หวงรักประกาศิตลับ
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) หวงรักประกาศิตลับ ตอนที่ 7 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพอฤทัยจัดการตัวเองอย่างรีบเร่งและเงียบกริบ เธอตัดใจที่จะไม่หันกลับมามองร่างสูงใหญ่ที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแต่สั่งตัวเองให้ก้าวออกมาให้ไกลจากเขา แม้ว่าทุกการก้าวเดินจะเต็มไปด้วยความเสียดเสียว ย้ำเตือนให้ได้คิดถึงภาพอันเริงร้อนที่เธอตอบสนองเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ
ประตูห้องทำงานที่เปิดออกมาในยามวิกาล ทำให้ฮาเวียร์ซึ่งรออยู่ก่อนแล้วรีบเดินไปกางผ้าคลุมไหล่ผืนหนาให้กับหญิงสาวแล้วถอยออกมาหนึ่งก้าวพร้อมก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ
“ใช้ลิฟต์ผู้บริหารนะครับเพราะไม่มีกล้องวงจรปิด คาร์เมนรอมิสอยู่ที่ประตูด้านทิศตะวันออกนะครับ” ฮาเวียร์บอกก่อนจะเดินไปกดลิฟต์แก้วแล้วผายมือเชิญให้เธอเดินเข้าไป
พอฤทัยมองคนสนิทของเขาที่สอดตัวเข้ามากดลิฟต์ให้เสร็จสรรพแล้วรีบเคลื่อนตัวออกไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ไม่มีการมองหน้า ไม่มีการสบสายตาหรือการกระทำใดๆ ให้เธอต้องนึกอับอาย แต่เพียงแค่นี้เธอก็นึกอับอายตัวเองที่รู้สึกว่าคิดถึงอ้อมกอดทรงพลังที่รัดล้อมอย่างหนาแน่นเหลือเกิน
ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับการฝืนตัวให้ก้าวเดินอย่างเป็นปกติมากที่สุด พอฤทัยเดินไปตามทางออกทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเล็กและแคบกว่าประตูใหญ่หน้าตึก ไม่นานนักเธอก็ก้าวพ้นออกมาจากตึกดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์
คาดิลแลคคันเดิมจอดรออยู่ไม่ไกลโดยมีพนักงานขับรถเปิดประตูหลังไว้รอและรีบวิ่งอ้อมไปประจำที่นั่งคนขับรถ เมื่อเธอก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างคาร์เมน
เลขานุการหญิงวัยกลางคนไม่ได้ไถ่ถามว่าอย่างไร แต่เธอดึงร่างอ้อนแอ้นเข้ามากอดเอาไว้นิ่งนาน คาร์เมนเห็นสภาพของผู้หญิงในอ้อมกอดแล้วอดสงสารไม่ได้ แม้เรื่องที่ทำจะจำเป็นมากสักแค่ไหนแต่ความงดงาม เรียบหรูในตอนที่จากกันกลับไม่มีให้ได้เห็น
ตอนนี้เธอก็เหมือนผู้หญิงทุกคนที่เพิ่งผ่านคลื่นเสน่หาสาดซัดเข้าอย่างเต็มที่ หากเหตุผลและความจำเป็นที่บีบบังคับเธออาจจะทำให้จิตใจบอบช้ำซึ่งควรต้องได้รับการปลอบประโลม
ความจริงแล้วพอฤทัยอยากจะร้องไห้ ระบายความอึดอัดใจที่เกิดขึ้นนักแต่มันดูไร้ประโยชน์ รังแต่จะทำให้คนรอบข้างต้องกลัดกลุ้มใจ อีกทั้งตนก็เป็นคนเลือกที่จะทำเช่นนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆฝืนตัวออกจากการปลอบประโลมของคาร์เมน
“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แม้จะยิ้มออกมาจนเห็นฟันเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบแต่คนมองก็รู้ได้ว่านั่นเป็นการฝืนใจ เพราะแววตาของเธอกำลังร้องไห้!
คาร์เมนได้แต่พยักหน้ารับกับความเข้มแข็งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากหญิงสาวท่าทางอ่อนหวาน “ทำใจให้สบายนะคะ แล้วทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางตามที่ดอนญ่าเวนโตล่าสัญญาเอาไว้”
เมื่อพูดถึงคำสัญญายิ่งเป็นการสะกิดแผลในใจของเธอจนรู้สึกร้อนผ่าวที่หัวตาทั้งสองข้าง แต่ก็รู้ว่าคาร์เมนไม่ได้มีเจตนาจะทำให้รู้สึกแย่จึงได้แต่พยักหน้ารับและเบนสายตามองข้างทาง
“เราจะไปไหนคะ นี่ไม่ใช่ทางกลับอพาร์ตเมนต์ของฉัน” พอฤทัยถามเมื่อรถคันยาวไม่ได้ใช้เส้นทางตามที่ตนคาดคิดเอาไว้
“คุณอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ หรือถ้าอยู่ได้ก็ไม่ใช่ตอนนี้”
“แต่...”
“ชู่ว... ดิฉันเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว” คาร์เมนส่ายหน้าห้ามไม่ให้เธอปฏิเสธ “พักผ่อนให้เต็มที่แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีนะคะ ขอให้เชื่อดิฉันอีกสักครั้ง”
การไม่ตอบโต้ของเธอนั่นก็เหมือนคำตอบรับกลายๆ ไม่กี่นาทีต่อมารถคันยาวก็เคลื่อนตัวเข้าไปจอดอีกประตูทางเข้าหนึ่งซึ่งติดกับลิฟต์ ความรอบคอบของคาร์เมนช่วยให้เธอไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครเช่นตอนที่เดินออกไปจากโรงแรมสุดหรูนี้
ทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องพักคาร์เมนก็คะยั้นคะยอให้เธอรับประทานซุปผักรสเลิศตามด้วยยาแก้อักเสบและยาคลายเครียดอย่างละเม็ด ไม่นานนักก็มีพนักงานสปาของโรงแรมพาเธอเข้าไปแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุซซี ต้นคอและลาดไหล่ถูกนวดคลึงอย่างเป็นจังหวะจนรู้สึกได้ว่าความตึงเครียดค่อยๆ สูญสิ้น
ไม่กี่นาทีต่อมา พอฤทัยก็อดยิ้มเยาะให้กับตัวเองในกระจกเงาไม่ได้เมื่อได้รับการดูแลไม่ต่างจากเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ในขณะที่พนักงานคนดังกล่าวกำลังเช็ดตัวให้ พยุงไปยังเตียงนุ่มซึ่งหรี่ไฟไว้สลัวๆ ข้างเตียงจุดตะเกียงเผาน้ำมันหอมระเหยให้เธอได้เอนกายลงบนเตียง ปล่อยให้ร่างกายถูกชโลมด้วยน้ำมันอโรมาชั้นดี
ทว่าความจริงแล้วเธอไม่ใช่เจ้าหญิงหรือนางฟ้าผู้สูงส่งอย่างที่เขาเรียกขาน แต่เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว นั่นคือความคิดสุดท้ายที่ทำให้พอฤทัยหลับตาลงด้วยความอดสูใจและเข้าสู่การพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อถูกปลอบประโลมด้วยการนวดคลึงแสนสบายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์
ประธานบริหารของดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น ปิดเอกสารตรงหน้าลงเป็นครั้งที่สามของวัน หลังจากที่ไม่มีสมาธิในการทำงานเอาเสียเลย
ฝ่ามือใหญ่ที่ตบลงบนแฟ้มเอกสารเสียงดัง ทำให้โจม่าและฮาเวียร์เหลือบสายตามองกันอยู่แวบหนึ่งก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบสายตาขุ่นมัวของเจ้านายซึ่งสัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดของอารมณ์ตั้งแต่ตอนที่เดินหน้าตื่นออกมาถามถึงผู้หญิงที่หายเข้าไปในห้องด้วยกันตั้งแต่ช่วงเวลางานเลี้ยงยังไม่เลิกรา
‘นางฟ้าหายไปไหน’
คำถามของดอนเซเลสตร้า ทำให้คนสนิททั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าใครคือนางฟ้าที่ว่า แต่ยังไม่ทันให้สมองได้ขบคิดประมวลผล เสียงห้าวเจือไว้ด้วยความหงุดหงิดใจก็สำทับขึ้นอีกครั้ง
‘ก็ผู้หญิงที่ขึ้นมากับฉันเมื่อตอนค่ำน่ะ เธอหายไปไหนแล้ว พวกนายสองคนเห็นเธอรึเปล่า’ เซเลสตร้าถามอย่างร้อนใจ
‘ไม่เห็นครับ ผมก็อยู่หน้าห้องตั้งแต่ตีสาม ยังไม่เห็นเธอนะครับ’ โจม่าตอบพลางหันไปมองคู่หู
ฮาเวียร์ยังมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิมพร้อมกับคำตอบที่เหมือนเติมเชื้อไฟให้เจ้านายเกรี้ยวกราดมากขึ้น ‘ไม่เห็นครับ ผมนึกว่าเธอยังอยู่ในห้องกับดอนเสียอีก’
‘อยู่กับผีสิวะ ถ้าอยู่กับเธอจริงแล้วจะออกมาถามทำไม ทำงานกันประสาอะไร ผู้หญิงคนเดียวยังปล่อยให้คลาดสายตา แบบนี้ฉันยังจะไว้ใจใครได้อีก’
จบคำตำหนิด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวคนสนิททั้งสองก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับเสียงปิดประตูดังโครมใหญ่ แม้จะประหลาดใจว่าสาวสวยนั้นหายตัวออกมาจากห้องทำงานได้ตอนไหนก็ยังไม่ทำให้อัศจรรย์ใจได้เท่ากับความโมโหของเจ้านาย เป็นครั้งแรกกระมังที่ดอนเซเลสตร้ามีแววตาเกรี้ยวกราด ดวงตาสีเขียวหม่นน่าหวาดหวั่น ข่มขวัญคนมองได้เป็นอย่างดี
แม้ในเวลานี้ดอนเซเลสตร้าจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงหงุดหงิดใจเช่นหลายชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่โจม่าและฮาเวียร์ก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำงานผิดพลาด จนทำให้เจ้านายไม่มีสมาธิในการทำงาน แววตายังขุ่นมัวจนไม่มีใครเข้าหน้าติด
“ผมจะลองไปเช็กรายชื่อจากนักศึกษาที่ลงทะเบียนร่วมงานดีไหมครับ”
คำถามที่โพล่งขึ้นมาในความเงียบงันทำให้เซเลสตร้าเหลือบสายตามองไปยังต้นกำเนิดของเสียง และพบว่าโจม่ารีบหลบสายตาในทันที
คงรู้หรอก! ขนาดเขารู้จักเธอแบบสนิทชิดเชื้ออยู่ตั้งสามสี่ชั่วโมง ยังไม่มีโอกาสได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอเลยสักนิด รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เซเลสตร้าคิดในใจแต่ถ้าตอบออกไปตรงๆ เช่นนั้นก็ดูไร้ชั้นเชิงพิลึก
“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวเนี่ย ไม่ทำให้ฉันต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก แล้วก็ไม่ต้องมาเดามั่ว สู่รู้เรื่องส่วนตัวของฉัน ไปไกลๆเลย ออกไปทั้งสองคนนั่นแหละแล้วก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าจนกว่าฉันจะเรียก” เซเลสตร้าบอกพลางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้
แน่นอนว่าคนสนิททั้งสองเผ่นแน่บเร็วเสียยิ่งกว่าความไวแสง เพราะไม่รู้ว่าหากยังอยู่ขวางหูขวางตาอีกต่อไปอาจจะเจอแจ็กพ็อตปลดออกจากตำแหน่งที่ทำมามากกว่าห้าปี
“ตกลงแกไม่เห็นเธอจริงๆ เหรอวะ?” โจม่ายังค้างคาใจ เอ่ยถามคู่หูหลังจากที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกันสองคน
“แกนั่นแหละ เผลอหลับไปรึเปล่า ไม่แน่ว่าเธออาจจะแอบย่องออกไปตอนนั้นก็ได้” แม้จะรู้ว่ากำลังทำผิดแต่ด้วยเหตุผลนานัปการที่ได้รับรู้ก็ทำให้ฮาเวียร์เลือกที่จะวางเฉยทำตามคำสั่งของดอนญ่าเวนโตล่า
“เฮ้ย! ไม่จริงม้าง...” โจม่าชักลังเลใจ แต่หากนางฟ้าของดอนเซเลสตร้าจะแอบย่องเบาออกจากห้องทำงานในตอนที่ตนเผลองีบ แต่มันดูไร้เหตุผลสิ้นดีถ้าจะมีผู้หญิงสักคนทำเรื่องเช่นนั้น
“เงียบนี่แปลว่าใช่ล่ะสิ” ฮาเวียร์ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ไม่รู้ว่ะ แค่กำลังสงสัย” โจม่าเว้นระยะไว้ช่วงหนึ่ง ก่อนจะตั้งข้อสันนิษฐานตามความคิดของตน “ลองคิดดูนะ ถึงขนาดดอนออกมาถามถึงเธอแบบนี้ก็แปลว่าต้องพออกพอใจกันเอามากๆ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผู้หญิงสักคนจะต้องย่องเบา หนีหายไปจากดอน ถ้าไม่บ้าเธอก็ต้องเสียสตินะที่บินหนีจากความสุขสบายแบบนี้”
ฮาเวียร์คิ้วกระตุกกับความสงสัยของคู่หู ซึ่งความจริงแล้วหากไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นอื่นใด ผู้หญิงที่สามารถทำให้ดอนเซเลสตร้าพึงใจ ก็ไม่มีใครเคยทำเช่นนี้สักคน ตลอดเวลาที่ผ่านก็เห็นเพียงแค่ผู้หญิงหลายคนร้องขอที่จะเป็นคู่ควง คู่นอนของดอนเซเลสตร้าต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
“จะกลับไปถามดอนดูไหมล่ะ เผื่อจะได้คำตอบ” ฮาเวียร์เลือกใช้คำตอบที่ทำให้หัวข้อการสนทนานี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว
“เดี๋ยวได้ถูกดอนเตะก้นโด่งออกมาจากห้องน่ะสิ” โจม่าตวาดเข้าให้ อดไม่ได้ที่จะโมโหกับสีหน้าราบเรียบของคู่หู
“งั้นก็ไปทำงานของตัวเองได้แล้ว แกจะมัวสงสัยเรื่องส่วนตัวของดอนทำไม” ฮาเวียร์บอกพร้อมควานหาโทรศัพท์จากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท มองคู่หูซึ่งเดินห่างออกไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว ก่อนจะกดรับสายและได้ยินเสียวห้าวสั่งห้วนๆ
“สืบให้รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ฉันต้องรู้ให้เร็วที่สุด เข้าใจคำว่าเร็วที่สุดใช่ไหม ฮาเวียร์”
“ครับดอน” เพียงแค่รับคำปลายสายก็ตัดสัญญาณไปในทันที หากงานยากก็เข้ามาขวางหน้าอีกจนได้ เพราะในขณะที่ต้องทำตามคำสั่งของดอนญ่าเวนโตล่า เขาก็คงจะละเลยคำสั่งของดอนเซเลสตร้าไม่ได้อีกเช่นกัน
ฮาเวียร์ส่ายหน้าราวกับขับไล่ความมึนงงออกไปให้หมดสิ้น ยัดอุปกรณ์สื่อสารเก็บไว้ในกระเป๋าเช่นเดิมก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นคลึงขมับ คิดหาวิธีการและใบหน้าของคาร์เมนก็ผุดขึ้นมาในสมอง ความคิดความอ่านของเลขานุการวัยกลางคนคงจะทำให้เขาพบทางสว่างได้ไม่มากก็น้อย
“เธอกำลังจะเล่นเกมปั่นหัวฉันอย่างนั้นเหรอ นางฟ้า?” หลังวางสายจากคนสนิท เซเลสตร้ายังพึมพำกับตัวเองขณะที่ยืนอยู่ชิดริมกระจกใสแจ๋ว เปิดเปลือยให้เห็นวิวมุมสูงบนยอดตึกดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ ด้วยอารมณ์หลากหลายที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาให้ใครรับรู้
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ไม่อยากก้าวเข้ามาในห้องทำงานของเขา แต่เพราะอะไรนางฟ้าแสนบริสุทธิ์ที่ยอมอุทิศตัวให้เขาเชยชมอยู่ครึ่งค่อนคืนถึงได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทุกอย่างยอดเยี่ยม วิเศษเหนือคำบรรยายจนเขาหลับใหลไปด้วยความลำพองใจว่าจะได้นอนกอดผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มนิ่มไปเรื่อยๆ สี่ชั่วโมงที่ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจกับการเป็นผู้ชายคนแรก ถึงแม้ว่าจะตอบสนองได้อย่างเงอะงะแต่ก็ทำตามทุกการชี้นำ ทั้งยังมั่นใจว่าความสุขสมเต็มอิ่มในอารมณ์ที่เธอได้รับจะขับไล่ความเจ็บปวดที่เลี่ยงไม่ได้ไปจนสิ้น
ใช่ว่าจะไม่เคยมีสัมพันธ์กับผู้หญิงบริสุทธิ์มาก่อนแต่เขาก็ไม่อาจจะตอบตัวเองได้ว่าเพราะเหตุใดถึงติดอกติดใจในตัวเธอนัก
ติดใจกระทั่งไม่คิดจะป้องกันตัวเอง หน้ามืดตามัวจนปลดปล่อยเชื้อพันธุ์ในเรือนร่างแสนสวยอย่างไม่คิดหวงแหน เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกว่าอยากกอดจูบ ลูบไล้หลังจากที่อิ่มเอมในรสเพศด้วยกัน
‘ค่ะ’
น้ำเสียงหวานเจือไว้ด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่สามารถรับรู้ได้ว่ามีความสุขล้ำ ซึ่งเธอใช้ตอบรับกับคำสั่งของเขานั้นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทุกอย่างกลับสูญสลายเมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังกอดแค่หมอนข้างใบหนึ่ง
ผู้หญิงที่ทิ้งเลือดพรหมจรรย์ไว้บนเตียงของเขา กล้าดีที่จะขัดคำสั่ง หนีหายไปราวกับว่ามีอิทธิฤทธิ์ล่องหนออกจากอาณาบริเวณของเขา ซ้ำร้ายเธอไม่ได้หนีหายไปเพียงคนเดียวแต่ยังขโมยความเชื่อมั่นในตัวของเขาไปจนเกือบหมด ขโมยเชื้อพันธุ์ที่เขาไม่เคยทิ้งไว้ในตัวผู้หญิงคนไหนมาก่อน!
เซเลสตร้ากำมือตัวเองแน่นเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกปั่นหัว ล่อลวงเขาจนตกหลุมพรางเสน่หาเผลอตัวเผลอใจทำเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อนมากมายนัก
โอ... ให้นรกสูบเขาตายไปตอนนี้เลยเถอะ!
ถ้าผู้หญิงไร้ชั้นเชิงจะทำให้เขารู้สึกว่ากำลังเป็นของเล่น เธออาจจะอยากลองมีเซ็กซ์กับผู้ชายสักคนแล้วเขาก็ดันเป็นไอ้งั่งที่เดินไปติดบ่วงเธอเข้าอย่างจัง เมื่อเธอได้ทุกอย่างสมใจแล้วถึงได้เขี่ยเขาทิ้งอย่างไม่แยแส
ภาพเหตุการณ์ที่ตนเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ไหลเวียนเข้ามาในสมองแต่มันต่างกันตรงที่กำลังเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ขอร้องให้เธอหันกลับมาหาอย่างน่าสมเพช
ดวงตาสีน้ำตาล รอยยิ้มหวานล้ำแต้มอยู่บนใบหน้างดงาม ซึ่งมองออกไปไกลเขายังจินตนาการได้ว่า เห็นเธอเหมือนนางฟ้าล่องลอยอยู่ตรงหน้า แต่จู่ๆ ปีกสีขาวอันบริสุทธิ์กลับแปรเปลี่ยนเป็นปีกสีดำจนหัวใจแกร่งของจอมเสเพลกระตุกวาบ
เซเลสตร้าแค่นหัวเราะ อดเย้ยหยันตัวเองไม่ได้ “โลกมันเปลี่ยนขั้วหรือยังไงกัน ทำไมเธอถึงทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองด้อยคุณค่าได้ขนาดนี้ แม่มดชั่วร้ายในคราบนางฟ้า”
ความจริงที่ยอมรับกับตัวเอง แต่... เขาจะโยนความรู้สึกร้ายกาจทั้งปวงที่เธอเป็นผู้ก่อลงไปในหลุมลึก ฝังกลบมันอย่างดีชนิดที่ไม่ยอมให้ใครได้ล่วงรู้เป็นอันขาด ท้ายที่สุดเขาสาบานว่าจะตามล่าเธอให้กลับมารับผิดชอบสิ่งที่เขาสูญเสียไปอย่างสาสม!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ