นางพญาไร้ใจ

7.9

เขียนโดย nightshadow

วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.27 น.

  37 ตอน
  1 วิจารณ์
  40.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 19.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ความน้อยใจที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตั้งแต่การทดสอบไปจนถึงการได้พูดคุย เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะทำร่วมกัน  เด็กทั้งสามก็แอบมาพบปะพูดคุยกันเสมอ  แต่ถึงจะบอกว่าสามคนแต่เนื่องจากเด็กสองคนในสามคนนั้นคือเด็กอัจฉริยะ  เรื่องที่เด็กทั้งสองคนพูดคุยกันนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองและปัญหาบ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรจะเป็นการพูดคุยของผู้ใหญ่  และเด็กหญิงข้ารับใช้เพียงหนึ่งเดียวอย่างไป๋เฟิงที่เป็นเด็กธรรมดา  จึงไม่อาจเข้าใจและมีส่วนร่วมในการพูดคุยกันสักเท่าไรนัก  ดังนั้นเวลาที่ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันคนที่มักพูดคุยกันอย่างจริงจังจนเหมือนมีโลกส่วนตัวกันอยู่แค่สองคน  ทำให้ข้ารับใช้เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกว่านางไร้ตัวตน  เพราะถึงแม้ในเวลานี้นางจะมีสถานะที่เปลี่ยนไป อันเนื่องมาจากการอนุเคราะห์ขององค์หญิงที่ฝากหนังสือแนะนำตัว  ฝากไปทางแม่ทัพจินหยางส่งให้กับเสนาธิการเหอจื่อหลง  หลังจากได้รับหนังสือแนะนำตัวจากองค์หญิงทางสกุลเหอก็เรียกตัวไป๋เฟิงไปพบเพื่อทำความรู้จัก  และเมื่อได้พบก็ให้นึกเอ็นดูและเห็นจริงตามที่องค์หญิงแนะนำตัวไป๋เฟิงมา  ว่านางเป็นเด็กหญิงที่ผิวพรรณขาวละเอียด กิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างผู้ดีมีสกุล  จนทำให้ทางเสนาธิการเหอจื่อหลง  ส่งหนังสือตอบรับและขอบพระทัยในพระเมตตาขององค์หญิงที่แนะนำเด็กหญิงนางนี้ให้เป็นธิดาบุญธรรมของตน  และในตอนนี้ไป๋เฟิงจึงมีสถานะเป็นคุณหนูสกุลเหอ ไม่ใช่ชนชั้นต่ำที่กำพร้าอีก  แต่ในตอนนี้การมีสถานะที่เปลี่ยนไปกลับไม่ได้ทำให้ ความสนิทสนมและความสนใจของ  จินหย่งที่มีต่อนางเปลี่ยนแปลงไป  และที่ร้ายไปกว่านั้นถึงจะอยู่กันสามคนแต่เหมือนพูดจาภาษาเดียวกันอยู่กันแค่สองคน    โดยที่อดีตเด็กน้อยข้ารับใช้ไม่เข้าใจเรื่องยากๆที่องค์หญิงและจินหย่งพูดกัน  แม้จะอยู่กันสามคนก็ทำให้นางรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาใจอยู่ดี  นางเก็บความริษยาและน้อยใจในแบบเด็กๆเอาไว้อย่างเงียบงัน  โดยที่มี่เหยียนกับจินหย่งนั้นรับรู้ดีว่าไป๋เฟิงคิดอย่างไร แต่เนื่องจากในตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญก็คืออุดมการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองซึ่งมันสำคัญกว่า  และที่ไม่ได้ให้ไป๋เฟิงมีส่วนร่วมพูดคุยด้วยก็เพราะรู้ดีว่านางไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ  จึงต้องหารือกันสองคนและปล่อยให้ไป๋เฟิงน้อยใจต่อไปอย่างช่วยไม่ได้   นั่นเป็นความรู้สึกของมี่เหยียน  แต่สำหรับความรู้สึกของจินหย่งนั้น  เขาไม่สนใจและให้ค่าอะไรกับไป๋เฟิงและยิ่งเมื่อมีองค์หญิงที่เขารักใคร่และศัรทธาอยู่ด้วย หัวใจและความนึกคิดของเขาก็มีแต่เพียงองค์หญิงของเขาเท่านั้น  ไม่จำเป็นต้องสนใจกับความน้อยใจของเด็กโง่งมสมองกลวงคนหนึ่ง

"จินหย่งสถานการณ์ทางการทหารในชายแดนเป็นอย่างไรบ้าง"    "ทูลองค์หญิงด้วยพระปรีชาอันปราดเปรื่องขององค์หญิง ในตอนนี้สถานการณ์ถูกแก้ไขไปในทางที่ดีแล้วพะยะค่ะ ท่านพ่อของกระหม่อมยินดีเป็นอย่างมากและชื่นชมในพระปรีชาขององค์หญิงไม่ขาดปากเลยพะยะค่ะ"   มี่เหยียนกำลังพูดถึงเรื่องที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนเสบียงของเหล่าทหารในชายแดน และในตอนนั้นก็มีปัญหาเกี่ยวกับการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าที่ซบเซาลง เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีจึงทำให้การจับจ่ายใช้สอยของราษฎรลดลง  มี่เหยียนได้เสนอให้แก้ปัญหาโดยการให้ทางหน่วยทหาร ติดต่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขาดแคลนกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้หรือมีรายได้น้อย  โดยให้มีประกาศว่าหากพ่อค้าแม่ค้าคนใดให้ความร่วมมือ ส่งสินค้าที่เป็นเสบียงให้กับทหารถือว่าได้ช่วยบ้านเมือง จะได้ลดหย่อนภาษี  ซึ่งปัญหานี้ก็คือตอนที่จินหย่งได้พบกับองค์หญิงหลี่เหวินเป็นครั้งแรกและกลายเป็นรักแรกพบนั้นเอง มี่เหยียนมีรอยยิ้มเย็นทีริมฝีปาก พร้อมเอ่ยอย่างเย็นชาว่า  "หึ ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะว่าการที่ข้าแสดงความคิดเห็นในแบบนั้นออกมา มันเป็นเหมือนดาบสองคมเพราะสำหรับขุนนางตงฉินก็จะชื่นชมและพากันทึ่งในตัวข้า  แต่สำหรับขุนนางกังฉินที่ไร้ความสามารถและประจบสอพลอ คงไม่ชอบใจและรังเกียจข้ากันมากเพราะมันทำให้พวกเขาเสียหน้า  แต่ที่ข้าแสดงความเห็นออกไปก็เพราะเห็นว่าถ้าหากไม่บอกออกไปก็ไม่มีใครมีความคิดเห็นที่ดีเลยสักคน มัวแต่ทุ่มเถียงกันเป็นน้ำเป็นแควกันอยู่ตั้งนาน  เป็นวันก็ประชุมกันไม่จบปัญหาก็ไม่ถูกแก้ไม่รู้ว่าพวกนั้นสอบเข้ามาเป็นขุนนางกันได้อย่างไร   และที่น่าสะท้อนใจหนักก็คือเสด็จพ่อของข้าเอง ที่ได้แต่นั่งฟังขุนนางเถียงกันอย่างอารมณ์เสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้  และยังโกรธข้าเสียอีก ความจริงพระองค์น่าจะขอบใจข้านะที่ช่วยให้พระองค์ไม่ต้องทนนั่งฟังการทุ่มเถียงอันน่าเบื่อที่ไม่มีวี่แววว่าจะจบลงนั้นน่ะ"   "แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ  ข้าอยากจะดูปฏิกิริยาของเหล่าขุนนางในที่นั้นด้วยมากกว่า  เพราะสำหรับคนที่ชื่นชมและยินดีกับความเห็นของข้าย่อมหมายถึงว่าพวกเขาเป็นขุนนางตงฉิน ที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งหวังอยากแก้ปัญหาให้บ้านเมืองพ้นวิกฤติจริงๆ  ส่วนพวกที่ไม่พอใจในตัวข้าและคิดอย่างใจแคบว่าข้ากำลังหักหน้าให้พวกเขาอับอาย       ทั้งที่ตัวเองก็แก้ปัญหาหรือเสนอแนะอะไรไม่ได้  นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาเป็นขุนนางกังฉินที่กินเบี้ยหวัดไปวันๆ ไร้ความสามารถและไม่ได้มีความซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง  การเสนอแนะในครั้งนั้นของข้าถือเป็นการ ยิงธนูดอกเดียวได้นกถึงสองตัว เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาขาดเสบียงของทหารในชายแดนได้แล้ว  ยังแยกแยะขุนนางดีและขุนนางโฉดได้อีกด้วย  ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงไปหน่อยก็ตาม"

จินหย่งยิ้มอย่างชื่นชมหลงใหลในความคิด ที่แสนปราดเปรื่องและล้ำลึกขององค์หญิงน้อยของเขากล่าวชื่นชมออกมาด้วยรอยยิ้มภูมิใจ  "นับเป็นบุญของกระหม่อมแล้วพะยะค่ะที่มีโอกาส ได้พบและถวายการรับใช้องค์หญิงที่ทรงพระปรีชายิ่ง"      มี่เหยียนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับถ้อยคำยกย่องของเด็กชาย เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบด้วยสีหน้าเฉยชาต่อไปว่า  "ในตอนนี้ข้าอยากแอบไปที่ห้องทรงงานของเสด็จพ่อ  เพราะดูจากความไม่สนใจในราชกิจของพระองค์แล้วข้าเชื่อว่าฎีฏาเหล่านั้นไม่ได้ถูกอ่านเลยด้วยซ้ำ  ข้าอยากจะรู้ว่าในตอนนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง  จินหย่งเดี๋ยวเจ้าไปกับข้านะ แต่พวกเราคงต้องระวังหน่อยเพราะเรื่องนี้เป็นราชกิจของฮ่องเต้ และเสด็จพ่อก็ไม่ชอบใจที่ข้ายุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้  หากให้เสด็จพ่อรู้เข้าคงโดนลงโทษ  ไป๋เฟิงเจ้าอยู่นี่แหละไม่ต้องไปหรอก มากคนก็มากเรื่อง          เจ้าเองก็ไม่ค่อยรู้ความตามไปด้วยก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร เจ้ารออยู่นี่ก็แล้วกันข้าจะไปกับจินหย่งแค่สองคน"

กล่าวจบมี่เหยียนและจินหย่งก็พากันไปที่ห้องทรงงาน   เพื่อแอบไปเอาฎีฏาออกมา  แต่ในขณะนี้ไป๋เฟิงที่ไม่ได้รู้ถึงความสำคัญของการแอบทำในครั้งนี้และกำลังน้อยใจที่ทั้งสองคนไม่สนใจนาง  และยังไปกันแค่สองคนโดยไม่ให้นางไปด้วย  ทำให้นางเกิดความคิดอย่างเด็กๆว่า  เรื่องที่ต้องแอบผู้ใหญ่ทำต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดี  ถ้าพวกผู้ใหญ่รับรู้จะต้องโดนดุแน่ แล้วทีนี้จินหย่งก็จะต้องถูกสั่งห้ามไม่ให้ใกล้ชิดกับองค์หญิงอีก  และในเมื่อพระบิดาขององค์หญิงคือฮ่องเต้  นางก็ต้องไปฟ้องฮ่องเต้   ซึ่งเด็กน้อยไม่รู้ว่าเรื่องที่ทั้งสองคนแอบทำนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก  ที่หากฮ่องเต้รู้เรื่องจะไม่ใช่แค่โดนดุ  เพราะฮ่องเต้ไม่โปรดให้พระธิดาของตนยุ่งเรื่องบ้านเมือง  และการที่พระธิดาของพระองค์เป็นเด็กการแอบเอาฎีฏาของฮ่องเต้ออกมานั้นมีโทษหนัก  ที่ไม่จบแค่โดยดุแต่ไป๋เฟิงที่ไม่รู้ถึงความสำคัญในเรื่องนี้หารู้ไม่ว่า  นางกำลังจะทำให้องค์หญิงและเด็กชายที่ตัวเองมีใจต้องเดือดร้อน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา