ป่วนรักนายจิตป่วย
5.9
เขียนโดย wimon
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.36 น.
6 ตอน
4 วิจารณ์
8,951 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 20.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สวัสดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าวันจันทร์ เวลา 6:30น. แสงแดดอ่อนๆกับลมเบาๆ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกกระจอกตัวเล็กที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมา บรรยากาศเงียบสงบ โรงเรียนเวลาไร้ผู้คนนี่ดูกว้างดีจริงๆ ผมเดินตรงเข้ามาในห้องเรียนของผมกวาดสายตามองไปทั่วห้อง
"สวัสดีโซมะ วันนี้ก็มาเช้าเหมือนเคยเลยนะ" เด็กสาวผมยาวตรงสีทองหน้าตาสุกใสวัยเดียวกันกับผมกล่าวทักทาย แน่นอนเธอคือหัวหน้าห้องสุดเพอร์เฟคของชั้นเรียนนี้ ฮานะ จัง
"อ่า สวัสดีฮานะจัง" ผมเอ่ยตอบกลับตามมารยาท จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนชอบมาโรงเรียนในตอนเช้าหรอกครับ เพียงแต่ที่บ้านของผมมีปัญหานิดหน่อย แต่การมาเรียนตั้งแต่เช้าเนี่ยก็ดีนะ ทั้งเงียบและสงบ อากาศก็สดชื่น วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่สองโต๊ะภายในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่มีฝุ่นปกคลุมอยู่เต็มไปหมด
"โซมะ นายช่วยฉันทำความสะอาดห้องเรียนหน่อยได้ไหม" เด็กสาวเอ่ยขอความช่วยเหลือจากผม ให้ตายเถอะตอนนี้ก็มีแค่ผมกับฮานะก็คงต้องช่วยกันทำความสะอาดกันสองคนนั่นแหละจะปล่อยให้เด็กสาวทำคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ
"โย่ว อ้าวโซมะเดี๊ยวนี้รู้จักเข้าหาคนแล้วหรอ อย่างว่าแหละน้าวันแรกก็ต้องเริ่มต้นใหม่สิเนอะ" ผมหันไปมองต้นตอของเสียงจะเป็นใครไปได้ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม เคย์ ผมรู้จักกับเคย์มาตั้งแต่อนุบาล คุณพ่อของผมกับคุณพ่อของเคย์เป็นเพื่อนร่วมงานกัน เคย์คงเป็นเพื่อนที่เข้าใจผมมากที่สุดในตอนนี้
"เห้ยๆ รึว่าแกจะชอบคุณฮานะเข้าซะแล้ว" เจ้าเคย์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม
"นี่ เคย์ช่วยหุบปากแล้วมาช่วยกันทำความะอาดห้องเรียนหน่อยจะได้ไหมครับ"
"โหย ท่านโซมะเย็นชากับผมอีกแล้ว" เจ้าเคย์ทำหน้าเหยเกใส่ผม ส่วนฮานะก็กำลังหัวเราะ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนมีความสุขกับวันดีๆแบบนี้
ไม่นานคาบแรกในเช้าวันนี้ก็เริ่มขึ้น ดูเหมือนทุกๆอย่างจะเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป จากที่เจ้าเคย์พูดมาคิดๆดูแล้วก็จริงของมันที่เราดูเย็นชาจนเกินไป จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะเย็นชาใส่ใครหรอก ใช่แล้วครับผมมีปัญหาเรื่องครอบครัว มันคงเป็นความผิดของผมเองมากกว่า ถ้าวันนั้นผมไม่เอาแต่ใจจนเกินไป
"คุณพ่อ ยังไงผมก็ไม่เข้าโรงเรียนนั่นแน่ๆ อย่ามาบังคับผม" ผมยังจำวันนั้นได้ดี ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่
"โซมะ! ฟังนะพ่อพยายามหาที่เรียนดีๆให้เพื่ออนาคตของแกเอง" คุณพ่อเสียงแข็ง
"ไม่! คุณพ่อทำเพื่อตัวคุณพ่อเองมากกว่า พ่อแค่อยากกำจัดผมกับแม่ใช่ไหมล่ะ" ผมเถียงกลับทันควัน
"เจ้านี่ ชักจะมากไปแล้วนะ" คุณพ่อดึงคอเสื้อของผมขึ้น
"อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ พ่อจะทิ้งผมกับคุณแม่" เพี๊ยะ! ผมโดนตบหน้าเข้าจังๆ
"หุบปากสะ! เพราะแกมันน่าสมเพชแบบนี้ไง" ผมทำได้เพียงกำมือและกัดฟันแน่นมองตรงไปที่หน้าคุณพ่อเท่านั้น ในขณะเดียวกันคุณพ่อง้างมือขึ้นกำลังจะตบลงมาที่หน้าผมอีกครั้ง
"คุณคะ พอเถอะค่ะ ฉันกับลูก....ฮึก....จะทำตามที่คุณบอก....ฮึก" ผมหันไปมองเสียงสะอึกสะเอื้อนนั่น คุณแม่ ทำไมนะ ทำไมต้องไปยอมคนแบบนี้ด้วย
"ถ้าพูดง่ายๆเหมือนแม่แก คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอก หึ" คุณพ่อผลักผมลงไปนั่งกองกลับพื้น ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้เลย ในหัวผมมีแต่ความคิดวกไปวนมา ทำไมคุณแม่ถึงยอมคนแบบนั้น เราใช่ลูกของเขาจริงๆหรือเปล่านะ
"โซมะ! เจ็บตรงไหนรึเปล่าลูก แม่รักลูกนะ ฮึก..." คุณแม่วิ่งตรงเข้ามาโอบกอดผมเอาไว้ ผมสัมผัสได้ถึงจิตใจที่บอบช้ำ น้ำตาของคุณแม่ที่ไหลลงมาเปียกเต็มใบหน้าของผม ผมทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้น ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณพ่อเพียงเพราะไม่อยากให้คุณแม่เสียใจอีก ก็เท่านั้นแหละครับผมย้ายไปเรียนต่างจังหวัดตามที่คุณพ่อสั่งพร้อมกับคุณแม่ มันไม่ได้ทำให้คุณแม่หยุดเสียใจได้เลย ผมทำได้แต่ทำตามคำสั่งของคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อได้ไม่เต็มปากนัก คุณพ่อน่ะทำงานอยู่ในบริษัท ยามะ เป็นผู้บริหารระดับกลางค่อนข้างจะมีเงินมากเลยทีเดียว ฐานะของบ้านผมเรียกว่ารวยเลยก็ว่าได้ เดิมที่คุณพ่อเป็นคนที่ดีมากๆเลยล่ะ ผมยังจำได้ในสมัยผมยังเรียนชั้นอนุบาล คุณพ่อไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนเป็นประจำ ในวันหยุดก็พาผมไปเที่ยวเสมอ และรักคุณแม่ของผมมาก เมื่อหน้าที่การงานของคุณพ่อดีขึ้นเริ่มพรรคมีพวกชื่อเสียงเงินทองบารมีและอำนาจทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนก็กลายเป็นให้นั่งรถประจำทาง คุณพ่อเริ่มกลับบ้านช้าและมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่เป็นประจำ ไม่นานนักก็มีโทรศัพท์แปลกๆโทรเข้ามาที่บ้านเป็นเสียงผู้หญิงบอกอะไรสักอย่างกลับคุณแม่ คุณแม่ถึงกลับทรุดนั่งลงไปกับพื้น คุณพ่อกับคุณแม่มีปากเสียงกันยกใหญ่เลยทีเดียวล่ะ ส่วนคุณแม่ก็คงรู้มานานแล้ว ผมพึ่งทราบว่าคุณพ่อกำลังมีครอบครัวใหม่เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองะ ทำไมคุณแม่ของผมถึงยอมพ่อหรือครับ เหตุผลคงเป็นเพราะคำว่า รัก มั้งครับ ไม่ว่าคุณพ่อจะทำกับคุณแม่ยังไง คุณแม่ก็ไม่เคยคิดจะยอมหย่าร้างกับคุณพ่อเลยสักครั้ง เรื่องนี้เองที่ทำให้ผมกลายเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด คิดหรอครับว่าเด็กอายุสิบขวบกว่าๆจะยอมรับมันได้ ผู้ใหญ่ก็ได้แต่ยัดเยียดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เด็กทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยสัมผัสกับความสุขอีกเลย ผมเกลียดแม้กระทั่งการผูกมิตรกับคนอื่นๆ ผมมีเพื่อนคนเดียวเท่านั้นคือ เจ้าเคย์ ผมอิจฉาในตัวเขามากๆ ทั้งๆที่คุณพ่อของเขาก็ทำงานในระดับเดียวกันกับคุณพ่อของผม แต่เขากลับไม่หลงในอำนาจเงินทองนั้นๆ ครอบครัวของเคย์นี่อบอุ่นดีจริงๆ อดคิดที่จะอิจฉาพวกเขาไม่ได้เลย เคย์เข้าใจความรู้สึกของผมดี และแน่นอนว่าเขารู้สถานะการณ์ในบ้านของผมเช่นกัน เคย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมไม่ว่าผมจะเป็นยังไง เขายังช่วยทำให่ผมมีรอยยิ้มขึ้นทุกครั้ง ถึงจะเป็นรอยยิ้มจอมปลอมก็เถอะ
"โซมะ เหม่ออะไรน่ะ ไปพักเที่ยงกันเถอะ" เจ้าเคย์ที่นั่งด้านข้างผมสะกิดผมให้ตื่นจากความคิด
"อือ" เจ้าเคย์หันกลับมายิ้มให้ผม เหมือนกับทุกๆครั้ง
"สวัสดีโซมะ วันนี้ก็มาเช้าเหมือนเคยเลยนะ" เด็กสาวผมยาวตรงสีทองหน้าตาสุกใสวัยเดียวกันกับผมกล่าวทักทาย แน่นอนเธอคือหัวหน้าห้องสุดเพอร์เฟคของชั้นเรียนนี้ ฮานะ จัง
"อ่า สวัสดีฮานะจัง" ผมเอ่ยตอบกลับตามมารยาท จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนชอบมาโรงเรียนในตอนเช้าหรอกครับ เพียงแต่ที่บ้านของผมมีปัญหานิดหน่อย แต่การมาเรียนตั้งแต่เช้าเนี่ยก็ดีนะ ทั้งเงียบและสงบ อากาศก็สดชื่น วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่สองโต๊ะภายในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่มีฝุ่นปกคลุมอยู่เต็มไปหมด
"โซมะ นายช่วยฉันทำความสะอาดห้องเรียนหน่อยได้ไหม" เด็กสาวเอ่ยขอความช่วยเหลือจากผม ให้ตายเถอะตอนนี้ก็มีแค่ผมกับฮานะก็คงต้องช่วยกันทำความสะอาดกันสองคนนั่นแหละจะปล่อยให้เด็กสาวทำคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ
"โย่ว อ้าวโซมะเดี๊ยวนี้รู้จักเข้าหาคนแล้วหรอ อย่างว่าแหละน้าวันแรกก็ต้องเริ่มต้นใหม่สิเนอะ" ผมหันไปมองต้นตอของเสียงจะเป็นใครไปได้ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม เคย์ ผมรู้จักกับเคย์มาตั้งแต่อนุบาล คุณพ่อของผมกับคุณพ่อของเคย์เป็นเพื่อนร่วมงานกัน เคย์คงเป็นเพื่อนที่เข้าใจผมมากที่สุดในตอนนี้
"เห้ยๆ รึว่าแกจะชอบคุณฮานะเข้าซะแล้ว" เจ้าเคย์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม
"นี่ เคย์ช่วยหุบปากแล้วมาช่วยกันทำความะอาดห้องเรียนหน่อยจะได้ไหมครับ"
"โหย ท่านโซมะเย็นชากับผมอีกแล้ว" เจ้าเคย์ทำหน้าเหยเกใส่ผม ส่วนฮานะก็กำลังหัวเราะ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนมีความสุขกับวันดีๆแบบนี้
ไม่นานคาบแรกในเช้าวันนี้ก็เริ่มขึ้น ดูเหมือนทุกๆอย่างจะเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป จากที่เจ้าเคย์พูดมาคิดๆดูแล้วก็จริงของมันที่เราดูเย็นชาจนเกินไป จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะเย็นชาใส่ใครหรอก ใช่แล้วครับผมมีปัญหาเรื่องครอบครัว มันคงเป็นความผิดของผมเองมากกว่า ถ้าวันนั้นผมไม่เอาแต่ใจจนเกินไป
"คุณพ่อ ยังไงผมก็ไม่เข้าโรงเรียนนั่นแน่ๆ อย่ามาบังคับผม" ผมยังจำวันนั้นได้ดี ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่
"โซมะ! ฟังนะพ่อพยายามหาที่เรียนดีๆให้เพื่ออนาคตของแกเอง" คุณพ่อเสียงแข็ง
"ไม่! คุณพ่อทำเพื่อตัวคุณพ่อเองมากกว่า พ่อแค่อยากกำจัดผมกับแม่ใช่ไหมล่ะ" ผมเถียงกลับทันควัน
"เจ้านี่ ชักจะมากไปแล้วนะ" คุณพ่อดึงคอเสื้อของผมขึ้น
"อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ พ่อจะทิ้งผมกับคุณแม่" เพี๊ยะ! ผมโดนตบหน้าเข้าจังๆ
"หุบปากสะ! เพราะแกมันน่าสมเพชแบบนี้ไง" ผมทำได้เพียงกำมือและกัดฟันแน่นมองตรงไปที่หน้าคุณพ่อเท่านั้น ในขณะเดียวกันคุณพ่อง้างมือขึ้นกำลังจะตบลงมาที่หน้าผมอีกครั้ง
"คุณคะ พอเถอะค่ะ ฉันกับลูก....ฮึก....จะทำตามที่คุณบอก....ฮึก" ผมหันไปมองเสียงสะอึกสะเอื้อนนั่น คุณแม่ ทำไมนะ ทำไมต้องไปยอมคนแบบนี้ด้วย
"ถ้าพูดง่ายๆเหมือนแม่แก คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอก หึ" คุณพ่อผลักผมลงไปนั่งกองกลับพื้น ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้เลย ในหัวผมมีแต่ความคิดวกไปวนมา ทำไมคุณแม่ถึงยอมคนแบบนั้น เราใช่ลูกของเขาจริงๆหรือเปล่านะ
"โซมะ! เจ็บตรงไหนรึเปล่าลูก แม่รักลูกนะ ฮึก..." คุณแม่วิ่งตรงเข้ามาโอบกอดผมเอาไว้ ผมสัมผัสได้ถึงจิตใจที่บอบช้ำ น้ำตาของคุณแม่ที่ไหลลงมาเปียกเต็มใบหน้าของผม ผมทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนั้น ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณพ่อเพียงเพราะไม่อยากให้คุณแม่เสียใจอีก ก็เท่านั้นแหละครับผมย้ายไปเรียนต่างจังหวัดตามที่คุณพ่อสั่งพร้อมกับคุณแม่ มันไม่ได้ทำให้คุณแม่หยุดเสียใจได้เลย ผมทำได้แต่ทำตามคำสั่งของคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อได้ไม่เต็มปากนัก คุณพ่อน่ะทำงานอยู่ในบริษัท ยามะ เป็นผู้บริหารระดับกลางค่อนข้างจะมีเงินมากเลยทีเดียว ฐานะของบ้านผมเรียกว่ารวยเลยก็ว่าได้ เดิมที่คุณพ่อเป็นคนที่ดีมากๆเลยล่ะ ผมยังจำได้ในสมัยผมยังเรียนชั้นอนุบาล คุณพ่อไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนเป็นประจำ ในวันหยุดก็พาผมไปเที่ยวเสมอ และรักคุณแม่ของผมมาก เมื่อหน้าที่การงานของคุณพ่อดีขึ้นเริ่มพรรคมีพวกชื่อเสียงเงินทองบารมีและอำนาจทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนก็กลายเป็นให้นั่งรถประจำทาง คุณพ่อเริ่มกลับบ้านช้าและมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งอยู่เป็นประจำ ไม่นานนักก็มีโทรศัพท์แปลกๆโทรเข้ามาที่บ้านเป็นเสียงผู้หญิงบอกอะไรสักอย่างกลับคุณแม่ คุณแม่ถึงกลับทรุดนั่งลงไปกับพื้น คุณพ่อกับคุณแม่มีปากเสียงกันยกใหญ่เลยทีเดียวล่ะ ส่วนคุณแม่ก็คงรู้มานานแล้ว ผมพึ่งทราบว่าคุณพ่อกำลังมีครอบครัวใหม่เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองะ ทำไมคุณแม่ของผมถึงยอมพ่อหรือครับ เหตุผลคงเป็นเพราะคำว่า รัก มั้งครับ ไม่ว่าคุณพ่อจะทำกับคุณแม่ยังไง คุณแม่ก็ไม่เคยคิดจะยอมหย่าร้างกับคุณพ่อเลยสักครั้ง เรื่องนี้เองที่ทำให้ผมกลายเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด คิดหรอครับว่าเด็กอายุสิบขวบกว่าๆจะยอมรับมันได้ ผู้ใหญ่ก็ได้แต่ยัดเยียดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เด็กทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยสัมผัสกับความสุขอีกเลย ผมเกลียดแม้กระทั่งการผูกมิตรกับคนอื่นๆ ผมมีเพื่อนคนเดียวเท่านั้นคือ เจ้าเคย์ ผมอิจฉาในตัวเขามากๆ ทั้งๆที่คุณพ่อของเขาก็ทำงานในระดับเดียวกันกับคุณพ่อของผม แต่เขากลับไม่หลงในอำนาจเงินทองนั้นๆ ครอบครัวของเคย์นี่อบอุ่นดีจริงๆ อดคิดที่จะอิจฉาพวกเขาไม่ได้เลย เคย์เข้าใจความรู้สึกของผมดี และแน่นอนว่าเขารู้สถานะการณ์ในบ้านของผมเช่นกัน เคย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมไม่ว่าผมจะเป็นยังไง เขายังช่วยทำให่ผมมีรอยยิ้มขึ้นทุกครั้ง ถึงจะเป็นรอยยิ้มจอมปลอมก็เถอะ
"โซมะ เหม่ออะไรน่ะ ไปพักเที่ยงกันเถอะ" เจ้าเคย์ที่นั่งด้านข้างผมสะกิดผมให้ตื่นจากความคิด
"อือ" เจ้าเคย์หันกลับมายิ้มให้ผม เหมือนกับทุกๆครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ