DESTINY พี่ครับ ผมรักพี่นี่ผิดไหม!

-

เขียนโดย บาเบียร์

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00.27 น.

  1 chapter
  1 วิจารณ์
  3,263 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559 00.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Chapter 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

1

 

     สวัสดีครับ ผมชื่อ กัส อายุ 18 ปี สูง 178 เซนติเมตร เป็นลูกชายคนเดียว ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่คนเดียวแล้ว พ่อของผมเสียตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้อาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง ซึ่งผมไม่ได้มีปัญหากับพ่อเลี้ยงเหมือนในละครที่คุณดูกันหรอกนะครับ เขาค่อนข้างใจดีมากแล้วก็รักผมเหมือนลูกชายคนหนึ่งของเขาเลย ผมเลยได้รับความรักจากทั้งแม่และพ่อคนที่สองของผม ซึ่งครอบครัวเราก้มีความสุขดีครับ และสมาชิกคนสุดท้าย…เขาก็อยู่กับผมตอนนี้แหละครับ

 

 

     “พี่คิน พี่เมามากแล้วนะ”

     ผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยปากพูดกับพี่คิน ลูกชายของพ่อเลี้ยงผมเอง เขาอายุมากกว่าผมประมาณ 4 ปี ตอนนี้ก็คง 22 แล้ว

     “เมาที่ไหน พี่ยังไหวน่า”

คนเมาที่บอกตัวเองว่าไม่เมาปฏิเสธเสียงยานๆ ผมมองสภาพคนตรงหน้าก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างระอา

     “ไม่เมาอะไรกันพี่ หน้าแดงขนาดนั้น กลับบ้านกันเถอะพี่”

     ผมลุกขึ้นหยัดยืนเดินอ้อมโต๊ะไปยืนข้างๆคนเมา ก้มตัวลงไปช้อนมือเข้าใต้หว่างแขนของพี่คินให้ค่อยๆลุกขึ้นยืน แต่ด้วยความที่พี่เขาตัวใหญ่กว่าผมแถมตัวยังหนักมาก ทำให้ผมเกิดอาการเซจนเกือบจะล้ม ดีนะผมยันโต๊ะเอาไว้ได้ก่อน ไม่งั้นเราทั้งคู่คงได้ไปนอนแหมะอยู่บนพื้นแล้ว

     “เฮ้ย พี่บอกว่าพี่ไม่เมา ปล่อยพี่นะกัส”

     คนเมาโวยวายใหญ่เลย พยายามสลัดผมให้ออกจากตัว เรื่องอะไรผมจะปล่อยล่ะ เมามากขนาดนี้จะทิ้งไว้คงได้นอนเหมือดอยู่ที่ร้านเหล้าเนี่ยแหละ ผมเลยรัดเอวพี่คินแน่นไม่ให้ดันผมออก

     “พี่เมาแล้วนะพี่ ผมจะพากลับบ้าน แม่กับพ่อเป็นห่วงแล้วแน่ๆ”

     ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งไปโอบเอวหนาๆนั่นไว้เพื่อไม่ให้พี่คินเซไปด้านข้าง ส่วนมืออีกข้างก็จับมือพี่เขาพาดคอผมไว้ หนักคอชะมัดเลย

     ผมบ่นในใจตลอดการพยุงพี่คินไปที่รถ ผมเอามือที่กอดเอวพี่คินไว้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์พี่เขาเพื่อหากุญแจรถ อ่ะ…เจอละ ผมรีบกดรีโมตรถทันที จากนั้นค่อยๆขยับตัวเข้าไปเปิดประตูรถช้าๆด้วยกลัวว่าจะทำให้คนเมาจะไหลลงไปกองกับพื้น ผมดันตัวพี่คินให้ไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ ตัวพี่เขาหนักชะมัดจนผมเซถากๆเกือบจะล้มไปทับตัวพี่เขาที่สลบไสลอยู่บนเบาะซะแล้ว

     “พี่คินแม่งตัวโคตรหนักเลย กินข้าวหรือควายเป็นอาหารวะเนี่ย”

     ผมบ่นกระปอดกระแปด ไม่วายยกมือขึ้นไปนวดต้นคอที่ปวดหนึบๆของตัวเองด้วย ผมปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปกระชากประตูรถฝั่งคนขับให้เปิดออก แล้วรีบยัดตัวเองลงไปนั่งบนเบาะทันที ผมเหลือบตาไปมองพี่คินที่นอนไม่ได้สติอยู่ข้างๆ

     “ที่เมาเหมือนหมาแบบนี้ก็เพราะพี่ลินสินะ”

     ผมพูดขึ้นมาขณะสายตายังจ้องมองหน้าพี่คินอยู่ สาเหตุที่พี่เขาเมาหัวทิ่มในวันนี้ก็เพราะว่าแฟนเขาแอบไปคบผู้ชายคนอื่นน่ะครับ พอพี่คินจับได้ก็ถูกบอกเลิกกะทันหันเลย ซึ่งผมเองก็เพิ่งรู้จากปากพี่เขาเองนั่นแหละ เลยชวนผมออกมาย้อมใจด้วยเหล้าแบบนี้ แต่ผมไม่ใช่พวกนักดื่มเลยจิบๆไปแค่นั้น แต่พี่ผมนี่สิ ล่อไปตั้งเกือบครึ่งลัง นี่ก็ไม่รู้ว่าไปขนความอึดมาจากไหน ผมห้ามก็ด่าผมอีกเลยต้องปล่อยเลยตามเลยได้แต่นั่งมองพี่คินซดเหล้าเอาเป็นเอาตาย

     “กลับบ้านกันนะพี่”

     ผมเอ่ยปากเสียงเบาก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากร้านเหล้าทันใด

 

 

 

 

     ผมตื่นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ แม่มาปลุกครับ คือผมต้องตื่นไปโรงเรียน แต่ด้วยการที่เมื่อคืนไปรอพี่คินดื่มเหล้าและกว่าจะถึงบ้านก็ตีหนึ่งไปแล้ว ไหนกว่าจะได้นอนก็ร่วมตีสาม พอตื่นมาจึงง่วงมากสุดๆ

     ผมอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วหยิบกระเป๋านักเรียนมาสะพายข้างไว้ที่ไหล่ พอเดินลงบันไดมาก็เจอกับแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา

     “แม่ พี่คินล่ะครับ”

     “ดื่มหนักมาเมื่อคืนนี่ คงยังไม่ตื่นหรอก”

     แม่หันมาตอบผมแล้วก็หันกลับไปดูทีวีต่อ ผมวางกระเป๋านักเรียนไว้บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปยังห้องพี่คิน ไปดูสักหน่อยว่าเป็นไงบ้าง คงลุกไม่ไหวหรอกก็ดื่มหนักขนาดนั้น คงแฮงก์หนักมากแน่ๆ

     ผมเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกไว้เข้าไป เดิมดุ่มๆไปยังเตียงนอนพี่คิน สภาพที่เห็นก็คือ…พี่เขานอนแผ่หลาอยู่กลางเตียง เสื้อหลุดจากตัวไปตอนไหนไม่รู้เพราะผมเห็นมันอยู่ข้างเตียง คงจะร้อนล่ะมั้งเลยถอดออกไป

     “พี่ ตื่นได้แล้ว”

     ผมยืนอยู่ปลายเตียง ส่งเสียงเรียกพี่คินให้ตื่น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ พี่คินยังนอนหายใจอกกระเพื่อมอย่างเดิม ผมเลยไปนั่งลงบนพื้นที่ตรงขอบเตียง ส่งมือไปดันแขนพี่เขาเบาๆ

     “พี่คิน ตื่นได้แล้ว วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง”

     ผมมองดูปฏิกิริยาของคนบนเตียงที่ยังนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม สงสัยจะตื่นไม่ไหวจริงๆแหละ หลับลึกซะขนาดนั้น ให้นอนพักไปแล้วกัน ขาดเรียนสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

     ผมยืนขึ้นแล้วเดินลิ่วๆออกจากห้องพี่คินไป เดินลงไปนั่งกินข้าวข้างล่างกับแม่ แต่แม่ผมนี่สิกินข้าวได้คำก็หันไปดูทีวีอยู่นานสองนาน แล้วกว่าจะได้กินข้าวต่ออีกคำก็ผ่านไปนานเป็นสิบนาที

     “แม่ ข้าวแม่จะหมดจานไหม ผมเห็นแม่กินเป็นชาติแล้วนะ”

     ผมแกล้งแซวอย่างทุกที คราวนี้แม่ยอมละสายตาจากทีวีมามองผมด้วยหน้ายักษ์ พร้อมเอื้อมมือมาเขกหัวผมอย่างแรงจนผมต้องจับหัวตรงที่โดนเขกเอาไว้

     “แม่ ผมเจ็บนะ เดี๋ยวหัวโน”

     “ก็ดูแกพูดสิ นี่ไม่ตีก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

     “แม่ใจร้าย ผมไปโรงเรียนแล้วดีกว่า”

     ผมบ่นไปที ลุกขึ้นยืนดึงกระเป๋าสะพายมาถือเดินออกจากบ้านไปยังมอเตอร์ไซค์คู่ใจ แล้วขับออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน

 

 

 

 

 

 

     ผมจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ลานจอดรถของโรงเรียนมัธยมชื่อดังที่ใช้ไอแพดเป็นร่มบังแดด

     “มาแล้วเหรอมึง กว่าจะเสด็จมาได้”

     ผมหันไปมองเสียงพูดจากข้างหลังก็เห็นว่าเป็นคู่อริของผม มันชื่อ เท็น ครับ ตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผม เพราะผมสูงน้อยกว่ามัน หน้าตามันอย่างกบดารา แต่นิสัยอันธพาลหมาๆนี่คงเป็นดาราไม่ไหว เป็นแค่นักเลงก็พอแล้ว แถมอยู่ห้องเดียวกันด้วย เจอกันทุกวัน เหม็นขี้หน้าชะมัด

     “กูจะมาตอนไหนแล้วเกี่ยวไรกับมึง”

     “กูถามดีๆไหมวะ มึงก็ตอบดีๆไม่ได้หรือไง”

     มันขมวดคิ้วมองหน้าผม ผมหยักไหล่

     “ไม่มีเหตุจำเป็นที่กูต้องพูดดีๆกับมึง”

     นั่นสิ เรื่องไรผมต้องตอบมันดีๆล่ะ ผมเลยเดินไวผ่านหน้ามันไปอย่างไม่สนใจ

 

 

 

 

     “เห้ย สาวสวยของเรามาแล้วเว้ย”

     เสียงตะโกนจากในห้องดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเดินเข้ามา เป็นใครล่ะครับ ก็เพื่อนผมนั่นแหละ

     “สาวสวยบ้านมึงสิ หนุ่มหล่อต่างหาก”

     ผมเดินไปนั่งข้างๆไอ้แม็กที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ต้น ไอ้นี่หล่อเหลาเอาการ หน้าตาดีมากแต่ห่ามไปหน่อย สาวๆเลยไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้มันเท่าไหร่ มันเลยเอาแต่บ่นกับผมว่าอยากมีแฟนเหมือนคนอื่นเขาบ้าง มึงทำตัวมึงเองนะแม็ก

     “กัส เมื่อคืนมึงไปไหนวะ กูโทรไปหาทำไมไม่รับสายกู”

     “เมื่อคืนกูพาพี่คินไปย้อมใจมา นี่กูยังไม่ได้จับมือถือเลย”

     ผมล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงหยิบมือถือออกมากดดู ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับ 4 สาย ซึ่งก็เป็นแม็กล่ะครับ

     “แล้วมึงโทรมามีไรวะ”

     “คือพวกกูจะไปขอค้างบ้านมึง รายงานสังคมมันจะส่งมะรืนแล้วเนี่ย”

     ผมไล่สายตาเพื่อนอีกสองคนที่นั่งโต๊ะข้างหน้าก็คือ ไอ้ริวฝั่งซ้ายและไอ้มีนฝั่งขวา พวกมันพยักหน้ารับคำไอ้แม็กกันหงึกหงัก

     “เออๆ แต่พวกมึงห้ามเสียงดังกันนะ”

     “รับทราบครับคุณกัส เมียรักของกู มาให้กูหอมสักฟอดซิ”

แม็กเกี่ยวคอผมไปชิด หัวผมแนบไปกับอกมันจนต้องกระทุ้งศอกใส่เพราะกลัวมันจะหอมผมจริงๆ

     “เมียแม่มึงสิ ไอ้บ้า”

     ผมมองมันตาเขียวปั๊ด ต่างจากเพื่อนๆผมที่เอาแต่หัวเราะกัน

 

 

     นี่แหละครับ ชีวิตผมในโรงเรียนทุกวันก็เป็นแบบนี้ มีเพื่อนสนิทแค่นี้ก็พอแล้ว

 

 

 

 

จบตอนแรกไปแล้ว ฝากติชมกันด้วยนะคะ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา