[Yaoi] うんめい(Unmei) ชะตาขีดรัก (ผมว่าไม่ใช่หรอก)
7.3
เขียนโดย gamma_focus
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.50 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,264 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2559 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “สวยใช่มั้ยล่ะ ต้นไม้ต้นนี้น่ะ?”
ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปแตะต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า ก็มีเสียงพูดดังขึ้น ทำให้ผมแทบจะดึงมือกลับไม่ทัน และหลังจากที่ผมตั้งตัวได้ผมก็หันกลับไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
ซึ่งผมกะดูจากสายตาอันเฉียบแหลมของผมแล้ว ผมว่าผู้ชายคนนี้อายุไม่น่าจะเกิน 40 ปี อีกอย่างผมว่าเขาเป็นคนที่มีรังสีของความน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากตัวยังไงก็ไม่รู้อ่ะครับ แล้วยิ่งเขาแต่งตัวแบบคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนที่ผมเห็นผ่านตาจากหนังด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลย
นี่ผมกำลังคุยกับใครอยู่วะเนี่ยยยยย..
“ครับ?”
ถึงผมจะแปลกใจกับการแต่งตัวของลุงนี่แค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาทผมก็ตอบรับคำพูดนั้นออกไป ถึงจะครับคำเดียวก็ตามเหอะแต่ผมก็ตอบนะเว้ย!
“ต้นนี้เขาเรียกว่าต้นเอเอนโนะไอ เป็นต้นที่อยู่คู่ศาลเจ้านี้มาตั้งแต่เริ่มสร้างแล้วล่ะ”
ชายตรงหน้าผมตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ส่งมาให้
“ครับ”
คือ..จะว่ายังไงดีล่ะ..
ผมไม่ได้อยากรู้จักชื่อต้นไม้ต้นนี้สักหน่อย เพราะชื่อต้นไม้น่ะผมไม่ค่อยจำอยู่แล้วแต่สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ ต้นไม้นี่แม่งอายุน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปี ถึงตาลุงจะบอกว่าอยู่คู่ศาลนี่มาตั้งแต่เริ่มสร้างก็เหอะ แต่ที่นี่มันเพิ่งเปิดไม่ใช่หรอ? ถึงจะใช้เวลาในการสร้างก็ไม่น่าจะถึงร้อยปีป่ะวะ? แล้วสรุปไอ้ต้นไม้นี่มาอยู่ตรงนี้ได้ไง?
“มันอยู่มานานแล้วล่ะ เพียงแค่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นก็เท่านั้น”
ห้ะ!? ตาลุงนี่รู้ได้ไงวะ และคงเป็นเพราะผมทำหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด ลุงแกจึงได้ยิ้มอ่อนออกมา
“อยากรู้ความหมายของต้นไม้นี้มั้ยล่ะ ฉันจะบอกให้”
“ก็ได้ครับ” ผมว่ามันก็ไม่มีอะไรเสียหายล่ะนะ
“ต้นนี้มีชื่อว่า ต้นเอเอนโนะไอ ตามที่บอกไป ความหมายตรงตัวก็คือ ต้นไม้แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์ เป็นต้นไม้แห่งความเชื่อในรักแท้”
“...”
“ตามตำนานแล้วต้นไม้ต้นนี้นอกจากจะเป็นต้นไม้แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์แล้ว ยังเชื่อกันว่าหากคู่รักคู่ไหนที่พลัดพรากจากกัน ก็จะได้กลับมาพบและครองคู่กันอีกครั้ง เมื่อต้นไม้นี้ออกดอกสีม่วงทั่วทั้งต้น”
“...”
“ก็อย่างที่เธอเห็น ตอนนี้ต้นไม้มีดอกหลากสีเต็มไปหมด แสดงว่ามีคู่รักที่พลัดพรากจากกันไป ยังสับสน ยังตามหากันไม่เจอ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันอีกมั้ยด้วยล่ะนะ.. ว่าแต่นี่ฉันเล่าความเป็นมาของต้นไม้ต้นนี้จนทำให้เธอร้องไห้ได้เลยงั้นหรือเนี่ย ฮ่าๆ”
ชายตรงหน้าผมหัวเราะออกมาพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งวางไว้บนหัวผมที่กำลังก้มหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาที่ไหลออกมา
“ไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวก็ได้พบ” เสียงของลุงแกอ่อนโยนเกินไปอ่ะ…
“ผม..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผม..ฮึก..ร้อง..หะ..ไห้..ฮึก..ทำไม..ผมไม่..ระ..รู้ด้วยซ้ำ..ว่า..ฮึก..ทำไมต้นไม้..ฮึก..ต้นนั้น..ผมถึงรู้สึก..ฮึก..แปลกๆ...ฮือ”
ผมไม่รู้อะไรอีกแล้วครับ ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าผมเป็นใคร ผมรู้แต่เพียงว่าหลังจากที่เขาเล่าเรื่องคู่รักอะไรนั่น อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดที่รู้สึกมาตลอดตั้งแต่ที่ได้เจอต้นไม้ต้นนี้ก็ทะลุออกมาจากใจหมดเลย ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาตัวเองได้ น้ำตาผมไหลออกมา แล้วยิ่งตาลุงนี่เอามือวางบนหัวผมด้วยแล้ว หมดเลยครับ มาดต่างๆที่ผมสร้างขึ้นมา
น้ำตาผมไหลเป็นเขื่อนแตก..ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้อ่ะ..ความรู้สึกที่แม่งอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
นี่ผมเป็นเหี้ยไรวะ...
ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก โดยที่ตาลุงนี่ก็ไม่ได้ไปไหน แกก็ยืนอยู่ข้างๆผมนั่นแหละ จนกระทั่งเห็นว่าผมหยุดร้องแล้วยกมือปาดน้ำตาป้อยๆนั่นแหละครับ แกถึงได้เริ่มพูดออกมา
“ฟันเฟืองโชคชะตากำลังเริ่มหมุน เห็นมั้ยว่าต้นไม้ต้นนั้นมีดอกสีม่วงด้วย นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีนะ”
ผมเงยหน้ามองชายตรงหน้า เขายิ้มกลับมาให้กับผม เป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด..
“เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว ตอนนี้คนยิ่งมาศาลเจ้าเยอะๆอยู่ ไม่ทำหน้าที่บ้าง เดี๋ยวจะโดนไล่ออก”
“ลุงทำงานอยู่ที่นี่หรอ?” ผมเอ่ยถามออกไปหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว ให้ตายเหอะ เสียภาพพจน์หมดเลย..
“วะ! เรียกลุงได้ไง อายุยังไม่เยอะสักหน่อยได้เด็กนี่”
“โหยลุง อย่าตีนะ! วันนี้โดนตีหัวเยอะแล้วว!!”
จะไม่ให้ผมเหวอได้ไงครับ! ลุงแกจะตีหัวผมอีกแล้วอ่ะ แค่โดนไอ้เตคนเดียวก็สมองจะไหลแล้ว
พอลุงแกเห็นผมยกมือขึ้นเพื่อป้องกันหัวตัวเอง แกถึงได้หัวเราะแล้วก็ลดมือลงไป
“ฮ่าๆๆๆ เออ! ไม่ตีแล้วโว้ย ฉันไปจริงๆล่ะ”
“เดี๋ยวลุง!” ทันทีที่ลุงหมุนตัวแล้วจะเดินไป ผมก็เรียกลุงเอาไว้ก่อน “ลุงยังไม่ได้ตอบผม ว่าลุงทำงานอยู่ที่นี่หรอ?”
“ฉันอยู่ที่นี่” ลุงแกส่งเสียงตอบผมกลับมา แล้วก็เดินไปเลย..
อ้อ..แสดงว่าลุงทำงานอยู่ที่นี่งั้นสินะ..
แล้วผมจะอยากรู้ไปทำไมวะ บันไดสูงขนาดนั้นคงไม่มาอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ผมมีบ้านอยู่ข้างๆศาลเจ้านี่ ผมยังไม่อยากมาเลย
ผมเดินออกมาจากต้นไม้ต้นนั้น ด้วยความรู้สึกที่ยังติดอยู่ในใจลึกๆ..
‘นา...โอ...ยะ’
ใคร..
นั่นเสียงใครกัน..
.....................................................
ตอนสองมาแล้วก๊าบบบบ ><
ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปแตะต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า ก็มีเสียงพูดดังขึ้น ทำให้ผมแทบจะดึงมือกลับไม่ทัน และหลังจากที่ผมตั้งตัวได้ผมก็หันกลับไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
ซึ่งผมกะดูจากสายตาอันเฉียบแหลมของผมแล้ว ผมว่าผู้ชายคนนี้อายุไม่น่าจะเกิน 40 ปี อีกอย่างผมว่าเขาเป็นคนที่มีรังสีของความน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากตัวยังไงก็ไม่รู้อ่ะครับ แล้วยิ่งเขาแต่งตัวแบบคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนที่ผมเห็นผ่านตาจากหนังด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลย
นี่ผมกำลังคุยกับใครอยู่วะเนี่ยยยยย..
“ครับ?”
ถึงผมจะแปลกใจกับการแต่งตัวของลุงนี่แค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาทผมก็ตอบรับคำพูดนั้นออกไป ถึงจะครับคำเดียวก็ตามเหอะแต่ผมก็ตอบนะเว้ย!
“ต้นนี้เขาเรียกว่าต้นเอเอนโนะไอ เป็นต้นที่อยู่คู่ศาลเจ้านี้มาตั้งแต่เริ่มสร้างแล้วล่ะ”
ชายตรงหน้าผมตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ส่งมาให้
“ครับ”
คือ..จะว่ายังไงดีล่ะ..
ผมไม่ได้อยากรู้จักชื่อต้นไม้ต้นนี้สักหน่อย เพราะชื่อต้นไม้น่ะผมไม่ค่อยจำอยู่แล้วแต่สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ ต้นไม้นี่แม่งอายุน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปี ถึงตาลุงจะบอกว่าอยู่คู่ศาลนี่มาตั้งแต่เริ่มสร้างก็เหอะ แต่ที่นี่มันเพิ่งเปิดไม่ใช่หรอ? ถึงจะใช้เวลาในการสร้างก็ไม่น่าจะถึงร้อยปีป่ะวะ? แล้วสรุปไอ้ต้นไม้นี่มาอยู่ตรงนี้ได้ไง?
“มันอยู่มานานแล้วล่ะ เพียงแค่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นก็เท่านั้น”
ห้ะ!? ตาลุงนี่รู้ได้ไงวะ และคงเป็นเพราะผมทำหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด ลุงแกจึงได้ยิ้มอ่อนออกมา
“อยากรู้ความหมายของต้นไม้นี้มั้ยล่ะ ฉันจะบอกให้”
“ก็ได้ครับ” ผมว่ามันก็ไม่มีอะไรเสียหายล่ะนะ
“ต้นนี้มีชื่อว่า ต้นเอเอนโนะไอ ตามที่บอกไป ความหมายตรงตัวก็คือ ต้นไม้แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์ เป็นต้นไม้แห่งความเชื่อในรักแท้”
“...”
“ตามตำนานแล้วต้นไม้ต้นนี้นอกจากจะเป็นต้นไม้แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์แล้ว ยังเชื่อกันว่าหากคู่รักคู่ไหนที่พลัดพรากจากกัน ก็จะได้กลับมาพบและครองคู่กันอีกครั้ง เมื่อต้นไม้นี้ออกดอกสีม่วงทั่วทั้งต้น”
“...”
“ก็อย่างที่เธอเห็น ตอนนี้ต้นไม้มีดอกหลากสีเต็มไปหมด แสดงว่ามีคู่รักที่พลัดพรากจากกันไป ยังสับสน ยังตามหากันไม่เจอ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันอีกมั้ยด้วยล่ะนะ.. ว่าแต่นี่ฉันเล่าความเป็นมาของต้นไม้ต้นนี้จนทำให้เธอร้องไห้ได้เลยงั้นหรือเนี่ย ฮ่าๆ”
ชายตรงหน้าผมหัวเราะออกมาพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งวางไว้บนหัวผมที่กำลังก้มหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาที่ไหลออกมา
“ไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวก็ได้พบ” เสียงของลุงแกอ่อนโยนเกินไปอ่ะ…
“ผม..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผม..ฮึก..ร้อง..หะ..ไห้..ฮึก..ทำไม..ผมไม่..ระ..รู้ด้วยซ้ำ..ว่า..ฮึก..ทำไมต้นไม้..ฮึก..ต้นนั้น..ผมถึงรู้สึก..ฮึก..แปลกๆ...ฮือ”
ผมไม่รู้อะไรอีกแล้วครับ ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าผมเป็นใคร ผมรู้แต่เพียงว่าหลังจากที่เขาเล่าเรื่องคู่รักอะไรนั่น อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดที่รู้สึกมาตลอดตั้งแต่ที่ได้เจอต้นไม้ต้นนี้ก็ทะลุออกมาจากใจหมดเลย ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาตัวเองได้ น้ำตาผมไหลออกมา แล้วยิ่งตาลุงนี่เอามือวางบนหัวผมด้วยแล้ว หมดเลยครับ มาดต่างๆที่ผมสร้างขึ้นมา
น้ำตาผมไหลเป็นเขื่อนแตก..ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้อ่ะ..ความรู้สึกที่แม่งอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
นี่ผมเป็นเหี้ยไรวะ...
ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก โดยที่ตาลุงนี่ก็ไม่ได้ไปไหน แกก็ยืนอยู่ข้างๆผมนั่นแหละ จนกระทั่งเห็นว่าผมหยุดร้องแล้วยกมือปาดน้ำตาป้อยๆนั่นแหละครับ แกถึงได้เริ่มพูดออกมา
“ฟันเฟืองโชคชะตากำลังเริ่มหมุน เห็นมั้ยว่าต้นไม้ต้นนั้นมีดอกสีม่วงด้วย นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีนะ”
ผมเงยหน้ามองชายตรงหน้า เขายิ้มกลับมาให้กับผม เป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด..
“เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว ตอนนี้คนยิ่งมาศาลเจ้าเยอะๆอยู่ ไม่ทำหน้าที่บ้าง เดี๋ยวจะโดนไล่ออก”
“ลุงทำงานอยู่ที่นี่หรอ?” ผมเอ่ยถามออกไปหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว ให้ตายเหอะ เสียภาพพจน์หมดเลย..
“วะ! เรียกลุงได้ไง อายุยังไม่เยอะสักหน่อยได้เด็กนี่”
“โหยลุง อย่าตีนะ! วันนี้โดนตีหัวเยอะแล้วว!!”
จะไม่ให้ผมเหวอได้ไงครับ! ลุงแกจะตีหัวผมอีกแล้วอ่ะ แค่โดนไอ้เตคนเดียวก็สมองจะไหลแล้ว
พอลุงแกเห็นผมยกมือขึ้นเพื่อป้องกันหัวตัวเอง แกถึงได้หัวเราะแล้วก็ลดมือลงไป
“ฮ่าๆๆๆ เออ! ไม่ตีแล้วโว้ย ฉันไปจริงๆล่ะ”
“เดี๋ยวลุง!” ทันทีที่ลุงหมุนตัวแล้วจะเดินไป ผมก็เรียกลุงเอาไว้ก่อน “ลุงยังไม่ได้ตอบผม ว่าลุงทำงานอยู่ที่นี่หรอ?”
“ฉันอยู่ที่นี่” ลุงแกส่งเสียงตอบผมกลับมา แล้วก็เดินไปเลย..
อ้อ..แสดงว่าลุงทำงานอยู่ที่นี่งั้นสินะ..
แล้วผมจะอยากรู้ไปทำไมวะ บันไดสูงขนาดนั้นคงไม่มาอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ผมมีบ้านอยู่ข้างๆศาลเจ้านี่ ผมยังไม่อยากมาเลย
ผมเดินออกมาจากต้นไม้ต้นนั้น ด้วยความรู้สึกที่ยังติดอยู่ในใจลึกๆ..
‘นา...โอ...ยะ’
ใคร..
นั่นเสียงใครกัน..
.....................................................
ตอนสองมาแล้วก๊าบบบบ ><
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ