Knack imagine

9.3

เขียนโดย ลอร์

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.46 น.

  3 บท
  3 วิจารณ์
  5,475 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2559 18.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เช้านี้เป็นวันที่อากาศชื้นเป็นพิเศษ  เพราะช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว   และฝนที่ตกลงมาปรอยๆตลอดวันทำให้ในตอนเช้าเป็นอะไรที่ขี้เกียดตื่นแบบสุดๆ  ลอชมองไปที่นาฬิกาข้างๆหัวเตียง  ตอนนี้เป็นเวลา 8.30  เขาลุกขึ้นนั่งข้างๆเตียงหยิบหูฟังขึ้นมาเปิดเพลงฟังเพื่อให้รู้สึกสดชื่น

 

ลอชเป็นเด็กจากต่างเมืองที่เข้ามาเรียนต่อที่ฟิวเจอร์เนียร์  เมืองนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่เทคโนโลยีค่อนข้างจะล้ำยุคกว่าเมืองอื่นๆ  ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นเมืองใหญ่แล้ว  ค่าครองชีพ  ค่าใช้จ่ายจะต้องสูงตามแน่นอน

 

ฐานะทางครอบครัวของลอชอยู่ในระดับปานกลาง  ซึ่งการที่เข้ามาอยู่ในเมืองนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายในอนาคตคงจะไม่พอแน่ๆ  ถึงจะพยายามประหยัดยังไง  ก็ควรจะมีเงินสำรองไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย  ลอชคิดในใจ

 

“ถ้าไอพลังประหลาดที่เรามีมันช่วยอะไรบ้างก็ดีสินะ”ลอชพูดกับตัวเอง  และลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปอาบน้ำเตรียมตัวเพื่อจะไปกินข้าวเช้า

 

จริงๆแล้วตั้งแต่เกิดมามักมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับเขาเสมอ  เช่นกระดาษในห้องที่ไม่มีแม้แต่ลมพัดเข้ามาลอยหรือปริวได้เอง  หน้าต่างที่ปิดล็อคแน่นหนาถูกลมจากที่ไหนซักแห่งพัดอย่างแรงทำให้หน้าต่างหลุดออกมา  ทั้งๆที่ข้างนอกไม่มีลมเลย  ในตอนแรกลอชคิดอยู่เสมอว่าตัวของเขาจะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน 

 

 

แต่พักหลังมานี้เหตุการณ์ประหลาดทั้งหลายก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย  เขาจึงได้แต่คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญละมั้ง 

“มนุษย์เราจะมีอะไรแบบนั้นได้ยังไงนี่มันปี 2565 แล้วนะ….”  ลอชพูดกับตัวเองขณะที่กำลังอาบน้ำ

 

  1. ลอชลงมาด้านล่างของหอพักเพื่อไปกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารครอบครัวที่อยู่ใกล้ๆ  ร้านนี้ไม่ใหญ่โตมากนักเขาจึงคิดว่าราคาคงจะไม่แพงหรอก  ลอชเข้าไปนั่งภายในร้านเขาเปิดเมนูขึ้นมาเพื่อเลือกสั่งอาหาร 
  2. “ข้าวผัดไก่ 70 บาท……เชี่ยไมแพงจังว่ะ”ลอชพึมพำกับตัวเอง  แต่จะให้ลุกออกจากร้านไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ  พนักงานทำท่าเหมือนกับมองดูถูกลอชว่ามีเงินมากินที่นี่จริงๆหรอ  ไม่มีซักคนเลยที่มารับออเดอร์ของลอชที่โต๊ะ 

 

  1. ลอชมองไปที่พนักงานทั้งสี่คนที่กำลังยืนมองลอชอยู่จากเคาน์เตอร์  
  2. “สงสัยไม่มีเงินกินแน่ๆเลยว่ะ  เป็นแค่เด็กมัธยม มาคนเดียวด้วย”  พนักงานคนหนึ่งยืนกระซิบกับเพื่อนอีก 3 คน  ลอชพอจะอ่านปากออกจึงเดินไปสั่งอาหารด้วยสีหน้ากวนบาทาแบบสุดๆ

“เอาข้าวผัดไก่  ไก่เยอะๆ  ข้าวน้อยๆ  น้ำเปล่าอีกแก้วนึง แล้วก็เอาเค้กช็อคโกแลตมาให้ด้วยชิ้นนึง  โอเคนะครับ?”  ลอชพูดจบก็เดินหันหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางป๋าแบบสุดๆ  ทำให้พนักงานทั้ง  4  คนอึ้งอยู่ซักพักแล้วก็ไปทำอาหารตามออเดอร์ให้

 

ลอชหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมานับจำนวนเงิน 

“น่าจะพอละมั้งประหยัดอีกนิดละกัน เฮ้อออออ…”  ลอชถอนหายใจและเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานอยู่ข้างนอกร้าน 

 

ความจริงเขาสนใจงาน  part-time  มานานแล้ว  แต่ไม่รู้จะไปสมัครที่ไหนดี 

 

เขาเคยลองโทรถามเพื่อนเก่าสมัยเด็กของเขาที่อยู่ที่เมืองนี้ว่าให้ช่วยหางานให้หน่อย  นี่ก็อาทิตย์นึงแล้วเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมา  ลอชนั่งกินอาหารที่พนักงานนำมาเสริฟไปพลางคิดเรื่องงานไปว่าจะเอายังไงดี

 

เมื่อทานอาหารเสร็จลอชเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์  พนักงานก็ยื่นใบเสร็จให้  220  บาทแพงชิหาย…..  ลอชได้แต่คิดในใจเงียบๆแต่ไม่แสดงสีหน้าออกมา  เขารีบจ่ายเงินและเดินออกมาจากร้าน  เขามองไปที่ป้ายรับสมัครพนักงานที่ติดอยู่ที่กำแพง  มีใบรับสมัครติดอยู่เต็มไปหมด  คงมีซักทีแหละที่ว่างและรับเราเข้าทำงาน  ลอชคิดอยู่ครู่นึงและเดินไปตามร้านต่างๆที่มีการติดใบสมัครไว้

 

ลอชเดินหามานานพอสมควรแต่ไม่มีที่ไหนรับเลยเพราะเต็มหมดแล้ว  เหลืออยู่เพียงร้านเดียวซึ่งเป็นร้านกาแฟเบเกอรี่ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก  ลอชเป็นพวกที่ชอบทานเบเกอรี่อยู่แล้วจึงสนใจที่นี่เป็นพิเศษแต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องเผื่อใจไว้อยู่ดีเพราะคิดว่าที่นี่ก็คงจะเต็มอีกเหมือนกัน

 

ลอชเดินมาถึงหน้าร้าน  ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่โตมากนัก  เป็นห้องสองห้องที่ต่อกันใต้ตึกแห่งหนึ่ง  เป็นร้านที่ตกแต่งคล้ายๆร้านกาแฟทั่วไป  แต่ที่สะกิดตาอย่างมากก็คือจำนวนคนในร้านที่เยอะเป็นพิเศษ  ในใจลอชคิดว่าร้านนี้คงจะเป็นร้านที่ป็อปปูล่าในหมู่วัยรุ่นละมั้ง 

 

“ยินดีต้อนรับครับบบ”พนักงานในร้านพูดขึ้นมาทันทีที่ลอชเปิดประตูเข้าไป  เขาเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์และสอบถามพนักงานเกี่ยวกับเรื่องที่รับสมัครพนักงาน  part-time

“จานี่  จานี่  มีคนมาสมัครงานน่ะให้เข้าไปเลยมั้ย” 

[อ่าเข้ามาเลย] เสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้นจากหลังร้าน

 

ลอชเปิดประตูเดินเข้าไปยังหลังร้านก็พบกับเด็กผู้หญิงผมยาวสีทอง  ที่กำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ที่โซฟา 

 

จานี่เดินไปบอกให้ลอชนั่งรอที่โซฟา  ส่วนเขาเดินไปชงกาแฟมาให้ลอชลองชิมดู  ลอชมองไปที่จานี่และคิดในใจว่า  เด็กคนนี้เป็นเจ้าของร้านหรอ?  เพราะดูยังไงก็เป็นแค่เด็กม.ต้นคนนึงเท่านั้น

 

จานี่ส่งกาแฟให้ลอชและถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อย  และส่งใบสมัครเพื่อให้ลอชกรอก  ลอชกวาดตามองไปรอบๆใบสมัครก็ต้องตกใจกับค่าแรงที่จะได้รับ  มันดูสูงเกินกว่าจะเป็นเงินเดือนของพนักงาน  part-time 

“คือผมจะมาทำแค่  part-time  นะครับ”  จานี่ทำหน้ามึนงงเล็กน้อยและบอกว่า 

[อยากได้เงินน้อยๆรึไง?]  ลอชไม่พูดอะไรและกรอกใบจะสมัครจนเสร็จ

 

“อ่าวนี่เรียนอยู่ที่ควอสหรอ?”จานี่ถามลอชไปพลางอ่านใบสมัครไปเรื่อยๆ  ลอชพยักหน้าและหยิบกาแฟขึ้นมาชิมดู 

“หอมจัง”ลอชพึมพำออกมา  และถามเกี่ยวกับงานที่เขาจะต้องทำ  จานี่มองไปที่ร็อคเก็ตที่ลอชใส่  ดูเหมือนจานี่จะสนใจร็อคเก็ตอันนั้นเป็นพิเศษ  เธอมองอยู่ซักพักและเดินพาลอชไปแนะนำตัวกับคนอื่นๆ

 

ดูเหมือนว่าทุกๆคนจะเป็นนักเรียนมัธยมเหมือนกันหมดทุกคน  คนแรกมีชื่อว่าแคลร์  เธอมีผมสั้นสีน้ำตาล  ผิวขาวภายนอกดูอ่อนโยน  คนที่สองชื่อว่าลอยด์  ลอชคิดในใจว่าลอยด์นี่ดูคบยากไปซักหน่อยเพราะดูจากภายนอกลอยด์ดูเป็นพวกมืดมนน่ากลัวๆอยู่นิดหน่อย  จานี่แนะนำลอชให้ทั้งสองคนรู้จักและพาลอชไปสอนชงกาแฟ  ทุกๆคนในร้านให้การต้อนรับลอชเป็นอย่างดี  จึงทำให้ลอชรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

ถึงเวลาเลิกงาน  ลอช  เดินกล่าวลาทุกคนในร้าน  เพื่อที่จะกลับไปที่หอพัก  เขานึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อของใช้ประจำเดือนเช่น  สบู่  ยาสีฟัน  เขาจึงตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ

 

“ลอชก็ดูขยันไม่เลวนะ  ชั้นว่า”   จานี่พูดกับเพื่อนอีกสองคนที่กำลังช่วยกันบดเมล็ดกาแฟอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ 

[ถ้าเจ้านั่นไม่เจอแบบคนที่แล้วละนะ]  ลอยด์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์  แคลร์ท่าทางเป็นห่วงลอชเล็กน้อย  เขาหันไปมองที่จานี่และพูดเกี่ยวกับงานบางอย่างที่ได้รับมอบหมายมา  

 

“มีงานใหม่เข้ามาคืนนี้น่ะ  เชอร์รี่โทรมาบอกชั้นไว้แล้วละ” จานี่เดินหันหลังเข้าไปที่หลังร้าน  “เตรียมพร้อมแล้วละ……..”

 

ลอชกำลังเลือกซื้อของใช้อยู่ในร้านสะดวกซื้อ  เข้ามองไปที่ชั้นวางร่มและคิดว่าจะซื้อร่มดีรึป่าว  เพราะช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูฝนควรจะมีร่มติดมือมาด้วยเวลาออกจากบ้าน  เขามองไปนอกร้านก็เห็นว่าข้างนอกฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ  เค้าจึงตัดสินใจหยิบร่มมานึงคัน  จ่ายเงินและเดินออกไปจากร้าน  ลอชยืนรอฝนหยุดพักใหญ่  แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย  เขามองไปที่นาฬิกาข้อมือ  ตอนนี้ 20.00 แล้ว  ลอชยืนรออีกซักพักและเปิด  GPS  ขึ้นมาเพื่อที่จะให้พาเดินกลับหอ

 

“ไอน้องเนรคุณเล่นตูอีกแล้ว”ลอชหัวเราะแหะๆออกมาด้วยความเซง  (เนรคุณมาจากคำว่า  navigater)  GPS มักจะพามาทางลัดที่คนปรกติไม่ค่อยจะผ่านมาเท่าไรนัก  ทางที่ลอชยืนอยู่นั้นเป็นตรอกมืดๆที่ดูวังเวงไม่น่าไว้ใจ  ถึงจะหันหลังกลับไปตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน  จึงจำใจเดินตาม  GPS  อย่างไม่เต็มใจนัก  เขาหยิบหูฟังขึ้นมาเปิดเพลงเพื่อคลายความกังวล

 

“ฮืมมมมมมมม….”  เสียงเมโลดี้ของเพลงดังขึ้นในความเงียบ  เป็นดนตรีที่หลอนใช้ได้เลยในสถานการณ์แบบนี้  “เพลงเชี่ยไรมาตอนนี้วะ”ลอชดึงหูฟังออกอย่างรวดเร็วและรีบเดินต่อไป  เขาเดินมาถึงทางแยกที่มีสองทางให้เดินไป  เขาคิดอยู่ครู่นึงและตัดสินใจเดินไปทางซ้ายโดยนึกแค่ว่า  ขวาร้ายซ้ายดี  ลอชเดินมานานพอสมควร 

 

เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามหลังเขามาอยู่  เขาไม่มีความกล้าพอที่จะหันหลังกลับไปมอง  ได้แต่เพิ่มสปีดความเร็วในการเดินขึ้นเท่านั้น  เขาเดินไวขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะวิ่งแล้วแต่เสียงฝีเท้าด้านหลังยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้ในหัวของลอชมีแต่ความกลัว  เขาหยิบไม้กางเขนขึ้นมากำไว้ที่หน้าอกและคิดในใจ  “ผีร้ายจนออกไปๆๆๆ”  พูดซ้ำๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ

 

 "อั๊ก!"

ลอชล้มลงนอนกองที่พื้น  ดูเหมือนมีบางอย่างตกลงมาจากดานฟ้าของตึก 

 

“เงียบๆ”  เสียงผู้หญิงฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆหูของลอช

  เธอจับมือลอชและพาวิ่งไปอย่างรวดเร็ว  ลอชที่กำลังตกใจก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต  เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้รู้ทันทีว่าคือจานี่นั่นเอง 

 

จานี่พาลอชมาหลบอยู่ตรงมุมลับสายตาเอามือปิดปากลอชไว้เพื่อไม่ให้เขาส่งเสียงดังออกมา  จานี่มองออกไปจากจุดลับสายตา  เห็นผู้ชายสองคนที่ถืออาวุธปืนไรเฟิล  ที่กำลังยืนมองหาทั้งสองคนอยู่ 

 

"สองคนนั้นยังไม่ไป  ขอให้อยู่อย่างสงบด้วย”  แคลร์พูดกับจานี่ผ่านวิทยุสื่อสาร 

 

จานี่พยักหน้าและหันกลับไปหาลอชที่กำลังอยู่ในสภาพกลัวสุดขีด 

“ถ้าอยากรอดก็ทำตามที่ชั้นพูดซะ”  ลอชได้ยินดังนั้นก็หยักหน้า  ดูเหมือนเขายังสามารถคุมสติได้อยู่ 

ผู้ชายสองคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและหันมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา

 

จานี่หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าและโยนไปที่ผู้ชายทั้งสองคน  บึ้ม!  ระเบิดควันทำให้ควันลอยท่วมตรอกไปหมด  จานี่กำมือของลอชไว้แน่น  และรีบอาศัยช่วงชุลมุลพาลอชวิ่งหนีออกมา

 

ดูเหมือนระเบิดควันจะไม่ทำให้ผู้ชายสองคนนั้นตกใจแตกอย่างใด  เขาเล็งปืนไปที่จานี่และลอชที่กำลังวิ่งอยู่ในควันและยิงออกไปอย่างไม่ลังเล  กระสุนเฉี่ยวไหล่ขวาของลอชไปนิดเดียวไป  ทำให้ลอชตกใจตัวสั่นเป็นอย่างมาก  ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยโดนไล่ยิงแบบนี้มาก่อน  เสียงลั่นไกลของปืนจริงๆเขายังไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ  ลอชเริ่มเหงื่อแตกแต่ก็ยังวิ่งแบบไม่คิดชีวิต 

 

ผู้ชายคนที่สามปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของเด็กทั้งสองคน  ทั้งสองหยุดวิ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้  ตอนนี้ทั้งหน้าและหลังถูกปืนสามกระบอกกำลังจ่อเล็งมาอยู่  ถ้าคิดจะต่อสู้ลอชคงโดนยิงเป็นรังผึ้งแน่ๆ  จานี่ยืนคิดอยู่ครู่นึง

 

เขาหลับตาลงซักพักและลืมตาขึ้นดวงตาของจานี่เลืองแสงนิดหน่อย  อยู่ๆก็เกิดคลื่นเสียงความถี่แปลกๆขึ้นโดยรอบ  ผู้ชายคนที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสองคนล้มสลบไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ  ผู้ชายทั้งสองคนระดมยิงกระสุนใส่เด็กทั้งสองแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล  มีบาเรียไฟฟ้าบางอย่างแผ่อยู่รอบๆตัวเด็กทั้งสอง 

 

ลอชที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ  นอกจากโดนไล่ฆ่าแล้วยังมาเจออะไรแปลกๆแบบนี้อีก  แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่จานี่ทำเลยแม้แต่น้อย  เขาทำได้เพียงยืนก้มหน้ารอรับชะตากรรมของตัวเองเท่านั้น

 

จานี่พุ่งเข้าหาชายทั้งสองเธอจับคอเสื้อของชายคนแรกและตีเข่าอย่างแรงเข้าไปที่ท้องของชายคนนั้นพร้อมแย่งปืนมาจากมือของเขาและโยนชายคนนั้นออกไปข้างทาง  จานี่เล็งปืนไปที่ชายอีกคน   ในบรรยากาศที่เคร่งเครียด  ชายคนที่สามที่กำลังสลบอยู่  จู่ๆก็ฟื้นขึ้นมาจับลอชล็อคคอไว้แล้วเล็งปืนไว้ที่ท้ายทอยของลอช

 

จานี่ไม่มีทางเลือกจึงจำใจทิ้งปืนลงที่พื้นและยกสองข้างขึ้นเหนือหัวตามที่ชายคนที่สามสั่ง     

             

ชายคนที่สามเอามือไปจับที่สร้อยร็อคเก็ตที่คอของลอช  ดูเหมือนที่จ้องเล่นงานลอชคงจะเป็นเพราะสร้อยนี่แหละ  เขาเอามือดึงสร้อยร็อคเก็ตออกมาจากคอของลอช  เขายกร็อคเก็ตขึ้นไปส่องกับแสงของดวงจันทร์  ถึงฝนจะตกหนักแต่เมฆฝนไม่ได้บังดวงจันทร์เลยแม้แต่น้อย  ภายในสร้อยคอปรากฏอักขระแปลกๆที่เขียนด้วยอักษรแปลกๆที่ไม่สามารถอ่านให้เข้าใจได้ 

 

จานี่อาศัยจังหวะนี้ปล่อยระเบิดแสงออกจากแขนเสื้อ  และอาศัยช่วงนี้เข้าไปเอาตัวลอชออกมา  เธอสั่งให้ลอชรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด  ลอชที่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เพียงวิ่งหนีตามที่จานี่สั่งเท่านั้น  จานี่พยายามที่แย่งสร้อยร็อคเก็ตนั่นมาด้วยกำลังของเขา  ดูเหมือนผู้ชายทั้งหมดจะสู้จานี่ไม่ได้เลย

 

“พลังงานเหลืออีก  25%  ขอแค่ถ่วงเวลาให้เจ้านั่นหนีไปได้ก็พอแล้ว”  จานี่พูดกับตัวเองและมองไปที่ชายทั้งสามคนที่ยืนอยู่ต่อหน้า

 

“ชั้นละไม่อยากจะสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างพวกแกเลยจริงๆ”  ชายคนคนแรกพูดขึ้นมาและเล็งปืนไปที่จานี่

 

จานี่โยนอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากกระเป๋าสองอัน  ทั้งสองอันนั้นปรากฏออกมาเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่สามารถลอยได้มีหูแมวเหมือนกับที่ติดอยู่บนหัวของจานี่  เธอหยิบปืนสั้นสองกระบอกขึ้นมาจากกระเป๋า  และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับชายทั้งสามคน

 

ลอชที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตจู่ๆก็หยุดวิ่งแล้วคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้  จานี่เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงจะไปสู้กับทั้งสามคนนั้นได้ยัง  ลอชกำลังคิดวางแผนว่าจะช่วยจานี่ยังไงดี  เขาตัดสินใจหยิบท่อที่วางอยู่ข้างๆทางและหันหลังกลับวิ่งไปเพื่อช่วยจานี่ด้วยสภาพที่เหมือนคนบ้า

 

ชายทั้งสามไม่มีใครสู้จานี่ได้  จานี่จัดการสองคนได้แล้วเหลืออีกคนเดียว 

“พลังงานเหลืออีก  10%”  จานี่พึมพำออกมา  จู่ๆลอชก็โผล่ออกมาจากด้านหลังฟาดท่อเหล็กใส่ที่ชายคนที่เหลือ  ชายคนนั้นหลบได้และยิงปืนใส่ไปที่ลอชอย่างไม่ลังเล  แต่กระสุนเบี่ยงไปทางอื่นไม่โดนตัวลอช 

 

ลอชนั่งลงที่พื้นเนื้อตัวสั่นระริก  เหงื่อแตกพรากเหมือนคนที่ไม่มีสติอยู่กับตัวอีกแล้ว                            

“ทำบ้าอะไรน่ะบอกให้หนีไปไง”  จานี่ที่กำลังสนใจลอชอยู่นั้น  ผู้ชายคนนั้นอาศัยช่วงนี้ยิงปืนไปที่ลอชอีกครั้ง  กระสุนพุ่งเข้าไปที่หัวของลอชทันที

 

 

 

เจคกำลังนั่งช่วยพ่อทำงานเอกสาร  เจคเป็นเพื่อนสมัยเด็กของลอชและเป็นคนแนะนำให้ลอชเข้ามาเรียนที่ควอส  พ่อของเจคเป็นตำรวจระดับสูง  สังกัดหน่วยพิเศษที่เรียกว่า  ATE  เป็นหน่วยที่เป็นความลับคนนอกไม่มีทางรู้ว่าหน่วยนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไร

 

เจคนั่งเตรียมเอกสารไปพลางคิดถึงเรื่องที่ลอชขอให้หางาน  part-time  ให้ไป  เขานึกขึ้นมาได้ว่าลอชขอร้องให้ช่วยหามาอาทิตย์นึงแล้ว  แต่เขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเพื่อนรักของเขาเลย  เจคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาลอชแต่ดูเหมือนจะไม่สามารถติดต่อลอชได้ 

 

เขารู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้  ปกติแล้วลอชไม่เคยที่จะปิดโทรศัพท์หรือปล่อยให้แบตหมดเลย  “มันเป็นอะไรรึป่าววะ?”  เจคพึมพำออกมากับตัวเอง  

 

“มีอะไรหรอลูก?”  พ่อของเจคถามกลับไปที่เขาอย่างสงสัย  เจคส่ายหน้าและก้มหน้าช่วยงานเอกสารของพ่อต่อไป 

 

หลายครั้งที่เขาพยายามถามพ่อเกี่ยวกับงานที่พ่อของเขากำลังทำ  แต่เขาก็ได้คำตอบอยู่แค่อย่างเดียวคือ “เป็นความลับ”  เจคไม่ใช่พวกที่จะยอมอะไรง่ายๆ  หลังจากที่ช่วยงานเสร็จ  เขากลับไปที่ห้องเปิดเว็บไซต์เพื่อค้นหาเกี่ยวกับตำรวจหน่วย  “ATE”  ที่แปลกก็คือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานนี้อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว 

 

เขาเริ่มสงใสว่าพ่อเขาเป็นตำรวจจริงๆรึป่าว  แต่ก็มีหลายครั้งที่เพื่อนร่วมงานของเขามาทานข้าวที่บ้าน  ทุกคนดูเป็นคนน่าเชื่อถือ  และใจดีกับเจคอย่างมาก  ถึงจะสงสัยในงานของพ่อแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่สงสัยต่อไปแค่นั้น…..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา