The Chronicles of Gaia พลิกตำนานโลกใบใหม่

7.3

เขียนโดย Alcatraz

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 13.09 น.

  14 chapter
  1 วิจารณ์
  16.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2559 13.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Conclusion of the Night

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Prologue Act

Chapter 8th

Conclusion of the Night

หน้าโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง

เขตที่พักนักท่องเที่ยว

คริสซาลิส เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักร

22 กันยายน ก.ศ.327

  1. 21.18 น.

            ชายหนุ่มในชุดไปรเวทดูไม่โดดเด่นอะไรก้าวออกมาจากล็อบบี้ของโรงแรมสุดหรู เดินโซเซไปยังรถที่เขาขับมาจอดเมื่อสิบห้านาทีก่อนหน้านี้ ก่อนจะขับออกไปโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งเฝ้าติดตามจนกระทั่งเขาหายลับไปในการจราจรอันวุ่นวายของคริสซาลิส

            เอแคลร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกวักมือเรียกหุ่นยนต์พนักงานของคาเฟ่ที่เธอมานั่งซุ่มเฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่เลเดนพาซินเธียมาส่งยังที่พักของเธอจนกระทั่งเขากลับไปเมื่อครู่ แต่ถึงกระนั้น ในใจเธอก็ท่วมเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ถ้าจะให้เรียบเรียงสั้นๆคงออกมาเป็นคำๆนี้

            สับสน

            เมื่อเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อน เธออยากจะหาอะไรดื่มแก้เบื่อ เลยตัดสินใจแวะไปที่เอลลีเซียม เลือกบาร์ธรรมดาๆที่ไม่น่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่กลับเจอเข้ากับตอเบ้อเริ่ม

            ตอที่ชื่อว่า ‘อดีต’

            หรือพูดให้ถูกคือ คนจากอดีตที่เธอคิดว่าคงไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้ว

            ‘สองคนนั้นรอดมาได้ยังไง?’

            ‘สองคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ไง?’

            ‘แล้วทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้?’

            ฯลฯ

            พริบตาแรกที่ได้พบว่าคนที่ตัวเองได้ช่วยไว้คือเพื่อนสมัยเด็กทั้งสอง หัวสมองของหญิงสาวก็หมุนอย่างไม่ได้หยุดพัก ความสงสัยที่ทบทวีทำให้เธอแอบดูทั้งคู่ตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากบาร์เพื่อหลบเลี่ยงตำรวจ และยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อเลเดนดูจะไม่สามารถจำซินเธียได้ทั้งๆที่เห็นหน้าซะขนาดนั้น

            เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอแคลร์ก็นึกขำเมื่อนึกถึงสมัยก่อนที่เขาชอบเรียกเธอว่า ‘ยัยซื่อบื้อ’ บ่อยๆ แต่ในตอนนี้มันดันกลับกันเสียแล้ว

            “กรุณาเลือกวิธีการจ่ายเงินด้วยครับ”

            เสียงแหลมๆฟังดูน่าขันของหุ่นยนต์พนักงานทำให้เอแคลร์หันไปจ้องมองมันซักครู่ด้วยดวงตาที่เรืองแสงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าหุ่นจะเอ่ยขึ้นอีกหน

            “ขอบพระคุณมากครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ”

            ถึงแม้ว่าอิลิยาจะสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามใช้แอคเซสอาย (Access Eye) นอกเหนือจากเวลาปฏิบัติภารกิจ แต่เอแคลร์ก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟังซักเท่าไหร่ เพราะมันทั้งสะดวกสบายและรวดเร็วกว่าการหยิบ PCD ขึ้นมากดเป็นไหนๆ

            ด้วยแอคเซสอายนี้ เธอสามารถเจาะเข้าสู่ระบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีระบบป้องกันในระดับต่ำได้อย่างง่ายดาย และหากเจอกับระบบป้องกันระดับสูง เธอก็สามารถให้อิลิยาทำการแฮคได้ทันที และแอคเซสอายก็เป็นเพียงหนึ่งในฟังก์ชั่นหลายๆอย่างที่ดวงตาของเธอมีอยู่

            ในฐานะของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับของสมาพันธรัฐ ร่างกายของเธอต้องผ่านกระบวนการดัดแปลงหลากหลายอย่าง ทั้งที่เธอรู้และไม่รู้ จนหลายครั้งหญิงสาวก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเธอนั้นยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า หรือกลายเป็นเครื่องจักรอะไรสักอย่างไปเสียแล้ว

            “นี่เธอคิดจะดื่มไปถึงเมื่อไหร่กันยะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่ไหวกันพอดีหรอก”

            ท่าทางว่าอิลิยาผู้รออยู่ที่เซลล์คงเห็นว่าเธอออกมานานเกินไปแล้วจึงติดต่อเข้ามาขณะที่เอแคลร์กำลังดึงหมวกกันน็อกมาสวมพร้อมกับขึ้นคร่อมโฮเวอร์ไบค์สีดำสนิทกลืนไปกับยามค่ำคืนขนาดใหญ่ซึ่งผู้หญิงตัวเท่าเธอไม่น่าจะขี่ได้เสียด้วยซ้ำไป เมื่อคนขับขึ้นประจำที่ โฮเวอร์ไบค์ก็สตาร์ทตัวมันเองและลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนที่เอแคลร์จะบังคับมันทะยานออกไปด้วยความเร็วปานสายลมได้ห้าสิบเมตร ก่อนไปติดแหงกอยู่กลางหายนะแห่งการจราจรของคริสซาลิส

บ้านจัดสรรหลังหนึ่ง

หมู่บ้านจัดสรร

บริเวณตัวเมืองชั้นนอก

  1. 22.03 น.

            ถึงแม้ว่าโฮเวอร์ไบค์ของเธอจะทำความเร็วสูงสุดได้ถึงสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับท้องถนนของคริสซาลิสแล้ว ความเร็วสูงสุดของพาหนะทุกชนิดคือยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้การเดินทางซึ่งถ้าหากเป็นที่ฟรอนเทียร์เมืองหลวงของสมาพันธรัฐคงใช้เวลาแค่สิบนาทีจึงยืดออกเป็นสี่สิบนาที

            เอแคลร์จอดพาหนะของเธอในโรงจอดรถ และเมื่อประตูปิด ทั้งโรงก็เลื่อนลงเชื่อมต่อเข้ากับเซลล์ที่ถูกซ่อนไว้ได้บ้านจัดสรรธรรมดาๆหลังนี้อย่างแนบเนียน แขนกลสองสามแขนยื่นออกมาจากผนังเพื่อทำการตรวจเช็คสภาพรถและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ พร้อมๆกับที่ประตูทางเดินเชื่อมไปยังเซลล์เปิดออก เผยให้เห็นอิลิยาซึ่งยืนกอดอกมองเพื่อนร่วมงานของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้ขนคอของเอแคลร์ลุกชันแบบไม่ทราบสาเหตุ

            “เอลลีเซียมเป็นไงบ้างล่ะ?”

            “กะ...ก็ดีมั้ง...แหะๆ...”

            “แหม รู้งี้ฉันน่าจะไปด้วยนะเนี่ย”

            “นะ...นั่นสินะ”

            “เอาเถอะ ไปอาบน้ำก่อนไป กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว”

            อิลิยาถอยออกจากการยืนขวางทางให้เธอผ่าน ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจที่ไม่ได้โดนไล่จี้ว่าไปทำอะไรมา แต่เอแคลร์ก็ทำตามคำแนะนำนั้นโดยดี การแช่น้ำอุ่นๆคงช่วยให้สมองเธอปลอดโปร่งและคิดอะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของเพื่อนสมัยเด็กทั้งคู่ที่อยู่ๆก็โผล่เข้ามาจนเธอตั้งตัวไม่ติด

            “พรุ่งนี้งานของเราจะเริ่มตอนไหนเหรอ”

            “ประมาณบ่ายโมงละมั้ง นี่เธอไม่ได้อ่านกำหนดการที่ฉันส่งให้เลยเหรอ”

            หลังจากอาบน้ำยามดึกเสร็จเรียบร้อย เอแคลร์ในชุดนอนก็ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆอิลิยาซึ่งกำลังดูอะไรบางอย่างใน PCD อยู่

            “ก็คนมันยุ่งนี่นา...”

            “นอนกลิ้งอ่านหนังสือการ์ตูนนี่คือยุ่ง?”

            “มะ...แหม ฉันก็อยากจะพักผ่อนเหมือนกันนะ ภารกิจแต่ละครั้งมันใช่ง่ายๆซะที่ไหน...”

            “เหรอ...”

            อิลิยาหันมาหาคู่หูพร้อมรอยยิ้มเฉิดฉาย แต่แล้วเอแคลร์ก็สังเกตถึงเส้นเลือดที่ปูดบนขมับของเธอ แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของคนตรงหน้าที่ใกล้จะระเบิดเต็มทนแล้ว

            “งั้นการอธิบายว่าเธอไปทำอะไรมาคงไม่ใช่เรื่องยากใช่มั้ย”

            รูปๆหนึ่งถูกฉายออกมาจาก PCD แทบจะทิ่มหน้าเอแคลร์ มันคือรูปตอนที่เธอเอาปืนไปจ่อเป้าของหนึ่งในคนที่เธอมีเรื่องด้วยในบาร์นั่นเอง

            “แหม...ท่าสวยเชียว...”

            และความอดทนของอิลิยาก็ถึงขีดจำกัด

            “ก็บอกแล้วไงว่า...”

            “เอ่อ...”

            “อย่าเที่ยวไปทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นได้มั้ยฮะยัยบ้า!!”

            “เค้าขอโต้ดดด...”

            “เธอนี่มัน...โอ๊ย ไม่เอาด้วยแล้ว ฮึ่ย!”

            เจ้าหน้าที่สนับสนุนโยน PCD ทิ้งไปอย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการซึ่งทำหน้าจ๋อยสนิท ก่อนจะพยายามดึงรอยยิ้มแห้งๆมาแปะเอาไว้แทน เธอเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้วนับตั้งแต่เป็นคู่หูกับแฮคเกอร์ผิวสีคาราเมลคนนี้ และทักษะที่ได้เรียนรู้มาจากโปรแกรมฝึกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับก็ใช้ได้ผลทุกครั้งไป

            “นี่...ฉันอธิบายได้น้า” เธอขยับไปเตียงข้างๆ สวมกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังและเอ่ยโดยพยายามให้ฟังดูน่าสงสารที่สุด

            “เก็บไว้พูดกับตัวเองเถอะยัยบ้า”

            “ใจคอเธอจะไม่ฟังฉันหน่อยเหรอ...”

            ความเงียบเข้าปกคลุมห้องพักอยู่ชั่วครู่ใหญ่ ก่อนที่อิลิยาจะทำลายมันลงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

            “ว่ามาสิ”

            เอแคลร์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเริ่มเรียบเรียงเรื่องราว

            “คือว่านะ...”

            และเธอก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถัดมาในการฝอยสิ่งที่ได้ไปทำมาแบบละเอียดยิบ แต่เว้นส่วนที่ทั้งสองคนที่ช่วยไว้ในบาร์เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอเอาไว้ ถึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนคงดีกว่า

            ตลอดทั้งเรื่อง อิลิยาก็ฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งเอแคลร์หยุดเล่า เธอก็เม้มปากเล็กน้อยและสรุปเรื่องของเอแคลร์ด้วยประโยคเดียว

            “เห็นคนเดือดร้อนเลยอยากจะช่วย ว่างั้น”

            คนเล่าพยักหน้าหงึกๆ ดีใจอย่างเงียบๆเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาอารมณ์เย็นลงแล้ว

            “นี่เธอคิดว่าข้ออ้างแค่นี้มันจะทำให้ฉันใจอ่อนงั้นเรอะ!”

            แต่เสียงตวาดที่ระเบิดใส่แบบสายฟ้าฟาดก็ทำให้เธอย่นคอยกมือขึ้นอุดหู เตรียมรับการโดนฟาดด้วยหมอนตามที่ปกติเธอจะโดน ทว่าอิลิยากลับเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะยก PCD ที่ถูกโยนทิ้งไปแล้วขึ้นมากดคำสั่งลงไปอีกครั้ง

            “ฉันก็เข้าใจว่าเธออยากจะทำตัวเป็นคนดีบ้างอะไรบ้าง แต่ว่าพวกเราไม่ใช่คนทั่วๆไปที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ถ้าพวกเราถูกจับขึ้นมา ราชอาณาจักรอาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างประกาศสงครามกับสมาพันธรัฐอีกครั้งเลยนะ ฉะนั้น เธอควรที่จะคิดให้ดีๆก่อนที่จะทำอะไร เข้าใจไหม”

            เธอเรียกข้อมูลของใครบางคนขึ้นมาฉายขึ้นกลางอากาศก่อนจะสะกิดให้เอแคลร์ที่ยังก้มหน้าสำนึกผิดเงยขึ้นดู

            “แต่ที่เธอทำไปมันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียวหรอกนะ”

            มันคือข้อมูลของซินเธีย เดอ ลาพาซอย่างละเอียดยิบชนิดที่ว่าเจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ถึงขนาดนี้ โดยมีการเปรียบเทียบระหว่างรูปในไฟล์ข้อมูลกับรูปที่ถูกถ่ายในบาร์ พร้อมการวิเคราะห์จากคอมพิวเตอร์ว่าเธอน่าจะเก็บข้อมูลสำคัญอะไรไว้กับตัวบ้าง

            “ถึงภารกิจหลักของเราจะไม่ใช่การสืบข้อมูล แต่ศูนย์บัญชาการคงจะชอบถ้าเรามีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปเพิ่มด้วย” อิลิยาดึงข้อมูลอื่นๆขึ้นมาเพิ่มเติมโดยไม่ได้สังเกตถึงแววแห่งความเจ็บปวดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคู่หู

            ยังไม่ทันจะได้ทักทายกัน เธอก็ต้องแทงข้างหลังเพื่อนเก่าเสียแล้ว

            “เอ้า ฉันปรับแผนของพรุ่งนี้ให้เข้ากับข้อมูลที่เพิ่งได้มาแล้ว เอาไปดูสิ”

            เอแคลร์รับ PCD มาจากอีกฝ่าย ไล่สายตาไปตามตารางเวลาที่แน่นเอี๊ยด เมื่อนั้นอิลิยาถึงได้เห็นสีหน้าของเธอและถามอย่างเป็นห่วง

            “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ดูเธอเครียดแปลกๆนะ”

            เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไม่ตอบ เพียงแค่กดดูข้อมูลของซินเธียอีกนิดหน่อยและเริ่มอ่าน

            “คิดมากกับเรื่องที่ฉันว่าเมื่อกี้เหรอ? ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเจ้าหน้าที่รัฐของที่นี่คงไม่มานั่งดูบันทึกจากกล้องวงจรปิดของบาร์อะไรก็ไม่รู้หรอก”

            “เปล่าหรอก...แค่รู้สึกเหนื่อยๆนิดหน่อยน่ะ...”

            เอแคลร์ขยับกลับมาที่เตียงของตัวเองและเอนหลังลงนอน วางลง PCD หลังจากอ่านข้อมูลของซินเธียจนพอใจแล้ว ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยออกมาลอยๆ

            “นี่พวกเราทำงานแบบนี้กันมานานขนาดไหนแล้วนะ?”

            “ไม่รู้สิ สามปีแล้วละมั้ง”

            “เธอเคยรู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อบ้างไหม”

            คำถามนั้นส่งให้คนถูกถามเบิกตาเล็กน้อยอย่างประหลาดใจก่อนที่จะหัวเราะออกมา

            “หึๆ ทำงานกับคนอย่างเธอนี่มันไม่มีทางที่จะไม่เหนื่อยอยู่แล้ว แต่ก็นะ ถึงจะเหนื่อย มันก็ไม่เคยน่าเบื่อเลย”

            คราวนี้ก็ถึงตาคนถามขมวดคิ้วบ้าง

            “ฉันคิดว่าเธอเบื่อที่ต้องคอยตามดูแลฉันซะอีก”

            “ก็มีหงุดหงิดบ้างเป็นบางครั้งแหละ แต่ฉันไม่เคยคิดว่ามันน่าเบื่อเลยซักครั้งเดียว...”

            เอแคลร์เหลือบไปมองเพื่อนสาว ก็พบกับสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความจริงจัง ถึงแม้ปกติดวงตาคู่นั้นจะไม่ค่อยมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทรกอยู่แล้วก็ตามที

            “เพราะงั้น เธอช่วยอย่าทำให้มันจบลงเร็วกว่าที่มันควรจะเป็นเลยนะ”

            “...แน่นอนอยู่แล้ว สัญญาเลย”

            เพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่นๆ หญิงสาวจึงยื่นนิ้วก้อยออกไปให้เกี่ยว แต่อิลิยาก็เพียงแค่ถอนหายใจยาว ยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาพูดเสียงเข้ม

            “งั้นคราวหน้าก็ช่วยอย่าไปกระทืบคนในบาร์อีกนะ เข้าใจไหม?”

            “คะ...ค่า...”

            “เอาละ นอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้า แค่นี้เวลานอนก็จะไม่พอแล้ว”

            แล้วก็เป็นดังเช่นทุกๆคืนที่ผ่านมาที่อิลิยามักจะผล็อยหลับไปก่อนเสมอขณะที่เอแคลร์จ้องมองเพดานห้องอยู่คนเดียวในความมืดด้วยว่าความว้าวุ่นใจที่ดับไม่ลงสกัดกั้นหญิงสาวออกจากห้วงนิทรา เธอเอื้อมมือไปคว้ากรอบรูปเก่าตรงหัวเตียงขึ้นมาดู ในกรอบนั้นก็ยังคงเป็นรูปถ่ายรูปเดิมของเธอกับเลเดนและซินเธีย แต่ความรู้สึกของเธอตอนมองรูปนี้นั้นมันต่างออกไปจากครั้งอื่นๆอยู่มากโข

            ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกครั้งมองรูปนี้ในใจของเธอจะเปี่ยมไปด้วยความโหยหาถึงอดีตที่งดงามและน่าจดจำ แต่ในตอนนี้มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังจ้องมองไปในอนาคตอันมืดหม่นและคาดเดาไม่ได้ และเธอก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆว่าบางทีอนาคตนั้นอาจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

            ถึงกระนั้น เอแคลร์ก็ยังคงไว้ซึ่งความมั่นคง ไม่ว่าอนาคตจะมอบอะไรให้กับเธอ เธอก็พร้อมที่จะท้าชนกับมัน และจะฝ่าฟันผ่านมันไปให้ได้ เฉกเช่นเดียวกับที่เธอเคยทำเสมอมาหลังจากเหตุการณ์ที่พลิกผันชะตาชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อสิบสามปีก่อน

            แม้ว่าในครั้งนี้เธอจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอต้องข้ามผ่านนั้นมันใหญ่ถึงขนาดที่ว่าเรื่องทุกเรื่องที่เธอเคยพบมานั้นไม่อาจที่จะเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อยก็ตาม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา