ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 3 ของขวัญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3 ของขวัญ

                “น้องพลูขา...คุณแม่ให้ไปพบที่ศาลาค่ะ” เสียงพี่เลี้ยงเคาะประตูห้องเรียกก็รู้ทันทีว่ามารดาคงจะตามตัวให้ไปช่วยงานการฝีมืออีกแน่

                “ไปบอกแม่นะแป๋ม ว่าน้องพลูนอนหลับอยู่” สาวน้อยรีบบออกปัดเพราะไม่อยากไปนั่งหลังขดหลังแข็งแกะสลักผักผลไม้อีก สู้นอนเล่นแท็บเล็ตสบายๆบนเตียงนุ่มนิ่มจะดีกว่า

                “แต่ว่า...เอ่อ...” สาวใช้ทำเสียงลังเลเพราะกลัวถูกคุณดวงทิพย์ดุ

                “ไปเถอะน่า... ถ้าคุณแม่ว่าอะไรล่ะก็...น้องจะพลูรับผิดชอบเอง” หญิงสาวสัญญาเป็นมั่นเหมาะ โดยยังไม่ละสายตาจากอุปกรณ์ไฮเทคที่อยู่ในอุ้งมือ

                “ออกมาซะดีๆนะแม่ลูกสาวจอมขี้เกียจ” ไม่ทันขาดคำเสียงมารดาก็แทรกเข้ามา คนถูกเรียกสะดุ้งสุดตัว

                “คุณแม่ขา...น้องพลูไม่อยากไปนั่งแกะสลักนี่คะ น้องพลูเบื่อนี่นา” พอมารดาเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อน

                “เรานี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เป็นผู้หญิงซะเปล่า ดูสีผึ้งสิ...ทำเป็นทุกอย่างแล้วลูกสาวแม่ทำอะไรเป็นมั่งเนี่ย” แม้จะบ่นบุตรสาวอย่างนั้นอย่างนี้แต่สายตาที่ทอดมองมาล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดู

                “ที่แม่เรียกเพราะว่าจะมาตามให้ลูกไปพบคนๆนึง ต่อไปเค้าจะกลายเป็นแขกคนสำคัญของบ้านเรา หนูต้องรู้จักไว้เพราะว่าคุณพ่อกับพี่ชายเราต้องร่วมงานกับเค้านะคะ” แทนดาวสงสัยจริงๆว่ามารดาจะให้คนสำคัญคนนั้นมารู้จักกับเด็กอย่างตนไปทำไมกัน

                “ไม่เอา...วันนี้น้องพลูไม่มีอารมณ์พบใคร” บุตรสาวบอกปัดดื้อๆอย่างเอาแต่ใจแล้วหยิบแท็บเล็ตอันเดิมที่เปิดหน้าแคตตาล็อกขายเครื่องดนตรีค้างไว้ คุณดวงทิพย์ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ จะมีสักวันไหมตั้งแต่ลูกสาวคนนี้เกิดมาที่จะไม่แผลงฤทธิ์ใส่คนรอบข้าง

                “ไม่ได้ค่ะ หนูต้องไปนะลูก...นี่เป็นคำสั่งของคุณย่าและแม่ด้วย ให้เวลาสิบนาทีแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปที่ศาลา ถ้าไม่ไปล่ะก็จะถูกตีนะ” มารดายื่นคำขาดแล้วออกจากห้องไป แทนดาวหน้ามุ่ยที่โดนบังคับความจริงก็ไม่กลัวหรอกที่จะต้องถูกตีเพราะว่ามีพี่ชายคอยคุ้มครองอยู่ รายนั้นไม่ยอมให้ใครมาลงโทษหล่อนง่ายๆหรอกแต่ว่าตอนนี้พี่ชายไม่อยู่เสียด้วย เอาเถอะ...ไปสักเดี๋ยวเพื่อแสดงตัวตนว่าบ้านนี้ยังมีลูกสาวอีกคนก็พอ

                แทนดาวหยิบกระโปรงผ้านิ่มสีเขียวอ่อนมาเปลี่ยนแทนกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ในบ้านประจำ ขณะกำลังเดินเรื่อยๆผ่านต้นชมพู่สูงใหญ่ที่กำลังติดลูกเขียวใสน่ากินก็เลยปีนกิ่งเตี้ยๆเก็บชมพู่ลูกโต พอมองสูงขึ้นไปก็เกิดความโลภอีกเพราะกิ่งที่อยู่สูงๆนั้นเต็มไปด้วยผลโตๆน่ากินอีกมากมาย คนตัวเล็กถอดรองเท้าแล้วปีนสูงขึ้นไปอีกทั้งๆที่สวมกระโปรงต่อจากนั้นก็สนุกสนานกับการเก็บผลไม้จนลืมเรื่องที่มารดาสั่งไว้เสียสนิท พอเก็บได้เต็มอ้อมแขนแล้วก็ค่อยๆไต่ลงมาโดยใช้ชายเสื้อยืดที่สวมอยู่ห่อผลชมพู่ไว้ พอถึงพื้นก็นึกถึงเรื่องที่คุณแม่สั่งขึ้นมาได้เลยรีบวิ่งเร็วที่สุดไปยังศาลาโดยไม่สนใจสภาพตัวเองแม้แต่น้อย

                “กึกๆๆ” เสียงชมพู่ร่วงกราวบนพื้นไม้กระดานขัดมันกระจายไปคนละทิศละทาง ทั้งที่ใต้ตั่งของคุณย่าและปลายเท้าของแขกผู้มาเยือน สองมือน้อยพยายามไล่ตะครุบไม่ให้ชมพู่กลิ้งกระจายไปไกล ปากก็พร่ำบ่นกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง

                “โอ๊ย...หมดกัน ตกพื้นแบบนี้ก็ช้ำหมดเลย”

                “เจ้าพลู! ทำอะไรน่ะฮึ?” เสียงคุณย่าเอ็ดเอาเมื่อเห็นสภาพหลานสาวถนัดตา ตอนแรกก็คิดว่ายัยจอมดื้อจะไม่ยอมมาตามคำสั่งที่ฝากลูกสะใภ้คนโตไปบอกเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้...เจ้าหล่อนมาตามที่บอกแต่ว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องมาเสียยังจะดีกว่า ผมเปียหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงแถมยังมีเศษใบไม้แห้งๆติดไปทั่ว ในมือประคองชายเสื้อที่ห่อผลชมพู่ไว้ ท่อนขาที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาเห็นเป็นรอยดำด่างจากการปีนต้นไม้ คุณดวงทิพย์เห็นลูกสาวแล้วก็พาลจะหน้ามืดต้องขอยืมส้มโอมือจากแม่สามีมาดม ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ทำให้ขายหน้า ปลายเดือนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเหลือบตามองอย่างเหยียดๆ

                “ที่มาช้าเพราะว่าน้องพลูแวะเก็บชมพู่ ลูกด๊ก...ดกค่ะ ว่าจะเอาไปให้แป๋มทำพริกกะเกลือ” หลานสาวคนเล็กรีบคลานเข้าไปหาคุณย่าทำให้ชมพู่ในอุ้งมือหลุดกลิ้งหลุนๆออกมาอีกสองลูก คนตัวเล็กก็คลานตามไปเก็บ

                “เอ่อ...นี่แทนดาวหรือใบพลู ลูกสาวคนเล็กของป้าเองค่ะ” คุณดวงทิพย์แนะนำบุตรสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจื่อนๆ

                “คุณอาธาราอีกแล้วหรือคะ?” คนถูกแนะนำมองไปที่ผู้มาเยือนแล้วก็ต้องยกมือทาบอกด้วยความตกใจปนขายหน้า

                “หวัดดีครับ เจอกันอีกแล้วนะใบพลู” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มเรียกชื่อสาวน้อยตามที่คุณดวงทิพย์แนะนำ หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูกจนคุณแม่แอบหยิกให้ที่เอวเบาๆ

                “เอ่อ...เอ่อ...สวัสดีค่ะ” หล่อนยกมือเย็นเฉียบประนมไหว้อย่างเกร็งๆ

                “วันก่อนน้องพลูเจอคุณอาธาราที่ร้านอาหารด้วยค่ะ” แทนดาวบอกมารดา ทุกคนต่างก็ฉงนกับชื่อที่ได้ยิน

                “ใครกันอาธารา?” คุณลำเภาถาม

                “ใบพลูเข้าใจผิดน่ะครับ คิดว่าผมชื่อธารา” เจ้าของชื่อตอบให้แล้วหันไปมองสาวน้อยที่นั่งสงบเสงี่ยมเขี่ยลูกชมพู่กลิ้งไปกลิ้งมา

                “พี่เค้าชื่อชลธีค่ะ น้องพลูต้องเรียกพี่ชลนะ พี่เค้าอายุเท่ากับพี่หมากของเราเลย” มารดาขยายความต่อทำให้ใครบางคนต้องต้องหน้าแตกดังเพล้ง! สาวน้อยยิ้มแห้งๆให้เขา ตาย...เงิบอีกแล้ว นี่จะปล่อยไก่ให้หมดเล้าเลยหรือ

                “งั้นพี่เรียกน้องพลูเหมือนคนอื่นๆได้มั้ยครับ?”

                “ได้สิ...เธอก็แก่กว่าเจ้าพลูตั้งเป็นสิบปี นับเป็นพี่น้องกันได้” คุณลำเภาชิงตอบแทนเมื่อยังเห็นว่าหลานสาวเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยลูกชมพู่ ชลธียิ้มอ่อนอย่างแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณเที่ยงธรรมมีบุตรสาวอีกคนที่โตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้แต่ยังดูซุกซนไร้จริตจะก้าน หน้าหวานๆนั้นดูบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ผมยาวดำสลวยที่ถักเป็นเปียไว้ก่อนหน้านี้มันคงจะเรียบร้อยสวยงามแต่ตอนนี้กลับหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง เหงื่อเม็ดโตๆซึมออกมาตามไรผมในขณะที่ผู้เป็นมารดากำลังพยายามดึงเศษใบไม้แห้งออกไป

                “คือหนู...น้องพลู...ดิฉัน...” แทนดาวเกิดอาการติดอ่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขนาดจะแทนตัวเองยังเลือกสรรพ นามไม่ถูกเลย

                “เรียกตัวเองเหมือนกับที่ใช้อยู่ประจำก็ได้ครับ แล้วถ้าจะให้ดี...เรียกพี่ว่า ‘พี่ชล’ จะฟังดูเข้าท่ากว่าคุณอาธาราเยอะเลย” เขาบอกสาวน้อยที่ยังอึกๆอักๆ แทนดาวไม่กล้าสบตาของเขาเลยเพราะมันทำให้รู้สึกประหม่าอย่างไรก็ไม่รู้

                “ตอนแรกน้องพลูคิดว่าคุณ...เอ้ย...พี่ชลเป็นเพื่อนคุณพ่อเหมือนคุณอาทั้งหลายนี่คะ” แทนดาวตอบซื่อๆ คนฟังยิ้มเบาๆแต่ก็แฝงไปด้วยมาดเคร่งขรึมอยู่ในที

                “คุณชลอย่าถือสาแกเลยนะคะ ยัยพลูแกยังเด็กน่ะค่ะ” คุณดวงทิพย์แก้ตัวแทนลูกสาว ปลายเดือนแอบยิ้มเยาะที่ป้าสะใภ้มีลูกสาวที่ดีแต่จะทำให้ขายหน้า แม่รินโชคดีแล้วที่มีหล่อน ขืนมียัยพลูล่ะก็...มีหวังไปไหนต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัว

                “ไม่เป็นไรครับคุณป้า คราวนี้ก็เรียกถูกเสียที” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆไม่บ่งบอกอาการหงุดหงิดหรือรำคาญอะไร

                “แล้วไหนบอกจะโชว์ฝีมือทำคุกกี้ ล้มเลิกแล้วเหรอคะ?” มารดาถามบุตรีขณะจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง

                “ไม่ทำแล้วค่ะเพราะว่าพี่หมากไม่อยู่เดี๋ยวไม่มีใครกิน เจ้าซูโม่ก็เบื่อที่ต้องกินขนมของน้องพลูแล้ว” บุตรสาวตอบเสียงใส เจ้าซูโม่ที่พูดถึงก็คือสุนัขของบ้านตรงข้ามที่แทนดาวชอบไปเล่นด้วย เวลาทำขนมแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เจ้าซูโม่ตัวนี้ที่ช่วยจัดการ แต่พักหลังๆมันคงทนฝืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมินหน้าหนีทุกทีเวลาเอาขนมไปให้

                “นั่นสิ...คนอื่นกินไม่ลงก็มีเจ้าหมากกับไอ้ซูโม่ที่กล้ำกลืนฝืนกิน” หญิงชราพูดไปขำไป

                “คุณย่าอ่ะ...บางทีมันก็กินได้นะคะ ช่วงนี้ซูโม่มันติดหญิงอาจจะกำลังไดเอทอยู่ก็ได้” หลานสาวเถียงงอนๆด้วยไม่อยากพูดถึงฝีมือการทำขนมสุดหลอนของตัวเอง ชลธีนึกภาพเด็กสาวตรงหน้ากำลังง่วนหน้าเตาอบขนมหน้าตาเป็นมันแล้วก็เผลอยิ้มออกมา แทนดาวนึกว่าเขาหัวเราะเยาะก็เลยตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์

                “พี่หมากอีก...เห็นบอกว่าจะไปรับยัยสิตาหน้าโบท็อกซ์” คนตัวเล็กเบ้ปากพอเอ่ยชื่อชุสิตาแฟนสาวของพี่ชายเลยถูกคุณแม่ตีเพี๊ยะ

                “พูดไม่น่ารักเลยนะน้องพลู ไปเรียกเค้ายังงั้นได้ไง” แทนดาวหน้าจ๋อยปนอายที่ถูกตีต่อหน้าแขกผู้มาเยือน ปลายเดือนรู้สึกอายแทนน้องสาวจริงๆ

                “คุณแม่อ่ะ...น้องพลูแค่เรียกด้วยความสนิทสนม อีกหน่อยชี...เอ้ย...พี่สิตาก็อาจจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ จะได้คุ้นเคยกันไงคะ” คนช่างเถียงยังพูดเอาแต่ใจ

                “เอาล่ะ...แล้วนี่จะทำอะไร เก็บชมพู่มาเยอะแยะ” คุณย่าถามหลานสาวที่ยังคงกลิ้งผลชมพูไปมาราวกับมันเป็นของเล่นที่ถูกใจ

                “จะเอาให้แป๋มทำพริกกะเกลือค่ะ งั้นน้องพลูไปก่อนนะคะ” คนพูดรีบคลานตามไปเก็บชมพู่กลิ้งไปหยุดตรงอยู่ตรงหน้าหนุ่มหน้าคมมารวมไว้ในห่อเสื้ออย่างเดิมก่อนจะวิ่งออกไป ซ้ำยังเตะเอากระถางกุหลาบหินที่ตั้งตรงทางเดินล้มคว่ำไปอีก

                “อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณย่า มันคงไม่เป็นหรอกค่ะ ชื่อมันก็บอกแล้วว่ากุหลาบหินเพราะฉะนั้นมันต้องแข็งแรงทนทานเป็นหินอยู่แล้ว” สาวน้อยหยิบกระถางตั้งขึ้นเหมือนเดิม เจ้ากุหลาบเคราะห์ร้ายกิ่งหักไปสองสามกิ่ง ชายหนุ่มแอบขันกับคำบรรยายสรรพคุณพันธุ์ไม้ที่อีกฝ่ายคิดขึ้นมาเอง ทุกคนมองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุณดวงทิพย์สูดยาดมเข้าปอดอีกครั้ง

                “อยากกินชมพู่บ้างมั้ยล่ะ ย่าปลูกไว้เอง...หวานกรอบถูกใจเจ้าพลูมันล่ะ” เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่มองตามคนก่อเรื่องกันตาค้าง คุณลำเภาก็ทำลายความเงียบนั้นด้วยการเชิญชวนผู้มาเยือนให้ลิ้มรสผลไม้ที่ปลูกไว้ในบ้าน ชลธีเพียงแต่กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพเพราะรู้ว่าเจตนาจริงๆของหญิงชรานั้นไม่ได้ต้องการให้กินชมพู่จริงๆหรอก เพียงแค่อยากทำลายบรรยากาศพิลึกๆที่หลานสาวคนเล็กมาก่อไว้ก็เท่านั้นเอง

                “ถ้างั้นคุณชลรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวผึ้งให้เด็กยกชาร้อนๆมาให้ เมื่อวานผึ้งทำเค้กชาไทยเอาไว้ ทานกับชาร้อนแล้วเข้ากันดีค่ะ” ปลายเดือนหันมาเอาใจเขาบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายได้เปรียบเทียบว่าระหว่างตนกับลูกผู้น้องนั้น ใครกันที่ควรให้ความสนใจ

                “ขอบคุณครับ พูดถึงงานเลี้ยงของคุณย่า แม่ผมฝากขอโทษที่มาไม่ได้เพราะติดอีกงานนึงแต่ผมจะมาแน่นอนครับ” เขาบอกหญิงชรา

                “ไม่เป็นไร คราวหน้าคงได้เจอกัน” คุณลำเภาพยักหน้าเข้าใจแล้วได้เชื้อเชิญชายหนุ่มให้อยู่รับประทานอาหารด้วยแต่ว่าเขาต้องปฏิเสธเพราะมีงานเร่งด่วนที่ยังค้างคาอยู่ ถ้าจะว่ากันไปตามจริงแล้วสาเหตุที่เขามาบ้านทวีกิจไพศาลวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญเลย แค่เพียงอยากมาดู ‘ผลงาน’ ที่ทำไว้ก็เท่านั้น อยากเห็นหน้าแม่หนูน้อยเสียหน่อยว่าหลังจากได้ ‘ของขวัญ’ แล้วจะเป็นอย่างไร พอดีมารดาฝากของมาเยี่ยมเยียนด้วยทุกอย่างก็เลยลงล็อก

 

                แทนดาวไม่ได้เอาชมพู่มาให้แป๋มอย่างที่ประกาศไว้เมื่อครู่ หล่อนแอบหนีมานั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ซุ้มกระดังงาร่มรื่น ชมพู่ที่เก็บมาวางกองรวมกันอยู่บนโต๊ะ ยอมรับว่ารู้สึกอับอายเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ก็คิดดูเถิด...ไปทำเรื่องเปิ่นๆเวิ่นเว้อต่อหน้าไม่รู้กี่รอบ ตอนนี้ก็กำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะต้องหาวิธีขอโทษอย่างเป็นทางการให้ได้ หาไม่แล้วเดี๋ยวถ้าเขาไม่ชอบหน้าหล่อนขึ้นมาแล้วจะพาลไปกระทบถึงงานของบิดาเข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ สาวน้อยอดทนรอไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็เห็นรถยนต์สีดำขลับคันเดิมขับมาตามทาง

                พอพาหนะคันนั้นแล่นเข้ามาใกล้ๆคนแสนซนก็รีบวิ่งออกไปขวาง คนขับเหยียบเบรกกะทันหันด้วยความตกใจสุดขีดเพราะไม่คิดว่าจะมีคนวิ่งมากระโดดขวางหน้าระยะประชิดขนาดนี้ ถ้าขับเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวคงได้มีการบาดเจ็บกันบ้าง แต่พอเห็นว่าเป็นใครที่มาขวางรถไว้ความฉุนเฉียวก็ยิ่งวิ่งแล่นไปทั่วอก นี่แม่เสือน้อยเล่นอะไรกันอีก จะรู้ตัวบ้างหรือไมว่าซุกซนแบบนี้มันอันตรายถึงชีวิตได้      ชลธีเดินหน้าเครียดไปหาคนก่อเรื่องที่ยังยืนจังก้าขวางกลางทางไม่ขยับเขยื้อนไปไหน พอใกล้ถึงตัวก็กระชากแขนอีกฝ่ายอย่างแรงให้หลบเข้าข้างทาง

                “โอ๊ย!” แทนดาวร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำแรง

                “น้องพลูทำอะไรน่ะ!” เสียงพูดกึ่งตวาดทำให้คนฟังใจคอไม่ดี          

                “ก็หนูอยากให้คุณหยุดรถนี่” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยมองตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธได้ขนาดนี้

                “เลยใช้วิธีนี้รึ? รู้มั้ยถ้าพี่เหยียบเบรกไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น คิดบ้างมั้ย?” เขาถอนใจเฮือกใหญ่พร้อมกับความรู้สึกแปร่งๆที่อยู่ดีๆต้องมาสั่งสอนเด็กสาวอย่างนี้ นึกถึงที่คุณดวงทิพย์บอกว่าอย่าถือสาหาความเพราะว่าหล่อนยังเด็ก ตอนนี้เชื่อแล้วว่าเด็กจริงๆ

                “ก็หนูกลัวไม่ทันนี่นา”

                “แล้วน้องพลูมีอะไรด่วนนักหนาถึงต้องวิ่งมาขวางรถล่ะ?” เขาปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแล้วกลับมาวางมาดเคร่งขรึมอย่างเดิมพลางกวาดสายตาไปทั่วร่างบางเพื่อหาร่องรอยบาดเจ็บ เมื่อไม่พบก็โล่งใจ

                “ก็แค่อยากจะ...บอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดของหนูเอง” แทนดาวมองตาเขาอย่างหวั่นๆ พยายามบังคับจิตใจไม่ให้หวาดกลัว มารดาเคยบอกถ้ารู้ตัวว่าผิดก็ต้องขอโทษ ใครๆก็ให้อภัยทั้งนั้น     “คุณชลอย่าเอาเรื่องหนูนะคะ” น้ำเสียงนั้นเจือปนความออดอ้อนอยู่ในที นัยน์ตาดำขลับมีประกายแพรวพราวช้อนมองคู่กรณีอย่างขอลุแกโทษ คนถูกมองใจกระตุกนิดๆเมื่อสบตาสวยคู่นั้น กิริยาอาการแบบนี้อาจถึงกับทำให้ทำให้คนฟังต้องใจละลายอยู่ตรงนี้

                “เรียกพี่ชลสิ...แล้วจะลืมทุกอย่างเลย” เขาตอบหน้านิ่ง ถึงตอนนี้แทนดาวรู้สึกคลายความกังวลลงมาก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ขัดเคืองถึงขั้นไม่พูดดีด้วย

              “ก็ได้ค่ะ พี่ชล...หนูขอโทษค่ะ” เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่คนฟังก็พอใจ

              “แล้วก็เรียกตัวเองว่าน้องพลู เรียกหนูฟังดูว่าพี่แก่จัง” เขาบอกเสียงขรึม แทนดาวเพียงแต่พยักหน้ารับ

                “โอเค...งั้นพี่กลับก่อนนะ อ้อ...หวังว่าคงขวัญคงถูกใจ” เขาพูดจบก็อมยิ้ม แทนดาวทวนคำพูดอยู่ในใจแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง จ้องหน้าเขาอย่างค้นหาความจริง

                “พี่ชลส่งเสื้อนั่นมา!” จากอารมณ์สำนึกผิดเมื่อครู่เปลี่ยนแปลงเป็นความโกรธในฉับพลันทันที โกรธที่เขาแอบตามไปทุกๆที่จนรู้ว่าหล่อนไปไหน ทำอะไรไปบ้าง

                “แล้วน้องพลูชอบหรือเปล่า?” คนพูดไม่พูดเปล่า ยังกวาดตาไปตามเรือนร่างคนตัวเล็กอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสำรวจหาร่องรอยบาดเจ็บ แทนดาวรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงมจึงไม่คุ้นเคยกับการถูกแทะโลมทางสายตา ตั้งแต่แตกเนื้อสาวมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้แบบนี้มาก่อน ก็แน่ล่ะ...พี่หมากออกจะคุมเข้มขนาดนั้น แค่มีเพื่อนเป็นผู้ชายยังซักแล้วซักอีกว่าเทือกเถาเหล่ากอมาจากไหน โทรมาคุยธุระเป็นการส่วนตัวก็ไม่ได้ ไปไหนแต่ล่ะทีต้องมีพี่ชายตามไปคุม ถ้าไม่ได้ไปด้วยตัวเองก็ยังส่งคนตามไปอารักขาแถมด้วยโทรจิกทุกชั่วโมง ถ้ากลับบ้านเลยเวลาที่บอกเอาไว้เพียงแค่สิบนาทีก็โวยวายใหญ่โต ไม่สนใจเหตุผลที่ว่ารถอาจติดหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ เพื่อนๆต่างก็พากันล้อเลียนว่าหล่อนเป็นนกน้อยในกรงทองที่จะต้องอยู่ขึ้นคานก็เพราะพี่ชายนั่นเอง

                แทนดาวไม่กล้าตอบหรอกว่าถูกใจชอบมากขนาดไหนแต่มันติดใจว่าทำไมเขาต้องซื้อให้ด้วย คิดแล้วก็พาลให้ฉุนเฉียวนัก นี่เขาเป็นใครกันนะ...ถึงต้องทำขนาดนี้ แล้วถ้าพี่ชายรู้เรื่องจะว่าอย่างไรหนอ

                “คอยดูนะจะฟ้องพี่หมาก พี่ชลจะแอบตามพวกเราไปทำไม” เอาล่ะ...ได้เวลาเอาชื่อพี่ชายมาเป็นโล่กำบังเสียที

                “หืม...ขี้ฟ้องซะด้วยนะครับ ว่าแต่ถ้าพี่ชายเรารู้เข้ามันไม่สั่งให้เผาทิ้งเหรอ?” ชลธีพูดอย่างเป็นต่อ ยิ่งลองรู้ว่าเขาเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดล่ะก็...คงส่งมือปืนมายิงเขาแน่

                “แล้วซื้อให้น้องพลูทำไมคะ?” หล่อนเข้าประเด็นที่สงสัย

                “ก็ไม่มีอะไรมาก วันก่อนเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงหน้าบึ้งเพราะพี่ชายไม่ยอมตามใจ จะว่าไปพี่ชายเรานี่ก็ตาต่ำนะ...รสนิยมเชยสิ้นดี ถ้าน้องพลูได้ใส่ชุดนั้นคงจะสวยมากๆ” ประโยคสุดท้ายชลธีเพียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคนและรู้สึกพอใจเมื่อเห็นพวงแก้มของอีกฝ่ายซับสีเรื่อ แต่ดวงตาคู่สวยยังแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นอยู่มาก

                “พี่หมากไม่ได้ตาต่ำนะ!” หล่อนทำใจสู้เถียงต่อ

                “ขอโทษที พี่แค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวตรงไปหน่อย เอางี้แล้วกัน...คิดเสียว่าพี่เป็นพี่ชายอีกคน ทีนี้พี่ชายคนนี้จะซื้อของให้น้องสาวได้มั้ยครับ?” เขาแก้ให้ แม้อีกฝ่ายจะไม่พอใจนักแต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียง

                “อ้อ...น้องพลูไม่ใช่คนที่รับของๆใครฟรีๆหรอกนะ” ว่าแล้วก็วิ่งแผลวไปที่ม้าหินตัวเดิมแล้วจะกลับมาพร้อมของบางอย่างในมือ

                “นี่ค่ะ...อุตส่าห์ปีนขึ้นไปเก็บเองเลยนะเนี่ย” มือเล็กยื่นตะกร้าใบย่อมบรรจุชมพู่ลูกโตน่ากินไว้เต็มให้ ชลธีมองมันอึ้งๆก่อนจะรับของฝากมาด้วยความรู้สึกกึ่งขำกึ่งเอ็นดู ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าบ้านไปเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว       

                “เกิดมาไม่เคยเจอแฮะ” เขารำพันเบาๆกับตัวเองพลางมองของฝากที่สาวน้อยปากกล้าคนนั้นนำมาให้ ตั้งแต่พาชีวิตหนุ่มผ่านร้อนมาหนาวเข้าล่วงวัยสามสิบกว่าแล้วเคยเจอแต่สาวๆให้ของอย่างอื่นหรืออย่างน้อยก็จูบหวานๆ (หลังจากจูบหวานๆแล้วมักจะมีอย่างอื่นต่อ) เพิ่งจะมีสาวคนนี้แหละที่ให้ผลไม้ นี่น่ะหรือวิธีตอบแทนน้ำใจของหล่อน...ช่างคิดแท้นะแม่คุณ

 

                แทนดาวตั้งใจเอาไว้ว่าเย็นนี้จะต้องฟ้องเทียมภพเรื่องนี้ให้ได้แต่พอพี่ชายกลับมาก็ลืมเรื่องที่จะฟ้องเสียสนิทเพราะคนเกิดก่อนพาแฟนสาวหุ่นเซี๊ยะมาบ้านด้วย คนพี่เดินหน้าบานมาเชียวส่วนฝ่ายหญิงก็เกาะแขนไม่ยอมปล่อย แทนดาวนึกขัดใจขึ้นมาทันที

                ‘‘ชิ...คนที่จะเดินควงแขนพี่หมากได้มีใบพลูคนเดียวเท่านั้นย่ะ’’ คิดได้ดังนั้นแล้วก็วิ่งลงไปหาพี่ชายพอถึงตัวก็โผเข้ากอดเสียแน่น

                “พี่หมากขา...คิดถึงจังค่ะ” แทนดาวหยอดลูกอ้อนทันทีพร้อมกับปรายตามองไปทาง ‘ผู้หญิงของพี่’ นิดหนึ่งอย่างออกอาการ ‘ขวาง’ เต็มที่ ถึงจะเคยพบปะกันมาแล้วสองสามหนแต่ก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้ซักที

                “อะไรกันน้องพลู อ้อนอะไรพี่อีกล่ะคะวันนี้” เทียมภพกอดตอบน้องสาวพร้อมกับก้มลงสูดผมหอมอย่างรักใคร่         

            “วันนี้พี่สิตามาด้วยนะ” พี่ชายบอกพลางยื่นมือข้างหนึ่งไปโอบเอวแฟนสาว แทนดาวกวาดตามองไปที่สตรีร่างสูงระหงกับใบหน้าเรียวแต่งแต้มไว้อย่างงดงามแล้วก็ต้องสลัดความคิดทั้งหมดออกไปขณะที่ใจก็นึกค่อนขอด

              ‘‘ฮึ...ก็งั้นๆแหละน่า พี่แฟงสวยกว่าตั้งเยอะ’’ พี่แฟงที่ว่าคือครูสอนเปียโนนั่นเอง

                “สวัสดีจ้ะน้องพลู พี่เอาแป้งตัวใหม่ที่ไปถ่ายโฆษณาที่โซลมาฝากด้วย ตัวนี้กว่าจะมาขายที่ไทยก็อีกสามเดือน นี่พี่เอามาให้น้องพลูใช้ก่อนเลยนะ” ชุสิตายื่นถุงกระดาษใบเล็กบรรจุตลับแป้งที่ว่าให้น้องสาวของแฟนหนุ่มอย่างเอาใจ หล่อนรู้ว่าเทียมภพรักน้องสาวคนนี้มาก ถ้าเอาชนะใจได้...ย่อมเป็นผลดีกับตัวเอง แทนดาวมองนิดหนึ่งก่อนจะยกมือไหว้แล้วรับของมา เทียมภพยิ้มด้วยความพอใจที่เห็นว่าน้องสาวชอบของฝากจากคนรัก

               “ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ คราวที่แล้วพี่สิตาให้ลิปสติกมาน้องพลูยังใช้ไม่หมดเลย” สาวน้อยล้วงตลับแป้งขึ้นมาดู จะว่าไปก็ชอบเครื่องสำอางพวกนี้แต่ทิฐิความไม่ชอบแฟนของพี่ชายมันค้ำคออยู่ก็เลยทำเป็นไม่สนใจของฝากชิ้นนี้มากนัก

                “พี่หมากขา...น้องพลูหิวจัง กินข้าวเย็นพร้อมพี่หมากอยู่นะคะ” คนตัวเล็กอ้อนพี่ชายต่อ

                “หิวมากทำไมไม่กินไปก่อน หืม...เด็กดื้อ”เทียมภพหอมแก้มน้องสาวอย่างรักใคร่อีกครั้งก่อนจะพาสาวสวยทั้งสองไปที่รับทานอาหาร โดยมือขวาโอบน้องสาวไว้ส่วนมือซ้ายก็จูงแฟนสาวพาเดินไปด้วยกัน

              “หุ่นสะบึมแบบนี้นี่เองเล่า...พี่หมากถึงชอบ” แทนดาวแอบค้อนพี่ชายเงียบๆแต่ก็อดอิจฉารูปร่างสูงระหงบวกด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งแบบเอส เคิร์ฟของสตรีผู้นี้ไม่ได้

                ที่โต๊ะอาหารเย็นนี้ดูเหมือนว่าแขกผู้มาเยือนอย่างชุสิตาไม่อาจจะดึงความสนใจจากสมาชิกในบ้านได้เลยเพราะว่าผู้ที่ผูกขาดการสนทนาก็คือหญิงสาวอ่อนวัยกว่าที่พูดไม่หยุดตั้งแต่เริ่มจนจบ ปากเล็กๆนั่นช่างสรรหาเรื่องราวต่างๆมาเล่าในระหว่างมื้ออาหารได้ไม่ซ้ำกัน สาวสวยที่มากับเทียมภพจึงไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนักในเมื่อทุกคนเอาแต่ฟังเสียงแจ๋วๆที่พูดเป็นต่อยหอย คอยประจบเอาใจพี่ชายโดยคอยตักโน่นเติมนี่ให้ จะมีแต่พวกผู้ใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่ายัยตัวเล็กนั้นออกอาการ ‘หวง’ พี่ชนิดเข้าขั้นโคม่า

                “น้องพลูนี่หน้าตาก็น่ารัก หุ่นก็ดีนะคะ ไม่ลองไปแคสเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือสนใจงานวงการบันเทิงบ้างเหรอคะ?” ชุสิตาถามขึ้นเพื่อหวังจะให้ตนได้มีบทสนทนาบ้าง

            “ไม่เอาหรอกค่ะ พี่หมากไม่ชอบให้หากินทางนี้” แทนดาวตอบจริงจัง ปลายเดือนตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์ที่น้องสาวพูดจาเสียมารยาท นึกตำหนิน้องสาวที่พูดอะไรไม่คิดซึ่งมันจะทำให้หล่อนพาลเสียชื่อในแวดวงสังคมไปด้วย ถ้าชุสิตาเอาไปเม้าท์มอยกับพวกนักข่าวว่าหล่อนมีญาติปากเสียแบบนี้ ชื่อเสียงกับภาพลักษณ์ของปลายเดือน ทวีกิจไพศาลคงย่อยยับ

                “น้องพลูแกหมายความว่า พี่หมากไม่อยากให้ทำงานในวงการบันเทิงน่ะค่ะ กลัวจะเจอข่าวเสีย แล้วก็อยากให้เรียนหนังสืออย่างเดียว นี่ก็ใกล้จบแล้วคงต้องเคี่ยวเข็ญให้ไปทำงานทำการเร็วๆนี้ ว่าแต่น้องสิตาได้เป็นพรีเซ็นเตอร์เซรั่มกระชับผิวสกัดจากเมือกหอยทาก...พี่ก็ไปงานเปิดตัวมาเมื่อวันก่อน รู้มั้ยคะ? พี่เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของยี่ห้อนี้มาหลายปีแล้ว เชื่อมั้ยว่าพี่น่ะ...อายุก็เฉียดเลขสามแล้วแต่ใครๆชอบทักว่ายี่สิบต้นๆทั้งนั้น ครีมเค้าดีจริงๆเชียว” ปลายเดือนแก้ต่างแทนแล้วค้อนเบาๆให้น้องสาว จากนั้นก็ชวนพูดคุยเรื่องอื่น สาวสวยนามว่าชุสิตาจึงค่อยผ่อนคลายความเครียดลงบ้างเรียกได้ว่านาทีนี้แทบจะลงไปกราบกรานปลายเดือนเลยก็ว่าได้

                “งั้นคราวหน้าสิตาจะเอาตัวอย่างผลิตภัณฑ์อื่นๆมาให้ทดลองใช้นะคะ” แล้วสองสาวก็คุยกันถูกคอเรื่องความสวยความงามต่อเรื่อยๆ

                “แหม...ซิลิโคนที่พี่สิตาใส่อยู่ดูสวยเป็นธรรมชาติจังค่ะ แบบนี้ถ้าโดนอะไรกระแทกแรงๆจะหักมั้ยคะ? ถ้าหักแล้วต้องบินกลับไปซ่อมที่เกาหลีหรือเปล่า?” แทนดาวอยากมีส่วนร่วมบ้างจึงถามแฟนพี่ชายโดยไม่สนใจว่ามารดาจะแอบยื่นมือมาหยิกที่ต้นขา เทียมภพหัวเราะร่วนชอบใจโยกหัวน้องสาวไปมาส่วนคนถูกถามหน้าชาเหมือนถูกตบด้วยทุเรียนทั้งลูก ปลายเดือนถึงกับต้องยกน้ำเย็นขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วดับความรู้สึกพังพินาศที่น้องสาวกำลังทำ

                “คือ...” ชุสิตาหน้าม้านได้อึกๆอักๆ

                “น้องพลู! อิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามาใส่บาตรกับคุณย่านะคะ” คุณดวงทิพย์สั่งลูกสาวแกมบังคับเมื่อเห็นว่ากำลังเล่นงานแฟนบุตรชายอย่างเมามัน

                “น้องพลูยังไม่ง่วง คุยกะพี่สิตากำลังสนุกเลยค่ะ” บุตรสาวตอบหน้าตาย คนที่ถูกพาดพิงต้องแอบหยิกขาตัวเองว่าได้ยินไม่ผิดเพราะตั้งแต่มาถึงก็ถูกกวนไม่เว้นวรรค แถมยังต้องกระอักกระอ่วนกับคำถามบ้าๆนั่นอีก

                “ห้ามต่อรองจ้ะ ตามคุณแม่มาเดี๋ยวนี้” ลูกสาวคนเล็กทำหน้างอแต่ก็ยอมทำตามโดยดี ถึงชุสิตาจะไม่พอใจกับคำพูดคำจาของน้องสาวแฟนแต่ว่าเทียมภพนั้นยิ่งน่าโมโหกว่าอีกเพราะนอกจากจะไม่ดุหรือไล่ไปที่อื่นแล้วยังหัวเราะอย่างไม่ถือสาราวกับว่าน้องเป็นเด็กอายุห้าขวบที่ไม่รู้ประสีประสาที่จะพูดหรือทำอะไรก็ได้โดยไม่มีใครว่าหรือห้ามปราม

                แทนดาวงอนตุ๊บป่องกลับห้องไปแต่ก็ยังไม่หมดฤทธิ์ง่ายๆ พออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้วยังสู้อุตส่าห์เดินมาแอบดูว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ จนกระทั่งเห็นพี่ชายประคองแม่นางแบบขาเรียวนั่นออกมาจากห้องนอนก็ควันออกหู

                ‘‘หน้าด้าน...หน้าราดยางมะตอยโบกปูนทับ กินอิ่มแล้วเดินเข้าห้องผู้ชายเลยรึ’’ พอสองคนนั่นเดินกลับไปที่รถก็ยังตามมาดูว่าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรพี่ชายบ้าง แล้วก็ได้เห็นแม่คนเอวคอดเขย่งปลายเท้าจุ๊บแก้มอีก คืนนี้พี่ชายสุดที่รักคงไม่ได้กลับมานอนบ้านตามเคย!

                ‘‘คอยดูเถอะกลับมาเมื่อไหร่จะเล่นงานให้น่าดูชมเลยล่ะพี่หมาก’’ คนหัวรั้นคว้าตุ๊กตาแมวขนปุยที่พี่ชายซื้อให้เมื่อวันเกิดปีก่อนมาดึงทึ้งอย่างไม่ปรานี ปากก็บ่นอีกฝ่ายไม่หยุดทั้งยังลามไปถึงแม่นางแบบหุ่นเซ็กซี่ศัลยกรรมพลาสติกคนนั้นด้วย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา