่กำบังไปเรื่อยๆ ทำเอาพลปืนของพวกมนุษย์นอนตายอยู่เต็มหน้ากำแพงทีเดียว
                กระสุนปืนใหญ่ขนาดเล็กพุ่งเข้าใส่แถวกำแพงโล่ ดีวอเชอร์กลุ่มหนึ่งกระเด็นกระดอนตาย โล่เหล็กของพวกเขาแตกพัง มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถต้านทานกระสุนปืนใหญ่ได้ กระสุนปืนใหญ่ขนาดเล็กอีกหลายนัดพุ่งเข้าสลายแถวกำแพงโล่ของพวกดีวอเชอร์ และปลิดชีวิตนักรบดาร์คเนสดีวิลบนกำแพงไปอีกหลายกลุ่ม มันยิงมาจากกองเรือเหาะมนุษย์ที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้กำแพงมากขึ้น โซลิแทร์และเซซิลเบี่ยงตัวหลบนัดหนึ่งไปคนละทาง กระสุนเหล็กกลมลูกนั้นกวาดเอานักรบดาร์คเนสดีวิลด้านหลังพวกเขาร่วงตกกำแพงเป็นแถวยาว
                “ทัพอากาศยิงปูทางให้ทัพบก” เซซิลหันหลังพิงเครื่องยิงบนกำแพง ใช้ส่วนแฉกแหลมของกำแพงที่กำบังเครื่องยิงนั้นกำบังตนด้วย “เรือเหาะของพวกนั้นมีปืนใหญ่ขนาดเล็ก”
                “ทันทีที่บันไดยาวแต่ละอันถูกวางพาดกำแพง ทัพอากาศจะหยุดยิงปืนใหญ่ เพื่อไม่ให้โดนบันได และจะนำเรือเหาะเข้ามาใกล้ เพื่อลำเลียงพลบุกลงมาบนกำแพง” โซลิแทร์ที่ย่อตัวพิงกำแพงเชิงเทินกล่าว นักรบดาร์คเนสดีวิลรอบตัวเขาต่างหมอบและก้มหัวต่ำ หาที่หลบกระสุนปืนใหญ่ “นั่นคือจังหวะที่เราจะโต้ตอบ”
                “ข้าคิดไว้ไม่ผิด ทัพอากาศช่วยเราได้มาก” กัปตันเท็มเปิลป้องตาดู “พวกเขาสลายแนวป้องกันบนกำแพงได้ ช่วยปูทางให้ทัพบก”
                อโลบัสนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
                “ขบวนแถวข้าศึกบนกำแพงเริ่มเสียรูปแล้ว” กัปตันเท็มเปิลเป่าแตรส่งสัญญาณ “ทัพบกนำบันไดวางพาด ทัพอากาศบุกเข้าไปลำเลียงพลลงกำแพง เปิดทางด้วยปืนยาว”
                บันไดยาวจำนวนมากวางพาดกับกำแพง มันเป็นบันไดสองอันที่นำมาประกอบกันเป็นอันเดียว เพื่อให้ยาวเพียงพอกับความสูงของกำแพง พวกทหารมนุษย์ขยับมาออกันหน้ากำแพงหนาแน่นขึ้น เพื่อต่อแถวกันปีนบันไดขึ้นไป โล่ยกกำบังประกบต่อกันแน่นหนา เพื่อป้องกันวงแหวนฮีเลี่ยมจากพวกดีวอเชอร์และลูกศรจากพวกดีเซ็นทรี ทัพอากาศมนุษย์หยุดยิงปืนใหญ่แล้ว แต่ก็เร่งเรือเหาะเข้ามาใกล้และเตรียมปืนยาว พร้อมยิงคุ้มกันให้ทัพบก
                “ข้าศึกรวมกลุ่มกันหนาแน่นบริเวณหน้ากำแพง” โซลิแทร์ยกมือที่สวมถุงมือเหล็กและสนับติดกรงเล็บเหล็กทำสัญญาณ “ยิงสลายกลุ่ม”
                เครื่องยิงค้างคาวปีศาจของพวกดาร์คเนสดีวิลนั้นไม่ได้มีเฉพาะบนกำแพง ด้านหลังกำแพงชั้นแรกก็มีเครื่องยิงแบบเดียวกันแต่ขนาดย่อมลงมา ตั้งเรียงแถวยาวเป็นหน้ากระดาน มันติดล้อที่เหมือนล้อเลื่อนหิมะ เพื่อให้ขนย้ายไปบนพื้นหิมะได้สะดวก กระสุนเพลิงของมันไม่ลูกใหญ่เท่าเครื่องยิงบนกำแพง แรงส่งกระสุนก็ไม่ไกลเท่า แต่มันก็ส่งกลุ่มกระสุนลอยโค้งข้ามกำแพงไประเบิดใส่พวกทหารมนุษย์ที่ออกันอยู่บริเวณหน้ากำแพง ตายในสภาพกระเด็นกระดอนกระจัดกระจายไหม้เป็นชิ้นๆ พวกที่อุตส่าห์จัดแถวเรียงโล่เป็นกำแพงกลับกลายเป็นเป้านิ่ง โล่ของพวกเขาป้องกันระเบิดเพลิงไม่ได้ พวกที่ปีนบันไดอยู่รีบปีนเร็วขึ้นอย่างเสียวสันหลัง พวกที่ต่อแถวก็เร่งให้คนข้างหน้ารีบไปเร็วๆ รัศมีระเบิดมันมาไม่ถึงบันไดก็จริง แต่ห่างจากบันไดไปไม่กี่เมตร พวกทหารมนุษย์ที่รวมกลุ่มกันอยู่โดยเฉพาะพวกที่คอยยิงปืนยาวตอบโต้พวกดาร์คเนสดีวิลนั้น เป็นอันต้องวิ่งหนีระเบิด ไฟกรด และสะเก็ดดาวตกกันจ้าละหวั่น ถ้าไม่วิ่งเข้ามาชิดกำแพงให้พ้นรัศมี ก็ต้องวิ่งห่างออกจากกำแพงให้พ้นรัศมี จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปักหลักยิงคุ้มกันให้พวกที่ปีนบันไดอยู่
                “สกัดพวกที่ปีนบันได” โซลิแทร์สั่ง
                พวกดาร์คเนสดีวิลหลายคนช่วยกันยกตาข่ายใส่ก้อนน้ำแข็งลูกใหญ่จำนวนมากมาวางประจำตามจุดต่างๆ ใกล้กับกำแพงเชิงเทิน แล้วพวกนักรบแถวแรกๆ ก็ยกเอาก้อนน้ำแข็งไปคนละก้อน นำไปทิ้งใส่พวกทหารมนุษย์ที่กำลังปีนบันได และพวกที่ยืนชิดกำแพงอยู่เบื้องล่าง ทหารมนุษย์หลายคนหมวกเกราะบุบหัวแบะ เพราะถูกน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่แข็งพอๆ กับหินหล่นใส่หัวจากที่สูง บางคนยกโล่กำบังไว้ได้ แต่ก็ทำเอาแขนเคล็ด โซลิแทร์นั้นทิ้งแม่นมาก แต่ละก้อนลงหัวพวกมนุษย์ตลอด กระสุนปืนยาวกับศรสามง่ามและวงแหวนฮีเลี่ยมพุ่งสวนกันไปมาไม่หยุดหย่อน ระเบิดเพลิงจากเหล่าเครื่องยิงหลังกำแพงยังคงถูกส่งไปโจมตีกลุ่มมนุษย์ที่อยู่ไม่ห่างจากกำแพงมากนัก และระเบิดเพลิงอีกกลุ่มจากเครื่องยิงบนกำแพง ก็ยังคอยถูกส่งไปโจมตีกลุ่มมนุษย์ที่อยู่ไกลจากกำแพงเช่นกัน
                กองเรือเหาะเริ่มเข้ามาในระยะปืนยาว พวกทหารมนุษย์บนเรือเหาะลั่นปืนยาวยิงใส่พวกดาร์คเนสดีวิลบนกำแพงทันที ดาร์คเนสดีวิลหลายคนถูกยิงตาย พวกดีเวอเชอร์และพวกดีเซ็นทรียกโล่กำบังในมุมสูง ทั้งกำบังให้ตนเองและกำบังให้นักรบที่อยู่ใกล้เคียง เซซิลยกโล่กำบังให้โซลิแทร์ ขณะที่โซลิแทร์โยนน้ำแข็งก้อนใหญ่ลงไปใส่ทหารมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังเล็งปืนยาว ก้อนน้ำแข็งกระแทกใส่ทหารคนนั้นอย่างแรงจนหมวกเกราะบุบยับ หัวยุบไปซีกหนึ่ง เลือดพุ่งกระจาย ลูกตาทั้งสองข้างหลุดห้อยออกมาจากเบ้าตา พวกดาร์คเนสดีวิลส่วนหนึ่งยิงตอบโต้เรือเหาะของพวกมนุษย์ ลูกเรือหลายคนถูกสอยร่วงจากเรือเหาะด้วยลูกศรสามง่ามและวงแหวนฮีเลี่ยม กัปตันมาซูลยิงหน้าไม้เสียบเข้าคอหอยลูกเรือคนหนึ่งกระเด็นตกเรือเหาะไป เซซิลปล่อยวงแหวนเข้าเต็มหน้าลูกเรืออีกคนหนึ่งตายคากราบเรือ เป็นเรื่องยากที่จะสร้างความเสียหายให้กับตัวเรือเหาะ มันถูกออกแบบให้ทนทานต่อการถูกยิงโดยเฉพาะ พวกมนุษย์เห็นข้อได้เปรียบนี้จึงจัดขบวนเรือเหาะแต่ละลำเป็นแถวหน้ากระดาน บินอยู่ที่ตำแหน่งเดิม คอยยิงปืนยาวต่อสู้กับพวกดาร์คเนสดีวิลเพื่อให้กองทัพบกที่ปีนบันไดอยู่ถูกขัดขวางน้อยลง
                บันไดตัวหนึ่งหักโครมเป็นสองท่อน พวกทหารมนุษย์ที่ปีนบันไดอยู่ร่วงตกลงไปตามๆ กัน การนำบันไดสองตัวมาประกอบกัน มันมีจุดอ่อนตรงจุดที่เชื่อมกัน เมื่อต้องรับน้ำหนักมากๆ อาจทำให้จุดนั้นหักได้
                “พวกโง่ ทยอยกันปีนขึ้นไปสิ อย่าขึ้นไปพร้อมกันมาก” กัปตันเท็มเปิลโวยวาย “ก็รู้ว่าบันไดประกอบมันไม่ค่อยแข็งแรง”
                ดังนั้นพวกมนุษย์จึงต้องลดความหนาแน่นของทหารที่ปีนบันได เพื่อไม่ให้บันไดรับน้ำหนักมากเกินไป ผลที่ได้คือพวกมนุษย์จะส่งทหารขึ้นไปบนกำแพงได้น้อยลงไปอีก ซึ่งกว่าจะปีนขึ้นไปได้แต่ละคนก็ลำบากยากเย็นมาก กำแพงสูงลิบลิ่ว แล้วยังต้องหลบหน้าไม้ วงแหวน หรือก้อนน้ำแข็งขณะปีนอีก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศที่คอยยิงปืนยาวคุ้มกัน อีกทั้งยังคอยยิงปืนใหญ่ขนาดเล็กสลายกลุ่มพวกดาร์คเนสดีวิลในบางจังหวะที่เหมาะสม เหล่าทหารราบมนุษย์ก็สามารถไต่ขึ้นมาถึงเชิงเทินกำแพงได้หลายกลุ่ม คนแรกที่ขึ้นมาถึงนั้นถูกดาบของโซลิแทร์ฟันคอขาดร่วงตกลงไป แล้วอีกหลายคนก็ถูกหอกสามง่ามแทง ถูกยิงด้วยหน้าไม้ ถูกยิงด้วยวงแหวน แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่สามารถยกโล่กำบังไว้ได้ และขึ้นมาบนกำแพงได้สำเร็จ จากนั้นพวกมนุษย์ก็ทยอยบุกขึ้นมากันเรื่อยๆ พวกดาร์คเนสดีวิลอาศัยความได้เปรียบของพื้นที่คอยจู่โจมก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งหลักได้ถนัด กองทัพอากาศของพวกมนุษย์หยุดยิงปืนใหญ่เพราะฝ่ายของตนเริ่มขึ้นมาบนกำแพงมากแล้ว แต่ก็คอยยิงปืนยาวสนับสนุนบ้าง กัปตันฟิลโก้รอฟังสัญญาณจากกัปตันเท็มเปิล ตอนนี้หน้าที่ของทัพอากาศคือเก็บใบเรือประจำตำแหน่งกลางอากาศอยู่ตรงนั้น คอยยิงสนับสนุนให้ทัพบก แต่อีกไม่นานคงถึงช่วงที่ทัพอากาศต้องบุกเข้าไปลำเลียงพลลงกำแพง
                “นักรบกล้าแห่งฟรอสท์ไอรอนแคลด เราทุกคนล้วนเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ เกิดมาใต้การเหยียบย่ำของเผ่าพันธุ์ที่กำลังสู้กับเราอยู่ตอนนี้” โซลิแทร์แทงดาบทะลุหัวใจทหารมนุษย์คนหนึ่ง ถอนดาบไปฟันคออีกคนหนึ่ง หมุนตัวหลบดาบเล่มหนึ่ง แล้วแทงกรงเล็บติดสนับหลังมือไปข้างหลังโดยไม่หันไปมอง มันเสียบเข้าที่ใต้คางเป้าหมายเลือดพุ่งกระจาย “วันนี้ สิ่งที่ถูกเหยียบมานานจะไม่อ่อนข้อให้เหยียบอีกต่อไป” เขาหลบหอกของทหารมนุษย์คนหนึ่ง ใช้มือซ้ายบีบคอทหารคนนั้นไว้ ก่อนจะกระแทกท้ายทอยทหารคนนั้นกับขอบกำแพงเชิงเทิน เสียงกระดูกหักดังลั่น ใครจะไปรู้ว่าปีศาจแข็งแรงขนาดนี้ “จงแสดงให้เห็นว่าหัวใจของสิ่งต่ำๆ อย่างเรานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน จงแสดงให้เห็นว่าปีศาจเราเยือกเย็นแข็งแกร่ง ดุจน้ำแข็งหุ้มเกราะเหล็ก เรา-คือ-กำแพง”
                เหล่านักรบดาร์คเนสดีวิล รวมทั้งเซซิลและกัปตันมาซูลตะโกนว่า “เราคือกำแพง” ขณะแทงหอก ตวัดดาบคู่ ยิงหน้าไม้ หรือปล่อยวงแหวนเข้าต่อสู้กับพวกมนุษย์ที่ขึ้นมาบนกำแพง พวกดีวอเชอร์หมุนสลักด้านหลังโล่ แล้วใบเหล็กคมกริบก็ดีดโผล่ออกมารอบขอบโล่ กลายเป็นโล่ขอบคม จากนั้นโล่ก็ถูกใช้ปาดคอพวกมนุษย์ที่เข้ามาประชิดตัว เป็นอีกสิ่งที่พวกมนุษย์ไม่ได้คาดคิด ไม่บ่อยนักที่นักรบฝ่ายไหนจะใช้โล่ยาวเป็นอาวุธมีคมแบบนี้ บนกำแพงเริ่มเต็มไปด้วยศพของทั้งสองฝ่าย ส่วนเบื้องหน้ากำแพงก็มีแต่ศพพวกมนุษย์เกลื่อนไปหมด เครื่องยิงบนกำแพงหยุดยิงแล้ว เพราะนักรบที่ดูแลเครื่องยิงนั้นต้องจับอาวุธต่อสู้กับพวกมนุษย์ที่ไต่บันไดขึ้นมา แต่เครื่องยิงหลังกำแพงก็คอยส่งกระสุนระเบิดเพลิงข้ามกำแพงไปโจมตีพวกมนุษย์ที่รวมกลุ่มอยู่หน้ากำแพงเป็นระยะๆ พื้นที่อันกว้างขวางของกำแพงทำให้การต่อสู้บนกำแพงเป็นเสมือนสนามรบขนาดย่อม มีการจัดขบวนแปรรูปแถวบนกำแพงหลายครั้ง มนุษย์บางกลุ่มที่ไต่บันไดขึ้นมาได้และรอดจากการถูกสกัดนั้น ก็เข้ามารวมกลุ่มกัน ยกโล่กำบังให้กัน ต่อสู้สนับสนุนกัน ส่วนพวกดาร์คเนสดีวิลบางกลุ่มก็ตั้งกำแพงโล่และพาดหอกข้ามขอบโล่ กัปตันมาซูลพุ่งหอกเสียบทหารมนุษย์คนหนึ่งหงายหลังตกกำแพง แล้วชักดาบคู่ออกมาฟันแทงต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว เซซิลดูจะสันทัดเรื่องจัดการกับพวกทหารมนุษย์ที่ใช้หอกเป็นพิเศษ ทหารมนุษย์คนหนึ่งกระโดดแทงหอกใส่เขา เขาไม่หลบหรือกำบัง แต่ยกโล่เป็นแนวนอนขนานกับพื้น เสยหอกของอีกฝ่ายให้กระดกข้ามหัวไป และค้างโล่อยู่ท่านั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายกระโดดอยู่กลางอากาศตรงเข้ามาหาพอดี ผลที่ได้คือ มนุษย์คนนั้นเข้ามาชนกับส่วนคมของโล่ที่คอยท่าอยู่ ลงไปนอนตายสนิท
                “นั่นยอดเยี่ยมทีเดียว เดอะ เจสเทอร์” กัปตันมาซูลชม มือข้างหนึ่งถอนดาบออกจากร่างทหารมนุษย์
                “มีคนเรียนรู้จากข้าไปด้วย” เซซิลปรายสายตาไปทางโซลิแทร์ ผู้ซึ่งจัดการกับทหารมนุษย์ที่กระโดดแทงหอกใส่ ด้วยการใช้สองมือยกดาบขึ้นในมุมขนานกันพื้น กระดกหอกของอีกฝ่ายให้แทงข้ามหัวไป พร้อมกับตั้งท่าค้างดาบไว้ ให้อีกฝ่ายเขามาชนกับปลายดาบเอง
                “ทางซ้ายของท่าน” กัปตันมาซูลบอก
                “เห็นแล้ว” เซซิลใช้มือซ้ายยกโล่กำบังทหารมนุษย์คนหนึ่งที่แทงหอกมาทางซ้าย เขากำบังในลักษณะปัดไปทางขวา ทำให้หอกแทงแฉลบไปทางขวาเล็กน้อย มือขวาของเขาคว้าด้ามหอกไว้ได้ แล้วดึงเข้าหาตัว มือซ้ายสะบัดโล่กลับไปทางซ้าย เชือดคอทหารคนนั้นที่ถูกดึงเข้ามาในจังหวะเดียวกัน “หลายคนคิดว่าหอกได้เปรียบอาวุธอื่น ความยาวของมันทำให้มันถึงตัวคู่ต่อสู้ได้ก่อนอาวุธอื่น แต่มันก็มีจุดอ่อนที่ด้าม ความยาวของด้ามทำให้คู่ต่อสู้สามารถคว้าด้ามไว้ได้ ซึ่งถ้าคว้าได้ก็จบ” เขาใช้กลยุทธ์เดิมสังหารทหารมนุษย์ถือหอกอีกคน “อาวุธที่ใช้ต่อกรกับหอกได้ดีที่สุด คือโล่ใบใหญ่ๆ และมือเปล่านี่ล่ะ”
                จริงทีเดียว พวกดีวอเชอร์คนอื่นๆ ก็ตอบโต้หอกของพวกมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้แก้ทางกัน หลายคนใช้กลยุทธ์เดียวกับเซซิล คงได้รับการถ่ายทอดมา
                “เราทุกคนรู้ว่าท่านเก่งมากเรื่องการตอบโต้อาวุธยาว” กัปตันมาซูลหมุนตัวไปข้างหน้า พร้อมกับแกว่งดาบรอบตัวหลายรอบ มันฟันถูกทหารมนุษย์สองสามคนลงไปนอนตาย
                “ข้าเคยเป็นเพื่อนรักกับเอโมลิล ผู้ใช้หอกได้เก่งมากๆ และเคยร่วมงานกับซิลเวอร์ เมแมคเซอร์ ผู้ชำนาญเรื่องหอกเหมือนกัน ข้าถูกใช้ให้เป็นคู่ซ้อมมานับพันครั้งได้” เซซิลตรงเข้าไปกระแทกโล่ใส่ทหารมนุษย์คนหนึ่งกระเด็นล้มลงไปแทบเท้าโซลิแทร์ และถูกรองเท้าเหล็กที่เหมือนขาเอเลนเซฟเวอรี่ของโซลิแทร์กระทืบหักคอ “ต่อให้ข้าไม่เก่ง ข้าก็ต้องถูกบังคับให้เก่งล่ะ”
                “ควรให้ทัพอากาศบุกเข้าไปเสริมได้แล้ว” กัปตันเท็มเปิลยกแตรเป่าส่งสัญญาณ
                กัปตันฟิลโก้เป่าแตรส่งสัญญาณตอบรับ แล้วกองเรือเหาะของเขาก็กางใบเรือเดินหน้าเข้าหากำแพง เตรียมพร้อมจะลำเลียงพลลงกำแพง พวกทหารมนุษย์ในเรือเหาะแต่ละลำพากันไปตั้งแถวตามริมเรือ เตรียมดาบ โล่ หอก ปืนยาว พร้อมจะลงไปต่อสู้บนกำแพง
                “ไนลอน” เซซิลชี้ไปที่บอลลูนของเรือเหาะแต่ละลำ “ทนทานต่อสิ่งมีคมสูง โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำเช่นนี้”
                “เลือกใช้วัสดุได้ฉลาด ไนลอนทนทานต่อลูกศรคมๆ ของเรา” โซลิแทร์ใช้มือซ้ายคว้าคอทหารมนุษย์คนหนึ่ง แล้วโยนลงจากกำแพงด้วยมือข้างเดียว “แต่ไนลอนไม่ทนไฟ”
                มือที่เพิ่งจะใช้โยนมนุษย์ลงจากกำแพงยกชูขึ้น พลุสีน้ำเงินพุ่งออกจากปลายถุงมือหุ้มเหล็ก และแตกระเบิดสว่างไสวบนท้องฟ้าอันทึบทึม พลุสีน้ำเงินหมายถึงสัญญาณโจมตี กัปตันเท็มเปิลจ้องมองพลุอย่างไม่ชอบใจ ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นพลุนี้ เขาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
                แล้วสัตว์ร้ายสามหัว ตัวสีเทาดำ ปีกสีดำ ฝูงใหญ่ ก็สยายปีกบินข้ามกำแพงชั้นที่สาม ชั้นที่สอง และชั้นแรก บุกตรงเข้าหากองเรือเหาะมนุษย์ พวกมันแปรขบวนเป็นลูกคลื่นกลางอากาศพร้อมเพรียงกัน บางตัวสวมเกราะหนาสีดำไว้เต็มตัวตั้งแต่หัวจดหางปลายลูกศร บางตัวก็ยังไม่มีเกราะสวม พวกดาร์คเนสดีวิลคงยังผลิตเกราะให้พวกมันไม่ได้ทุกตัวในตอนนี้ แต่แค่นี้ก็เป็นปัญหามากแล้ว พวกมันไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆ ผิวหนังที่ยังไม่หุ้มเกราะก็แข็งแกร่งเกินพอ แค่พวกมันหกตัวก็สร้างความเสียหายให้แก่ท่าเรือซาโมโรว์มากมายแล้ว แต่นี่ไม่ได้มีแค่หกตัว มีเป็นร้อยตัวได้
                “มันบ้าอะไรกันนี่” กัปตันฟิลโก้สบถเสียงเบา “ใครเปิดประตูนรกปล่อยสัตว์ร้ายชนิดนี้ออกมามากมายขนาดนี้”
                เอเลนเซฟเวอรี่สีดำพาหนะของโซลิแทร์โฉบผ่านกำแพงชั้นแรก มันสวมเกราะสีดำมิดชิดทั้งตัว โซลิแทร์กระโดดขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงเชิงเทิน เตะปลายคางทหารมนุษย์คนหนึ่งที่เพิ่งปีนขึ้นมาสุดบันไดตกลงไป แล้วก็กระโดดลงจากกำแพง ลงไปนั่งบนหลังเจ้าเอเลนเซฟเวอรี่สีดำที่บินโฉบมารับอย่างพอดิบพอดี ด้านข้างอานของมันมีหอกอากาศสองสามเล่มอยู่ในช่องเสียบอาวุธ รวมทั้งอาวุธอื่นๆ อีกเล็กน้อย โซลิแทร์บังคับพาหนะบุกนำหน้าฝูงเอเลนเซฟเวอรี่ตรงเข้าหาทัพอากาศมนุษย์ ดาบยาวในมือขวาชูขึ้นสูง ทำสัญญาณ
                กองเรือเหาะแนวหน้าพยายามยิงสกัดไว้ด้วยปืนยาวและปืนใหญ่ เอเลนเซฟเวอรี่บางตัวถูกปืนใหญ่ยิงร่วงลงไป ส่วนปืนยาวนั้นแค่ทำให้พวกมันเกิดแผลนิดๆ หน่อยๆ ไม่อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ ส่วนพวกตัวที่สวมเกราะนั้น ปืนยาวไม่สามารถทำอันตรายพวกมันได้แม้แต่รอยขีดข่วน เกราะหนาสำหรับสัตว์ใหญ่คงต้องใช้ปืนใหญ่เท่านั้นจึงจะยิงเข้า พวกเอเลนเซฟเวอรี่เริ่มอ้าปากทั้งสาม พ่นดาวตกเล็กๆ ที่มีไฟสีเขียวลุกท่วมเข้าโจมตีเรือเหาะของพวกมนุษย์ บรรดาทหารมนุษย์ในเรือเหาะถูกพ่นด้วยดาวตกถูกไฟกรดครอก บางคนวิ่งไปรอบเรือเพราะมีไฟลุกท่วมตัว โซลิแทร์บังคับพาหนะหลบหลีกกระสุนปืนใหญ่ โฉบเข้าใส่เรือเหาะลำหนึ่ง แล้วกระตุกบังเหียนให้มันพ่นดาวตกไฟสีน้ำเงินจากปากทั้งสาม เข้าใส่ถังดินปืนข้างๆ ปืนใหญ่ เปลวไฟสีน้ำเงินระเบิดกระจายไปทุกทิศทุกทาง ทหารลูกเรือมนุษย์ที่อยู่ในรัศมีกระจัดกระจายตายเรียบ ปืนยาวหลายกระบอกยิงตอบโต้เจ้าเอเลนเซฟเวอรี่สีดำ กระสุนทุกนัดกระทบกับเกราะอันแข็งแกร่งของมันและกระดอนออกไปเหมือนลูกหิน มีทหารมนุษย์สองสามคนยิงใส่โซลิแทร์ ผู้ซึ่งยกสนับแขนซ้ายกำบังได้หมด วินาทีต่อมา เขาก็ร่อนใบจักรในกระเป๋าเสื้อนอกไปเสียบซอกคอกพลปืนมนุษย์เหล่านั้นล้มลงไปตายทีละคน ไม่พลาดเป้าสักใบ
                พวกเอเลนเซฟเวอรี่เริ่มกระพือปีกบินขึ้นสูง สูงจนอยู่เหนือบอลลูนเรือเหาะแต่ละลำ เป้าหมายของพวกมันคือส่วนบนสุดของบอลลูน ทัพอากาศมนุษย์เจอปัญหาเสียแล้ว เดิมทีข้อได้เปรียบของเรือเหาะคือมันจะลอยอยู่สูงกว่าศัตรู แต่ตอนนี้ศัตรูกลับบินได้สูงกว่ามัน การจะยิงโต้ตอบนั้นทำได้ยากมาก เพราะบอลลูนบังอยู่ข้างบน ยิงไปก็ถูกบอลลูน ยิ่งศัตรูไปบินอยู่จุดกึ่งกลางส่วนบนสุดของบอลลูน ยิ่งไม่มีมุมยิงแม้แต่น้อย หากบอลลูนเสียหายหนัก เรือเหาะร่วงแน่
                แล้วพวกเอเลนเซฟเวอรี่ที่บินอยู่เหนือบอลลูนเรือเหาะแต่ละลำ ก็พ่นไฟเผาลนส่วนบนสุดของบอลลูน ไนลอนทนทานต่อความคมและความเย็น แต่มันไม่ทนทานต่อไฟ โดยเฉพาะไฟที่มีอานุภาพเผาไหม้สูงเช่นนี้ บอลลูนส่วนที่ถูกเผาจึงเริ่มละลายไหม้ และเกิดช่องโหว่ขยายขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากจุดกึ่งกลางส่วนบนสุด ลุกลามแผ่กว้างออกไป เมื่อบอลลูนมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ มันก็ไม่อาจพยุงเรือเหาะให้ลอยอยู่ได้อีกต่อไป เรือเหาะทั้งลำจึงร่วงตกลงไปแหลกเป็นชิ้นๆ ทับกองทหารบกมนุษย์เบื้องล่าง
                นี่คือเหตุผลที่โซลิแทร์ยังไม่นำเมฆฝนออกมาใช้ ศึกครั้งนี้พวกดาร์คเนสดีวิลจะใช้ไฟต่อสู้กับกองทัพอากาศมนุษย์ เรือเหาะหลายต่อหลายลำร่วงตกลงไปทับพวกทหารบกมนุษย์ เนื่องจากกองเรือเหาะได้เคลื่อนพลเข้ามาใกล้กำแพง เมื่อมันร่วง มันก็ตกลงไปทับพวกทหารมนุษย์ที่ออกันอยู่หน้ากำแพง ใครรอดก็วิ่งหลบกันจ้าละหวั่น ความต่อเนื่องในการปีนบันไดถูกลดทอนลง เพราะพวกทหารถูกทับตายบ้าง วิ่งหนีการถูกทับบ้าง เรือเหาะบางลำก็ถูกเผาเสียศูนย์เซเข้ามาปะทะกับกำแพงแหลกเป็นชิ้นๆ บดขยี้บันไดและพวกทหารมนุษย์ที่กำลังปีนบันไดอยู่ กำแพงก็แข็งแกร่งเหลือเชื่อ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยถูกชน กลับเป็นว่าตอนนี้ทัพอากาศกลายเป็นอุปสรรคต่อทัพบกเสียแล้ว เรือเหาะลำแล้วลำเล่าร่วงโครมๆ อยู่หน้ากำแพง เสมือนเป็นการสกัดให้ทัพบกปักหลักอยู่หน้ากำแพงยากขึ้น ส่งคนขึ้นไปบนกำแพงได้ช้าลงอีก
                “แก้หมากได้ฉลาดมาก” อโลบัสกระซิบอย่างไร้ความรู้สึก             
          “โธ่โว้ย!” กัปตันเท็มเปิลยกมือกุมหมวกเกราะ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”
          “ข้าเตือนท่านแล้วเรื่องทัพอากาศ” อโลบัสพูดเรียบๆ
                เรือเหาะบางลำสามารถบินไปถึงกำแพงได้ กองทหารมนุษย์ในตัวเรือกระโดดลงมาบนกำแพง และฟาดฟันอาวุธต่อสู้กับพวกดาร์คเนสดีวิล แต่ก็ถือว่าลำเลียงพลได้น้อยกว่าที่คาดไว้ตามแผน เรือเหาะส่วนใหญ่ไม่ทันได้เข้ามาถึงกำแพง ก็ถูกโจมตีร่วงลงไปแหลกละเอียด พวกนักรบดาร์คเนสดีวิลบนกำแพงก็ต่อสู้ปกป้องพื้นที่ได้เหนียวแน่น พวกมนุษย์บุกขึ้นมาบนกำแพงเท่าไหร่ก็ต้านทานไหว อาศัยความได้เปรียบของพื้นที่ต่อสู้สังหารฝ่ายตรงข้ามไปมากมาย ศพบนกำแพงเริ่มมีมากจนนับไม่ไหว ทั้งศพมนุษย์และดาร์คเนสดีวิล แต่มันก็ไม่เบียดบังพื้นที่ต่อสู้นัก เพราะกำแพงกว้างมาก พวกมนุษย์ตายมากกว่าในอัตราส่วนที่ต่างกันมาก เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องพื้นที่อย่างใหญ่หลวง และยังไม่สามารถลดความเสียเปรียบในเรื่องนี้ได้สักที ทัพอากาศที่ถูกโจมตียิ่งทำให้เสียเปรียบมากขึ้นอีก สายไปแล้วสำหรับเรียกทัพอากาศให้ถอยกลับไป เรือเหาะต้องใช้พื้นที่ในการตีวงวกกลับ มันคงไปถึงกำแพงก่อนที่จะกลับลำได้
                เอเลนเซฟเวอรี่สีดำโฉบผ่านเรือเหาะลำหนึ่ง โซลิแทร์กระโดดจากหลังมัน ตีลังกาม้วนตัวลงไปบนดาดฟ้าเรือเหาะ ลุกขึ้นฟันดาบปาดคอทหารมนุษย์สองคนพร้อมกัน หลบดาบเล่มหนึ่ง แล้วถีบเท้าไปข้างหลังส่งเจ้าของดาบหน้าทิ่มตกเรือไป มือซ้ายควักใบจักรออกจากเสื้อนอกร่อนเสียบกลางหน้าผากทหารมนุษย์ที่กำลังเล็งปืนยาวใส่ จากนั้นก็หันด้านแบนของดาบกำบังกระสุนที่พุ่งมาอีกทาง จับดาบกลับหัว แล้วฟันเสยแสกหน้าทหารมนุษย์อีกคน คว้าเชือกตะขออันใหญ่ที่ห้อยต่องแต่งอยู่ที่เสาเรือ ผลักกระแทกหน้าทหารมนุษย์ที่จะเข้ามาแทงหอกใส่เลือดกระจาย ทหารมนุษย์คนหนึ่งรีบยกโล่กำบังเมื่อเห็นเขาเงื้อดาบใส่ เขาจึงใช้เท้าถีบโล่ให้กำบังหลุด แล้วฟันดาบจัดการในจังหวะที่สอง ควงดาบแล้วแทงไปข้างหลัง เสียบกลางหัวใจทหารมนุษย์คนหนึ่งที่จะลอบมาโจมตี ผ้าคลุมของเขาช่วยบังอีกฝ่ายไม่ให้มองเห็นทิศทางดาบ ทหารมนุษย์อีกสองสามคนแทงหอกใส่เขาพร้อมกัน เขาตีลังกาล้อเกวียนหลบ มือซ้ายคว้าคอทหารมนุษย์ได้คนหนึ่ง ถุงมือเหล็กทำให้บีบคอได้แน่นและมั่นคงขึ้น เขาคุกเข่าลงพร้อมกับจับท้ายทอยของทหารคนนั้นกระแทกกับสนับเข่าหัวกะโหลกปีศาจ หมวกเกราะมนุษย์หลุดจากหัว คอหักพับคาเข่า จากนั้นจึงตีลังกาล้อเกวียนขึ้นไปยังตำแหน่งคนขับเรือ คนขับเรือเหาะรีบละจากการคุมพวงมาลัยแล้วชักดาบออกมา แต่โซลิแทร์ไวกว่า แทงดาบลอดช่องพวงมาลัยไปเสียบกลางหัวใจคนขับเรือ เขากระชากดาบกลับมา ร่างคนขับเรือถูกดึงมาชนกับพวงมาลัยแล้วหงายล้มไป โซลิแทร์ขยับไปแทนตำแหน่งคนขับเรือ หมุนพวงมาลัยไปทางขวาสุด นำดาบของคนขับเรือมาขัดพวงมาลัย จากนั้นก็ลงไปปาดคอคนถือหางเสือ และนำศพพาดหางเสือไว้ เรือเหาะเอียงเลี้ยวเสียศูนย์ไปทางขวา พวกทหารมนุษย์บนเรือรีบหาที่เกาะ มันบินเซเข้าหาเรือจ่าฝูงที่บินอยู่ข้างๆ กัปตันฟิลโก้ตาค้าง พยายามหักหลบเต็มที่ แต่แน่นอนว่าไม่ทันการ โซลิแทร์กระโดดลงจากเรือเหาะ เอเลนเซฟเวอรี่ตัวหนึ่งบินมารับเขาไปอย่างสวยงาม
                แล้วเรือเหาะที่ถูกโซลิแทร์โจมตีก็เข้าไปชนเกยกับเรือเหาะจ่าฝูงของกัปตันฟิลโก้ เศษไม้หักกระจัดกระจายไปหมด เสาเรือเกี่ยวกันแน่น บอลลูนที่พยุงเรือเหาะก็เกยกันมั่ว ทหารมนุษย์ในเรือเหาะทั้งสองลำกระเด็นตกเรือไปหลายคน มีคนหนึ่งกระโดดลงไปเกาะหลังเอเลนเซฟเวอรี่ที่บินผ่านมาได้เหมือนโซลิแทร์ แต่เกาะอยู่เพียงสองสามวินาทีก็ถูกหางปลายลูกศรเหล็กฟาดลงมากลางหลัง ร่วงตกลงไปในสภาพร่างแทบแหลก พวกเอเลนเซฟเวอรี่ไม่ยอมให้ใครขี่หลัง นอกจากจ่าฝูงของพวกมัน
                “เรากำลังร่วง” กัปตันฟิลโก้ตะโกน ไม่สามารถจะพยุงเรือเหาะจ่าฝูงให้บินได้อีกต่อไป ในเมื่อมีอีกลำขึ้นมาเกยอยู่แบบนี้ หากเป็นเรือทะเลคงต้องตะโกนว่าสละเรือ แต่นี่มันลอยอยู่บนฟ้าสูงลิ่ว กระโดดลงจากเรือเท่ากับฆ่าตัวตาย เรือเหาะลดระดับดิ่งลงเรื่อยๆ ด้วยความเร็วสูง แล้วก็ตกลงมาแหลกพังเป็นชิ้นๆ บนพื้นหิมะทั้งสองลำ ทับทหารบกหลายคนที่หนีไม่ทัน ส่วนทุกคนในเรือเหาะ รวมทั้งกัปตันฟิลโก้นั้น ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
          กัปตันเท็มเปิลโวยวายคำหยาบคาย มือทึ้งพู่บนหมวกเกราะของตน อโลบัสโค้งศีรษะให้เกียรติผู้ตาย
                เจ้าเอเลนเซฟเวอรี่พาโซลิแทร์บินผ่านบันไดยาวที่พวกมนุษย์ปีนกันอยู่ โซลิแทร์เล็งไปที่รอยต่อระหว่างบันไดตัวหนึ่ง แล้วลากดาบฟันใส่เต็มเหนี่ยว บันไดหักเป็นสองท่อน พวกมนุษย์ที่ไต่บันไดอยู่ร่วงตกลงไปตามๆ กัน ใครอยู่บนที่สูงก็ตกลงไปตายหรือไม่ก็บาดเจ็บ จากนั้นเจ้าเอเลนเซฟเวอรี่ก็กระพือปีกขึ้นสูง โฉบผ่านไปบนกำแพง โซลิแทร์กระโดดลงจากหลังมัน ม้วนตัวลงมาบนเชิงเทิน สองมือจับดาบแกว่งรอบตัวเป็นวงกว้าง ตัดผ่านร่างทหารมนุษย์รอบตัวล้มลงไปตายเป็นวงกลม มือซ้ายสะบัดร่อนใบจักรเสียบเข้าเบ้าตาทหารมนุษย์ที่ปีนบันไดอยู่ใกล้ๆ ทหารมนุษย์ร่างใหญ่คนหนึ่งฟันขวานเล่มใหญ่ใส่เขา จังหวะเดียวกับที่ดาบของเขาฟันสวนกลับพอดี มันจึงปะทะกันอย่างแรงจนเกิดประกายไฟ ทั้งสองงัดอาวุธกันเป็นกากบาท ออกแรงดันอาวุธไปทางฝ่ายตรงข้าม โซลิแทร์ได้มุมดันด้ามดาบเฉียงขึ้นไปกระแทกกกหูซ้ายของหมวกเกราะคู่ต่อสู้ ใช้ท้ายด้ามดาบรูปหัวค้างคาวตอกใส่หน้าผากหมวกเกราะในจังหวะที่สอง แล้วฟันแสกหน้าลงมาในจังหวะที่สาม หมวกเกราะของทหารคนนั้นขาดออกเป็นสองซีก พร้อมด้วยกะโหลกที่แทบจะแยกเป็นสองเสี่ยง
          ทหารอีกคนบุกเข้าหาจากด้านซ้าย โซลิแทร์สะบัดผ้าคลุมไปคลุมหัวอีกฝ่าย และเสียบดาบเข้าที่ท้อง จากนั้นก็ถอนดาบออก เดินไปอีกทาง ระหว่างที่เดินก็สะบัดหลังกำปั้นที่มีเงี่ยงแหลมใส่หน้าทหารมนุษย์ที่เพิ่งจะปีนบันไดขึ้นมาถึง หงายตกลงไป จับดาบด้วยสองมือฟันใส่ทหารมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้า ทหารคนนั้นรีบใช้สองมือยกโล่กำบัง แต่แรงปะทะก็ทำให้ล้มลงไป โซลิแทร์จับดาบคว่ำลงแล้วแทงซ้ำ ทหารคนนั้นยกโล่กำบังสุดชีวิตในท่านอน ปลายดาบแทงทะลุโล่เหล็กลงไปจนเกือบจะถึงหน้าอกทหารคนนั้นอยู่แล้ว ทหารอีกคนเข้ามาฟันดาบใส่โซลิแทร์ โซลิแทร์เอียงคอหลบ แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคออีกฝ่ายไว้ ก่อนจะเอามากระแทกใส่ท้ายด้ามดาบในลักษะคล้ายการตอกตะปู คอทหารมนุษย์หักคามือ แล้วดาบที่ถูกตอกด้วยคอก็เจาะโล่ลงไปถึงกลางหัวใจของทหารมนุษย์ที่อยู่ใต้โล่ โซลิแทร์กระชากดาบออกจากร่างทหารมนุษย์และโล่ หันไปฟันใส่ทหารมนุษย์อีกคนร่างขาดเฉียงเป็นสองท่อน เขาเข้าไปฟันดาบต่อสู้กับทหารมนุษย์คนหนึ่งและปลดอาวุธอีกฝ่ายได้ ทหารคนนั้นรีบหมอบลงกับพื้น ร้องขอชีวิตเมื่อเขาเงื้อดาบขึ้น
                “ได้โปรด ข้ามีลูกชาย”
                “เมื่อไหร่พวกมนุษย์จะเลิกเล่นมุขอ้างลูกชายเสียที บางคนเป็นพวกรักร่วมเพศยังอ้างว่ามีลูกชาย” โซลิแทร์ตัดหัวทหารคนนั้นขาดในครั้งเดียว
                “ท่านลอร์ด” เซซิลลอยเข้ามารายงาน แขนขวาฟันโล่ปาดคอทหารมนุษย์คนหนึ่งขณะลอยผ่าน “ทัพอากาศของข้าศึกกำลังจะถูกกำจัดหมด”
                โซลิแทร์หันไปมองด้านหน้ากำแพง เรือเหาะของพวกมนุษย์เหลืออยู่แค่ไม่กี่ลำ พวกเอเลนเซฟเวอรี่เริ่มหันไปเล่นงานกองทัพบกมนุษย์แทน พวกที่ปีนบันไดอยู่คือเป้าหมายที่โจมตีง่ายมาก
                “เมื่อมันถูกกำจัดหมด เราจะเริ่มทำการขับไล่” โซลิแทร์หันไปเห็นทหารมนุษย์คนหนึ่งหันหลังให้ เพิ่งจะฆ่าดีเซ็นทรีไป เขาเดินไปจับหลังหมวกเกราะทหารคนนั้นโขกกับกำแพงเชิงเทินให้อีกฝ่ายมึนงง แล้วจึงใช้ดาบตัดคอขาดกระเด็น ก่อนจะหันมาคุยกับเซซิลต่อ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าคิดว่าท่านควรจะไปประจำตำแหน่งกับกองรถม้าศึกปีศาจได้แล้ว ข้าจะส่งสัญญาณให้กัปตันมาซูลไปประจำตำแหน่งกับกองทหารม้าปีศาจ อีกไม่นาน สัญญาณโจมตีจะตามไป”
          เซซิลทำแขนกากบาท แล้วลอยผ่านการต่อสู้ลงบันไดกำแพงไป โซลิแทร์ยกมือข้างหนึ่งชูขึ้น พลุสีเหลืองพุ่งออกจากปลายมือส่องสว่างบนท้องฟ้า พวกเอเลนเซฟเวอรี่ที่ต่อสู้กับกองทัพบกมนุษย์เริ่มบินไปรวมกลุ่มกันบนท้องฟ้า เหลือส่วนหนึ่งไว้ต่อสู้กับเรือเหาะมนุษย์ที่เหลือ กัปตันมาซูลเงยหน้ามองสัญญาณ ถอนดาบออกจากร่างทหารมนุษย์ แล้วลงบันไดกำแพงไป ด้านหลังกำแพงชั้นแรกนั้น เครื่องยิงติดล้อทุกเครื่องถูกเก็บไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยกองกำลังสองชนิด ที่มีจำนวนมากมายเต็มพื้นที่ด้านหลังกำแพง
          ชนิดหนึ่งเป็นกองกำลังทหารม้าปีศาจ มีพวกดีเซ็นทรีนั่งอยู่บนหลังม้า ถือหอกสามง่ามคนละเล่มติดอาวุธอื่นๆ ครบชุด กัปตันมาซูลปีนขึ้นหลังม้าปีศาจแล้วขี่ไปประจำที่หน้ากองกำลัง
          อีกชนิดหนึ่งเป็นกองกำลังรถม้าศึกปีศาจ รถม้าศึกโลหะแต่ละคันเทียมด้วยม้าปีศาจหนึ่งตัว มีพวกดีวอเชอร์เป็นผู้ขับขี่ เซซิลขับรถม้าศึกมาประจำที่ข้างหน้ากองกำลัง รถม้าศึกของเขานั้นเขาออกแบบเอง ลักษณะแตกต่างจากรถม้าศึกคันอื่นๆ มันเทียมด้วยม้าปีศาจสองตัว ติดใบดาบคมๆ ยาวๆ ไว้รอบๆ แอกเทียมม้าและตัวรถ ด้านหน้าม้าทั้งสองตัวนี้ก็ติดแท่งเหล็กแหลมยาวคมกริบเรียงแถวกันห้าแท่ง คงเป็นรถม้าที่พร้อมใช้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันแล่นผ่าน หน้ารถม้ามีตราสัญลักษณ์รูปหลอดทดลองที่มีควันโชย และมีหมวกตัวตลกสวมอยู่บนกลุ่มควัน ตราสัญลักษณ์ประจำตัวของเซซิล
          โซลิแทร์ยังต่อสู้ต้านทัพมนุษย์อยู่บนกำแพง รอจนกว่าทัพอากาศมนุษย์จะถูกกำจัดหมด เขาแทงดาบเสียบกลางหัวใจทหารมนุษย์คนหนึ่ง ถอนดาบออกมาปาดคออีกคนหนึ่ง ตีลังกาเตะใส่อีกคนที่ปีนบันไดขึ้นมาหงายหลังตกลงไปตาย ยกใบดาบกำบังกระสุนนัดหนึ่งที่พุ่งมาหา ทหารมนุษย์คนหนึ่งบุกเข้ามาฟันดาบใส่ เขาคว้าแขนที่ถือดาบของอีกฝ่ายไว้ในลักษณะบิดแขน ทำเอาทหารมนุษย์คนนั้นร้องลั่นตัวแข็งทื่อ เพราะถูกบิดแขนไปไว้ข้างหลัง ดาบหลุดจากมือ แล้วโซลิแทร์ก็ผลักทหารคนนั้นเข้าไปหาคมดาบของดีเซ็นทรีที่อยู่ใกล้ๆ ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ ทหารมนุษย์อีกคนก็บุกเข้ามาเสริม โซลิแทร์อาศัยขายาวๆ ของตนถีบสกัดหน้าแข้งของอีกฝ่าย ทหารคนนั้นสะดุดล้มพุ่งตัวไปพาดคอกับขอบกำแพงเชิงเทิน แล้วก็ถูกสับตัดหัวในลักษณะของเพชฌฆาตประหารนักโทษ มีเสียงโครมครามดังสนั่นให้ได้ยิน โซลิแทร์มองข้ามขอบกำแพงเชิงเทินเปื้อนเลือด แล้วเห็นเรือเหาะมนุษย์ลำสุดท้ายถูกสอยลงมาเรียบร้อยแล้ว
          “คุ้มกันให้ข้าสักประเดี๋ยว” เขาบอกพวกนักรบดาร์คเนสดีวิลที่อยู่ใกล้ๆ เก็บดาบลงฝัก ถอยไปอยู่แนวหลังของการต่อสู้ ตั้งสมาธิ กางแขนออก หงายมือขึ้น
          กลุ่มไอใสถ่ายเทออกจากมือที่สวมถุงมือเหล็กของเขาทั้งสองข้าง มันลอยเป็นสายขึ้นไปบนฟ้า ก่อตัวเป็นเมฆสีเข้มอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กองทัพอากาศมนุษย์ถูกกำจัดหมดแล้ว เครื่องยิงค้างคาวปีศาจก็ไม่ได้ยิงระเบิดเพลิงใส่พวกมนุษย์แล้ว คงถึงเวลาที่จะใช้พายุฝนเสียที ฟ้ามืดครึ้มในบัดดล แล้วสว่างวาบขึ้นมาด้วยแสงฟ้าแลบ ตามด้วยเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นหวั่นไหว ฝนเม็ดหนาเทลงมาในพื้นที่ของกองทัพมนุษย์อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ขอบเขตของฝนสิ้นสุดที่ขอบกำแพงพอดี พวกดาร์คเนสดีวิลจึงไม่เปียก ฝนชนิดนี้ไม่จับแข็งขณะอยู่กลางอากาศ แต่เริ่มจับแข็งเมื่อตกลงมาเปียกร่างพวกมนุษย์แล้ว ปัญหาเริ่มตกอยู่กับพวกทหารมนุษย์ที่ปีนบันไดและพวกที่เล็งปืนยาว ความหนาวเหน็บทำให้ปีนได้ช้า น้ำแข็งที่เกาะตามบันไดทำให้ลื่น เล็งปืนยาวลำบากเพราะน้ำฝนเย็นเฉียบเข้าหูเข้าตา และยิ่งแย่เมื่อมันเกาะตัวเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ปืนยาวหลายกระบอกเริ่มยิงไม่ออกเพราะดินปืนกลายเป็นน้ำแข็ง กัปตันเท็มเปิลกระชับเสื้อขนสัตว์ ฟันขบกันแน่น ครั้งที่แล้วก็เจอแบบนี้ เขาเกลียดมันมาก ขณะที่อโลบัสยังนั่งเฉยอยู่บนหลังม้า ดูท่าจะไม่รู้สึกหนาวสักนิด แม้จะมีน้ำแข็งเกาะอยู่ทั่วชุดเกราะและผ้าคลุม น่าแปลกใจที่ไม่มีน้ำแข็งเกาะติดผิวหนังขาวซีดของเขาเลย น้ำฝนตกลงมาใส่หน้าเขา กลายเป็นน้ำแข็ง แล้วลอกหลุดออกไปอย่างนุ่มนวล ผิวไม่มีรอยช้ำหรือห้อเลือดอย่างที่ควรจะเป็น ราวกับความเย็นไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ ผมของเขาก็เช่นกัน ไม่มีน้ำแข็งหรือเกล็ดหิมะจับเกาะอยู่สักนิด แน่นอนว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ทุกคนกำลังวุ่นวายกับพายุอันโหดเหี้ยม
          โซลิแทร์ซึ่งตอนนี้ยืนอยู่กึ่งกลางกำแพงนั้น หันไปจ้องกำแพงส่วนที่อยู่ทางขวา กำแพงส่วนหนึ่งค่อยๆ จมลงไปเป็นช่องขนาดใหญ่ ตามการบังคับของสายตา ขณะเดียวกันนั้น เซซิลที่นำทัพอยู่หน้ากองรถม้าศึกปีศาจ ก็ใช้สายตาควบคุมกำแพงบางส่วนที่อยู่ทางซ้ายของโซลิแทร์ ให้จมลงไปเพื่อเปิดช่องด้วยเช่นกัน พวกนักรบดาร์คเนสดีวิลที่ยืนอยู่บนกำแพงสองส่วนที่จมลงไปนั้น ขยับมารวมกันตั้งแถวอย่างมั่นคง พวกมนุษย์ที่ไต่บันไดอยู่พากันเสียหลักร่วงตกกันใหญ่เมื่อกำแพงส่วนที่พวกตนปีนอยู่นั้นจมลงไปบนพื้นเรื่อยๆ กัปตันเท็มเปิลจ้องตาถลน อโลบัสเอียงคอมองอย่างสนใจ ไม่นึกว่าพวกดาร์คเนสดีวิลจะสามารถทำแบบนี้กับกำแพงได้ นี่คือเหตุผลที่มันไม่มีประตู กำแพงสองส่วนที่จมลง ส่งผลให้เกิดช่องขนาดใหญ่สองช่อง เพียงพอที่กองกำลังขนาดใหญ่สองกองจะผ่านไปได้ ซึ่งเมื่อมันจมหายลงไปในพื้นจนมิดแล้ว ก็เผยให้เห็นกองกำลังสีดำขนาดใหญ่ที่จัดขบวนรออยู่ข้างหลัง ช่องขวามือของโซลิแทร์คือกองกำลังทหารม้าปีศาจ นำโดยกัปตันมาซูล ช่องซ้ายมือคือกองกำลังรถม้าศึกปีศาจ นำโดยเซซิล ล้อรถม้าศึกแต่ละคันถูกออกแบบให้เหมือนล้อเลื่อนหิมะ เพื่อจะได้แล่นไปบนพื้นหิมะได้สะดวก เหล่านักรบดาร์คเนสดีวิลที่ลงมาถึงพื้นพร้อมกับกำแพงนั้น ขยับแถวหลีกทางออก พร้อมให้กองกำลังที่อยู่ข้างหลังเคลื่อนพลออกมา ฝนที่เทกระหน่ำใส่กองทัพมนุษย์หยุดลงทันที
          พลุสีน้ำเงินพุ่งจากปลายมือของโซลิแทร์ขึ้นฟ้าส่องสว่างจ้า กัปตันมาซูลนำกองทหารม้าปีศาจจำนวนมากมาย บุกตีวงโอบกองทัพมนุษย์จากทางซ้าย(ซ้ายจากมุมมองของทัพมนุษย์) เซซิลนำกองรถม้าศึกปีศาจจำนวนมากมาย บุกตีวงโอบกองทัพมนุษย์จากทางขวา(ขวาจากมุมมองของทัพมนุษย์)  พร้อมกันนั้น พวกเอเลนเซฟเวอรี่ก็กลับมารวมฝูง แปรขบวนบุกเข้าหาพวกมนุษย์จากข้างหน้า นำโดยเจ้าเอเลนเซฟเวอรี่สีดำ พาหนะของโซลิแทร์ เมื่อมันบินผ่านกำแพงชั้นแรกแล้วลดระดับลงต่ำ โซลิแทร์ก็กระโดดลงจากกำแพงไปนั่งบนหลังมัน พวกมนุษย์ลำบากแล้ว ถูกกองกำลังทหารม้าปีศาจและรถม้าศึกปีศาจบุกเข้าประกบซ้ายขวา แล้วก็มีกองกำลังเอเลนเซฟเวอรี่บุกเข้าหาแกนกลางทัพ พวกดาร์คเนสดีวิลเคลื่อนพลบุกเข้ามาเป็นรูปสามง่าม
          “พลหอกยาวของเรามีไม่มาก แต่ต้องกระจายพวกเขาไปรับมือกับทัพพาหนะข้าศึก” อโลบัสบอกกัปตันเท็มเปิล
          “พลหอกยาวแบ่งเป็นสองส่วน” กัปตันเท็มเปิลตะโกนสั่งแทรกเสียงฟ้าร้อง “ไปตั้งแถวประกบปีกซ้ายและปีกขวา”
          ทหารมนุษย์ถือหอกยาวที่มีอยู่จำนวนไม่มากนั้น ขยับไปตั้งหอกยาวเป็นกำแพง ขนาบข้างกองทัพมนุษย์ซ้ายขวา ส่วนข้างหน้ากองทัพนั้นคงไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเอเลนเซฟเวอรี่บินอยู่บนฟ้า ไม่ได้บุกเข้ามาทางราบ จะยังไงก็แล้วแต่พวกมนุษย์เสียเปรียบมหันต์ อีกฝ่ายมีทัพพาหนะและทัพอากาศ ขณะที่ทัพของพวกตนมีแต่ทหารราบ มีทหารม้าแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น พลหอกยาวมีไม่เพียงพอโต้ตอบ ที่มีเต็มไปหมดคือพลดาบและหอกสั้น ซึ่งดูจะทำอะไรมากไม่ได้ในสถานการณ์นี้
          เซซิลตั้งสมาธิหันฝ่ามือขวาไปข้างหน้า ขณะที่รถม้าศึกวิ่งเข้าหาพวกมนุษย์ วงแหวนสีขาวพุ่งออกมาจากมือเขา แล้วขยายใหญ่กลางอากาศเป็นวงแหวนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร มันพุ่งได้ช้าลงเล็กน้อยตามขนาด แต่ก็พุ่งเข้าใส่แถวพลหอกยาวมนุษย์ทางปีกขวา และระเบิดเป็นไฟอย่างรุนแรงเหมือนที่เคยเป็นในศึกครั้งสุดท้ายกับพวกเฟลมฟอร์ส พวกทหารมนุษย์บริเวณนั้นกระจัดกระจายและถูกเผา หอกยาวแต่ละเล่มแตกหักไหม้ไฟไม่เหลือดี
          แล้วสายฟ้าเส้นหนาก็ฟาดจากบนฟ้าลงไปใส่แถวทหารหอกยาวทางปีกซ้าย ตายกันเรียบ กลับกลายเป็นว่าทัพมนุษย์ไม่มีหอกยาวไว้คอยสกัดการปะทะทั้งสองทางแล้ว
          “เราคือกำแพง” กัปตันมาซูลตะโกนผ่านกระบังหมวกปิดหน้า หอกสามง่ามในมือขวาตั้งขนานกับพื้น เตรียมเข้าปะทะ
          “เราคือกำแพง” เซซิลตะโกนผ่านผ้าเหล็กคาดปาก โล่ยาวในมือซ้ายยกขึ้นกำบัง เตรียมเข้าปะทะ
          “เราคือกำแพง” โซลิแทร์พูดเสียงเย็นเรียบผ่านหน้ากาก แต่ได้ยินกันทั่ว ดาบในมือขวาชักออกมาชูขึ้น เตรียมเข้าปะทะ
          กัปตันเท็มเปิลตาเหลือก
          แล้วทั้งสามกองกำลังก็เข้าปะทะทัพมนุษย์จากสามทาง พวกนักรบดาร์คเนสดีวิลคำรามกันกู่ก้องว่า “เราคือกำแพง” พวกทหารมนุษย์ถูกชน ถูกเหยียบ ถูกบดขยี้ ถูกฟันแทงด้วยอาวุธ ใบดาบคมๆ ที่ติดอยู่ด้านหน้าเกราะม้าแต่ละตัวคอยตัดเฉือนมนุษย์ทุกคนขณะที่พวกมันวิ่งผ่าน พวกมนุษย์ที่ถือหอกสั้นก็สู้กับหอกสามง่ามบนหลังม้าของพวกดีเซ็นทรีไม่ได้ ส่วนด้านหน้าและแกนกลางทัพมนุษย์ก็ถูกพวกเอเลนเซฟเวอรี่พ่นดาวตกหรือตวัดกรงเล็บตวัดปลายหางคมๆ ใส่อย่างหนักหน่วง กัปตันมาซูลคอยแทงหอกใส่พวกทหารมนุษย์ ขณะบังคับม้าปีศาจไล่เหยียบไล่ชนไล่พ่นไฟใส่ เซซิลก็บังคับรถม้าเหยียบบดขยี้ศัตรูทุกคนที่อยู่ข้างหน้า เอาโล่เชือดคอพวกที่อยู่ด้านข้าง อัศวินมนุษย์คนหนึ่งควบม้าสวนเข้ามาจะแทงทวนใส่ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเซซิลเก่งเรื่องการตอบโต้อาวุธยาวมาก เขาใช้โล่ปัดปลายทวนให้เอียงออกห่างตัว แล้วตวัดโล่กลับเข้ามาขณะที่สวนกับอัศวินคนนั้นพอดี ขอบโล่จึงตัดหัวอีกฝ่ายขาดไปพร้อมหมวกเกราะอัศวิน โซลิแทร์คอยฟันดาบด้วยมือขวาเมื่อพาหนะบินโฉบลงต่ำ และขว้าง ร่อน พุ่ง อาวุธระยะไกลด้วยมือซ้ายเมื่อพาหนะบินขึ้นสูง ด้านข้างอานพาหนะของเขามีช่องสำหรับวางเก็บอาวุธระยะไกลหลายชิ้น เขาพุ่งหอกอากาศไปเสียบอัศวินมนุษย์คนหนึ่งตกหลังม้า ร่อนกงจักรบินไปปาดคอทหารมนุษย์สองคน แล้วขว้างบูมเมอแรงไปเชือดคอทหารมนุษย์คนหนึ่ง เสียบหน้าผากอีกคนหนึ่ง ควบคุมสายฟ้าให้ผ่าลงไปใส่พวกทหารมนุษย์ที่รวมกันเป็นกลุ่ม ในจังหวะตะลุมบอนแบบนี้ไม่เหมาะที่จะใช้บ่อยนัก อาจพลาดถูกพวกเดียวกันได้
          “สู้เพื่อพระราชา” กัปตันเท็มเปิลตะโกนก้อง ขี่ม้าเอาทวนแทงทหารม้าปีศาจคนหนึ่งตาย มืออีกข้างยกโล่กำบังวงแหวนจากพวกดีวอเชอร์ อโลบัสแหงนคอหลบหอกสามง่ามที่ดีเซ็นทรีคนหนึ่งควบม้าเข้ามาแทงใส่ มือขวาตวัดดาบสวนกลับ ตัดคออีกฝ่ายขาดกระเด็น เขาบังคับม้าวิ่งสวนกับพวกทหารม้าปีศาจและรถม้าศึกปีศาจ ฟันดาบสังหารและหลบหลีกอาวุธของอีกฝ่ายได้ทุกครั้ง พวกทหารมนุษย์ที่ปีนบันไดอยู่นั้นต้องถอยลงมาช่วยข้างล่าง ไม่มีประโยชน์ที่จะบุกต่อแล้ว กองทัพของพวกเขาถูกโอบล้อมโจมตี โดยมีกำแพงขวางอยู่ข้างหน้า ดังนั้นพวกดาร์คเนสดีวิลจึงควบคุมสถานการณ์บนกำแพงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ พวกที่อยู่บนกำแพงเริ่มยิงใส่พวกมนุษย์ด้วยอาวุธระยะไกล ระมัดระวังไม่ให้ไปถูกพวกเดียวกัน พวกมนุษย์ล้มตายกันเป็นว่าเล่นเพราะทหารราบเสียเปรียบกองกำลังที่มีพาหนะในพื้นที่ราบโล่ง ยิ่งเป็นพื้นที่โล่งอันเต็มไปด้วยหิมะเช่นนี้ ย่อมเสียเปรียบหนัก พวกดาร์คเนสดีวิลสามารถเดินวิ่งอยู่บนผิวหิมะได้อย่างสะดวก ทั้งคนและพาหนะ รถม้าศึกปีศาจก็วิ่งได้รวดเร็วคล่องแคล่วมากเพราะล้อมันเป็นแบบเดียวกับล้อเลื่อนหิมะ ขณะที่พวกมนุษย์ต้องจมลงไปในหิมะครึ่งเท้า เชื่องช้ากว่ามาก
          เอเลนเซฟเวอรี่ตัวหนึ่งโฉบเข้าโจมตีอโลบัส โดยพ่นดาวตกสามลูกใส่ก่อน อโลบัสตีลังกาลงจากหลังม้าหลบได้ แล้วเบี่ยงตัวเหวี่ยงดาบสวนกลับในจังหวะที่มันโฉบมาพอดี ดาบเชือดคอข้างหนึ่งของมัน เจ้าสัตว์ร้ายร่วงไถลลงมาแน่นิ่งกับพื้น จริงอยู่ที่มันมีสามหัว แต่ถ้าหัวใดหัวหนึ่งได้รับอันตรายหนัก ก็ทำให้ตายได้ทั้งสามหัว ดีเซ็นทรีคนหนึ่งควบม้าเข้ามาแทงหอกใส่ อโลบัสย่อเข่าเอียงตัวหลบ แล้วแทงดาบทะลุกลางหน้าอกอีกฝ่าย ถอนดาบกลับมา แล้วกระโดดหมุนตัวกลางอากาศ ตัดคอดีวอเชอร์คนหนึ่งที่ขับรถม้าศึกสวนมา เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก หิมะบนพื้นไม่ทำให้เขาช้าลงเลย ตรงกันข้าม มันดูจะรองรับการเหยียบย่ำของเขาได้ดี อาจเป็นเพราะเขาสามารถเดินวิ่งบนผิวหิมะได้โดยที่ไม่จมลงไป เช่นเดียวกับพวกดาร์คเนสดีวิล
          ทหารมนุษย์ขี่ม้าคนหนึ่งเล็งปืนยาวใส่โซลิแทร์เมื่อเจ้าเอเลนเซฟเวอรี่สีดำบินโฉบลงต่ำ แต่โซลิแทร์ก็กระโดดลงจากหลังมัน ฟันดาบตัดคอพลปืนมนุษย์คนนั้นระหว่างลงถึงพื้น ผ้าคลุมของเขาสยายลงมาคลุมตัวอย่างสวยงาม พร้อมกับศีรษะของอีกฝ่ายที่ตกลงมาบนพื้นเป็นฉากหลัง ทหารมนุษย์คนหนึ่งเล็งปืนยาวใส่เขาอีก เขายกสนับแขนเตรียมกำบังกระสุน แต่ปืนกระบอกนั้นก็ยิงไม่ออกเพราะดินปืนเป็นน้ำแข็ง พลปืนก้มมองปืนอย่างตกใจ และตกใจมากขึ้นอีกเมื่อเงยหน้ามาพบโซลิแทร์ที่เข้ามาประชิดตัวแล้ว ไม่นึกว่าจะไวได้ขนาดนี้ ดาบสีดำเชือดคอพลปืนคนนั้นลงไปตายอยู่แทบเท้า ทหารอีกคนเข้ามาอีกก็ถูกดาบปาดคออีก ทหารคนที่สามอุตส่าห์หลบดาบโซลิแทร์ได้ แต่ก็ถูกรองเท้าเหล็กถีบหน้าคะมำไปใส่รถม้าศึกที่ล้มตะแคงอยู่ คอพาดกับล้อรถพอดี โซลิแทร์ยกเท้าขึ้นสูงแล้วตอกส้นลงที่ท้ายทอยทหารคนนั้น หมวกเกราะบุบ คอหัก ตายคาล้อรถม้า
          “สู้เพื่อพระราชา”
          ทหารมนุษย์คนหนึ่งตัดสินใจบุกฟันขวานใส่โซลิแทร์จากด้านหลัง โซลิแทร์ก้าวไปข้างๆ หลบได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องหันไปมอง แล้วยกขาขัดให้อีกฝ่ายล้มหน้าคะมำไปพาดคอกับล้อรถม้าศึกอีกคน ดาบยาวขยับไปจ่อที่ท้ายทอยเตรียมประหาร
          “ได้โปรด ข้ามีลูกชาย” ทหารคนนั้นรีบอ้อนวอน
          “ลูกชายอีกแล้ว เบื่อจริงๆ และข้าก็ไม่เชื่อด้วย หน้าตาหน้าเกลียดอย่างเจ้า ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเอาไปทำพันธุ์” โซลิแทร์ลากดาบเชือดคอทหารคนนั้นตายคาที่
          กัปตันเท็มเปิลควบม้าบุกเข้าแทงทวนใส่โซลิแทร์ คงไม่ทราบว่าโซลิแทร์ซึมซับหลายทักษะการตอบโต้อาวุธยาวมาจากเซซิลผู้เป็นอาจารย์ โซลิแทร์ทั้งหลบทวนและขึ้นไปอยู่บนความสูงระดับเดียวกับกัปตันเท็มเปิล ด้วยการกระโดดขึ้นไปทรงตัวบนล้อรถม้าที่มีสองศพทหารมนุษย์พาดอยู่ แล้วใช้สองมือจับดาบ ฟาดใส่อีกฝ่ายเต็มแรง กัปตันเท็มเปิลยกโล่กำบังได้ด้วยมืออีกข้าง แต่ก็หงายหลังตกจากม้าลงมากลิ้งบนพื้น โซลิแทร์บุกเข้าไปติดตามผลงาน กัปตันเท็มเปิลรีบลุกขึ้นในท่าคุกเข่า เอาทวนยาวๆ แทงสกัดไว้ โซลิแทร์หมุนตัวหลบ พร้อมกับใช้แขนข้างหนึ่งหนีบด้ามทวน และเอาสนับเข่ากระแทกหักด้ามทวนเสียดื้อๆ  วินาทีต่อมา ปลายทวนที่ถูกหักก็ขว้างใส่กัปตันเท็มเปิล ผู้ซึ่งชักดาบออกมาปัดป้องแทบไม่ทัน ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ ดาบสีดำของโซลิแทร์ก็ตรงเข้ามาฟันโจมตีสามตำแหน่งในสองวินาที กัปตันเท็มเปิลยกดาบปัดป้องตาเหลือก เขาฟันสวนกลับไปได้จังหวะหนึ่ง แต่กลับเป็นการเปิดช่องให้โซลิแทร์เกี่ยวดาบของเขาหลุดจากมือในจังหวะแรก แล้วกระแทกด้ามดาบเข้าเต็มหน้าในจังหวะที่สอง กัปตันเท็มเปิลล้มลงไปนอนมึนๆ  แผ่นเหล็กบังจมูกงอ หมวกเกราะหลุดจากหัว จมูกหักและมีเลือดไหล
          โซลิแทร์ก้าวเข้าไปยืนค้ำหัวพร้อมกับฟันดาบซ้ำ กัปตันเท็มเปิลยังอุตส่าห์คว้าทวนอัศวินที่ตกอยู่ข้างๆ ยกรับคมดาบรักษาชีวิตไว้ได้ โซลิแทร์จึงเอาเท้าเหยียบด้ามทวนให้มันลงไปกดทับคอกัปตันเท็มเปิล แล้วยกดาบฟันใส่เป็นครั้งที่สอง กัปตันเท็มเปิลก็ยังดิ้นรนคว้าโล่ข้างตัวมายกกำบังไว้ได้อย่างหวุดหวิด โซลิแทร์จึงใช้เท้าช้อนใต้ด้ามทวน งัดเสยมันขึ้นมา กัปตันเท็มเปิลเกร็งแขนรับเฉพาะแรงกระแทกจากเหนือโล่ ไม่ได้ป้องกันแรงกระแทกจากใต้โล่ ด้ามทวนที่ถูกงัดด้วยเท้าของโซลิแทร์จึงงัดโล่หลุดออกจากมือของกัปตันเท็มเปิลไป โซลิแทร์ฟันดาบซ้ำใส่เป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้ไม่มีอะไรกำบังแล้ว
          ดาบสีเงินขยับมาขวางดาบโซลิแทร์ไว้ ห่างหน้ากัปตันเท็มเปิลไปราวสองนิ้วเท่านั้น ดาบทั้งสองไขว้กันเป็นกากบาท โซลิแทร์หันไปมอง พบว่าอโลบัสคือผู้ถือดาบเล่มนั้น ดวงตาสีน้ำเงินเยือกเย็นเรืองแสง ได้ประสานสายตากับดวงตาสีเทาไร้ความรู้สึก ทั้งสองจ้องมองกันอยู่ในท่านั้น หลายวินาที
          แล้วดาบทั้งสองเล่มนั้นก็ฟาดฟันกันอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน โซลิแทร์แทงดาบไปข้างหน้า อโลบัสยกดาบปัดไปทางซ้าย แล้วตวัดสวนกลับมา โซลิแทร์ควงดาบกลับมาปัดป้องได้ แล้วควงฟันเสยขึ้นจากด้านล่าง อโลบัสหมุนตัวหลบพร้อมกับแกว่งดาบสะบัดผ้าคลุมใส่อีกฝ่าย โซลิแทร์หลบด้วยท่ากึ่งสะพานโค้ง มือขวาสะบัดดาบใส่อีกฝ่ายก่อนจะทันได้ยืนตัวตรง ซึ่งอโลบัสก็ทำท่ากึ่งสะพานโค้งหลบเช่นกัน โซลิแทร์ฟันดาบใส่เป็นแนวดิ่งในจังหวะที่สอง อโลบัสตีลังกาล้อเกวียนหลบไปข้างๆ แล้วเดินหน้ากวาดดาบใส่เป็นครึ่งวงกลมสองจังหวะ โซลิแทร์ตีลังกากลับหลังสองรอบหลบได้ แล้วจึงหมุนตัวสะบัดผ้าคลุมแกว่งดาบใส่อีกฝ่าย อโลบัสหลบได้ด้วยการตีลังกากลับหลัง
          ทั้งคู่หยุดดูเชิงกัน แม้จะมีกิริยาเยือกเย็นกันทั้งคู่ แต่ก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่คล้ายคลึงกันมาก ทั้งความเร็ว ทักษะ กลยุทธ์แปลกๆ รวมถึงอาวุธที่ใช้ โซลิแทร์คิดว่าตนมีรูปแบบการต่อสู้ที่คล้ายกับกอร์รินบ้าง แต่กับเจ้าชายมนุษย์คนนี้ถือว่าคล้ายยิ่งกว่า อาจเป็นเพราะใช้อาวุธชนิดเดียวกัน หรือเป็นเพราะสวมผ้าคลุมยาวขณะต่อสู้เหมือนกัน(ผ้าคลุมของอโลบัสคลุมเฉพาะส่วนหลัง ไม่สามารถดึงมาคลุมทั้งตัวได้เหมือนของโซลิแทร์) หรือเป็นเพราะสามารถเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วบนพื้นหิมะได้เหมือนกัน แต่มนุษย์ไม่ควรจะเหยียบบนผิวหิมะได้โดยไม่จมแบบนี้ เจ้าชายมนุษย์คนนี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์แดนหนาวไม่ใช่หรือ
          ทั้งคู่เข้าปะทะกันอีกครั้ง ทั้งความเร็วและความแข็งแรงนั้นดูจะสมน้ำสมเนื้อกัน อโลบัสแทงดาบไปข้างหน้าและกวาดฟันในจังหวะที่สอง โซลิแทร์เบี่ยงตัวหลบการแทงและยกดาบสกัดการฟัน จากนั้นก็ตวัดเกี่ยวดาบอโลบัสให้เบี่ยงออกนอกทิศทาง แล้วแทงสวนกลับไป อโลบัสย่อเข่าหลบแล้วฟันดาบตอบโต้ในระดับต่ำ โซลิแทร์กระโดดยกขาหลบดาบ ขณะที่ลงมาถึงพื้นก็ฟาดดาบลงมาเป็นแนวดิ่งด้วย อโลบัสม้วนตัวหลบไปทางซ้าย ลุกขึ้นพร้อมกับเสยดาบใส่ฝ่ายตรงข้าม โซลิแทร์ใช้ดาบปัดป้องออกไป แล้วแกว่งดาบกลับไปทางคอหอยของอีกฝ่าย อโลบัสย่อเข่าเอียงคอหลบ แทงดาบเล็งกลางหน้าอกของอีกฝ่าย โซลิแทร์เอนตัวหลบในท่าสะพานโค้ง แล้วดึงตัวกลับมาฟันแสกหน้าใส่อโลบัสสามจังหวะ อโลบัสปัดป้องได้หมด แล้วฟันแสกหน้าสวนกลับสามจังหวะ ซึ่งโซลิแทร์ก็ปัดป้องได้หมดเช่นกัน รถม้าศึกปีศาจที่ไร้คนขับวิ่งผ่ากลางการต่อสู้ของทั้งคู่ ทั้งโซลิแทร์และอโลบัสตีลังกากลับหลังหลายตลบเพื่อหลบมัน พวกเขาแยกกันไปไกล แล้วต่างคนต่างก็หายเข้าไปในกลุ่มการต่อสู้รอบตัว ไม่ได้เข้ามาปะทะกันอีก
          พวกมนุษย์ถูกกำจัดไปมากมาย คงจะสู้ต่อไปได้ยาก ในตอนนี้พวกดาร์คเนสดีวิลได้เปรียบเกือบทุกเรื่อง อัตราส่วนก็มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทหารราบแพ้ทางหน่วยรบที่มีพาหนะ นั่นคือเกร็ดความรู้สงครามพื้นฐาน อโลบัสพยุงกัปตันเท็มเปิลไปที่ม้า เลือดแห้งๆ เกาะเต็มหน้ากัปตันเท็มเปิล
          “อยู่นิ่งๆ” อโลบัสจับจมูกกัปตันเท็มเปิล “ข้าพอมีความรู้เรื่องกระดูก”
          “ท่านทำอะไร อ้ากกก!!!”
          อโลบัสขยับจมูกกัปตันเท็มเปิลให้กลับมาเข้ารูป มันไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว แต่ก็ดีกว่าปล่อยไว้ให้หักๆ งุ้มๆ พอแก้ขัดก่อนกลับไปรักษาที่โมราโซมอสได้
          “เราเสียคนไปมากมาย ต้องถอยทัพ” อโลบัสบอก “เราแพ้ศึกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป เมืองนี้หุ้มด้วยเกราะเหล็กแช่แข็งชัดๆ”
          “เอาแตรไป” กัปตันเท็มเปิลส่งแตรสีทองที่คล้องอยู่กับเข็มขัดให้ เสียงเหมือนคนบีบจมูกเพราะจมูกหักอยู่ “สภาพข้าตอนนี้ไม่เหมาะแก่การเป่า”
          อโลบัสเป่าแตรส่งสัญญาณถอยทัพ พวกมนุษย์ที่เหลือตีฝ่าออกไปอย่างทุลักทุเล มีทั้งควบม้าถอยหนีและวิ่งหนี พวกดาร์คเนสดีวิลไม่เคลื่อนทัพไล่กวด แต่ยิงไล่หลังด้วยอาวุธระยะไกล ฆ่ามนุษย์ปิดท้ายได้อีกหลายคน ทัพหลวงโมราโซมอสที่ยกมาจำนวนมากมายนั้น เหลือกลับไปแค่ส่วนเล็กๆ พวกเขาจนปัญญาที่จะบุกทะลวงปราการปีศาจนี้ได้ ความแข็งแกร่งของฟรอสท์ไอรอนแคลดคงจะเริ่มถูกกล่าวขานจากวันนี้ไปอีกนานแสนนาน กำแพงที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวดวงนี้ทั้งสามชั้น และความแข็งแกร่งเหนียวแน่นของเหล่านักรบปีศาจที่คอยปกปักษ์รักษามัน คงไม่มีใครคิดว่าดาร์คเนสดีวิลเป็นเผ่าพันธุ์อ่อนแออีกต่อไปแล้ว
          โซลิแทร์ยิงพลุสีดำขึ้นฟ้า มันแตกกระจายเป็นตราสัญลักษณ์กากบาทสีดำ แอ็กนอสทิกส์ครอส ตราสัญลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์ดาร์คเนสดีวิล มันไม่ได้ถูกยิงขึ้นฟ้ามาตั้งแต่โฟรเซ็นทิเนลตกเป็นอาณานิคมของโมราโซมอส ซึ่งก็นับเป็นเวลาร่วมพันปีมาแล้ว ในวันนี้ ณ เวลานี้ มันแผ่กระจายความมืดมิดบนท้องฟ้าอีกครั้ง ราวกับบ่งบอกว่าสิ้นสุดการเป็นอาณานิคมอย่างเป็นทางการแล้ว แม้จะแทบไร้หวังไร้หนทางเพียงใด แต่สิ่งที่ต้อยต่ำที่สุดก็สามารถผงาดขึ้นสูงได้ หากไม่ลดละความเชื่อมั่นในพลังของตน บางครั้งโชคชะตาก็กลั่นแกล้งให้เราตกอับ แต่เราทุกคนมีสิทธิ์เลือกได้ ว่าจะยอมทนอยู่ใต้ความโหดเหี้ยมของโชคชะตา หรือลุกขึ้นต่อสู้กับโชคชะตา อย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม พวกดาร์คเนสดีวิลได้เลือกหนทางที่สอง และชัยชนะก็สร้างพลังอันมหาศาลให้แก่พวกเขา
          พวกมนุษย์ถอยทัพแตกหนีไปจนไกลสายตา พวกดาร์คเนสดีวิลยืนผงาดมองตามอย่างผู้ชนะ แสงฟ้าแลบและเสียงฟ้าคำรามอยู่เหนือหัว ศพมนุษย์นอนเกลื่อนอยู่แทบเท้า
          “เราชนะ” กัปตันมาซูลควบม้าเข้ามาสมทบกับโซลิแทร์อย่างชื่นบาน ลงจากหลังม้า เลื่อนกระบังหมวกขึ้น แล้วหยิบขวดเหล็กออกมาจากส้นรองเท้า เปิดฝาดื่ม “เอาสักหน่อยไหมท่านลอร์ด”
          “ท่านก็รู้ว่าข้าเกลียดการดื่มเหล้าหรือแอลกอฮอล์ทุกชนิด รสชาติมันไม่ได้เรื่อง ดื่มแล้วรู้สึกแย่” โซลิแทร์ปฏิเสธ “ท่านก็ไม่ควรดื่มขณะทำงานนะ”
          “ฉลองนิดๆ หน่อยๆ น่า เราชนะศึกไม่บ่อยนักหรอกรู้ไหม โดยเฉพาะศึกใหญ่ๆ แบบนี้” กัปตันมาซูลดื่มอีกอึก “ข้าจะยื่นขวดเหล้าให้ท่านทุกครั้งที่เราชนะและรอดตาย”
          “ข้าก็จะปฏิเสธมันทุกครั้ง” โซลิแทร์บอก “แต่ข้าจะไม่ปฏิเสธความยินดีของท่านแน่สหาย ท่านสู้ได้ดีมาก กล้าหาญ เก่งกาจ และแกร่ง”
          “ท่านก็เหมือนกัน” กัปตันมาซูลชูขวดเหล็ก “แต่ดูไม่ค่อยเปื้อนเลือดมากเท่าไหร่เลยนะ”
          ชุดเกราะของกัปตันมาซูลเลอะเลือดมนุษย์แห้งกรังทั้งตัว ส่วนโซลิแทร์นั้นเลอะเทอะแค่บางส่วน เพราะผ้าคลุมของเขาสามารถป้องกันเลือดหรือฝุ่นละอองมาจับเกาะได้ เซซิลขับรถม้ามาสมทบกับทั้งคู่ เนื้อตัวเปื้อนเลือด รถม้าศึกก็เปื้อนเลือด เขาลงจากรถม้า แกะผ้าเหล็กเปื้อนเลือดที่คาดปากออก จะเอ่ยปากพูดทักทาย แต่กัปตันมาซูลยื่นขวดเหล็กให้ก่อน
          “แด่การรบอันเยี่ยมยอดของท่าน แด่ชัยชนะที่ได้มาโดยความใจสู้ของพวกเรา กล้าหาญ เก่งกาจ และแกร่ง” กัปตันมาซูลยิ้ม เขี้ยวยังงอกอยู่ในปาก “เราคือกำแพง”
          “เราคือกำแพง” เซซิลยิ้มตอบ แล้วรับขวดเหล้าไปดื่ม
          “พวกท่านได้สังเกตเจ้าชายมนุษย์หรือเปล่า” โซลิแทร์เอ่ยถาม
          “สู้เก่งเป็นบ้า เยือกเย็นอย่างน่าทึ่ง” กัปตันเท็มเปิลตอบ “ไวพอๆ กับท่านเลยท่านลอร์ด ใช้อาวุธชนิดเดียวกับท่านเสียด้วย”
          “มีกลยุทธ์การต่อสู้ที่แปลกใหม่ ส่วนใหญ่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน คงคิดกลยุทธ์ขึ้นมาเอง” เซซิลว่า “บอกตรงๆ ว่าข้าไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนต่อสู้ได้แบบนี้มาก่อนเลย”
          “เขายืนบนผิวหิมะได้เช่นเดียวกับพวกเรา น้ำแข็งและความเย็นไม่เป็นอันตรายต่อเขา” โซลิแทร์บอก “แล้วตอนที่ข้ามองตาเขา มันดูว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก ไร้อารมณ์พิกล ราวกับมันไม่ใช่ตา”
          “เขาไม่แสดงความรู้สึกแสดงอารมณ์แม้แต่น้อย” เซซิลว่า “เขาอาจเป็นเจ้าชายมนุษย์ เป็นบุตรชายของกษัตริย์มนุษย์ แต่จากที่เห็น ข้าไม่อาจเรียกเขาว่ามนุษย์ได้เต็มปากนัก”
          “แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร ตอนนี้เขาและกองทัพของเขาก็แพ้กลับไปแล้ว และถ้าเราได้สู้กับเขาอีก เราก็จะสู้เต็มที่ ไม่ว่าเขาจะเป็นมนุษย์หรือไม่ใช่” โซลิแทร์สรุป “ตอนนี้ เรามาเก็บกวาดสถานที่และดูแลคนเจ็บกัน จะได้พักเหนื่อย และล้างเลือดมนุษย์ออกจากตัว พวกท่านสองคนอยู่ดูแลส่วนนอกกำแพง ข้าจะขึ้นไปดูแลบนกำแพง”
          เซซิลและกัปตันมาซูลทำแขนกากบาท โซลิแทร์ทำตอบกลับ และเดินย่ำหิมะที่แดงฉานไปด้วยเลือดมนุษย์มุ่งหน้ากลับกำแพง เขาเดินผ่านอัศวินมนุษย์คนหนึ่งที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ยังมีชีวิตอยู่ แต่บาดเจ็บเกินกว่าจะลุกไหว ดาบสีดำของโซลิแทร์ถูกชักออกมา
          “ได้โปรด ข้ามี--”
          “เออ ลูกชาย” โซลิแทร์เสียบดาบลงท้ายทอยอัศวินคนนั้น
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา