หวงรักประกาศิตลับ

8.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.39 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) หวงรักประกาศิตลับ ตอนที่ 3 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตั้งแต่ช่วงสายถึงเย็นของวันที่พอฤทัยต้องขลุกตัวอยู่ในสปาหรูของโรงแรมชื่อดัง เริ่มต้นจากการดูแลผิวหน้า ผิวกาย การนวดอโรมาทำให้เธอผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปได้มากโข แต่เมื่อต้องมานั่งทำทรีตเมนต์เส้นผมไปพร้อมๆ กับการทำเล็บ มีพนักงานราวสองสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับร่างกายไม่ห่างก็ทำให้พอฤทัยสะท้อนใจกับภาพของตัวเองในกระจกเงา

        ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากสาวชาวบ้านที่ถูกจับมาขัดสีฉวีวรรณ เพื่อสังเวยเรือนร่างให้กับพระราชา บ่อยครั้งคำถามที่ค้างคายังผุดขึ้นในสมองแต่จนแล้วจนรอด เธอต้องพยายามสลัดความย่ำแย่เหล่านั้นออกไป สั่งตัวเองให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับคำพูดของคาร์เมน

        “ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าแม่ของดอนเซเลสตร้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของสามีโลล่า” พอฤทัยถาม พยักหน้าพลางยิ้มอย่างขอบคุณให้กับช่างทำเล็บที่สอดหมอนใบขนาดย่อมวางมือทั้งสองข้าง รอให้สีเคลือบแห้ง

        “ค่ะ ดอนเวนโตล่าครองโสดมาจนเกือบห้าสิบปีถึงยอมตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ ซึ่งตอนนั้นดอนญ่าเวนโตล่าก็อายุมากแล้ว อีกทั้งมีโรคประจำตัว คุณหมอจึงไม่อยากให้เธอตั้งครรภ์ แต่ไม่กี่ปีต่อมาดอนและดอนญ่าเด มาร์คอส ก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติทางเฮลิคอปเตอร์” คาร์เมนพยายามเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเด มาร์คอส และเวนโตล่า ให้ได้มากที่สุดตามคำสั่งของดอนญ่าเวนโตล่า

        ถึงตรงนี้พอฤทัยไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดเซเลสตร้า เด มาร์คอส จึงเป็นบุรุษผู้เย่อหยิ่ง มีความผยองในทุกอิริยาบถ นั่นย่อมเป็นปกติของคนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักและเอาใจใส่เพียงหนึ่งเดียว คนเดียวของตระกูล จุดศูนย์รวมของจักรวาลของตระกูลเวนโตล่าและตระกูลเด มาร์คอส

        แน่นอนว่าพระเจ้าเข้าข้างเขาด้วยการประทานรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลา บวกกับความมั่งคั่ง มั่นคงของตระกูลเก่าแก่ที่มีความสำคัญที่สุดในอาร์เจนตินาและอิตาลี หากจะมีใครสักคนโชคดีเกิดมาพร้อมคุณสมบัติอันเพียบพร้อมนี้ คนคนนั้นย่อมต้องมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมากล้น จนสามารถบั่นทอนความมั่นใจของผู้คนรอบข้างได้เพียงแค่การปรายตามอง

        ความจริงในข้อนั้น พอฤทัยเคยประสบมาด้วยตัวเองจึงรับรู้และเข้าใจได้เป็นอย่างดี

        เมื่อใบหน้าและทรงผมของพอฤทัยเรียบร้อยแล้วก็เหลือเพียงแค่ใส่ชุดที่เตรียมไว้เท่านั้น คาร์เมนจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้ทุกคนออกไปจากห้องเสียก่อน เพราะยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้

        “แน่ใจนะคะว่าจะไม่ทานอะไรรองท้องอีกสักหน่อย” คาร์เมนย้ำถามอีกครั้ง หลังจากเพิ่งคะยั้นคะยอให้หญิงสาวรับประทานอาหารเข้าไปเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาหารมื้อแรกที่ตกถึงท้องเธอด้วยซ้ำ

        “อิ่มแปล้เลยค่ะ อยากได้กาแฟดำสักถ้วยก็พอ” ปกติเธอจะไม่ดื่มกาแฟหลังเที่ยงเพราะกลัวว่าฤทธิ์ของคาเฟอีนจะทำให้ต้องนอนตาค้าง แต่ในสถานการณ์น่าอึดอัดใจเช่นนี้ เธอกลับหวังว่าคาเฟอีนจะช่วยร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น

        หลังจากที่คาร์เมนยกหูโทรศัพท์ออร์เดอร์ตามความต้องการของหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว จึงเดินมายืนซ้อนแผ่นหลังคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สองมือค่อยๆ ดึงสาบเสื้อคลุมออกจากหัวไหล่กลมกลึง

        รอยยิ้มจริงใจที่มีให้ผ่านทางกระจกเงาทำให้พอฤทัยยิ้มตอบ แม้จะอ่อนใจกับคำปลอบประโลมแต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงเอื้ออาทรของคาร์เมนจะทำให้เธอคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง

        “อย่าอายนะคะ เราต่างก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน อีกอย่างที่คุณต้องรู้และจดจำเอาไว้ว่า... คุณมีผิวพรรณเนียนนุ่ม ทรวดทรงอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอมอย่างที่ผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉา” บอกและลดมือลงกลางแผ่นหลังบอบบางเพื่อปลดตะขอบราเซียร์แต่มันยังเกาะอยู่บนเนินทรวงอวบอิ่มเพราะเจ้าตัวยังเหนียมอาย ใช้มือทั้งสองข้างปิดเอาไว้

        พอฤทัยกลืนน้ำลายที่จุกอยู่กลางลำคอลงอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นคาร์เมนเอื้อมมือไปหยิบกล่องสติกเกอร์ที่ใช้แปะยอดทรวง “ฉันไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ ไม่เคยโนบราออกงานเลี้ยงแบบนี้สักที”

        คาร์เมนยิ้มพร้อมทั้งเลื่อนฝ่ามือทั้งสองข้างของเธอลงจากทรวงอก แปะสติกเกอร์ลงบนยอดทรวงสีหวานอย่างเบามือและมีมารยาท “คุณมีหน้าอกที่สวย กลมกลึงอย่างนี้มีอะไรที่ต้องกังวลใจคะ ชุดราตรีถูกออกแบบมาให้พอดีกับสรีระของคุณ การตัดเย็บจากห้องเสื้อชั้นสูงเป็นเครื่องการันตีว่าจะไม่ทำให้คุณขายหน้าในยามที่ตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร แต่บราเซียร์ที่นอกเหนือจากคำแนะนำของดีไซน์เนอร์จะสร้างความเกะกะ ทำให้คุณเคลื่อนไหวไม่สะดวกเท่าที่ควร”

        พอฤทัยรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ลามเลียไปทั่วผิวกาย เมื่อมองทรวงอกของตัวเองผ่านกระจกเงา ยอดทรวงที่อยู่ภายใต้สติกเกอร์สีนู้ดดูกลมกลืนไปกับผิวเนื้อของเธออย่างน่าประหลาดใจ เหนือสิ่งอื่นใดทรงผมและเมกอัพบนใบหน้าทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ต่างจากนางยั่วคนหนึ่ง!

        เจ้าของขาเรียวก้าวเข้าไปอยู่ในชุดราตรีแขนกุดสีดำที่คาร์เมนเป็นคนคอยอำนวยความสะดวก เลื่อมสลับพู่ไหมเป็นชั้นๆ ลงไปทั้งชุดขับผิวเนียนให้ดูผ่องใสมากยิ่งขึ้น แม้ว่าคอเสื้อแหลมเป็นรูปตัววีจะลึกจนถึงกลางหว่างอก ด้านหลังยังน่าหวาดเสียวกว่าเพราะโชว์ถึงบั้นเอว แต่ทุกอย่างเข้ารูปด้วยซิปข้างที่กระชับไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ

        “แกลมเมอรัส (Glamorous)” คาร์เมนเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมทั้งกวาดสายตามอง ชื่นชมด้วยความรู้สึกจากใจจริง “คุณช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ทุกอย่างงดงาม ลึกลับน่าค้นหา ซึ่งทำให้ฉันอัศจรรย์ใจว่าทุกอย่างนี้อยู่ภายใต้ความงามอย่างอ่อนหวานที่เห็นเป็นปกติ”

        พอฤทัยยิ้มสดใสกับคำชื่นชมนั้น “คนไทยมีสุภาษิตว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ผู้หญิงเราทุกคนคงจะงดงามอย่างนี้ได้เพราะการเสริมแต่ง แต่คุณดูฉันสิคะคาร์เมน ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกเงานี้มีอะไรที่เป็นตัวตนของฉันบ้าง มีอะไรที่เป็นพอฤทัยบ้าง”

        คาร์เมนอดสะท้อนใจไม่ได้ เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ น่าดึงดูดใจ ยกเว้นสีหน้าเป็นกังวลของคนที่หมุนตัวกลับไปมองกระจกเงา “หลังจากคืนนี้คุณจะไม่ใช่คนเดิม แต่จะเป็นดอนญ่าเด มาร์คอส ต่างหากล่ะคะ”

        “น่าภูมิใจกับตำแหน่งนั้นนะคะ” ถ้าฉันจะได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย โดยการเลือกของสามี แต่ประโยคหลังนั้น พอฤทัยก็ได้แต่ต่อเอาเองในใจเพราะไม่รู้ว่าจะตัดพ้อต่อว่าคนอื่นได้อย่างไร เมื่อทุกอย่างผลักดันให้เธอเลือกเดินทางนี้

        เมื่อไม่อาจหันหลังกลับไปแล้ว เธอก็ควรสั่งตัวเองให้เดินหน้าทำในสิ่งที่รับปากไว้อย่างเต็มใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวเศร้าสร้อยให้คนรอบข้างต้องหนักอกหนักใจ จากนี้ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเธอจะยิ้มรับกับทางเดินที่เลือกด้วยตัวเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นพอฤทัยจึงกะพริบตาถี่ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

        “ไปกันเถอะค่ะ อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงงานเลี้ยงก็ต้องเริ่มแล้ว” พอฤทัยบอกพร้อมรอยยิ้มสดใสที่ตั้งใจใช้มันฉาบความรู้สึกย่ำแย่ภายในใจ

        “คุณต้องเข้าไปในงานเลี้ยงในตอนที่ดอนเซเลสกล่าวสุนทรพจน์ใกล้จะจบ มันเป็นวิธีการดึงดูดความสนใจง่ายๆ แต่ได้ผลทุกครั้ง จำไว้นะคะว่าดอนเซเลสจะใส่ทักซิโดสีเมลทัลลิกพร้อมกับหน้ากากสีเดียวกัน ภายในงานเลี้ยงจะมีคนคอยอำนวยความสะดวกให้คุณ ถ้าเกิดปัญหาขัดข้องก็ไม่ต้องตกใจ เขาจะติดต่อดิฉันเอง” คาร์เมนบอกพร้อมย่อตัวลงไปหยิบกล่องใบหนึ่งเอาไว้ในมือ “เชิญค่ะ รถเตรียมพร้อมรออยู่หน้าโรงแรมแล้ว”

        ไม่กี่นาทีต่อมา... พอฤทัยก็เดินออกจากลิฟต์ของโรงแรมชื่อดังผ่านหน้าชายหญิงที่จ้องมองมาด้วยความสนใจ การตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเกินกว่าสามสิบคนสร้างความประหม่าให้เธอไม่น้อย แต่เสียงกระซิบที่ดังขึ้นให้พอได้ยินกันสองคนกลับกลบเกลื่อนความประหม่าให้ลดน้อยลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

        “ดูผู้หญิงพวกนั้นสิคะ พวกหล่อนมองคุณด้วยความริษยา” คาร์เมนบอกในขณะที่เดินช้ากว่าหญิงสาวเพียงครึ่งก้าว “ดูที่สิบนาฬิกา ผู้หญิงคนนั้นยังทุบตีสามีเพราะจ้องคุณจนน้ำลายยืด...”

        พอฤทัยนึกขันจึงหันมาหัวเราะกับคาร์เมนแล้วก้าวเข้าไปในคาดิลแลคสุดหรูที่มีพนักงานเปิดประตูรอไว้อยู่ก่อนแล้ว เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับอาการถอนหายใจ กระจกรถยนต์คันยาวติดฟิล์มทึบแต่ยังสามารถมองเห็นหลายคนที่ชะโงกหน้ามองตามเธอ

        ปฏิกิริยาจากผู้คนทั่วไปเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเธอจนต้องยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตัวเอง หากต้องรีบก้มลงสำรวจตัวเองเมื่อฝ่ามือสัมผัสได้เพียงเนินทรวงของตน

        “โอ... มิน่าล่ะ ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้จ้องฉันตาเป็นมันขนาดนี้” ครางออกมาพร้อมหันไปสบสายตากับคาร์เมนซึ่งสอดตัวเข้ามานั่งเคียงข้าง

        “สวยแล้วค่ะ” คาร์เมนยังย้ำคำพูดเดิม หัวเราะร่วนกับท่าทางตื่นตะลึงของสาวเรียบร้อยในขณะที่วิวสองข้างทางเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะรถยนต์คันยาวกำลังแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ แต่ดูเหมือนว่าสาวเรียบร้อยที่กลายร่างเป็นสาวทรงเสน่ห์เต็มตัวยังมีหน้าตาตื่นตระหนกเช่นเดิม

        “ไม่อยากคิดเลยนะคะว่าถ้าฉันเดินแล้วมันจะเปิดเผยเนื้อตัวไปถึงไหนต่อไหน” ก็ได้เพียงแค่พูดเพราะทุกอย่างไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้

        “เป็นเพราะไม่เคยชินต่างหากล่ะคะ คุณไม่ได้ดูโป๊เปิดเผยเนื้อตัวจนน่าเกลียด ตรงกันข้ามกลับน่ามอง เป็นที่ดึงดูดสายตาแค่ไหนดิฉันคงไม่ต้องอธิบายนี่คะ” คาร์เมนทั้งปลอบและให้กำลังใจอยู่ในที ทั้งหมดนั้นก็เพราะต้องการสร้างกำลังใจให้กับหญิงสาว

        ไม่ต้องอธิบายเพราะรู้ดีเชียวล่ะว่า เมื่อครู่เธอเป็นต้นเหตุให้สามีภรรยาเขาขุ่นข้องหมองใจกัน

 

        เมื่อเห็นเธอลดมือลงจากหน้าอก นั่งในท่าที่สบายขึ้นจึงเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟดำที่ออร์เดอร์ไปเมื่อครู่ใหญ่ มันถูกวางไว้บนช่องวางแก้วน้ำข้างที่นั่ง “แกว่งน้ำตาลสักหน่อยนะคะ รสชาติจะได้ดีขึ้น”

        “ขอบคุณค่ะ” พอฤทัยรับคำพลางเหลือบสายตามองแท่งไม้ที่มีน้ำตาลเคลือบอยู่บริเวณปลายกวัดแกว่งอยู่ในถ้วยกาแฟสองสามรอบ จากนั้นจึงกล่าวคำขอบคุณอีกครั้งเมื่อคาร์เมนยื่นแก้วกาแฟมาไว้ตรงหน้า

        ความเงียบงันเข้าครอบคลุมอยู่ชั่วครู่ รอจนเธอจิบกาแฟจนพร่องเหลือค่อนแก้ว คาร์เมนจึงเสิร์ฟน้ำแร่ตามอย่างรู้งาน

        “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ในวันนี้นะคะ คุณคงเบื่อแย่ที่ต้องคอยปลอบใจและให้กำลังใจฉันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน”

        “ดิฉันจะดีใจมากถ้าคุณทำตามคำปลอบประโลมเหล่านั้น” ยิ้มให้ด้วยความจริงใจเช่นเดิม ขณะที่เปิดกล่องที่วางเอาไว้บนหน้าตัก หยิบหน้ากากสีดำประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ ไว้ตรงขอบจนรอบ แนวคิ้วทั้งสองข้างยังใช้เพชรเม็ดใหญ่ไล่ขนาดลงไปเรื่อยๆ จรดหางคิ้ว เลอค่า ดูลึกลับและน่าค้นหาอยู่ในที

        พอฤทัยมองหน้ากากที่ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่ามีมูลค่าไม่น้อยถูกวางลงบนมือทั้งสองข้าง “ถ้าเพชรหายไปสักเม็ดฉันคงต้องติดหนี้โลล่าหัวโตแน่ๆ”

        “เรื่องนี้ดิฉันตอบแทนไม่ได้นะคะ คุณคงต้องไปคุยกับดอนญ่าเวนโตล่าด้วยตัวเอง”

        แม้มุกตลกของหญิงสาวจะทำให้ทั้งคู่มีเสียงหัวเราะ แต่มันกลับทำให้ความตื่นเต้นในตัวของพอฤทัยเพิ่มมากขึ้นเพราะรถยนต์คันยาวกำลังชะลอความเร็วเมื่อเคลื่อนตัวเข้ามาถึงตึกสูงอันเป็นที่ตั้งของ ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น

        “สวมเอาไว้สิคะ” บอกและช่วยดึงสายรัดพร้อมกับจัดผมให้เข้ารูปทรงดังเดิม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเอื้อมมือไปบีบฝ่ามือบางอย่างให้กำลังใจ “มั่นใจในตัวเองนะคะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี อย่าลืมที่ดิฉันย้ำเท่านั้นเอง”

        พอฤทัยพยักหน้ารับและก้าวขาลงจากรถคันยาว ทุกการก้าวเดินเข้าไปในตึกสูงจนเข้ามายืนในลิฟต์แก้วซึ่งกำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปยังห้องบอลรูม เธอยังจดจำคำพูดของคาร์เมนที่ย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่ถึงสามครั้ง

        ‘ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ถูกเตรียมพร้อมขึ้นมาโดยคำนึงถึงความสะดวกของคุณเป็นหลัก มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่เหนือความสามารถที่ดิฉันจะทำได้ นั่นก็คือต้องทำให้ดอนเซเลสลืมที่จะป้องกันตัว สิ่งที่เราทำมาตลอดทั้งวันนี้ถึงจะสัมฤทธิ์ผล’

        แม้ทุกคำพูดจะสุภาพและไม่ได้มีน้ำเสียงล้อเลียนให้เธอต้องอับอาย แต่เมื่อนึกถึงขั้นตอนที่ต้องเกิดขึ้นแล้ว เธอนั้นแทบจะแทรกแผ่นดินหนี หากมีใครสักคนในครอบครัวรู้ว่าเธอบ้าบิ่นทำเรื่องเช่นนี้เพื่อแลกกับการให้ดอนญ่าเวนโตล่า โอบอุ้มสิริแอทเซท คงจะถูกตำหนิ เพกาซึ่งดูแลเธอไม่ต่างจากลูกแท้ๆ คงจะหยิกจนเนื้อเขียวเป็นแน่

        เสียงสัญญาณของลิฟต์เมื่อถึงจุดหมายดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูที่ค่อยๆ เปิดออก พอฤทัยก้าวเดินออกไปอย่างมั่นคง ความสูงของรองเท้าแบรนด์หรูที่สวมอยู่นี้ยิ่งทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินมากเป็นพิเศษ

        พนักงานที่ยืนกระจายตัวกันจากหน้าลิฟต์ไปถึงยังประตูห้องบอลรูมราวห้าหกคน ต่างจ้องมองเธอเป็นสายตาเดียวกัน พอฤทัยคิดว่าตนมาถึงหลังเวลางานเริ่มต้นเกือบยี่สิบนาทีจึงทำให้พนักงานไม่ได้ให้เซ็นชื่อลงทะเบียน แต่กลับเปิดประตูกว้าง อำนวยความสะดวกให้เธออย่างดีเยี่ยม

        “เชิญครับ...” พนักงานรับบัตรเชิญจากมือของหญิงสาวที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาได้มากกว่าผู้หญิงทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้

        ความคิดของพนักงานคนดังกล่าวไม่ได้เกินจริงไปนัก เพราะเพียงแค่ก้าวแรกที่พอฤทัยย่างกรายเข้าไปในห้องบอลรูม ทุกคนต่างหันมาจดจ้องเป็นสายตาเดียวกัน แม้กระทั่งบุคคลสำคัญที่สุดที่ยืนอยู่หลังโพเดียมบนเวทียังต้องชะงักคำพูดของตน จ้องมองผู้หญิงที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายอย่างพึงใจ

        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เซเลสตร้าจึงรู้สึกตัวว่ากำลังจ้องมองผู้หญิงในชุดราตรีสีดำปักเลื่อมพลิ้วไหวทุกการก้าวเดิน แต่นั่นยังไม่ได้ทำให้ลมหายใจเขาขาดห้วงได้เท่าก้อนเนื้อกลมกลึง เปิดเผยให้เห็นวับๆ แวมๆ จนนึกอยากใช้มือเกี่ยวชุดยั่วใจนั้นออกจากเรือนร่างของเธอ

        ทว่าคนที่ยืนอยู่หลังโพเดียมนั้นไม่ได้สวมทักซิโดและหน้ากากสีเมลทัลลิกอย่างที่คาร์เมนบอกเอาไว้ แต่เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทตัดกับเสื้อสีขาว สวมหน้ากากความยาวเพียงแค่ปลายจมูกแตกต่างกับคำพูดของคาร์เมนโดยสิ้นเชิงแล้วเช่นนี้เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาคือเซเลสตร้า เด มาร์คอส?

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา