นางพญาไร้ใจ
7.9
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.27 น.
37 ตอน
1 วิจารณ์
40.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 19.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) เหยื่อที่(แสร้ง)ไร้เดียงสา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจินหย่งเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ที่องค์หญิงหลี่เหวินมักจะใช้เป็นที่อ่านตำราในแขนงต่างๆ เขาพบว่าองค์หญิงอ่านตำราหลากหลายศาสตร์ ทั้งวิชาทางการทหาร การเมืองการปกครอง เศรษฐศาสตร์ ตัวเขาเองนั้นได้รับการชื่นชมจากผู้ใหญ่ในเรื่องความเป็นอัจฉริยะ ที่อ่านหนังสือยากๆและมีความจำดีได้ตั้งแต่ยังเยาว์ แต่เมื่อเทียบกับอายุเขาเป็นเด็กเก้าขวบ ส่วนองค์หญิงชันษาแค่หกขวบที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ ไป๋เฟิงที่อายุเท่ากัน แต่สติปัญญาและความคิดกลับแตกต่างกันมาก เมื่อเดินเข้ามาเด็กน้อยพบว่าองค์หญิงของเขานั้น สายพระเนตรจับจ้องและมีสมาธิอยู่กับตำราในมือ จินหย่งเพ่งมององค์หญิงน้อยตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ นับตั้งแต่ถูกล่อลวงด้วยจุมพิตที่พาให้ร่างกายร้อนรุ่ม เขาก็มักมีอาการประหม่าและตื่นเต้นเวลาที่ได้พบพักตรและอยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิง และมันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรนักเพราะเขาอาการผิดปกติเพราะนางที่ล่อลวง และทำให้หัวใจของเขาไม่ปกติดังเดิม แต่ตัวนางกลับสามารถพูดคุยและใกล้ชิดกับเขาด้วยท่าที เย็นชาและสงบนิ่งราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเขารู้สึกนับถือในจิตใจที่แสนมั่นคงและเรียบนิ่ง ดังสายน้ำที่ไร้เกลียวคลื่นของนางนัก นางสามารถควบคุมอารมณ์ของนางได้อย่างเยือกเย็นจนควบคุมทุกอย่างโดยเฉพาะตัวเขาได้ดั่งใจ จนเขาอยากจะศึกษาวิธีล่อลวงจากองค์หญิงของเขาเอาไปปรับใช้บ้าง เพราะหากเทียบกันแล้วเขายังอ่อนชั้นกว่ามากคงต้องเรียนรู้จากองค์หญิงให้มากหน่อยเพื่อการพัฒนาอันเป็นประโยชน์
มี่เหยียนที่ได้ยินเสียงเดินเข้ามาในห้อง ละสายตาจากตำราที่กำลังอ่านอยู่ครู่หนึ่ง และก้มลงสนใจตำราดังเดิมโดยที่เปรยขึ้นว่า "ข้ามีความคิดที่อยากจะย้ายตัวเองออกไปอยู่นอกวัง เพราะอยู่ในวังจะทำอะไรก็ไม่สะดวกเพราะมีสายตาหลายคู่คอยจับตามองอยู่ ข้าอยากสืบดูความเดือดร้อนและปัญหาของราษฎรและคอยช่วยเหลือไปตามความจำเป็นเท่าที่จะทำได้ เพราะในตอนนี้เสด็จพ่อของข้านั้น ทั้งที่พระองค์ทรงรับปากข้าว่าจะอ่านฎีฏาและหาทางแก้ไขแล้วแท้ๆ แต่เหมือนกับรับปากไปอย่างเสียไม่ได้ โดยไม่ได้สนใจติดตามแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง พวกขุนนางที่สนใจอยู่บ้างก็คือพวกตงฉินแต่ก็มีส่วนน้อยและไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง ส่วนพวกที่มีหน้าที่ก็ดันเป็นขุนนางกังฉินเสียอีก ออกไปอยู่นอกวังน่าจะเคลื่อนไหวอะไรให้เป็นประโยชน์ เจ้าช่วยข้าออกความคิดหน่อยสิว่าข้า จะหาทางย้ายออกไปอยู่นอกวังอย่างไรดี"
..... เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กชาย มี่เหยียนจึงละสายตาจากตำราเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จึงสังเกตุว่าจินหย่งในตอนนี้มีใบหน้าแดงก่ำ คล้ายกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ครู่หนึ่งจึงถอนหายใจเพราะดูจากอาการของเด็กน้อยแล้วนางค่อนข้างแน่ใจว่า เขากำลังประหม่าและตื่นเต้นซึ่งคงจะเป็นสาเหตุหลังจากได้รับการจุมพิตล่อลวงเพื่อควบคุมของนางในคราวก่อน จนส่งผลต่อใจของเขาโดยตรง เมื่อนางเป็นคนผูกก็คงต้องเป็นคนแก้ เมื่ออาการผิดปกติเกิดจากสาเหตุใด วิธีแก้ไขให้เป็นปกติก็คงต้องใช้วิธีเดียวกันก็แล้วกัน เฮ่อ ยุ่งยากเสียจริง มี่เหยียนเดินไปดึงมือเด็กชายตัวน้อยให้มานั่งบนตักของนางที่อยู่บนเก้าอี้โต๊ะหนังสือ พบว่าร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างชัดเจน มี่เหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ "ข้าจะเป็นคนดึงสมาธิเจ้ากลับมาเอง ขืนเป็นอย่างนี้คงไม่มีสมองจะช่วยข้าคิดสิ่งใดได้แน่" ว่าแล้วก็กดริมฝีปากใช้ลิ้นเล็กดันเปิดปากเด็กชายก่อนจะสอดเข้าไปมอบจุมพิตอันแสนซาบซ่าน เว้าวอนเร่าร้อนจนเด็กน้อยสะท้านไหว ขนในกายลุกชันเป็นเวลานานพอสมควร ก่อนจะเลื่อนลิ้นร้อนเล็กเลียไปที่บริเวณใบหูเล็กและขบกัดเบาๆ จนเด็กน้อยสะดุ้ง กระซิบที่ข้างหูของเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าจะตื่นได้รึยัง หรือต้องให้ข้าลงมือเรียกสติให้กับเจ้ายิ่งกว่านี้" จินหย่งที่กำลังมัวเมาเคลิบเคล้มหอบสะท้าน หัวใจเต้นตึกตักรัวเป็นกลอง จนเมื่อปรับอารมณ์ที่แสนวาบหวามให้คลายลงได้ จึงค่อยมีสติขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเพล่อย่างหน้าบาน ความจริงแล้วเขาได้ยินสุรเสียงเอ่ยถามความคิดขององค์หญิงอย่างชัดเจน และก็ไม่ได้ไร้สติจนไม่รับรู้อะไรหรอก หากแต่เขาแค่แสร้งทำเป็นกวางน้อยไร้เดียงสา ที่พร้อมจะถูกนางเสือผู้ทรงอำนาจล่าเป็นอาหารต่างหาก ทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อกวางน้อยอย่างเขาติดใจจนอยากจะถูกกลืนกิน แต่นักล่าที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะหิว จึงต้องทำอะไรเพื่อกระตุ้นเพื่อล่อให้นักล่าสนใจอยากจะกินเขา และก็พบว่าการแสร้งทำเป็นเหยื่อผู้ไร้เดียงสานั้นเป็นผลดีกับเขา เขามีความจงรักภักดีต่อองค์หญิงอย่างสุดหัวใจแต่หากเขาอยากจะได้รางวัลตอบแทน ให้ชุ่มชื่นหัวใจเพื่อความสุขของเขาบ้างเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจบ้างก็คงไม่เลวร้ายมากไปนักหรอกนะ
มี่เหยียนที่ได้ยินเสียงเดินเข้ามาในห้อง ละสายตาจากตำราที่กำลังอ่านอยู่ครู่หนึ่ง และก้มลงสนใจตำราดังเดิมโดยที่เปรยขึ้นว่า "ข้ามีความคิดที่อยากจะย้ายตัวเองออกไปอยู่นอกวัง เพราะอยู่ในวังจะทำอะไรก็ไม่สะดวกเพราะมีสายตาหลายคู่คอยจับตามองอยู่ ข้าอยากสืบดูความเดือดร้อนและปัญหาของราษฎรและคอยช่วยเหลือไปตามความจำเป็นเท่าที่จะทำได้ เพราะในตอนนี้เสด็จพ่อของข้านั้น ทั้งที่พระองค์ทรงรับปากข้าว่าจะอ่านฎีฏาและหาทางแก้ไขแล้วแท้ๆ แต่เหมือนกับรับปากไปอย่างเสียไม่ได้ โดยไม่ได้สนใจติดตามแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง พวกขุนนางที่สนใจอยู่บ้างก็คือพวกตงฉินแต่ก็มีส่วนน้อยและไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง ส่วนพวกที่มีหน้าที่ก็ดันเป็นขุนนางกังฉินเสียอีก ออกไปอยู่นอกวังน่าจะเคลื่อนไหวอะไรให้เป็นประโยชน์ เจ้าช่วยข้าออกความคิดหน่อยสิว่าข้า จะหาทางย้ายออกไปอยู่นอกวังอย่างไรดี"
..... เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กชาย มี่เหยียนจึงละสายตาจากตำราเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จึงสังเกตุว่าจินหย่งในตอนนี้มีใบหน้าแดงก่ำ คล้ายกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ครู่หนึ่งจึงถอนหายใจเพราะดูจากอาการของเด็กน้อยแล้วนางค่อนข้างแน่ใจว่า เขากำลังประหม่าและตื่นเต้นซึ่งคงจะเป็นสาเหตุหลังจากได้รับการจุมพิตล่อลวงเพื่อควบคุมของนางในคราวก่อน จนส่งผลต่อใจของเขาโดยตรง เมื่อนางเป็นคนผูกก็คงต้องเป็นคนแก้ เมื่ออาการผิดปกติเกิดจากสาเหตุใด วิธีแก้ไขให้เป็นปกติก็คงต้องใช้วิธีเดียวกันก็แล้วกัน เฮ่อ ยุ่งยากเสียจริง มี่เหยียนเดินไปดึงมือเด็กชายตัวน้อยให้มานั่งบนตักของนางที่อยู่บนเก้าอี้โต๊ะหนังสือ พบว่าร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างชัดเจน มี่เหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ "ข้าจะเป็นคนดึงสมาธิเจ้ากลับมาเอง ขืนเป็นอย่างนี้คงไม่มีสมองจะช่วยข้าคิดสิ่งใดได้แน่" ว่าแล้วก็กดริมฝีปากใช้ลิ้นเล็กดันเปิดปากเด็กชายก่อนจะสอดเข้าไปมอบจุมพิตอันแสนซาบซ่าน เว้าวอนเร่าร้อนจนเด็กน้อยสะท้านไหว ขนในกายลุกชันเป็นเวลานานพอสมควร ก่อนจะเลื่อนลิ้นร้อนเล็กเลียไปที่บริเวณใบหูเล็กและขบกัดเบาๆ จนเด็กน้อยสะดุ้ง กระซิบที่ข้างหูของเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าจะตื่นได้รึยัง หรือต้องให้ข้าลงมือเรียกสติให้กับเจ้ายิ่งกว่านี้" จินหย่งที่กำลังมัวเมาเคลิบเคล้มหอบสะท้าน หัวใจเต้นตึกตักรัวเป็นกลอง จนเมื่อปรับอารมณ์ที่แสนวาบหวามให้คลายลงได้ จึงค่อยมีสติขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเพล่อย่างหน้าบาน ความจริงแล้วเขาได้ยินสุรเสียงเอ่ยถามความคิดขององค์หญิงอย่างชัดเจน และก็ไม่ได้ไร้สติจนไม่รับรู้อะไรหรอก หากแต่เขาแค่แสร้งทำเป็นกวางน้อยไร้เดียงสา ที่พร้อมจะถูกนางเสือผู้ทรงอำนาจล่าเป็นอาหารต่างหาก ทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อกวางน้อยอย่างเขาติดใจจนอยากจะถูกกลืนกิน แต่นักล่าที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะหิว จึงต้องทำอะไรเพื่อกระตุ้นเพื่อล่อให้นักล่าสนใจอยากจะกินเขา และก็พบว่าการแสร้งทำเป็นเหยื่อผู้ไร้เดียงสานั้นเป็นผลดีกับเขา เขามีความจงรักภักดีต่อองค์หญิงอย่างสุดหัวใจแต่หากเขาอยากจะได้รางวัลตอบแทน ให้ชุ่มชื่นหัวใจเพื่อความสุขของเขาบ้างเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจบ้างก็คงไม่เลวร้ายมากไปนักหรอกนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ