ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 13.47 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,723 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 13.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย ตอนที่ 1 50%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ต้นเดือนธันวาคมอันเหน็บหนาวในเดอะบร็องซ์ (The Bronx) หนึ่งในห้าเมืองย่อยของรัฐนิวยอร์ก ภายในบ้านหลังหนึ่งแถบย่านอยู่อาศัย สองแม่ลูกกำลังวุ่นวายกับการเก็บของใช้ส่วนตัวให้ลูกสาว โดยมีลูกชายนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา สองตามองการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล บนหน้าตักมีชามมันฝรั่งทอดอยู่เต็มความจุ เขาใช้มือหยิบมันฝรั่งส่งเข้าปากสลับกับบ่นให้ผู้เป็นแม่ที่เซ้าซี้ไม่เลิกรา
        “ย้ายไปอยู่ด้วยกันก็สิ้นเรื่อง แม่จะได้ไม่ต้องบ่นจู้จี้อยู่แบบนี้” เจ.ที. ซิลเวอร์ ลูกชายคนโตของบ้านบ่นไม่แพ้ผู้เป็นแม่เพราะตั้งแต่ช่วงสายของวันจนถึงห้าโมงเย็นก็ยังไม่มีท่าทีว่าตนและน้องสาวจะได้ออกเดินทางสักที “พิตต้าแค่ย้ายไปอยู่กับผมในแมนฮัตตัน แม่ทำยังกะย้ายไปอยู่อีกประเทศ”
        “ย้ายไปเป็นเมดคอยทำความสะอาดห้องให้แกน่ะรึ ไม่มีทางซะล่ะ” ไดแอนยืนเท้าสะเอวมองลูกชายที่ทำตัวสบายจนเกินเหตุ ไม่เพียงไม่ช่วยแต่ยังคอยพูดยั่วอารมณ์ไม่หยุดหย่อน
        “เมดแก่ยังงี้ไม่เอาหรอก ต้องที่หุ่นสะบึม ใส่กระโปรงสั้นพอให้เห็นก้นงอนวับๆแวมๆ น่าจะทำให้ผมมีสมาธิในการฝึกมากขึ้น” พูดยังไม่ทันจบขาดคำก็ต้องอุทานออกมาเมื่อผู้เป็นแม่โยนผ้าห่มผืนเก่าใส่หน้า “อะไรกัน นี่เธอยังติดผ้าห่มผืนนี้อยู่เหรอพิตต้า”
        เจ.ที. ถามด้วยความขบขันพลางมองผ้าห่มผืนนุ่ม ย้วยยืดผ่านการใช้งานมานานหลายปี สลับกับใบหน้าบูดบึ้งของสิริภัทรา จำได้ว่าเด็กผิวขาวอมชมพู ชอบมัดผมแกะสองข้างย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านก็หอบผ้าห่มผืนนี้เข้ามาด้วยและจะนอนไม่หลับหากไม่ได้กอดมันเอาไว้
        “ถ้านายยังเอาแต่ล้อเลียนไม่เลิก เราจะช้ามากกว่านี้นะเจ.ที.” สิริภัทราบอกพลางลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งบรรจุข้าวของส่วนตัวไว้เต็มพิกัด วางมันไว้ตรงปลายเท้ายืนบังทีวีในท่าทางเดียวกันกับผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี้ยน
        “เฮ้อ... ยอมแล้ว ยอมทั้งคู่เลย ทำไมชอบรวมหัวหาเรื่องฉันตลอด” เจ.ที. ส่ายหน้าอย่างระอาใจ ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากโซฟายังใช้มือขยุ้มมันฝรั่งส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย
        ท่าทางตะกละตะกลามดังกล่าวทำให้ไดแอนส่ายหน้า รู้ดีว่าลูกชายนั้นต้องใช้พละกำลังมากมายสักเพียงใดแต่การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพเลย ไม่เว้นแม้แต่นักกีฬาบาสเกตบอลเช่นลูกชายของเธอ แม้จะอยู่ในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บก็ตาม
        หากสิริภัทรากลับมองคนที่เคี้ยวอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาคาดโทษ รู้ดีว่าเจ.ที. เบิร์นไขมันออกจากร่างกายแสนลำบากแต่อีกใจก็อดสงสารเขาไม่ได้ที่ต้องแสร้งทำเป็นเบิกบานใจต่อหน้าผู้เป็นแม่
        “ไปเถอะ ทั้งหมดมีเท่านี้แหละ” บอกพร้อมหิ้วกระเป๋าใบเล็กที่สุดเดินตามร่างสูงใหญ่ของพี่ชายออกไปหน้าประตู
        ไดแอนรีบเดินตามออกมาหน้าประตูพร้อมทั้งยื่นกล่องพลาสติกซึ่งบรรจุอาหารไว้เต็มพิกัด “นี่เอาไว้กินบนรถ ส่วนกล่องใหญ่นี่เอาไว้กินตอนดึก แม่รู้ว่าเจ.ที. ต้องหิวแล้วต้องไปเคาะห้องหนูให้ตื่นขึ้นมาทำอาหารให้อีก”
        สิริภัทรามองกล่องอาหารในมือด้วยความรู้สึกซาบซึ้งเกินคำบรรยาย หญิงสาววางมันลงบนกระเป๋าเดินทางแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของผู้ที่เปรียบเสมือนแม่แท้ๆ “ดูแลตัวเองนะคะ หนูจะกลับมาค้างด้วยบ่อยๆ”
        ไดแอนลูบแผ่นหลังบอบบางขึ้นลงเร็วๆ พยักหน้ารับกับคำพูดนั้นแล้วดึงร่างกลมกลึงออกห่างเล็กน้อย “หนูนั่นแหละที่ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องอย่างคราวที่แล้วขึ้นมาอีกเด็ดขาด”
        “ค่ะ หนูรักแม่นะ” สิริภัทราบอกพร้อมทั้งสอดมือเข้าประคองข้างแก้มของผู้หญิงที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี รู้สึกใจหายและเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ย้ายไปไกลต่างรัฐ
        “แม่ก็รักหนู พิตต้า”
        เจ.ที. เดินคอตกมายังผู้หญิงสองคนที่กล่าวคำล่ำลากันไม่จบสิ้น “เราค้างอีกสักคืนไหมพิตต้า เธอกับแม่จะได้มีเวลานอนคุยกันทั้งคืนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยไป”
        “อย่ามาประชดฉันนะไอ้ตูดหมึก” ไดแอนหันไปตวาดลูกชายไม่จริงจังนัก ก่อนจะออกแรงดันแผ่นหลังบอบบางของสิริภัทราให้ออกห่างตน ส่วนไอ้ตูดหมึกลูกชายในไส้ของเธอก็เข้ามาจูบแก้มลาก่อนจะเดินกลับไปยังรถยนต์ “รีบไปขึ้นรถทั้งสองคนเลย เห็นไหมว่าฤดูหนาวมันมืดเร็วแค่ไหน แม่บอกว่าให้รีบก็มัวแต่...”
        ชะงักคำพูดเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นตัวเองที่มัวแต่จัดของไม่เสร็จสักทีทั้งไก่อบก็เพิ่งออกจากเตาได้ไม่ถึงห้านาที แน่นอนว่าลูกทั้งสองหันมาสบสายตากันแล้วหัวเราะออกมากับความจู้จี้ขี้บ่นของผู้เป็นแม่ แต่ทั้งหมดนั้นก็เพราะความรักและหวังดี
        “เจ.ที. ขับรถดีๆนะ ดูแลน้องด้วย พิตต้าอย่าลืมพกสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าตลอดเวลาด้วยนะ” ไดแอนตะโกนสั่ง โบกมือลาและชะเง้อมองตามจนรถยนต์ของลูกชายขับไกลออกไปเรื่อยๆ
        รอยยิ้มแห่งความสุขเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเศร้าๆ เมื่อถึงเวลาที่สิริภัทรา ลูกสาวนอกไส้ของเธอกำลังโบยบินออกจากอ้อมอก กระทั่งตอนนี้เธอยังมองตามถนนที่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาแม้ว่าจะไม่เห็นแม้แสงไฟท้ายของรถยนต์แล้วก็ตาม ไดแอนหัวเราะพลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
        ‘อย่าทิ้งพิตต้านะที่รัก สัญญากับผมสิ พิตต้าเป็นเด็กกตัญญู แกจะเป็นคนดูแลคุณในยามแก่ชรา’ ไดแอนยังจำคำสั่งเสียของสามีคนที่สองได้เป็นอย่างดี
        แม่หม้ายลูกติดกับพ่อหม้ายเอเชียลูกติดซึ่งบ้านอยู่ติดกัน มีความเหงาและผิดหวังในชีวิตคู่เช่นกันจึงเป็นเรื่องง่ายดายที่จะเข้าอกเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายและตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในเวลาอันรวดเร็ว แต่เพียงห้าปีให้หลังสามีของเธอก็มีอันต้องจบชีวิตลง ทิ้งไว้เพียงแค่ลูกสาวอายุ 14 ปี ซึ่งในตอนนั้นเด็กหญิงคนนี้คือภาระอันหนักอึ้งที่เธอไม่คิดจะแบกรับเอาไว้เลย
        ทว่าจิตใจอันดีงามของสิริภัทรากลับเปลี่ยนใจเธอได้โดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงเป็นเด็กเรียนดีแต่ยังสามารถชี้ทางสว่างให้ลูกชายของเธอหันมาสนใจบาสเกตบอลจนกลายเป็นนักกีฬาอาชีพซึ่งในตอนนั้น เจ.ที. อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ติดเพื่อน ต่อต้านคำพูดของแม่ เกือบจะเสียคนเพราะยาเสพติดมาแล้ว
        ทุกครั้งที่เธอกลับจากทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด สิริภัทราคือคนที่ทำอาหารไว้รอ เก็บกวาดบ้าน ดูแลเธอเป็นอย่างดีในยามเจ็บไข้ได้ป่วย พูดได้เต็มปากว่าดูแลเธอดีมากกว่าลูกชายแท้ๆด้วยซ้ำ จากที่เคยคิดว่าเลี้ยงดูไปอีกไม่กี่ปี เด็กสาวก็คงจะเติบโต สามารถทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้และออกไปใช้ชีวิตของตัวเองเช่นเด็กอเมริกันทั่วไป แต่เป็นเช่นนั้นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเพราะเงินทุกเหรียญที่สิริภัทราทำงานพาร์ทไทม์ได้จะยื่นให้เธอเป็นคนเก็บทั้งสิ้น
        ไม่เคยทำให้เธอเดือดร้อนใจในเรื่องการคบเพื่อนต่างเพศ ถึงแม้ว่าจะคบหาเพื่อนชายเฉกเช่นวัยรุ่นทั่วไปแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่จะลักลอบหรือออกปากขอไปค้างคืนที่อื่น ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี แน่นอนว่าเธอรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จและใฝ่ดีของสิริภัทราเป็นอย่างมาก จากที่เคยคิดว่าตัวเองสามารถทำใจรับได้เรื่องการย้ายออกไปอยู่ข้างนอกของลูกๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับใจหายและอ้างว้างเป็นอย่างมาก
        ไดแอนยิ้มให้กับรูปของสามีซึ่งอัดใส่กรอบขนาดย่อมตั้งไว้บนโต๊ะข้างโซฟาตัวเดี่ยวที่เธอชอบนั่งอ่านหนังสือหรือถักโครเชต์อยู่เสมอ
        “ขอบคุณที่ส่งพิตต้ามาให้ฉันนะคะ พิตต้าทำให้ฉันเข้าใจความหมายของคำว่ากตัญญูที่คุณพร่ำบอกมาตลอดเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ฉันเข้าใจความหมายคำว่าครอบครัวที่คุณพูดแล้ว” ไดแอนไล้นิ้วลงบนรูปก่อนจะตั้งมันไว้ที่เดิม นิ่วหน้าเมื่อความเจ็บปวดจากโรคภัยในร่างกายเริ่มจู่โจมอีกครั้ง
        ยาระงับปวดจากโรงพยาบาลช่วยบรรเทาความปวดให้คลายตัวลงได้ในเวลาต่อมา ทว่าเธอจะซ่อนโรคร้ายนี้เอาไว้ให้มิดชิดเพราะรู้ดีว่าอาการของตัวเองนั้นเกินเยียวยา เธอจะไม่ยอมให้ลูกชายและลูกสาวต้องมาสิ้นเปลืองเงินทองที่เก็บหอมรอมริบมาอย่างยากลำบากด้วยโรคร้ายที่กำลังคร่าชีวิตเธอโดยเด็ดขาด
 
        แมนฮัตตัน
        สิริภัทรายกกระเป๋าใบเล็กที่สุดเข้ามาวางในอพาร์ตเมนต์ของเจ.ที. ซึ่งเป็นตึกสูงราวสามสิบชั้นตั้งอยู่ในแถบอัปเปอร์เวสต์ไซด์ซึ่งมีผู้คนอยู่อาศัยกันมากกว่าย่านอื่นๆ เพราะถึงแม้ว่าราคาค่าเช่าต่อยูนิตจะถูกกว่าย่านอื่นๆอยู่มาก แต่ก็ยังแพงเกินความสามารถของนักข่าวที่เพิ่งเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำของหนังสือพิมพ์ซิตี้ทูเดย์3 ได้ไม่ถึงสองเดือน
        “โอ... อะไรกันเนี่ย” คำแรกที่หลุดออกจากปากเมื่อได้เห็นสภาพห้องหลังประตูบานใหญ่ที่เจ.ที. เป็นคนเปิดออกกว้างค้างเอาไว้
        เจ.ที. อาศัยจังหวะที่น้องสาวอ้าปากมองสภาพห้องตาค้าง ยกมือดันปลายคางน้องสาวจนได้ยินเสียงฟันกระทบกัน แล้วต้องหัวเราะร่วนเมื่อเธอมองค้อนขวับ “ไม่ต้องตกใจหรอกสาวน้อย อย่าลืมสิว่านี่คือห้องของเจ.ที. ซิลเวอร์ ชู้ดติ้งการ์ด ตัวแม่นยำและเรียกสามคะแนนให้ทีมได้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดของนิวยอร์กนิก”
        “ซึ่งบ่อยครั้งฉันก็คิดว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นหนูที่สิงร่างอยู่ในร่างมนุษย์สินะ ถึงได้ชอบหมกตัวอยู่ในห้องสกปรกๆแบบนี้” สิริภัทราต่อว่าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
        แม้จะไม่ต้องออกแรงแบกกระเป๋าเข้ามาด้านใน เพราะพี่ชายวางกระเป๋าสองใบใหญ่ไว้แล้วรีบหันมาดึงกระเป๋าในมือเธอ จากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้ที่ล้มอยู่ไม่ไกลขึ้นมาวางแล้วจับเธอนั่งแหมะลงตรงมุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากประตูห้องนัก เรียกได้ว่าเป็นมุมที่มีพื้นที่ว่างมากที่สุดในห้องแล้ว
        “เฮ้อ... อย่าเอานิสัยจู้จี้ขี้บ่นเหมือนแม่มาใช้นักเลยพิตต้า รู้ไหมว่ามันเป็นข้อเสียของผู้หญิงสวยหุ่นเซ็กซี่อย่างเธอ” บอกด้วยความหวังดีพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขวดเล็ก หมุนเกลียวเปิดให้ครึ่งหนึ่งก่อนจะเดินมาส่งให้ถึงมือ นี่เป็นการกระทำอันสุภาพที่สุดแล้วเพราะปกติเขาคงเปิดขวดน้ำให้ครึ่งหนึ่งแล้วโยนให้ถึงมือจากหน้าตู้เย็น
        “ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน อย่ามาว่าให้แม่นะ” เธอรู้ล่ะว่าพี่ชายผู้ไร้ระเบียบกำลังหาทางหว่านล้อมให้เก็บกวาดทำความสะอาดห้องโดยไม่ปริปากบ่น
        แม้ว่าเจ.ที. จะเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับข้าวของมากมายก่ายกอง รกรุงรังได้โดยไม่เดือดร้อนแต่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ในตัวแบบที่หาไม่ได้จากชายอเมริกัน เช่นว่า เปิดขวดน้ำก่อนส่งให้ผู้หญิงเสมอ หลังใช้ห้องน้ำจะต้องวางที่รองนั่งชักโครกลงทุกครั้ง ที่สำคัญเขาจะรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวให้น่ารักอย่างไรในช่วงเวลาที่ผู้หญิงมี PMS
        จำได้ว่ามันคือสิ่งที่พ่อของเธอปฏิบัติกับคนในครอบครัวจนไดแอนเกิดความประทับใจและคุ้นชิน ในที่สุดก็พร่ำสอนให้ลูกชายเพียงคนเดียวปฏิบัติตามแบบอย่างที่ดีจนติดเป็นนิสัย เธอมักได้ยินแฟนสาวหลายคนของเจ.ที. กล่าวชื่นชมในนิสัยนี้เป็นเสียงเดียวกัน
        “ถ้ามันไม่เกี่ยวเธอก็คงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปนานแล้ว ไม่คบๆเลิกๆอยู่แบบนี้หรอก” บอกพลางเดินไปหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวีแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา หยิบมันฝรั่งในถุงที่ไม่รู้ว่าเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ขึ้นมาส่งเข้าปากหน้าตาเฉย
        สิริภัทราส่ายหน้ากับท่าทางซึ่งคนภายนอกมองเห็นว่าเขากำลังใช้ชีวิตอย่างแสนสบาย แต่เธอรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังมีเรื่องทุกข์ใจให้ต้องขบคิดอย่างหนัก
        เจ.ที. ลอบถอนหายใจเมื่อน้องสาวคนละพ่อแม่แต่กลับอ่านใจเขาออกอย่างง่ายดายเดินมายืนบังหน้าจอทีวี แถมยังส่งสายตาคาดคั้นชนิดที่เขาระอาใจเพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอจะสามารถล้วงความลับที่เขาซ่อนเอาไว้ได้อย่างมิดชิดต่อสายตาคนทั้งโลกแต่กลับตบตาเธอไม่ได้
        “อืม... สะโพกผาย ก้นงอนน่าตีกว่าสาวทั้งนิวยอร์ก แถมขาเรียวยังสวยกว่ามิแรนด้า เคอร์ แต่ถ้าเธอย้ายก้นงอนๆออกไปจากหน้าทีวีล่ะก็ ความเซ็กซี่จะเจิดจรัสกว่านางฟ้าวิกตอเรียซีเคร็ททุกคนรวมกันเสียอีก”
        “นายก็รู้ว่ามุกเก่าๆแบบนี้มันจะใช้หลอกฉันได้ไม่กี่ครั้ง” สิริภัทรากดเสียงต่ำ เท้าสะเอวมองด้วยสายตาเอาเรื่อง “บอกมาเดี๋ยวนี้ ซิลเวอร์ ทิมบาแลน จูเนียร์”
        เรียกชื่อเต็มด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ท่าทางและสายตาทำให้ผู้ฟังรู้ว่าคืออากัปกิริยาเช่นนี้คือความอดทนขั้นสุดท้าย แต่ซิลเวอร์ ทิมบาแลน จูเนียร์ นักบาสเกตบอลของทีมนิวยอร์กนิก ซึ่งถูกผู้จัดการส่วนตัวคนแรกเอาอักษรย่อมาสลับสับเปลี่ยนและใช้ชื่อแรกไปเป็นชื่อท้ายจนกลายออกมาเป็น เจ.ที. ซิลเวอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้คนจำติดตาและเรียกติดปาก มันได้ผลเกินความคาดหมาย เมื่อเขาคือผู้เล่นยอดเยี่ยมของมหาวิทยาลัยและไม่ได้ถูกทีมบาสเกตบอลชื่อดังดราฟไปเป็นร่วมสังกัดตามกฎNBA
        เจ.ที. ซิลเวอร์ จึงแจ้งเกิดในทีมนิวยอร์กนิกเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขากลายเป็นดาวดังของทีม ชื่อเสียง เงินทอง และผู้หญิงคือสิ่งที่หาได้อย่างง่ายดาย มันหลั่งไหลมามากราวกับว่าไม่มีวันหมดสิ้นไปจากซูเปอร์สตาร์คนดัง แต่เมื่ออาการบาดเจ็บเข้ามารบกวนบ่อยครั้งในตลอดปีที่ผ่านมาและฟอร์มการเล่นก็ถดถอยลง ดาวดังที่เจิดจรัสแสงในตัวเองก็ดูเหมือนจะหรี่แสงลง จนถึงขึ้นมีข่าวออกมาว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของนิวยอร์กนิก
        “ฉันเป็นนักข่าวนะเจ.ที. ถึงแม้ว่าจะอยู่สายอาชญากรรมแต่ก็ต้องมีเพื่อนพ้องและคงไม่หูหนวกตาบอดเกินกว่าจะไม่ได้ยินข่าวซุบซิบของนาย”
        “อ๊า... เธอรู้มาตลอดแต่ทำเป็นเงียบเนี่ยนะ” เจ.ที. ซิลเวอร์ ครางออกมาพร้อมมองตามร่างที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาที่ตนกำลังนั่งอยู่
        “ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้คงไม่ปล่อยให้นายทำตัวซังกะตายแบบนี้หรอก ทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้นะเจ.ที.” ประโยคท้ายสิริภัทราถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้
        “ก็สู้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าฉันไม่ได้อยู่ในแผนทำทีมของโค้ช” เจ.ที. ไหวหัวไหล่ ปั้นหน้าเซ็งสุดชีวิต
        “ทำไมต้องเก็บเอาคำพูดแย่ๆมาบั่นทอนตัวเอง ถ้านายไม่อยู่ในแผนการทำทีมจริงๆแล้วจะมีใครอยากให้นายนั่งๆนอนๆกินเงินเบี้ยเลี้ยงอยู่แบบนี้”
        “เธอไม่เข้าใจหรอกพิตต้า พวกเขาก็แค่รอวันหมดสัญญาแล้วเธอรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น” เจ.ที. ถามพร้อมส่ายหน้าให้กับอนาคตอันไร้ทางสดใสของตน
        แววตาแห่งความวิตกกังวลที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำให้เธอกุมมือของพี่ชายเอาไว้ “มองหน้าฉัน สบตาฉัน เจ.ที.”
        มันคือคำพูดที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เคยทำมาแล้วในยามที่เขาท้อแท้ เกิดความสิ้นหวังและสับสนในชีวิต หากเจ.ที. ไม่แน่ใจเลยว่าพลังด้านบวกที่มีอยู่ในตัวเธอจะทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งหรือไม่
        “ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอต้องกลายเป็นนักบาสฯไร้สังกัด ต้องย้ายทีมโดยไม่มีค่าตัว หรือให้แย่กว่านั้นก็อาจจะไม่มีทีมไหนในNBA ให้ความสนใจ แต่ซิลเวอร์... นายเข้าใจไหมว่านั่นมันคือเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น โอเคล่ะว่ามันคืออนาคตยอดแย่แม้จะอยู่ใกล้แต่มันก็ยังมาไม่ถึง ทำไมเธอไม่ลุกขึ้นมารักษาตัวหรือทำอะไรก็ได้อย่างที่เจ.ที. ซิลเวอร์ เคยทำ”
        สิริภัทราตั้งใจเรียกชื่อเขาเช่นในอดีตที่ยังไม่เคยได้มีใครรู้จักเขาในฐานะนักบาสเกตบอลอาชีพ เจ.ที. ซิลเวอร์ หากท่าทางแบ่งรับแบ่งสู้ที่ได้เห็นก็ทำให้เธอมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้านี้ยังมีศักยภาพที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้
        “ฉัน ฉันไม่มั่นใจเลยพิตต้า เธอรู้ไหมว่าตลอดปีที่ผ่านมาฉันเคยตั้งใจจะเริ่มใหม่กี่ครั้งกี่หน แต่ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาสได้กลับลงสนามก็ต้องบาดเจ็บทั้งที่คิดว่าฟิตร่างกายเต็มที่แล้ว นั่นมันทำให้ทุกคนกำลังจะลืมเจ.ที. ซิลเวอร์”
        “นั่นเพราะนายยังฟิตซ้อมร่างกายไม่ดีพอ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะปะทะกับแรงของคู่ต่อสู้ ฉันรู้ว่าเสียงโห่ร้องในตอนที่นายถูกเปลี่ยนตัวออกมันทำให้รู้สึกแย่ เสียความมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่ทำไมไม่เอาความย่ำแย่พวกนั้นมาฝึกฝนตัวเองให้คืนฟอร์มขึ้นมาอีกครั้ง คิดถึงหน้าแม่เอาไว้สิ นายเคยพูดเอาไว้นี่ว่าชอบรอยยิ้มของแม่มากสักแค่ไหนตอนที่เอารางวัลผู้เล่นอันทรงคุณค่ากลับมาให้”
        “ฉันจะทำได้เหรอพิตต้า ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่หรือไง” ถามราวกับต้องการความเชื่อมั่นจากน้องสาวมาเติมเต็มความมั่นใจในตัวเอง
        “ไม่ทัน สิ้นหวัง หมดโอกาส ถ้านายยังปล่อยให้เวลาผ่านไปกับการซัดมันฝรั่งแล้วนั่งวิจารณ์เกมอยู่ในรูหนูแบบนี้ ถ้าจะเอาดีทางนี้ก็ออกไปวิจารณ์ให้คนอื่นได้ยิน เลือกหนทางที่สว่างไสวให้กับตัวเองสิ เจ.ที.” ทั้งปลอบทั้งขู่เข็ญอยู่ในที
        หากแฟนบาสเกตบอลที่ชื่นชม ยกย่องในตัวชู้ดติ้งการ์ดคนดังคงไม่มีใครเชื่อสายตาว่าจะได้เห็นความอ่อนแอ แววตาสับสน ไม่รู้ว่าจะกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองให้เดินไปทางใด
        สายตามุ่งมั่นและการบีบกระชับมือเป็นจังหวะของน้องสาว ทำให้เจ.ที. รับรู้ได้ถึงกำลังใจและความเชื่อมั่นที่ส่งผ่านมาให้อย่างเต็มเปี่ยม เขารีบพลิกฝ่ามือนุ่มกุมเอาไว้เสียเองแล้วย้ำถามอีกครั้ง
        “ฉันทำได้ใช่ไหมพิตต้า ฉันต้องทำให้ได้ใช่ไหม” ถามพลางหลับตานิ่งเมื่อน้องสาวลุกขึ้นมาสวมกอด ลูบแผ่นหลังอย่างให้กำลังใจ
        “เรื่องขี้ผงแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ นายรู้นี่ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะหักใจได้ยากไปกว่ายาเสพติดและการพนัน”
        “ใช่ๆ ฉันต้องทำได้ ฉันเคยผ่านเรื่องเลวร้ายพวกนั้นมาแล้ว”
        สิริภัทรายิ้มด้วยความดีใจ แม้จะรู้ดีว่าการกลับมาฟิตร่างกายให้แข็งแกร่งเช่นเดิมจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักแต่ถ้าใจสู้และมีกำลังใจดีเช่นนี้ มันก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
        “พรุ่งนี้เลยนะ พรุ่งนี้ฉันจะได้เห็นเจ.ที. คนที่ขลุกอยู่ในฟิตเนส เลือกกินอาหารตามคำสั่งของโภชนากร นั่งสมาธิวันละหนึ่งชั่วโมงใช่ไหม”
        เจ.ที. ยิ้มพลางพยักหน้ารับคำและคิดในใจว่าตนปล่อยให้ความเจ็บปวดของร่างกายเกาะกินจนเป็นความเจ็บป่วยทางใจ แม้จะเป็นคริสตสานิกชนแต่เขาก็ฝึกสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ตามที่สิริภัทราแนะนำ ซึ่งมันทำให้ใจเขานิ่งมากขึ้น สามารถกำหนดจิตใจของตัวเองให้มีสมาธิอยู่ที่ลูกบาสฯกับห่วง ในระหว่างที่มีเสียงดังกึกก้องของกองเชียร์ของทีมตนและเสียงโห่ร้องจากกองเชียร์คู่ต่อสู้เป็นสิ่งกระตุ้นเร้า การฝึกสมาธิก็ทำให้ใจนิ่งก็ทำให้ลูกชู้ดไกลของเขานั้นมีประสิทธิภาพดีขึ้น
        “ตอบให้ได้ยินเสียงเป็นคำมั่นสัญญาหน่อยสิ เอาแต่พยักหน้าแบบนี้ ฉันกลัวนายจะเบี้ยว” สิริภัทราทวงและก้มลงมองหน้าพี่ชายที่แหงนหน้าขึ้นมาสบสายตาในจังหวะเดียวกัน
        “สัญญาสิ พรุ่งนี้จะเริ่มทำทุกอย่างที่เธอว่ามาเลย” บอกพลางส่งสายตาละห้อย โอดครวญอย่างน่าสงสาร “แต่ตอนนี้ช่วยไปทำอะไรให้กินหน่อยได้ไหม พี่หิวขึ้นมาอีกแล้ว”
        สิริภัทรามองด้วยสายตาคาดโทษเพราะในยามที่เจ.ที. มีเรื่องต้องไหว้วานหรือให้เธอช่วยเหลือทำอะไรต้องเปลี่ยนสรรพนามที่แทนตัวเหมือนเพื่อน มาเป็นพี่ชายในทันที
        ทว่าท่าแบมือไว้ในระดับสายตาของพี่ชาย มันคือท่าประจำของเธอซึ่งคนที่รู้จักมักคุ้นต่างก็รู้ดีว่าเธอเป็นเด็กเรียนดีและขยันมากเพียงใด ทั้งงานกลุ่มงานเดี่ยวหากใครมีปัญหาหรือขี้เกียจ เชิญปรึกษาสิริภัทราได้ตลอดเวลาและมันจะสำเร็จเป็นชิ้นงานอันงดงามส่งทันตามกำหนดอย่างแน่นอน เพียงแค่จ่ายค่าเสียเวลาตามที่สาวสมองใสเรียกร้อง
        หากตอนนี้นักบาสเกตบอลที่ต้องคอยดึงเงินเก็บออกมาใช้จ่ายจนร่อยหรอลงทุกที เหล่มองท่าประจำของน้องสาวแล้วต้องส่ายหน้า “ติดไว้ก่อนนะน้องรัก เธอก็รู้ว่าพี่ชายคนนี้อยู่ในช่วงตกอับ”
        พูดไม่ทันขาดคำสิริภัทราก็ยื่นมือไปปิดปากเขาเอาไว้ ความรีบร้อนทำให้ฝ่ามือบางกระทบกับริมฝีปากหนาของเจ.ที. ไม่เบานัก นักบาสฯหนุ่มเบิกตากว้าง ถลึงตาตำหนิด้วยความเจ็บ จนสิริภัทราต้องกลั้นยิ้มเพราะดูเหมือนว่าเนื้อตาสีขาวอันชัดเจนตามชาติพันธุ์ แทบจะถลนออกมานอกเบ้าตา
        “กุญแจรถย่ะ ฉันจะไปเอาอาหารที่แม่เตรียมไว้มาให้ ลืมไว้ในรถ แต่ถ้านายยังคิดว่าฉันทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่เงินก็รีบจ่ายมาเดี๋ยวนี้เลย” ปลายเสียงบอกงอนๆ จนคนที่กำลังตัวแห้งกรอบเพราะเงินเก็บร่อยหรอรีบควานหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงแล้ววางแหมะลงบนฝ่ามือบาง
        “เธอมันนางฟ้าชัดๆเลยพิตต้า นางฟ้าที่พระเจ้าส่งมาโปรดสัตว์โลกผู้ยากไร้อย่างฉัน” บอกด้วยน้ำเสียงและใบหน้าซาบซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่สองมือกลับดันแผ่นหลังบางให้เดินออกห่างจากตัว เมื่อเธอเดินไปถึงประตูยังไม่วายจะชื่นชมไม่ขาดปาก
        สิริภัทราส่ายหน้าให้กับคำชื่นชมที่ยังดังไล่หลังมาไม่หยุดหย่อน รู้ว่าคำเยินยอเหล่านั้นเกินจริงไปมากโขแต่เธอก็เต็มใจทำทุกอย่างให้พี่ชายมีกำลังใจต่อสู้กับช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ แม้เจ.ที. จะไม่ใช่พี่ชายโดยสายเลือด แต่ความรักและผูกพันก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่น้องที่คลานตามกันออกมาเสียอีก
        สิริภัทรา คุณานันท์ นักข่าวสาวฝ่ายอาชญากรรมวัย 24 ปี จากหนังสือพิมพ์ซิตี้ทูเดย์ หนึ่งในหนังสือพิมพ์รายวันของรัฐนิวยอร์กที่เพิ่งก่อตั้งมาไม่ถึงห้าปี แต่กลับมีผลประกอบการยอดเยี่ยม เป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ได้รับเลือกว่ามีนิวยอร์กเกอร์ให้ความสนใจและติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสไตล์การทำข่าวที่หยิบเอาทุกประเด็นน่าสนใจและกำลังเป็นที่จับตามองมาล้วงลึก ค้นหาคำตอบอย่างไม่หวั่นเกรงต่อการแทรกแซงใดๆ จึงทำให้ซิตี้ทูเดย์เป็นสื่อดาวรุ่งใหม่ไฟแรงที่มียอดจำหน่ายไม่น้อยหน้าเมื่อเทียบชั้นกับสื่อยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นตำนานของนิวยอร์ก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา