ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ตอนที่ 12 จะไม่ทำอีกแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 12 จะไม่ทำอีกแล้ว

 

                แทนดาวในชุดลำลองนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจิ้มแท็บเล็ตคู่ใจอยู่แต่ในห้องด้วยไม่มีอะไรจะทำ นอกเหนือจากนั่งแกะเพลงซ้อมเปียโนแล้ว บางวันก็ขออนุญาตพี่ชายไปเล่นกับหลานๆที่บ้านม๊าหลีบ้าง ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้าง เทียมภพยื่นคำขาดว่าจะต้องไปช่วยงานที่บริษัทตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป แทนดาวถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ก็เมื่อปีการศึกษาที่แล้วเพิ่งจะไปฝึกงานที่นั่นเนื่องจากหลักสูตรการเรียนบังคับ

                แทนดาวถูกคุณย่าเรียกตัวไปช่วยทำขนมเพราะวันนี้ปลายเดือนไม่อยู่จึงขาดกำลังหลักไป คุณลำเภาจึงบังคับกำลังสำรอง (ที่ไม่ได้เรื่อง) มาช่วยเป็นลูกมือ ท่านคงเห็นว่าหลานสาวคนเล็กเอาแต่ขี้เกียจ กิน นอน เล่นไปวันๆ เลยหาอะไรที่เป็นประโยชน์มาให้ทำแทนการเผาผลาญเวลาว่างไปเปล่าๆ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่างานบ้านงานเรือนทุกชนิดเป็นปฏิปักษ์กับหลานสาวคนเล็กกันมาแต่ไหนแต่ไร

                “คุณย่าจะทำไปทำไมเยอะแยะคะ ซื้อเอาก็ได้นี่คะ” หลานสาวคนเล็กโอดครวญเมื่อต้องนั่งขยำแป้งกับส่วนผสมต่างๆสำหรับทำขนมกลีบลำดวน

                “ซื้อกินจะไปอร่อยสู้ทำเองได้ยังไง ได้กลิ่นได้เนื้อกว่าแยะ เอ้า...เสร็จแล้วก็ตรียมเอาไปปั้น อย่าทำเล่น...ประเดี๋ยวเถอะ!” แทนดาวหน้ามุ่ย คุณย่านั้นดูเหมือนจะเหนื่อยเป็นสองเท่า ไหนจะต้องคอยกำกับบอกส่วนผสม ไหนจะต้องคอยเอ็ดหลานสาวที่รังแต่จะทำเสียของ ดังนั้นขนมกลีบลำดวนฝีมือคุณหนูเล็กจึงมีรูปร่างบิดเบี้ยวกลีบไม่เท่ากัน บ้างก็ไหม้ไปแถบหนึ่ง พอเสร็จงานก็รีบหนีไปโดยไม่สนว่าใครจะต้องตามเก็บ ‘ซาก’ ที่กองเกลื่อนกลาดด้วยน้ำมือตน

                แทนดาวพาตัวเองไปนั่งเอาเท้าแกว่งน้ำเล่นริมบ่อปลาหลังบ้านแล้วก็พาลคิดถึงคนอยู่แดนไกล คิดว่าป่านนี้เขาจะทำอะไรอยู่...จะหาซื้อของฝากได้แล้วหรือยัง? แล้วไปคนเดียวแบบนี้...จะเหงามั้ยนะ? แต่เอ๊ะ! มันเรื่องอะไรล่ะที่จะต้องเอาความคิดไปพัวพันกับคนๆนั้น นึกอยากจะหยิกตัวเองแรงๆที่ชอบฟุ้งซ่านไม่เข้าเรื่อง

                “น้องพลู...อยู่นี่น่ะเอง พี่ตามหาซะแทบแย่” เสียงนุ่มนวลหวานจัดเรียกหา แทนดาวถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะหันไปขานรับอย่างเสียไม่ได้

                “มีไรอีกล่ะเจ๊” ปลายเดือนทำหน้ายักษ์ใส่คนที่เปลี่ยนสรรพนามตนเองเป็นเจ๊แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมีผู้มาเยือนอีกคนอยู่ด้วยก็เลยต้องข่มอารมณ์ฉุนเอาไว้ก่อน

                “หวัดดีน้องพลู” เวทิวุฒิยิ้มเก๋ให้ ผมทรงไถข้างเซ็ทมาอย่างดีจนแทนดาวมองว่ามันเท่จนอยากให้พี่ชายไปตัดทรงนี้บ้าง

                “ก็พอดีวันนี้พี่เจอคุณเวโดยบังเอิญจ้ะ เลยชวนมาดื่มชาที่บ้าน” ปลายเดือนบอกเสียงอ่อนหวาน แทนดาวนึกอยากอาเจียน ทีต่อหน้าหนุ่มๆล่ะก็ทำเป็นพูดดีนะ

                “อ้อ...หรือคะ” หญิงสาวมิได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษเพราะไม่ชอบใจอาการ ‘ดัด’ ของพี่สาวที่กำลังแสดงออกอยู่ขณะนี้

                “พี่มารบกวนน้องพลูหรือเปล่า?”

                 “พี่เวพาตัวเองมานั่งเก้าอี้ไฟฟ้าชัดๆ....พี่หมากอย่าโผล่มาตอนนี้เชียวนะ” แทนดาวส่ายหน้าพลางคิดในใจ

               “ตามสบายเลยค่ะ” แน่ล่ะ...หล่อนยังเดาไม่ได้หรอกว่าพี่เวจะเจออะไรบ้าง พี่ผึ้งก็เหลือเกิน...รู้ทั้งรู้ว่าพี่หมากเป็นอย่างไร ยังจะส่งหนูมาเป็นเหยื่อลับเล็บให้แมวโหดเสียนี่

                “น้องพลูคุยกับคุณเวนะจ๊ะ พี่จะไปหาคุณย่าสักประเดี๋ยว” แล้วปลายเดือนทิ้งให้น้องสาวนั่งทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่กับเขาสองคน

                “ไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่าค่ะ ลมเย็นดี อ้อ...พี่เวมาก็ดีแล้ว วันนี้น้องพลูทำขนมด้วย...เดี๋ยวจะเอามาให้ชิมนะคะ” หญิงสาวเดินนำไปตรงใต้ซุ้มกระดังงาเพราะเห็นว่าตรงนั้นไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคนมากนัก ก่อนจะหายเข้าไปในบ้านแล้วกลับออกมาพร้อมจานใส่ขนมกลีบลำดวน มีแป๋มถือน้ำผลไม้เดินตามมา

                “พี่นึกว่าวันนี้น้องพลูจะไม่อยู่เสียอีก ไม่ได้ไปเรียนดนตรีเหรอครับ?” ชายหนุ่มเปิดบทสนทนาขึ้น

                “เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ที่บ้านนี่แหละค่ะ วันธรรมดาก็อยู่บ้าน”

                “เอ...ได้ข่าวว่าน้องพลูเล่นเปียโนเก่ง”

                “ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ น้องพลูก็ยังถือว่าอยู่หางขบวน” หญิงสาวตอบอย่างถ่อมตัว

                “แต่วันนั้นพี่ได้ฟังยังว่าเพราะ เคลิ้มตามเลยล่ะ ไม่ลองไปประกวดที่ ซอล เมท ดูล่ะ”

                “เมื่อไหร่คะ?” คนฟังก็ตาโตหูผึ่งด้วยความสนใจ หล่อนรู้จักสถาบันดนตรีแห่งนี้ดี

                “ซอล เมท จ้างพี่ให้ทำโปรเจคโฆษณา ทีนี้ทางสถาบันฯอยากเฟ้นหานักดนตรีมาเล่นเพลงประกอบโฆษณาด้วย” เวทิวุฒิเล่าไปเรื่อยๆ คนฟังตั้งใจฟังทุกคำพูด

                “ก็เลยจัดแข่งดนตรีอยู่ห้าชนิดหนึ่งในนั้นก็มีเปียโน ใครชนะก็จะได้เล่นเพลงประกอบโฆษณาแล้วก็ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยนะ ลองสมัครดูมั้ยครับ?” แทนดาวเผลอจ้องหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว ตนเองก็เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แข่งขันมาหลายเวทีตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับประเทศ ต่างประเทศก็เคยไป ได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้าง ไหนๆก็พอมีหัวด้านนี้ ลองดูสักหน่อยก็แล้วกัน

                “อยากรู้รายละเอียดจังค่ะ จะหาได้จากไหนคะ?”

                “ไม่ยากเลยครับ เดี๋ยวส่งไลน์ให้” เวทิวุฒิยิ้มบางๆ แทนดาวตกยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น นึกภาพตัวเองเล่นเปียโนอยู่ในโฆษณาทีวี

                “พี่เวต้องรีบส่งรายละเอียดมาให้น้องพลูเร็วๆนะคะ” รุ่นพี่เจ้าของผมทรงไถข้างแอบลอบยิ้มอย่างสมหวัง

                 “จีบแทนดาว...จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายทีเดียว

 

                  “เออ...ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน เอางี้...ถ้าเจ้าชนะที่หนึ่งย่าจะมีรางวัลให้” คุณลำเภาบอก หลานสาวคนเล็กที่มาสาธยายเรื่องการประกวดให้ฟัง แทนดาวดีใจรีบคลานเข้าไปกอดหญิงชราแน่นก่อนจะหอมแก้มย่นๆฟอดใหญ่ ไม่สนว่าคุณย่าจะประท้วงอย่างไร ท่าทีเหล่านั้นจึงเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้

                “อุเหม่...นังคนนี้!” คุณย่าอุทานแต่ก็ชอบใจ

                “ยังไงก็รบกวนคุณเวด้วยนะคะ ไอ้ครั้นผึ้งจะเป็นธุระให้ก็ไม่ค่อยมีเวลา” ปลายเดือนรีบโยน ‘ภาระ’ ทันทีพลางยิ้มให้กำลังใจหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าที่ตั้งใจหมายมั่นว่าจะให้มาขายขนมจีบน้องสาว

              “ยินดีเลยครับ น้องพลูกรอกใบสมัครออนไลน์ได้เลย พี่จะพาไปออดิชั่นเอง” เวทิวุฒิขันอาสาด้วยความเต็มใจ นึกขอบคุณปลายเดือนอย่างเหลือล้นที่ช่วยสนับสนุนเต็มที่

              “ตอนนี้น้องพลูอยู่ว่างๆ คุณเวไม่ลองชวนเธอไปเปิดหูเปิดตาบ้างละคะ”

            “โธ่! คุณผึ้ง คุณก็รู้ว่าพี่หมากดุแค่ไหน กว่าจะเข้าถึงตัวได้ทำไมมันยากอย่างนี้นะ”

            “คุณก็ทำให้มันง่ายสิคะ...หากิจกรรมที่ยัยพลูชอบทำ ขี้คร้านจะติดคุณหนึบ อย่าลืมว่าใบพลูน่ะติดพี่หมากมาก เพราะงั้นถ้าใครดีกับเธอมากๆเธอก็จะรักและไว้ใจได้เร็ว และหลังจากนั้น...ผึ้งคงไม่ต้องบอกนะคะว่าต้องทำยังไงต่อ”

 

                แทนดาวตั้งใจจะบอกข่าวนี้ให้เทียมภพรู้เอง แต่รอสี่ทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าพี่ชายสุดหล่อจะกลับ โทรก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ จนเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนมาครึ่งชั่วโมงแล้วนั่นแหละ คนที่น้องสาวคอยถึงกลับมา เทียมภพที่กลับจากการหาความสำราญเดินเข้าบ้านอย่างสบายอารมณ์ แสงไฟสีส้มจากเฉลียงหน้าบ้านส่องผ่านเข้ามาทำให้มองเห็นตุ๊กตากระต่ายหูยาวสี ตุ่นๆเก่าคร่ำคร่านอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา มันชื่อเจ้าเปื่อย...ตุ๊กตากระต่ายที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเคยขนฟูขาวสะอาด มันเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาซื้อให้น้องสาวตอนอายุครบสามขวบ แม้ในห้องนอนจะมีตุ๊กตาน่ารักๆมากมายจนล้นห้องแต่หล่อนก็รักเจ้าเปื่อยที่สุดและติดมันมาก เวลานอนก็ต้องกอดก่ายเอาไว้ทุกคืน เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณแม่เห็นว่ามันเก่ามากแล้วจึงเอาไปรวมกับขยะรอทิ้ง งานนั้นเล่นเอาบ้านแทบพัง น้องสาววัยสิบห้าปีร้องลั่นปานจะขาดใจ คนลำบากจึงกลายเป็นเขาที่ต้องไปเก็บกู้มันมาจากองขยะอีกครั้ง เทียมภพหยิบมันขึ้นมาดูพลางยิ้มน้อยๆแล้วหนีบตุ๊กตาตัวเก่าจะเอาไปคืนเจ้าของ พอเปิดห้องนอนเข้าไปก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นน้องสาวยังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

                “คนสวย...ทำไมยังไม่นอนคะ” แทนดาวเงยหน้ามองพี่ชายนิดหนึ่งก่อนจะปิดหนังสือวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

                “พี่หมากไปไหนมาคะ พลูรอจนหลับไปรอบนึงแล้วนะเนี่ย” คนตัวเล็กตัดพ้อ

                “พี่เพิ่งมาถึงนี่แหละ” พี่ชายนั่งลงข้างๆพลางวางเจ้าเปื่อยไว้ในอ้อมแขนของน้องสาว

                “น้องพลูถามว่าไปไหนมา ยังไม่ตอบเลย”

                “ก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆนั่นแหละ แล้วเรามีอะไรถึงต้องรอพี่ดึกขนาดนี้ล่ะ” แก้ตัวน้ำขุ่นๆแถมยังรีบเปลี่ยนเรื่อง

                “ไปเที่ยวกับสาวๆอีกตามเคย คนรอก็รอไปสิ!” คนตัวเล็กบ่นไม่จริงจังนัก เทียมภพลูบผมสลวยของคนเกิดทีหลังอย่างอ่อนโยน

                “ก็กลับมาแล้วนี่ไง เมื่อไหร่จะเลิกอ้อนเป็นเด็กเล็กซะที โตแล้วนะ อีกไม่นานก็ต้อง...” เขาหยุดประโยคที่จะพูดต่อเพราะคนฟังขัดขึ้นก่อน

                “มีผัวออกเหย้าออกเรือน” เทียมภพสะอึกมองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ

                “ไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนกันฮึ... แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา” เขาดุเบาๆ

                “ก็คุณย่าชอบบ่นให้ฟัง แม๊...นังคนนี้ ใช้ให้เจียนใบตองแค่นี้ก็ทำเละเทะ อีกหน่อยมีผัวออกเหย้าออกเรือนไปมันจะทำอะไรเป็นบ้าง” หล่อนเลียนเสียงคุณย่าจนเทียมภพอดขำไม่ได้ เขาขยี้หัวน้องสาวเบาๆแล้วก็ก้มลงจูบหน้าผากนั้นอย่างรักใคร่

                “แล้วมีอะไรสำคัญนักหนาถึงไม่ยอมหลับยอมนอน” เขาวกกลับเข้าเรื่อง

                “ดิฉันจะเรียนบอสว่า คุณแทนดาวเธอจะไปแข่งเปียโนค่ะ ถ้าชนะจะได้ออกโฆษณาทีวี” คราวนี้คนตัวเล็กล้อเลียนเสียงผู้ช่วยสาวของพี่ชาย เขาขำกริ๊กก่อนจะเลิกคิ้วถามอย่างสนใจใคร่รู้

                 “เมื่อไหร่ล่ะ? ร้างเวทีไปนานแล้วนี่ ทีนี้พี่อาจจะมีน้องสาวผู้กลายเป็นศิลปินระดับตำนานอย่างบีโธเฟ่นก็ได้”

                “เว่อร์ไปค่ะอันนั้น คุณแม่จะให้พี่แฟงมาติวเข้มน้องพลูตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์เลย” เทียมภพได้ฟังก็สะดุ้งเบาๆเหมือนมีคลื่นความสุขอะไรบางอย่างซัดแผ่กระจายไปทั่วร่างเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะได้เจอรมณ์นลินอาทิตย์ละตั้งเจ็ดวันแน่ะ (แล้วอาทิตย์นึงมันมีแปดวันหรือคะพี่หมาก?)

                “ถ้าชนะจะซื้อเปียโนให้ใหม่” เขาสัญญากับน้องสาว แทนดาวยิ้มปลื้ม

                “ว่าแต่ว่า...ถ้าไม่ชนะล่ะ? จะมีรางวัลปลอบใจหรือเปล่า?”

                “เออน่า...ชนะหรือไม่ชนะก็จะซื้อให้ แต่คุณภาพก็ต้องลดลงตามความสามารถนะจ๊ะน้องสาว” แทนดาวเบ้หน้า อยากได้เปียโนหลังใหม่มานานแล้ว ตัวปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่เพิ่งหัดเล่นก็เก่าชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไอ้รุ่นที่อยากได้สนนราคาก็เป็นล้าน เคยเอาแคตตาล็อกให้พี่ชายดูแต่ก็ส่ายหัวดิกบอกว่ายังเล่นไม่เข้าขั้นอย่าริอ่านใช้ของแพงไม่งั้นจะเสียยี่ห้อเสียเปล่าๆ

              “นอนได้แล้วนะเรา... ดึกมากแล้ว ไหนว่าคิดถึงพี่ไม่เห็นจะ คิส คิส กันเลย” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ คนเกิดทีหลังจุ๊บเบาๆที่แก้มทั้งสองข้างแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้

              “วันก่อนเฮียบุ้งมาส่งน้องพลู...” น้องสาวเริ่มเล่าด้วยเสียงจริงจังจนเขานั่งฟังต่อด้วยความสนใจ

              “เฮียบุ้งแกเศร้ามากเรื่องที่...พี่ผึ้งปฏิเสธ น่าสงสารมากๆเลยค่ะ” เทียมภพพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ เขาเองก็รับรู้มานานแล้วว่าบุรินทร์คิดอย่างไรกับน้องสาวคนรอง ถึงจะไม่เคยขัดขวางแต่น้องสาวคนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอีกฝ่ายไปมากกว่าความเป็นญาติ หนำซ้ำยังมีแฟนถึงขั้นเคยวางแผนจะแต่งงานด้วยซ้ำ เขาเองก็เห็นใจบุรินทร์อยู่ไม่น้อยที่ต้องเห็นพี่ชายต่างสายเลือดต้องช้ำใจเรื่องนี้มาตลอด

               “น้องพลู...ความรักน่ะนะ มันมีหลายรูปแบบบนโลกใบนี้ รักแท้คือการที่เราเห็นคนรักมีความสุขโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ถ้ารักบริสุทธิ์แบบนี้ก็เหมือนกับที่พี่รักน้องพลู ไม่มีเงื่อนไข...ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน น้องพลูมีความสุข...พี่ก็มีความสุข” เขาอธิบายเสียงนุ่มพลางเขี่ยแก้มน้องสาวเบาๆ แทนดาวยิ้มหวานให้พี่ชาย

                “ส่วนเฮียบุ้งคือตัวอย่างของรักแท้ที่ผู้ชายคนนึงมีให้ผู้หญิงคนนึงไม่เคยเปลี่ยนแปลง พี่นับถือน้ำใจแกจริงๆที่ครองตัวเป็นโสดเพื่อรอผู้หญิงเพียงคนเดียว แต่เรื่องหัวใจเราไปบังคับใครไม่ได้นะจ๊ะ เฮียบุ้งเป็นคนดี...พี่เชื่อว่าสักวันแกจะต้องสมหวัง”

              “น่าเสียดายจัง พี่ผึ้งมองข้ามคนดีๆอย่างเฮียบุ้งไปได้ยังไง”

              “แล้วพี่หมากเคยรักใครมากๆแล้วอกหักมั้ยคะ?” คนตัวเล็กถามพี่ชายไปอย่างงั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นอยู่แล้วว่าคนเกิดก่อนเจ้าชู้ขนาดไหน ไม่น่าจะเคยอกหักแรงๆ

              “เคยสิ...เจ็บเจียนตายเชียวล่ะ” เขาเพียงแต่เก็บประโยคนี้ไว้ในใจ ภาพเลือนรางในอดีตค่อยๆผุดขึ้นมาชัดเจนขึ้น

              “ปรางไม่อาจคิดกับหมากเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากความเป็นเพื่อน ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีที่มีให้กันมาตลอด”

              “ขอให้รู้ไว้อย่างนึง....ไม่ว่าหัวใจของปรางจะอยู่กับใคร แต่ผู้ชายคนนี้ยังคงรอและรักคุณเสมอ” เขาเคยพูดประโยคนี้กับสตรีอันเป็นรักแรกเมื่อนานมาแล้ว ใช่...เขาผิดหวังและเจ็บปวดที่สุดกับความรักครั้งนั้น

              “หล่อๆอย่างนี้ มีแต่ไปหักอกสาวล่ะสิไม่ว่า พูดจะหาว่าคุย ทั้งชีวิตพี่นี่ทำผู้หญิงเสียน้ำตามามากแล้วแต่กับคนนี้เนี่ย...จะไม่มีวันทำให้ร้องไห้” เขาตอบน้องสาวอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับจิ้มแก้มใสนั้นเบาๆแล้วคลี่ผ้าห่มคลุมร่างคนเกิดทีหลัง

              “นอนซะ...เคลียร์งานล็อตนี้จบว่าจะลายาวๆพาใครไม่รู้ไปเที่ยวญี่ปุ่นซะหน่อย คราวที่แล้วไปทำงานอย่างเดียวเลยไม่ได้พาไปด้วย ไม่รู้ว่าหายงอนหรือยัง?” พี่ชายบอกคนบนเตียงพลางยิ้มกว้างแล้วก้มลงจูบหน้าผากแผ่วเบาอีกครั้ง

              “สัญญาแล้วแล้วนะ” คนตัวเล็กกำชับไล่หลังพี่ชายที่กำลังปิดประตูห้อง

              “รักแท้...ไม่มีเงื่อนไข...ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แล้วเราเคยรู้สึกแบบนี้กับใครบ้างหรือยังหนอ?” คนตัวเล็กคิดทบทวนคำพูดของพี่ชายในความมืดก่อนจะหลับลงในไม่กี่นาทีต่อมา

 

                ปลายเดือนมาปลุกน้องสาวเมื่อเลยเวลาอาหารเช้ามาสักพักใหญ่ เมื่อคืนนอนดึกกว่าปรกติเลยทำให้แทนดาวตื่นสาย

                “วันนี้คุณเวจะมารับประมาณสิบโมง” ดูเหมือนพี่สาวจะตื่นเต้นออกหน้าออกตา อุตส่าห์มาเลือกชุดให้ ช่วยแต่งตัวและทำผมให้ทั้งๆที่นานทีปีหนหรอกถึงจะเข้ามาดูแล ส่วนมากจะทำเพราะเป็นคำสั่งของคุณย่ามากกว่า

                “ความจริงพลูไปกับคุณแม่หรือพี่หมากก็ได้” หล่อนบอกพี่สาวขณะที่อีกฝ่ายกำลังใช้แกนม้วนผมไฟฟ้าม้วนลอนผมทีละช่ออย่างตั้งใจ

                “นี่อย่าเรื่องมากนักนะ พี่หมากต้องทำงาน ป้าทิพย์ก็ต้องดูแลคุณย่า อ้อ...คุณย่าให้พี่ไปกับเธอด้วย” ปลายเดือนบอกอย่างเสียไม่ได้ขณะจัดลอนผมน้องสาวให้เข้าทรงสวยงาม

                “ไม่เอา...ไม่อยากไปกะพี่ผึ้ง” แทนดาวบอกเจตนารมณ์กับพี่สาวชัดแจ้ง

                “ทำยังกับว่าฉันอยากจะไปด้วย ถ้าคุณย่าไม่สั่งล่ะก็...” หล่อนเหลืออดขึ้นมาบ้าง

                “แค่ไปออดิชั่นต้องตามกันไปเป็นขบวนหรือไง”

                “ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับเธอนักหรอกนะ งานก็มาก...โตขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเอง แบบนี้ไงถึงไม่มีใครไม่กล้าปล่อยให้เธอทำอะไรด้วยตัวเอง หาแต่เรื่อง...” ปลายเดือนบ่นแต่มือก็บรรจงแต่งหน้าให้น้องสาวอย่างตั้งใจ

                “ฮึ!” คนเกิดทีหลังเถียงไม่ออกเพราะที่พี่สาวว่าเอาก็มีส่วนจริง

                “เอาล่ะ...ไปเปลี่ยนชุด สีฟ้าที่แขวนอยู่นั่น แล้วกระเป๋าชาแนลที่ซื้อมาจากอิตาลีไปอยู่ที่ไหน? สร้อยข้อมือกับต่างหูชวารอฟสกี้นั่นห้ามทำหายหรือขาดเชียวนะ ฉันสั่งทำมาพิเศษไม่ได้มีขายเกลื่อนกลาด ถึงแค่ไปออดิชั่นก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีในเมื่อเธอใช้นามสกุลทวีกิจไพศาล อีกอย่าง...เผื่อฝีมือยังไม่เข้าขั้นแต่หน้าตาถูกสเป็กกรรมการก็ยังดี” พี่สาวถือโอกาสทั้งสั่งสอนเหน็บแนมนิดๆก่อนจะเดินยิ้มกริ่มออกไป

                “อะไรของเจ๊เขาเนี่ย...ไปแค่นี้ทำยังกับจะให้ไปออกรายการเดอะเฟส ไทยแลนด์” สาวน้อยมองเสื้อผ้ากับเครื่อง

ประดับที่พี่สาวเตรียมไว้ให้พลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย

                “งานนี้ใบพลูไม่ได้มาเล่นๆนะ” พอแต่งองค์ทรงเครื่องครบคนตัวเล็กก็มายืนมองตัวเองในกระจกแล้วพูดล้อเลียนประโยคเด็ดจากรายการที่ว่า

                “สวยจังน้องสาวพี่ ไหนมานี่ซิ...หอมที” เทียมภพที่กำลังจะออกไปทำงานเดินเข้าไปกอดน้องสาว วันนี้แทนดาวสวมชุดผ้าฉลุลูกไม้สีฟ้าสดใสเข้ารูป ผมม้วนเป็นเกลียวเก๋ ปลายเดือนแต่งหน้าอ่อนๆให้เข้ากับสีชุด

                “อื้อ...หายใจไม่ออกนะ” แทนดาวประท้วงเมื่อพี่ชายกอดแน่นเกินไป ลำพังชุดนี้ก็รัดเอวจนอึดอัดจะแย่

                “พี่หมากไม่เปลี่ยนใจไปกับน้องพลูเหรอคะ?” แทนดาวอ้อนตามเคย

                “พี่ต้องทำงานนี่คะ จะได้รีบเคลียร์งานพาหนูไปเที่ยว อ้อ...แล้วจะไปยังไง? วันนี้น้าตาลต้องพาแม่ ม๊าหลี กับอารินไปไหว้พระ 9 วัด ไม่ใช่เหรอ”

                “ผึ้งพาไปเองค่ะ” ปลายเดือนตอบเอง ถ้าพี่ชายรู้ว่ามีบุคคลที่สามไปด้วยอีกคนจะเป็นอย่างไรหนอ

                “เหรอ...อืม...ก็ดี ดูแลน้องดีๆนะสีผึ้ง เสร็จแล้วไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ได้ วันนี้ไม่มีประชุมอะไรสำคัญ แต่คอยดูอีเมล์จากทางสิงคโปร์ด้วยนะ เหมือนว่าเขาจะเชิญเราไปออกบูท Décor Fair” เขาสั่งน้องสาวคนรอง

                “พี่หมากไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ผึ้งจะดูแลน้องอย่างดี น้องสาวเราเก่งอย่างนี้ได้เข้ารอบแน่ๆค่ะ” ปลายเดือนพูดเสียงหวานพลางโอบบ่าน้องคนเล็กรักอย่างรักใคร่ (มั้ง) ต่อหน้าพี่ชาย

                “มีน้องสาวสวยสองคนนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง มานี่ซิ...คิส คิส พี่มั่งหรือยัง?” เขายื่นหน้าเข้าไปหาน้องสาวคนรอง

                “ไม่เอา...เดี๋ยวลิปสติกหลุด” หญิงสาวบ่ายเบี่ยงเลยถูกพี่ชายหอมแก้มดังฟอด

                “พี่หมากเนี่ย...ผึ้งไม่ใช่ยัยพลูนะ!” หล่อนเอ็ดแต่ก็ยิ้ม คนพี่หัวเราะชอบใจ แทนดาวรู้สึกมีความสุขที่พี่น้องรักใคร่กัน ถ้าสีผึ้งเป็นแบบนี้ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ดีสิ

 

                 เวทิวุฒิมาตรงเวลาเป๊ะ วันนี้ดูหล่อเป็นพิเศษอย่างกับจะไปแคสนายแบบอย่างไรอย่างนั้น เขาพาสองสาวไปถึงศูนย์ประชุมแห่งหนึ่งซึ่งใช้เป็นที่จัดการแข่งขันรอบคัดเลือก

                “ตื่นเต้นจัง นี่แค่มาออดิชั่นทำไมคนเยอะแบบนี้” แทนดาวสูดปากเบาๆเมื่อเห็นบรรยากาศการคัดเลือกวันแรกที่ออกจะคึกคัก

                “เออนี่...น้องพลูอยู่กับคุณเวไปก่อนนะ พี่ไปธุระเดี๋ยวแล้วจะกลับมารับ” จู่ๆปลายเดือนก็ทำท่ารีบร้อนว่ามีธุระ

                “อ้าว...ไหนว่าวันนี้ว่างไง? คุณย่าให้พี่ผึ้งมาอยู่เป็นเพื่อนพลูนะ” แทนดาวแย้ง อยู่ดีๆจะพามาปล่อยเกาะล่ะหรือ

                “คุณเวก็อยู่แล้วนี่ไง ก็เคยสนิทกันดีอยู่แล้วนี่ พี่มีงานด่วนนะ...เข้าใจกันบ้างสิ” ปลายเดือนอ้าง ความจริงไอ้งานสำคัญที่ว่าก็มีจริงๆแต่ก็ไม่สำคัญถึงขนาดต้องรีบร้อนไปจัดการอะไร

                “ไม่ต้องกังวลนะน้องพลู พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเอง” เวทิวุฒิรับปากเป็นมั่นเหมาะ แทนดาวลังเลด้วยความเกรงใจแต่ก็ดีเหมือนกัน...ไม่อยากไปไหนกับพี่สาวเท่าไหร่ อยู่ใกล้กันได้ไม่เกินห้านาทีเป็นต้องกัดกันทุกที

                “มีอะไรก็โทรหาพี่นะจ๊ะ” ปลายเดือนบอกน้องสาวก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอีกคนอย่างมีความหมาย

                รอบคัดเลือกวันนี้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แทนดาวคิดว่าตัวเองทำได้ดีมากและมั่นใจว่าต้องผ่านเข้ารอบแน่ๆ ต่อจากนั้นเวทิวุฒิก็ชวนไปทานข้าวกลางวันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ

                “ขอบคุณพี่เวที่เป็นธุระให้ทุกอย่างเลย” หญิงสาวบอกด้วยความเกรงใจแล้วรีบรับโทรศัพท์จากพี่สาว คุยกันไม่ถึงนาทีก็วางสาย แทนดาวหันมาบอกเขาเซ็งๆ

                “งานพี่ผึ้งไม่เสร็จ คงต้องรบกวนพี่เวไปส่งบ้านแล้วค่ะหรือถ้าไม่สะดวก...น้องพลูขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้” หล่อนบอกรุ่นพี่ด้วยความเกรงใจ ถ้าไม่ติดว่าพี่ชายไม่ยอมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะตามลำพังก็คงจะไม่เอ่ยปากรบกวนเขาหรอก

                “ไม่มีปัญหาเลย ว่าแต่...เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งวัน อยากทำอะไรก่อนมั้ย?” เข้าทางเวทิวุฒิ ปลายเดือนวางแผนมาดีจริงๆ เขาคิดต่อไปว่าความสัมพันธ์กับสาวน้อยตรงหน้ากำลังดำเนินไปด้วยดี หล่อนน่ารักและสดใส มิน่าล่ะพี่ชายถึงได้หวงนักจนบางครั้งก็อยากจะใจร้อน ทว่าแทนดาวกลับคิดต่าง...แม้ตอนแรกจะเคยแอบปลื้มและตื่นเต้นดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่านี้ อาจจะเป็นเพราะมี ‘ใคร’ ที่ทำให้หวั่นไหวได้มากกว่า ซึ่ง ‘ใคร’ ที่ว่านั้น แค่พบกันไม่กี่ครั้งแต่กลับบังเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

                “น้องพลูขอแวะซื้อหนังสือเพลงเดี๋ยวเดียวค่ะ”

                “ได้สิ แต่น้องพลูต้องไปนั่งกินขนมเป็นเพื่อนพี่ที่ร้าน สวีท ฮาร์ท ก่อนนะครับ” เขาเสนอข้อแลกเปลี่ยน แทนดาวไม่ปฏิเสธเพราะขนมร้านนี้อร่อยมาก

 

               

                “สวัสดีค่ะคุณชล ได้ข่าวเพิ่งจะกลับมา เป็นไงบ้างคะ?” ปลายเดือนรอพบเขาอยู่หลายวันจนได้รู้ว่าวันนี้ชลธีอยู่ที่ธาราเลยโทรนัดมาทานข้าวกลางวันที่นี่ ชลธีก็ตอบรับโดยไม่ได้คิดอะไรนอกจากเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นลูกค้าวีไอพีในวันนี้

                “กลับมาหลายวันแล้วครับ งานอื้อเลย...ทิ้งไปอาทิตย์เดียวเอง” เขาตอบเรียบๆ

                “วันนี้มีอะไรแนะนำมั้ยคะ?” หญิงสาวถามเขาตาเป็นประกาย

                “คุณผึ้งน่าจะเบื่ออาหารไทยแล้ว ลองอาหารเกาหลีมั้ยครับ? ผมเพิ่งได้เชฟมาไม่นาน ลองชิมดูสักหน่อยมั้ย?” เขาเชิญชวนด้วยท่าทีเป็นมิตร

                “ไปสิคะ ถ้าคุณชลแนะนำ...ผึ้งเชื่อว่าต้องอร่อย” หล่อนยิ้มอย่างดีใจแล้วเดินเคียงข้างเขาไป ชลธีหยุดที่เค้าน์เตอร์เพื่อบอกให้พนักงานช่วยจองโต๊ะ สายตาหลายคู่จ้องมองมายังสตรีที่เดินเคียงคู่บอสใหญ่ด้วยความสงสัยใคร่รู้เพราะปกติจะไม่ค่อยได้เห็นเจ้านายควงสาวๆบ่อยนัก เจ้าของร่างสูงระหงกับใบหน้างดงามที่แต่งแต้มอย่างมีคลาสก้าวเดินอย่างสง่างามดุจหงส์ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่อยู่บนเรือนร่างล้วนเป็นแบรนด์เนมไฮเอนด์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าที่แมชกันมาอย่างดีขับให้ดูมีสง่าราศีมากขึ้น ทั้งคู่ดูเหมาะสมยามเดินเคียงคู่กันไป แน่นอนว่าปลายเดือนย่อมพออกพอใจที่ทำให้พวกพนักงานรู้สึกแบบนั้น

                “เป็นไงบ้างคะ? การแข่งขันที่โน่น ผึ้งตามข่าวจากทวิตเตอร์ คนที่ชนะนี่ฝีมือเกินมนุษย์ธรรมดาจริงๆ” หล่อนเปิดบทสนทนาระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ

                “ผมมีโอกาสได้คุยกับเขาในวันสุดท้าย ก็เลยลองทาบทามให้มาที่นี่ เค้าก็รับปากว่าถ้าได้มาทัวร์เอเชียจะแวะมา ผมก็เลยเตรียมประชุมกับฝ่ายการตลาดก็เลยยุ่งอย่างที่บอก วางแผนไว้ว่าว่าจะจัดโปรโมชั่นเป็นเทศกาลเบเกอรีแล้วเชิญ เชฟคนนี้มาร่วม น่าจะดึงดูดคนได้ไม่น้อย” เขาเล่าด้วยท่าทีสบายๆ

                “ว้าว...น่าตื่นเต้นจังค่ะ ทีนี้คนก็ต้องรู้จัก เดอะ เพรสทีจ ธารา กันค่อนประเทศแน่ๆ ที่ดึงเชฟเบเกอรีแชมป์โลกมา ได้” หล่อนชื่นชมนัยน์ตาเป็นประกาย ชลธีเพียงยิ้มน้อยๆ

                “วันนี้น้องพลูก็ไปออดิชั่นมา ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” หล่อนเริ่มเปิดประเด็นเรื่องน้องสาวเพื่อสังเกตท่าทีของฝ่ายชายแต่เขาก็ยังไม่แสดงอาการใดๆ

                “อ้อ...คุณชลจำรุ่นพี่ยัยพลูที่เจอกันที่ตรังได้มั้ยคะ? แหม..พอกลับจากเที่ยวก็เทียวไล้เทียวขื่อน้องสาวผึ้ง ไอ้เรื่องแข่งนี่ก็เหมือนกัน...จัดการให้ทุกอย่าง น้องพลูก็ชอบไปสิคะ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พอเช้าก็รีบตื่นมาแต่งตัวเสียสวยเชียว เค้าสนิทกันมาก่อนแล้วนี่ วันนี้ก็เลยมารับกันไปตั้งแต่เช้า” หล่อนเล่าด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา เขายังคงก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงียบๆและเป็นผู้รับฟังที่ดี

                “แล้ว...พี่ชายคุณผึ้งยอมให้ไปด้วยหรือครับ?” เขาถามเสียงเข้มขึ้นนิดหนึ่ง

                “ผึ้งเองก็ยังงงเลยค่ะว่าทำไมพี่หมากไฟเขียวให้นายคนนี้ คงจะเป็นเพราะชื่อเสียงด้วยกระมัง ครีเอทีฟโฆษณามือทอง จับสินค้าตัวไหนตัวนั้นก็ดังเปรี้ยงปร้าง...ดูทีแล้วแกจะปลื้มเพื่อนสนิทน้องพลูคนนี้” หล่อนยกน้ำชาขึ้นจิบพลางสังเกตอาการของคนตรงข้าม

                “ดูสิ...แกส่งไลน์มา ท่าทางยัยพลูจะไว้ใจรุ่นพี่คนนี้มากนะคะ ตอนแรกผึ้งก็ห่วงนะคะที่แกเริ่มคุยกับเพื่อนชาย แต่แหม...มันก็ไม่แปลกที่วันรุ่นจะมีแฟน ดูสิ....น่ารักจริงเชียว” ปลายเดือนยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู ภาพวัยรุ่นชายหญิงถ่ายเซลฟี่โดยนั่งศีรษะแทบจะติดกันในร้านขนม แทนดาวในชุดสวยยิ้มอย่างสดใส ผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือจะตั้งใจอิงแอบคนข้างๆให้มากที่สุด

                “น้องพลูคงมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ” เขาแสดงความเห็นเพียงเท่านั้น น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ ปลายเดือนจึงไม่อาจเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

                “คุณชลคะ ไหนๆก็มาที่นี่แล้ว ผึ้งอยากไปดูห้องบอลรูมหน่อยค่ะ พอดีเพื่อนจะแต่งงานเลยให้ผึ้งช่วยหาสถานที่ เพื่อนคนนี้ไปอยู่ต่างประเทศหลายปีเลยไม่ค่อยรู้จักสถานที่ในกรุงเทพมากนัก คุณชลพาผึ้งไปได้มั้ยคะ?” หล่อนบอกเขาหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

                “ได้สิครับ” เขาตอบสั้นๆ แต่ก่อนจะออกจากร้านอาหารก็นึกอะไรขึ้นได้

                “เกือบลืมไป ผมตั้งใจจะเข้าไปหาคุณย่า กลับมาหลายวันแล้วไม่ได้เอาของฝากไปให้เสียที วันนี้ท่านอยู่บ้านใช่มั้ยครับ?”

                “อยู่ค่ะ”

                “พอดีเลย เสร็จตรงนี้ผมว่าจะเข้าไป”

                “แหม...พอดีเชียวค่ะ วันนี้ผึ้งไม่ได้เอารถมา ยังไงก็ขออาศัยคุณกลับบ้านด้วยเลยนะคะ” ปลายเดือนพูดด้วยความดีใจที่ทุกอย่างลงตัวไปหมด ชลธียิ้มเบาๆเป็นการตอบรับ

                “ไปดูหน้าคนมีความสุขเสียหน่อยเป็นไง” เขาพูดกับตัวเองในใจ

 

                แทนดาวกลับถึงบ้านตอนสี่โมงครึ่ง หล่อนขอให้เวทิวุฒิส่งเพียงแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้น รู้สึกผิดเล็กน้อยที่เลยเวลาที่ได้บอกมารดาไว้ดีเสียแต่ว่าพี่ชายยังไม่กลับไม่งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่ พอเดินเข้ามาก็เห็นรถแวนสีดำไม่คุ้นตาจอดอยู่ตรงทางเข้าบ้านเลยเดาว่าคงจะมีใครมาหาคุณย่า คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกทางเพราะไม่อยากถูกซักไซ้เรื่องกลับบ้านช้า แต่อาการย่องเงียบเหมือนโจรยกเค้านั้นหาได้รอดพ้นสายตาของคุณลำเภาไม่ ยังไม่ทันจะก้าวลับสุมทุมพุ่มไม้ไปหญิงชราก็ร้องเรียกหลานสาวเสียงดัง

                “นั่นเจ้าพลูจะไปไหนล่ะ? มานี่ก่อนสิ” แทนดาวจึงต้องเดินไปหาคุณย่าที่ศาลา พอใกล้ถึงก็คลานเข่าเข้าไปหา

                 “มาสวัสดีคุณชลเสียก่อน” ชื่อนั้นทำให้หัวใจดวงเล็กๆอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

                 “สวัสดีค่ะพี่ชล” มือน้อยค่อยๆยกมือไหว้บุรุษที่นั่งเยื้องๆกัน สังเกตว่าใบหน้าคมคายมีหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม นี่ทำงานยุ่งจนลืมโกนหนวดหรือไงนะ

                 “หวัดดีครับ พี่กลับมาหลายวันแล้วแต่มัวยุ่งๆ แล้วก็นี่...ของฝาก” เขารับไหว้แล้วก็เลื่อนถุงกระดาษใบใหญ่มาให้ตรงหน้า คนตัวเล็กค่อยๆเปิดถุงแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ตุ๊กตาตัวเขื่องสองตัวอยู่ในนั้น ตัวหนึ่งเป็นจิงโจ้ขนปุยสีน้ำตาลอ่อนมีลูกเล็กๆอยู่ในกระเป๋าหน้าท้อง ส่วนอีกตัวเป็นหมีโคล่าสีเทาสลับดำแทนดาวยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะรีบดึงเจ้าสองตัวมากอดอย่างถูกใจ ไม่คิดว่าเขาจะซื้อมาให้จริงๆ

                  “ดูสิ...เป็นสาวขนาดนี้แล้วยังเล่นตุ๊กตา” มารดาว่าลูกสาวไม่จริงจังนัก ชลธีมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ทำให้ปลายเดือนที่นั่งอยู่อีกด้านเกิดอาการหน้าตึงเล็กน้อย หล่อนอุตส่าห์วางแผนอย่างดีว่าจะทิ้งน้องไว้กับเวทิวุฒิ หวังว่ารุ่นพี่คนนั้นคงจะพาน้องเที่ยวต่อทั้งวัน ที่ไหนได้...ตัวมารความสุขเกิดกลับมาเร็วกว่าที่คิด แถมมาได้เวลาพอดีเสียด้วย

                “คุณชลนี่ใจดีจังนะคะ อุตส่าห์ซื้อของมากฝาก” หล่อนหยิบชุดบำรุงผิวแบรนด์ดังที่ได้รับขึ้นมาดูอีกครั้ง ตั้งใจหยิบออกมาให้น้องสาวได้เห็นว่าสิ่งที่ตนเองได้รับมีมูลค่าสูงกว่ามาก

                “เล็กน้อยน่ะครับ” คนหน้านิ่งตอบสั้นๆแล้วหันมาคุยกับสาวน้อยที่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากตุ๊กตาสองตัวนั้น

                “ถูกใจมั้ยน้องพลู? หวังว่าคงจะชอบมากกว่า...” เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เงียบ แทนดาวไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเร็วๆ เพราะตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับเจ้าจิงโจ้ตัวเล็กน่ารักที่ดึงออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องของตัวแม่ได้

                “เจ้าพลู ตอบพี่เค้าดีๆสิ” คุณย่าเอ็ด

                “ชอบมากค่ะ น่ารักจังเลย ดูสิคะ...ตัวลูกมันเป็นพวงกุญแจด้วยล่ะ” หล่อนหันมาตอบดีๆตามคำสั่ง พลางโชว์เจ้าลูกจิงโจ้ที่ว่าให้ทุกๆคนดู ชลธียิ้มอีกครั้งทำให้ปลายเดือนเริ่มร้อนขึ้นมานิดๆ

               “ทีกับเราไม่เห็นแจกยิ้มอย่างนี้บ้างเลย”

                “แล้วเป็นไง? วันนี้ที่ไปแข่งมา” คุณย่าถามหลานสาวคนเล็ก

                “น้องพลูว่าต้องผ่านเข้ารอบแน่นอนค่ะ แต่พี่ผึ้งน่ะสิคะ...อยู่ดีๆก็...” กำลังจะอ้าปากฟ้องเรื่องที่พี่สาวทิ้งแต่ก็ต้องหุบปากสนิทเมื่อคู่กรณีส่งสายตาพิฆาตกลับมา พอจะเดาความหมายจากสายตาพี่สาวว่า

               “เอาสิ! ถ้าฉันซวย เธอก็ซวย”

               “ผึ้งเอาของไปเก็บที่บ้านก่อนนะคะ คุณชลอย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ” หล่อนรีบหนีออกมาจากตรงนั้นโดยเร็วเพราะกลัวน้องสาวจะหลุดปากเล่าเรื่องวันนี้ แทนดาวมองตามพี่สาวโกรธๆ

“คิดจะเอาตัวรอดรึ...งั้นไปมั่งดีกว่า” (อ้าว..แทนดาว)

               “น้องพลูเอาเจ้าสองตัวนี่ไปเก็บด้วยดีกว่า คุณชลอย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ” ประโยคหลังนั้นคนพูดจีบปากจีบคอเลียนเสียงและท่าทางของพี่สาว คุณย่าหัวเราะหึหึ แต่ชลธีไม่ขันด้วย

                “ยัยพลู เดี๋ยวเถอะ!” คุณดวงทิพย์ดุลูกสาวที่ไปล้อเลียนพี่สาวแบบนั้น

 

               “เฮ้อ...พี่ผึ้งนะพี่ผึ้ง หนีเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์สิน่า เกือบไปแล้วนะนี่..ทีหลังไม่เอาอีกแล้ว สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามสายเลือดอย่างมาก” แทนดาวเดินบ่นอยู่คนเดียว ตั้งใจจะไม่กลับไปที่ศาลาอีก เดี๋ยวเผลอหลุดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง

               “หนีเที่ยวอีกแล้ว...สงสัยคงยังไม่เข็ดจริงๆ” เสียงเนิบๆบอกคนหนีเที่ยวที่กำลังเดินไปยังซุ้มกระดังงา

               “อ้าว...พี่ชลยังอยู่หรอกหรือคะ?” หล่อนถามเสียงอ่อย ที่บ่นเมื่อกี้เขาได้ยินหรือเปล่านะ

               “จะกลับได้ไงล่ะ ก็เมื่อกี้ยังมีคนบอกว่า ‘คุณชลอย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ’ อยู่เลย” ทีนี้เขาล้อเลียนหล่อนบ้าง แต่สีหน้าและน้ำเสียงยังคงราบเรียบ

“.....”

“หืม...ไม่เถียงแบบนี้ แสดงว่าจริง” เขาเดาทางถูก คนถูกจับได้ทำหน้าแหย

“ก็...มันเป็นเหตุสุดวิสัย แต่น้องพลูก็แค่ไปซื้อของ...เลยกลับช้า”

              “งั้นหรือ? ขนมที่ร้าน สวีท ฮาร์ท เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลับช้าหรือเปล่า?” เขาถามเสียงเครียด แทนดาวตาโต อ้าปากค้าง ตกใจมากว่าเขารู้

              “อ้อ...เอ้อ นั่นก็เป็นเหตุบังเอิญอย่างที่บอกจริงๆนะคะ” ด้วยอารามตกใจกลัวความลับเปิดเผย ร่างเล็กจึงก้าวเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว มือน้อยที่ตอนนี้เย็นเฉียบจับท่อนแขนของเขาแน่น

              “เป็นความบังเอิญที่ดูมีความสุขเสียจริง มิน่าล่ะ...วันนี้ถึงได้ร่าเริงเป็นพิเศษ แถมยัง...แต่งตัวเสียสวยหยดไปออกเดท” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่ถ้าคนฟังมีความสามารถในการจับผิดได้ก็จะรู้ว่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

               “เปล่านะคะ น้องพลูไม่รู้หรอกว่าพี่ชลรู้ได้ยังไงหรือไปเห็นอะไรมา แต่ขอร้องนะคะ...ได้โปรด อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูพี่หมากเลย” เสียงขอร้องสั่นเครือมาพร้อมกับดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำใสๆ ชลธีใจอ่อนยวบทันที เขารีบดึงร่างเล็กให้นั่งลงบนม้าหินด้วยกัน

               “ถ้าอย่างนั้น...น้องพลูต้องเล่าให้พี่ฟังทั้งหมด ว่าวันนี้ไปทำอะไรกับ ‘ใคร’ มาบ้าง” เขาเน้นเสียงในตอนสุดท้าย แทนดาวรวบรวมความกล้าเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังโดยละเอียด เขานิ่งฟังอย่างใช้ความคิด

               “พอเสร็จงานก็ไปกินข้าวแล้วก็ไปกินขนมกัน น้องพลูไม่ได้ทำอะไรเสียหาย” แล้วน้ำตาที่อดกลั้นไว้ตั้งแต่ตอนแรกก็ไหลพรั่งพรูด้วยความหวาดหวั่น สาวน้อยยกมือป้ายน้ำตาแต่มันก็ยังหลั่งไหลอย่างต่อเนื่อง ชลธีใจหายวาบ นี่เขาเป็นต้นเหตุให้หล่อนต้องร้องไห้หรือ?

              “ไหนมานี่ซิ...อย่างร้องนะ” เขารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อบรรจงซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เมคอัพที่แต่งแต้มไว้เริ่มละลายออกมากับน้ำตา

              “ถ้าพี่หมากรู้จะต้องโกรธมาก น้องพลูจะไม่ได้เล่นเปียโนอีกแน่ๆ” หล่อนพูดไปสะอื้นไปจนเขาสงสารจับใจ

               “ไม่ครับ...พี่ชายเราจะไม่รู้ อย่างน้อยก็จะไม่รู้จากปากพี่แน่นอน” เขาปลอบพลางซับน้ำตาให้ หญิงสาวค่อยคลายความกังวลจนหยุดร้องในที่สุด ชลธีพิศมองใบหน้าหวานนั้นอย่างตกตะลึงไปชั่วครู่ ดวงตาทรงอัลมอนด์แดงก่ำจากการร้องไห้ ไหล่ลาดยังกระตุกเป็นห้วงๆจากแรงสะอื้น เขาอยากจะกอดปลอบให้หายความเศร้าเฉกเช่นคืนนั้นแต่ก็ต้องหักห้ามใจ ทำได้เพียงปล่อยให้คนตัวเล็กยึดท่อนแขนข้างเดิมไว้

               “น้องพลูจะไม่ทำแบบนี้อีกค่ะ” แทนดาวบอกเขาพร้อมกับอาการสะอื้นเบาๆ หยาดน้ำใสไหลออกมาอีก เขาไม่อาจอดกลั้นใจได้อีกต่อไป นิ้วเรียวยาวดุจสตรีค่อยๆเช็ดน้ำตาออกไปจากพวงแก้ม มืออีกข้างลูบผมให้อย่างปลอบโยนแต่แล้วก็แอบทำเกินเลยโดยการพันนิ้วเล่นกับกลุ่มผมยาวสลวยนุ่มดุจไหมที่ยังคงม้วนตัวเป็นลอนสวย นิ้วที่เมื่อครู่ใช้ปาดน้ำตาก็เริ่มซุกซนไล้คลอเคลียอยู่ที่พวงแก้มสีเรื่อ ดวงตาประกายสีเหล็กคู่นั้นฉายแววประหลาดล้ำที่อีกฝ่ายจะไม่มีวันตีความหมายออก เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเผลอโน้มใบหน้าลงไปใกล้ชิดคนตัวเล็กมากเกินพอดีแล้ว

“พี่ชลสัญญากับน้องพลูแล้วนะคะ” หล่อนย้ำเสียงสั่นและจับมืออุ่นราที่กำลังลูบไล้พวงแก้มมากุมไว้เสียเองอย่างลืมตัว

            “ครับ....พี่ไม่เคยไม่รักษาสัญญา” เขากระซิบชิดหน้าผากมน อยากจะกดจมูกจุมพิตแผ่วเบาแบบวันนั้นเหลือเกิน

            “น้องพลูโอเคแล้วค่ะ” แทนดาวรู้สึกตัวว่าลมหายใจร้อนๆของเขาอยู่ใกล้ชิดแค่นี้จึงจะถอยออกห่าง แต่มือนุ่มนิ่มของตนเองที่กุมมือเขาไว้แน่นหนาอยู่ขณะนี้กลับกลายเป็นการพันธนาการตัวเองไปโดยปริยาย

             “แต่พี่ยังไม่โอเค...” เสียงกระซิบยังคงอยู่ชิดขมับ ปลายจมูกโด่งระเรี่ยอยู่แถวไรผมข้างแก้ม มือหนาที่กำลังจับผมยาวเล่นเพลินๆก็กลายเป็นยึดตรงท้ายทอยมิให้อีกฝ่ายหลีกหนีได้ แทนดาวเริ่มกลัวคนที่ปลุกปลอบตนเมื่อครู่แต่ก็กระดุกกระดิกไม่ได้ เขาออกแรงเพียงนิดก็สามารถตรึงร่างบางให้อยู่ในวงแขน

            “น้องพลูอยากเข้าบ้านแล้วค่ะ” ดวงตาตระหนกนั้นยิ่งทำให้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ใบหน้าคมสันก้มลงไปใกล้ขึ้นอีกทีละนิดโดยมีจุดหมายอยู่ที่ริมฝีปากบอบบางเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อน มันใกล้เสียจนได้กลิ่นเนื้อนวลหอมกรุ่นของวัยสาว

             “หยุดนะไอ้ชล! แกคิดจะทำอะไร?” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกสติตัวเองกลับมา เขารีบปล่อยให้ร่างบอบบางเป็นอิสระแม้จะเสียดายอย่างมากก็ตามทีแล้วรีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปรกติ แต่สาวน้อยที่นั่งข้างๆดูเหมือนจะไม่อาจควบคุมตัวเองได้ แก้มเนียนปลั่งทั้งสองแต้มด้วยริ้วสีแดงจางๆ

             “เอาล่ะ...น้องพลูสบายใจแล้วพี่คงต้องกลับเสียที เมื่อกี้จะเข้าบ้านไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ..เดี๋ยวพี่ก็จะไปลาคุณย่าเหมือนกัน” เขาบอกเสียงเรียบเช่นเคยต่างกับชลธีเมื่อกี้อย่างกับไม่ใช่คนเดียวกัน แทนดาวเพียงแต่เดินไปเงียบๆไม่พูดอะไร ก่อนจะแยกกันก็หันมาไหว้ตามมารยาท

              “คราวหลังอย่าแต่งสวยอย่างนี้ออกไปเที่ยวกับใครอีกนะ พี่เข้าใจความรู้สึกไอ้หมากมันก็วันนี้แหละ...ว่าความ ‘หวง’ น่ะ มันทำให้คนคลั่งได้”

 

                ชลธีไปลาคุณลำเภาแล้วปลายเดือนก็อาสาเดินไปส่งอย่างเคย เขาชำเลืองมองสตรีที่เดินข้างๆด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ลึกๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปลายเดือนมีความ ‘ไม่ปรารถนาดี’ ต่อน้องสาว หล่อนกำลังทำอะไรและต้องการอะไร? ถึงได้กล้าป้อนน้องตัวเองเข้าปากจระเข้!

                “ขอบคุณมากนะคะที่วันนี้เสียสละเวลาให้ผึ้ง ไหนจะซื้อของมาฝากอีก คราวหน้าให้ผึ้งเลี้ยงข้าวตอบแทนบ้างนะคะ” โดยที่เขาไม่ทันพูดอะไร ปลายเดือนก็เขย่งปลายเท้าแตะกลีบปากหยักสวยกับริมฝีกปากของเขาแผ่วเบา และไม่หยุดอยู่แค่นั้น หล่อนพยายามกดริมฝีปากให้แนบแน่นขึ้น สองมือเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอ ชลธีรีบตั้งสติแล้วค่อยๆปลดข้อมือที่คล้องคออกออกพร้อมกับดันตัวอีกฝ่ายออกอย่างนุ่มนวลที่สุด

                “คุณผึ้งครับ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” เขารู้สึกตกใจที่ถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

                “เอ่อ...ผึ้งแค่อยากขอบคุณ” ปลายเดือนรู้สึกอายที่สุดในชีวิตที่ถูกปฏิเสธจูบ

                “คุณผึ้งครับ...เราเป็นคนรู้จักกัน คุณผึ้งก็เหมือนน้องสาวผมอีกคนนะครับ อย่าทำแบบนี้อีกเลย...มันไม่สมควร” เขาพูดนิ่งๆแต่ปนตำหนิอยู่กลายๆ ปลายเดือนแรงกว่าที่ประเมินไว้มากนัก

                “อย่าเลยค่ะคุณชล คุณปฏิเสธผึ้งไม่ได้หรอก” คนถูกปฏิเสธรำพันกับตัวเองพลางมองตามรถแวนสีดำที่แล่นออกไปช้าๆ หล่อนรักเขาและจะทำให้เขารักตอบให้ได้ด้วย

 

               “น้องชุดสีฟ้าที่บ้านนั้นฝากไอ้นี่มาให้ครับ” คนขับรถก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กๆให้เมื่อออกจากบ้านนั้นมาได้สักพัก

               “แถมยังกำชับผมอีกว่า รอให้มาไกลๆก่อนค่อยให้” ชลธีอมยิ้ม สิ่งของที่อยู่ในถุงเป็นโหลแก้วใสทรงกลม ข้างในบรรจุขนมหน้าตาคล้ายคุกกี้อยู่เต็ม มีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆแปะอยู่บน ฝา

              “Thank you for those cute stuffs and this is… ขนมดอกลำดวน (กลีบลำดวน, เกสรลำดวนหรือลำดวนเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรกันแน่ ภาษาอังกฤษเขียนไงก็ไม่รู้).Enjoy eating, BTW, do not forget our PROMISE na ka… Tandao”

               ชลธีอ่านทวนโน้ตสั้นๆที่เขียนสลับภาษาไทย-อังกฤษด้วยลายมือเป็นระเบียบ เขาสะดุดตากับประโยคสุดท้ายที่เน้นย้ำว่าอย่าลืมสัญญา สายตาของเขาอ่อนลงขณะมองขวดโหลคุกกี้ในมือ ค่อยๆเปิดฝาขวดอย่างระมัดระวังจนได้กลิ่นหอมควันเทียนอบอวล

                แทนดาวนั่งดูเพจโซเชียลเล่นเพลินๆในห้องนั่งเล่น ตรงข้างตัวมีหนังสือโน้ตเพลงสองเล่มวางอยู่ เทียมภพกลับบ้านตอนเกือบสามทุ่มแล้วก็สลบไสลไปแล้วด้วยความเพลีย น้องสาวคนเล็กก็เลยเบาใจที่พี่ชายเหนื่อยจนไม่ถามถึงเรื่องวันนี้ สาวน้อยวาดนิ้วไล่ดูฟีดข่าวบนเฟสบุ๊คว่ามีอะไรใหม่ๆบ้างแล้วก็ต้องหยุดหนึ่งที่ภาพโหลคุกกี้ที่พร่องไปครึ่งประปุกบนหน้าไทม์ไลน์ของรมณ์นลิน หล่อนกับครูสาวเป็นเพื่อนกันบนเพจโซเชียลนี้จึงสามารถเห็นเสตัสบนไทม์ไลน์ของกันและกันได้ ความอยากรู้เลยต้องรีบตามไปส่องเฟสบุ๊คของครูสาวทันที สเตตัสแรกสุดเป็นภาพโหลแก้วบรรจุขนมกลีบลำดวนที่พร่องไปครึ่งหนึ่งถูกโพสต์โดย Mr.Cho Chonlatee มีคำบรรยายภาษาอังกฤษสั้นๆตามด้วยอีโมติค่อนรูปหน้ายิ้ม

                “Best sweet I’ve ever had”

                “พี่ชลร้ายกาจจริงเชียว ตั้งใจโพสต์ให้เราตามมาเห็น!” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองแล้วแก้มทั้งสองข้างก็ระเรื่อขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา