ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย
-
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 13.47 น.
7 ตอน
0 วิจารณ์
9,722 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 13.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ปรารถนาร้อนจอมวายร้าย บทนำ 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหากฝ่ามือข้างขวาที่ละจากการบังคับพวงมาลัยแล้วยื่นออกมารอสัมผัสแบบผู้ชาย ง่ายๆ ไม่เป็นทางการนั้นก็ทำให้เธอต้องวางมือซ้ายลงบนมือของเขาทันที “เมิร์ธ ยินดีที่ได้รู้จัก”
สิริภัทรามองตามรอยยิ้มท้าทายที่ส่งมาให้อีกครั้ง ปล่อยมือให้เขาบีบกระชับเป็นจังหวะโดยที่ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นจับบริเวณลำคอระหงของตน รอยยิ้มของเขาทำให้ดวงตาพร่าเลือน วางตัวไม่ถูก กระทั่งมือไม้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายยังดูเกะกะไปทันตา
เธอรู้สินะว่าเขากำลังมองตามฝ่ามือที่คลอเคลียอยู่ซอกคอระหง เรื่อยไปถึงทรวงอกที่เบียดตัวกันชิดในบราเซียร์สีดำ โอพระเจ้า! มองเขาเคลิบเคลิ้มแบบนี้จะให้ตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกเสียจาก เธอกำลังกรีดร้องและบอกเขาว่า...
‘หวดฉันหนักๆสิคะ รูปหล่อ!’
รูปหล่อคิดในใจและมั่นใจว่าไม่ได้คิดเพ้อเจ้อไปคนเดียว ‘ให้ตายเถอะ แถวนี้มันไม่มีโรงแรมข้างทางหรอกนะแม่คุณ ถ้าจะเอาก็ต้องบนรถนี่แหละ’
“หว่าว...” เสียงของสัตว์สี่เท้าดังขึ้นเรียกความสนใจและเว้าวอนอยู่ในที มันขยับเข้ามานั่งตรงกลางใกล้คันเกียร์แล้วยกขาหน้าข้างหนึ่งกวักกลางอากาศ ร้องขอราวกับกลัวว่าจะเป็นบุคคลที่โลกลืม
สิริภัทราหัวเราะพลางชักมือออกจากฝ่ามืออุ่นจัดแล้วหงายมือยอมให้มันวางขาหน้าลง เพียงเท่านั้นแมวป่าตัวเขื่องก็กระโดดขึ้นไปนั่งแหมะลงบนตักนุ่มของเธอทั้งตัว
“เหมียว...” มันครางเสียงออดอ้อนไม่เหลือคราบความโหดร้ายที่เลียเลือดสดๆก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“ว่าไงจ๊ะ มิสไซล์... กล้าหาญที่สุดเลยรู้ไหม” สิริภัทราบอกและสอดมือเข้าลูบไล้ผิวหนังใต้ขนนุ่ม เธอกำลังก้มลงมองมันด้วยความชื่นชมไม่ต่างจากซูเปอร์ฮีโร่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเจ้าของแมวป่าหรี่ตามองสัตว์เลี้ยงของตนอย่างหาเรื่อง
‘ไอ้กะล่อนเอ๊ย... ใครใช้ให้มันนั่งบังวิวมุมสูงดีๆอย่างนี้วะ ดูสิ ดูมันทำเข้า เอาสีข้างเสียดสีกับเนื้อตัวเธอแถมมีหน้าเอาหัวไปซุกกับร่องอกคัพซีของเธออีก’ คิดมาถึงก้อนเนื้อหยุ่นอันล่อตาล่อใจ แบดบอยหนุ่มก็ลืมสิ้นความขุ่นเคืองใจในการปฏิบัติตัวของสัตว์เลี้ยงตน ‘ต้องคัพซีนั่นแหละ ไม่ผิดหรอก’
“โอ... ตายจริง ปากมันยังมีคราบเลือดเปรอะอยู่เลยค่ะ” บอกและเหลียวซ้ายแลขวามองหากระดาษชำระ “เจอแล้ว... เดี๋ยวจะทำความสะอาดให้นะจ๊ะ”
“แหม... มัน” แบดบอยหนุ่มอ้าปากค้างกำลังจะบอกเธอว่ามันเป็นสัตว์กินเนื้อนับจากหนูและเก่งกาจกระทั่งล่ากวางได้เป็นตัว ไม่ใช่แมวเปอร์เซียขนนุ่มที่จะรอกินอาหารเม็ดในชามใบน่ารักๆเสียเมื่อไหร่ หากต้องเงียบเสียงเพราะเธอหยิบกระดาษชำระแบบเปียกที่เขาสอดไว้ข้างประตูรถฝั่งที่เธอนั่งแล้วดึงมันออกมาเช็ดปากให้อย่างพิถีพิถัน
“มันทำไมเหรอคะ” เงยหน้าขึ้นถามเพียงแวบเดียวแล้วก็ก้มลงไปหาแมวป่าอีกครั้ง มือหนึ่งประคองหน้ามันไว้อีกมือทำความสะอาดพลางพลิกซ้ายพลิกขวาตรวจตราความสะอาด “ชอบความสะอาดใช่ไหม เราน่ะ”
“เหมียว...”
ชอบไม่ชอบไม่รู้แต่ตอนนี้มันแทบพิงทั้งร่างเข้าหาเธอแล้วคลอเคลียศีรษะกับฝ่ามือนุ่มๆ แม้ว่าตอนที่เธอเช็ดปากให้มันจะยกขาหน้าขึ้นตะกายเพื่อปัดป้องอย่างไม่จริงจังนัก แต่เธอกลับตีความว่ามันรักความสะอาดเสียนี่
“คุณแค่ลูบหัวแล้วปล่อยให้มันประจบไปฝ่ายเดียวก็พอ ต่อให้กล่าวสุนทรพจน์สรรเสริญความกล้าหาญ มันก็ไม่เข้าใจหรอก แค่สัตว์สี่เท้า”
สิริภัทราอ้าปากค้างเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินได้เห็นท่าทีเช่นนี้ เขาทำราวกับเธอเป็นคนตลบตะแลง หาความน่าเชื่อถือในคำชมนั้นไม่ได้ทั้งที่เธอพูดมันออกมาจากใจจริง แล้วมันจะไม่เข้าใจได้อย่างไรในเมื่อมันครางหง่าวๆส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วยที่เจ้านายมองความกล้าหาญของมันเป็นเพียงแค่เศษธุลี
“ฉันชมมันด้วยใจจริงนะคะ” เธอยังย้ำถึงเจตนาของตน ทว่ากลับได้เห็นท่าทางโอหังจากเขาเป็นการตอบกลับ
แบดบอยหนุ่มหล่อหัวเราะพรืดออกมาเมื่อเห็นเธอเงียบทั้งยังมองหน้าเขาสลับกับแมวป่าที่คลอเคลียไม่ห่างกาย “ไม่เคยเลี้ยงสัตว์สักตัวสินะ”
คำเปรยที่เจือเอาความขบขันไว้ในน้ำเสียงทำให้สิริภัทราต้องส่ายหน้า ยกมือขึ้นลูบหัวแมวป่ามองมันด้วยความเห็นใจ “ถึงจะไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงแต่ฉันก็ไม่คิดจะลืมน้ำใจของมันที่เสี่ยงอันตรายเข้ามาช่วยเหลืออย่างกล้าหาญหรอกค่ะ ถ้าไม่ได้มิสไซล์ป่านนี้ฉันคงต้องตกนรกทั้งเป็นไปแล้ว”
เสียงหวานที่แข็งกร้าวทำให้เขานึกขันในการตีความหมายของสัตว์ผิดรูปผิดทางไปเสียหมด ไม่ได้มีเจตนาหัวเราะเยาะเธอหรือทำให้รู้สึกแย่แต่อย่างใด หากยังไม่ได้ตอบโต้ว่าอย่างไรเธอก็ขยับตัวควานหาบางอย่างแล้วหยิบมันขึ้นมาตรงหน้า
การสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังทำให้เธอรีบดึงมันออกมาแล้วเลื่อนหน้าจอรับสายในทันทีและเขาก็เงียบปล่อยให้เธอได้พูดคุยจนจับใจความได้ว่าคงจะเป็นใครสักคนที่รู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายและกำลังมาช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าอาชญากรสองคนนั้นจะถูกตำรวจรวบตัวไปแล้วแถมเธอยังบอกพิกัดให้คนปลายสายได้รับรู้ จนเขามั่นใจว่าอีกไม่นานเธอคงจะบอกให้จอดข้างทางแล้วจากไปพร้อมกับคำขอบคุณ
สิริภัทราเก็บอุปกรณ์สื่อสารไว้ในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิมและชี้นิ้วไปริมถนนข้างหน้า “จอดข้างหน้าก็ได้ค่ะ พอดีว่าพี่ชายฉันกำลังตามมา”
“ง่ายๆงี้ เรายังคุยกันไม่จบแถมคุณยังติดค้าง...” ไม่ยอมพูดให้จบและไม่ยอมชะลอความเร็วลงตามที่เธอร้องขอ เมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้เธอยังส่งสายตาเชิญชวนเขาอยู่เลยแต่คุยโทรศัพท์กับไอ้ตูดหมึกที่ไหนกลับหันมาบอกเขาว่าจะทิ้งไปง่ายๆ
เขาคงจะหมายถึง ‘ทิป’ ไม่ใช่ ‘ขอบคุณ’
โอ... เธอน่าจะรู้ว่านิวยอร์ก สเตท ออฟ มายด์แห่งนี้ไม่มีของฟรีสินะ บริกรให้ความสะดวกสบายมากแค่ไหนทิปก็เพิ่มสูงเป็นเงาตามตัว มันคงลุกลามจนกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่การช่วยเหลือใครสักคนให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย
“กระเป๋าถือฉันโดนพวกมันฉกไปแล้วนะ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยค เธอก็ได้ยินเสียงห้าวตวาดถาม
“อะไรนะ?!” เป็นครั้งแรกที่คนอย่างเขาต้องใช้เสียงสูงถามทั้งที่ได้ยินคำพูดของเธอชัดเจนเต็มสองหู
เสียงเบรกที่ทำหน้าที่อย่างกะทันหันจนยางรถยนต์ต้องเสียดสีกับพื้นถนนอย่างแรงทำให้แมวป่าซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยหล่นตุ๊บลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า แล้วเธอก็คงจะหัวร้างข้างแตกเป็นแน่ หากเขาจะหยุดรถที่ใช้ความเร็วสูงในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้
กลิ่นเบรกตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มันน่าหวาดเสียวไม่ต่างจากฉากในหนังแอคชั่น ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่สามารถทำให้สิริภัทราตกใจได้เท่าฝ่ามือใหญ่ที่เลื่อนมากุมลำคอเธอไว้ มองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“จะทำอะไร!” ถามออกไปด้วยความตกใจสุดชีวิต ใบหน้าคร้ามคมบึ้งจัดบ่งบอกว่าเขาโกรธเธอมาสักร้อยชาติ ดุดัน น่าหวั่นเกรงจนคิดไปว่าเธอคงต้องตายหากเขาออกแรงบีบมากกว่านี้สักนิด
“เก็บทิป”
สั้น ง่าย ได้ใจความและฉวยโอกาสที่เธอเผยอปากในอาการตกใจนั้นกดจูบหนักๆในทันที จุมพิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ดุดันจนเธอต้องนิ่วหน้า ดูดดึงอย่างไม่ผ่อนปรนราวกับจะสั่งสอนเธอว่าไม่ควรใช้คำพูดอวดดีกับเขา ไม่ควรริอ่านเหิมเกริมตีค่าความตั้งใจอันดีเป็นเพียงแค่เศษเงินเพียงน้อยนิด
สิริภัทราเริ่มหายใจหายคอไม่ทันกับริมฝีปากที่บดลงมาด้วยแรงอารมณ์ แม้ตั้งใจจะเบือนหน้าหนีเขายังบังคับเธอไว้ด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ที่เลื่อนขึ้นมาบีบแนวขากรรไกรจนไม่อาจเลี่ยงได้ ทุกครั้งที่เขาตวัดลิ้นพลิกไปมาความหวิววาบจะแผ่ซ่านไปทั่วช่องท้อง ตกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าเรี่ยวแรงทัดทานที่สูญสิ้น เสียงครางของแมวป่าเสมือนเชื้อไฟที่ผสมรวมกับจุมพิตให้เธอเริงร้อน ตัวอ่อนระทดระทวย ระบบความคิดในสมองต้องล่มสลายไม่เป็นท่า!
แสงไฟที่กะพริบติดกันหลายครั้งจากรถยนต์คันข้างหลัง ทำให้คนที่กำลังเรียกเก็บทิปเหลือบสายตาขึ้นมองก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาอย่างกะทันหัน เขายิ้มพราย ไล้นิ้วหัวแม่มือกับริมฝีปากอิ่มที่บวมเจ่อขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอยังหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตเร่าร้อน
ไฟหน้าของรถคันที่จอดอยู่ข้างหลัง ทำให้เขาเห็นว่ามีผู้ชายผิวสีร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูรถแล้วเดินใกล้เข้ามาขัดขวางการเก็บทิปของเขา
“ทิปของมิสไซล์” บอกพร้อมก้มลงอย่างไม่ลังเลใจสักนิด เขาดูดเนื้อนุ่มที่โผล่พ้นจากบราเซียร์สีดำ ออกแรงดูดในระดับที่ทำให้มันเกิดรอย ดุนดันลิ้นสะบัดอย่างรวดเร็ว ตั้งใจทิ้งมันไว้บนเรือนร่างของเธอ
“ผมไม่ใช่นิวยอร์กเกอร์ไร้สมองที่จะเอาชีวิตเข้าไปแส่กับเรื่องคอขาดบาดตายเพียงเพราะทิปแค่ไม่กี่ดอลลาร์ จำเอาไว้” เขาปลุกเธอให้มีสติด้วยคำพูดที่ทำให้เธอหูตาสว่าง สติสัมปชัญญะกลับสู่ร่าง
“คุณ!” เธอมองมือที่เอื้อมไปเปิดประตูรถออก แน่ล่ะว่าเธอต้องรีบก้าวขาลงจากรถยนต์เมื่อถูกเจ้าของไล่ตรงๆเช่นนี้ แม้จะเกิดความอับอายอย่างสุดแสนแต่เธอก็ต้องรีบก้าวลงมาจากซูเปอร์คาร์สุดหรู ก่อนที่พี่ชายจะมาเห็นและจับพิรุธได้
“ถามว่าคุ้มค่าไหม ก็ไม่เลวนักหรอกshawty” ไหวไหล่รับคำพูดอย่างโอหังพร้อมๆกับเอื้อมมือไปดึงประตูเข้ามาปิดเสียเอง เหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกมาในจังหวะที่เห็นว่าร่างน่าปรารถนาของเธอถูกผู้ชายผิวสีดึงเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแนบแน่น
“พิตต้า เป็นยังไงบ้างที่รัก รู้ไหมว่าฉันแทบบ้าตาย นึกว่าจะมาช่วยไม่ทันซะแล้ว” เจ.ที. ซิลเวอร์ ดึงสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันมากอดไว้แนบอก
“ไม่ๆ ไม่เป็นไร มีคนมาช่วยฉันเอาไว้ทัน เขากับแมวป่า” สิริภัทราบอกด้วยประโยคสั้นๆ ราวกับคนขวัญเสียสติกระเจิดกระเจิง ซึ่งความจริงแล้วมันเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งเพราะจุมพิตเมื่อครู่ต่างหาก แต่เจ.ที. ไม่อาจรู้ได้
นักบาสเกตบอลหนุ่มดึงร่างของคนในอ้อมกอดออกเพื่อสำรวจถึงบาดแผลตามเนื้อตัว แต่ต้องส่ายหน้าแล้วดึงเธอเข้ามากอดปลอบอีกครั้งเมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตสีส้มพาสเทลขาดวิ่น เปิดเผยรูปทรงที่แท้ให้หลายคนต้องตกตะลึง ตั้งแต่เล็กจนโตใครๆที่ได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของสิริภัทราเป็นต้องนิ่งงันและครางออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ เธอเป็นสตันนิ่ง เกิร์ล (Stunning girl) ตัวจริง บ่อยครั้งที่แม่มักวิตกว่าทรวดทรงองค์เอวจะสร้างปัญหาให้เธอในสักวัน แล้ววันนี้ก็มาถึงเข้าจริงๆ
“โอเคๆ ที่รัก เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” บอกพลางถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วใช้มันคลุมร่างเธอเอาไว้ “เดี๋ยวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสักหน่อยแล้วค่อยตามไปให้ปากคำกับเอ็นวายพีดี”
สิริภัทราส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องทำแผลในส่วนใดของร่างกายเลย “ฉันไม่เป็นไร ไปให้ปากคำเลยก็ได้”
“แน่นะ” เจ.ที. ย้ำถามและพยักหน้ารับเมื่อเธอรับคำอย่างหนักแน่นพลางก้าวเดินตามการประคองของตน หากเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งขึ้นด้วยความเร็วก็ทำให้เขาหันหลังกลับไปมองตามซูเปอร์คาร์ที่เคลื่อนตัวออกไปไกลลิบ “เขาเป็นใคร แล้วมาช่วยเธอได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันตกใจมากร้องเรียกให้คนมาช่วยไปทั่ว” บอกและก้าวเข้าไปนั่งบนรถยนต์ของพี่ชายที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทเสียมากกว่ากระทั่งเขาก้าวมานั่งประจำที่คนขับแล้วเธอยังรู้สึกถึงจุมพิตร้อนแรง ความซาบซ่านยังติดอยู่ในความทรงจำ
เหนือสิ่งอื่นใดคำพูดก่อนจากกันทำให้เธอคิดว่ามองเขาผิดไปถนัดตา ทั้งเธอยังติดค้างคำขอบคุณเขาเสียอีก
“แมวป่าหรอกรึ มิน่าล่ะ สภาพไอ้เลวพวกนั้นมันถึงดูไม่จืด ตอนที่เอ็นวายพีดีเข้าไปรวบตัวเหมือนพวกมันจะมึนๆ” เจ.ที. บอกพลางคิดในใจว่าถ้าได้พบคนมีน้ำใจที่ช่วยเหลือน้องสาวตน เขาคงต้องขอบคุณและขอเลี้ยงอาหารสักมื้อใหญ่
หากคนที่กำลังจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ตีค่าน้ำใจอันดีของผู้มีพระคุณเป็นเพียงค่าบริการก็ต้องลอบถอนหายใจส่ายหน้าให้ตัวเอง สมควรแล้วที่เขาปล้นเอาจูบแรกของเธอไปด้วยอารมณ์โกรธเช่นนั้น หากมีโอกาสได้เจอกับเขาอีกครั้งเธอจะมีไม่รีรอกล่าวคำขอโทษเลยแม้แต่น้อย
แตกต่างกับอารมณ์ของแบดบอยจอมวายร้ายที่ได้รับจูบเป็นค่าตอบแทนสำหรับการเสี่ยงอันตรายในครั้งแรกของชีวิตโดยสิ้นเชิง เขากำลังหงุดหงิดใจกับเสียงครางหง่าวๆของแมวป่าจอมกะล่อนที่มันกระโจนขึ้นมานั่งแทนที่เธอ ก้มดมแล้วใช้ขาข่วนเบาะราคาแพงจนต้องตวาดดุ
“อย่ามางี่เง่า ก็เก็บทิปแทนแล้วไง” แม้เสียงที่พูดออกมาจากติดรำคาญใจแต่เมื่อนึกถึงรสสัมผัสที่ติดอยู่ปลายลิ้นก็ทำให้เขาต้องยิ้มพรายอย่างสบายใจ
จบคำพูดแบดบอยหนุ่มก็ต้องหัวเราะร่วน มองแมวป่าที่ทิ้งตัวลงกับเบาะ หงายท้องตะกายเพราะถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ แม้จะหมดอารมณ์เมื่อเห็นเธอถูกกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่จูบร้อนๆ รุนแรงด้วยอารมณ์เมื่อครู่ก็นับว่าเลิศเลอถ้าเทียบกับเรี่ยวแรงที่เสียไปเพราะแส่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ
หากเสียงครางประท้วงที่ดังขึ้นอีกครั้งก็สามารถดึงเขาออกมาจากห้วงความคิด มิสไซล์จะครางประท้วงเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะหาของปลอบที่มันพอใจให้ได้
“เซอร์ลอยด์สดๆหนึ่งชิ้นใหญ่ โอเค้?...”
เมื่อมันเงียบเป็นการตอบรับข้อเสนออันพึงใจ เขาก็หันกลับมาบังคับพวงมาลัยอีกครั้งและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียดายสตันนิ่ง เกิร์ลเมื่อครู่เอามากๆ แต่คนอย่างเขาไม่ได้อดอยากหรือขาดแคลนผู้หญิงจนต้องไปแย่งชิงใครมา โดยเฉพาะคนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงจะถูกใจและอยากหวดเธอหนักสักแค่ไหนก็คงต้องรอให้โสดอีกครั้งนั่นแหละ เขาถึงจะยอมให้มีสิทธิ์ปีนขึ้นไปรอบนเตียง
สิริภัทรามองตามรอยยิ้มท้าทายที่ส่งมาให้อีกครั้ง ปล่อยมือให้เขาบีบกระชับเป็นจังหวะโดยที่ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นจับบริเวณลำคอระหงของตน รอยยิ้มของเขาทำให้ดวงตาพร่าเลือน วางตัวไม่ถูก กระทั่งมือไม้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายยังดูเกะกะไปทันตา
เธอรู้สินะว่าเขากำลังมองตามฝ่ามือที่คลอเคลียอยู่ซอกคอระหง เรื่อยไปถึงทรวงอกที่เบียดตัวกันชิดในบราเซียร์สีดำ โอพระเจ้า! มองเขาเคลิบเคลิ้มแบบนี้จะให้ตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกเสียจาก เธอกำลังกรีดร้องและบอกเขาว่า...
‘หวดฉันหนักๆสิคะ รูปหล่อ!’
รูปหล่อคิดในใจและมั่นใจว่าไม่ได้คิดเพ้อเจ้อไปคนเดียว ‘ให้ตายเถอะ แถวนี้มันไม่มีโรงแรมข้างทางหรอกนะแม่คุณ ถ้าจะเอาก็ต้องบนรถนี่แหละ’
“หว่าว...” เสียงของสัตว์สี่เท้าดังขึ้นเรียกความสนใจและเว้าวอนอยู่ในที มันขยับเข้ามานั่งตรงกลางใกล้คันเกียร์แล้วยกขาหน้าข้างหนึ่งกวักกลางอากาศ ร้องขอราวกับกลัวว่าจะเป็นบุคคลที่โลกลืม
สิริภัทราหัวเราะพลางชักมือออกจากฝ่ามืออุ่นจัดแล้วหงายมือยอมให้มันวางขาหน้าลง เพียงเท่านั้นแมวป่าตัวเขื่องก็กระโดดขึ้นไปนั่งแหมะลงบนตักนุ่มของเธอทั้งตัว
“เหมียว...” มันครางเสียงออดอ้อนไม่เหลือคราบความโหดร้ายที่เลียเลือดสดๆก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“ว่าไงจ๊ะ มิสไซล์... กล้าหาญที่สุดเลยรู้ไหม” สิริภัทราบอกและสอดมือเข้าลูบไล้ผิวหนังใต้ขนนุ่ม เธอกำลังก้มลงมองมันด้วยความชื่นชมไม่ต่างจากซูเปอร์ฮีโร่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเจ้าของแมวป่าหรี่ตามองสัตว์เลี้ยงของตนอย่างหาเรื่อง
‘ไอ้กะล่อนเอ๊ย... ใครใช้ให้มันนั่งบังวิวมุมสูงดีๆอย่างนี้วะ ดูสิ ดูมันทำเข้า เอาสีข้างเสียดสีกับเนื้อตัวเธอแถมมีหน้าเอาหัวไปซุกกับร่องอกคัพซีของเธออีก’ คิดมาถึงก้อนเนื้อหยุ่นอันล่อตาล่อใจ แบดบอยหนุ่มก็ลืมสิ้นความขุ่นเคืองใจในการปฏิบัติตัวของสัตว์เลี้ยงตน ‘ต้องคัพซีนั่นแหละ ไม่ผิดหรอก’
“โอ... ตายจริง ปากมันยังมีคราบเลือดเปรอะอยู่เลยค่ะ” บอกและเหลียวซ้ายแลขวามองหากระดาษชำระ “เจอแล้ว... เดี๋ยวจะทำความสะอาดให้นะจ๊ะ”
“แหม... มัน” แบดบอยหนุ่มอ้าปากค้างกำลังจะบอกเธอว่ามันเป็นสัตว์กินเนื้อนับจากหนูและเก่งกาจกระทั่งล่ากวางได้เป็นตัว ไม่ใช่แมวเปอร์เซียขนนุ่มที่จะรอกินอาหารเม็ดในชามใบน่ารักๆเสียเมื่อไหร่ หากต้องเงียบเสียงเพราะเธอหยิบกระดาษชำระแบบเปียกที่เขาสอดไว้ข้างประตูรถฝั่งที่เธอนั่งแล้วดึงมันออกมาเช็ดปากให้อย่างพิถีพิถัน
“มันทำไมเหรอคะ” เงยหน้าขึ้นถามเพียงแวบเดียวแล้วก็ก้มลงไปหาแมวป่าอีกครั้ง มือหนึ่งประคองหน้ามันไว้อีกมือทำความสะอาดพลางพลิกซ้ายพลิกขวาตรวจตราความสะอาด “ชอบความสะอาดใช่ไหม เราน่ะ”
“เหมียว...”
ชอบไม่ชอบไม่รู้แต่ตอนนี้มันแทบพิงทั้งร่างเข้าหาเธอแล้วคลอเคลียศีรษะกับฝ่ามือนุ่มๆ แม้ว่าตอนที่เธอเช็ดปากให้มันจะยกขาหน้าขึ้นตะกายเพื่อปัดป้องอย่างไม่จริงจังนัก แต่เธอกลับตีความว่ามันรักความสะอาดเสียนี่
“คุณแค่ลูบหัวแล้วปล่อยให้มันประจบไปฝ่ายเดียวก็พอ ต่อให้กล่าวสุนทรพจน์สรรเสริญความกล้าหาญ มันก็ไม่เข้าใจหรอก แค่สัตว์สี่เท้า”
สิริภัทราอ้าปากค้างเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินได้เห็นท่าทีเช่นนี้ เขาทำราวกับเธอเป็นคนตลบตะแลง หาความน่าเชื่อถือในคำชมนั้นไม่ได้ทั้งที่เธอพูดมันออกมาจากใจจริง แล้วมันจะไม่เข้าใจได้อย่างไรในเมื่อมันครางหง่าวๆส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วยที่เจ้านายมองความกล้าหาญของมันเป็นเพียงแค่เศษธุลี
“ฉันชมมันด้วยใจจริงนะคะ” เธอยังย้ำถึงเจตนาของตน ทว่ากลับได้เห็นท่าทางโอหังจากเขาเป็นการตอบกลับ
แบดบอยหนุ่มหล่อหัวเราะพรืดออกมาเมื่อเห็นเธอเงียบทั้งยังมองหน้าเขาสลับกับแมวป่าที่คลอเคลียไม่ห่างกาย “ไม่เคยเลี้ยงสัตว์สักตัวสินะ”
คำเปรยที่เจือเอาความขบขันไว้ในน้ำเสียงทำให้สิริภัทราต้องส่ายหน้า ยกมือขึ้นลูบหัวแมวป่ามองมันด้วยความเห็นใจ “ถึงจะไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงแต่ฉันก็ไม่คิดจะลืมน้ำใจของมันที่เสี่ยงอันตรายเข้ามาช่วยเหลืออย่างกล้าหาญหรอกค่ะ ถ้าไม่ได้มิสไซล์ป่านนี้ฉันคงต้องตกนรกทั้งเป็นไปแล้ว”
เสียงหวานที่แข็งกร้าวทำให้เขานึกขันในการตีความหมายของสัตว์ผิดรูปผิดทางไปเสียหมด ไม่ได้มีเจตนาหัวเราะเยาะเธอหรือทำให้รู้สึกแย่แต่อย่างใด หากยังไม่ได้ตอบโต้ว่าอย่างไรเธอก็ขยับตัวควานหาบางอย่างแล้วหยิบมันขึ้นมาตรงหน้า
การสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังทำให้เธอรีบดึงมันออกมาแล้วเลื่อนหน้าจอรับสายในทันทีและเขาก็เงียบปล่อยให้เธอได้พูดคุยจนจับใจความได้ว่าคงจะเป็นใครสักคนที่รู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายและกำลังมาช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าอาชญากรสองคนนั้นจะถูกตำรวจรวบตัวไปแล้วแถมเธอยังบอกพิกัดให้คนปลายสายได้รับรู้ จนเขามั่นใจว่าอีกไม่นานเธอคงจะบอกให้จอดข้างทางแล้วจากไปพร้อมกับคำขอบคุณ
สิริภัทราเก็บอุปกรณ์สื่อสารไว้ในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิมและชี้นิ้วไปริมถนนข้างหน้า “จอดข้างหน้าก็ได้ค่ะ พอดีว่าพี่ชายฉันกำลังตามมา”
“ง่ายๆงี้ เรายังคุยกันไม่จบแถมคุณยังติดค้าง...” ไม่ยอมพูดให้จบและไม่ยอมชะลอความเร็วลงตามที่เธอร้องขอ เมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้เธอยังส่งสายตาเชิญชวนเขาอยู่เลยแต่คุยโทรศัพท์กับไอ้ตูดหมึกที่ไหนกลับหันมาบอกเขาว่าจะทิ้งไปง่ายๆ
เขาคงจะหมายถึง ‘ทิป’ ไม่ใช่ ‘ขอบคุณ’
โอ... เธอน่าจะรู้ว่านิวยอร์ก สเตท ออฟ มายด์แห่งนี้ไม่มีของฟรีสินะ บริกรให้ความสะดวกสบายมากแค่ไหนทิปก็เพิ่มสูงเป็นเงาตามตัว มันคงลุกลามจนกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่การช่วยเหลือใครสักคนให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย
“กระเป๋าถือฉันโดนพวกมันฉกไปแล้วนะ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยค เธอก็ได้ยินเสียงห้าวตวาดถาม
“อะไรนะ?!” เป็นครั้งแรกที่คนอย่างเขาต้องใช้เสียงสูงถามทั้งที่ได้ยินคำพูดของเธอชัดเจนเต็มสองหู
เสียงเบรกที่ทำหน้าที่อย่างกะทันหันจนยางรถยนต์ต้องเสียดสีกับพื้นถนนอย่างแรงทำให้แมวป่าซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยหล่นตุ๊บลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า แล้วเธอก็คงจะหัวร้างข้างแตกเป็นแน่ หากเขาจะหยุดรถที่ใช้ความเร็วสูงในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้
กลิ่นเบรกตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มันน่าหวาดเสียวไม่ต่างจากฉากในหนังแอคชั่น ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่สามารถทำให้สิริภัทราตกใจได้เท่าฝ่ามือใหญ่ที่เลื่อนมากุมลำคอเธอไว้ มองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“จะทำอะไร!” ถามออกไปด้วยความตกใจสุดชีวิต ใบหน้าคร้ามคมบึ้งจัดบ่งบอกว่าเขาโกรธเธอมาสักร้อยชาติ ดุดัน น่าหวั่นเกรงจนคิดไปว่าเธอคงต้องตายหากเขาออกแรงบีบมากกว่านี้สักนิด
“เก็บทิป”
สั้น ง่าย ได้ใจความและฉวยโอกาสที่เธอเผยอปากในอาการตกใจนั้นกดจูบหนักๆในทันที จุมพิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ดุดันจนเธอต้องนิ่วหน้า ดูดดึงอย่างไม่ผ่อนปรนราวกับจะสั่งสอนเธอว่าไม่ควรใช้คำพูดอวดดีกับเขา ไม่ควรริอ่านเหิมเกริมตีค่าความตั้งใจอันดีเป็นเพียงแค่เศษเงินเพียงน้อยนิด
สิริภัทราเริ่มหายใจหายคอไม่ทันกับริมฝีปากที่บดลงมาด้วยแรงอารมณ์ แม้ตั้งใจจะเบือนหน้าหนีเขายังบังคับเธอไว้ด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ที่เลื่อนขึ้นมาบีบแนวขากรรไกรจนไม่อาจเลี่ยงได้ ทุกครั้งที่เขาตวัดลิ้นพลิกไปมาความหวิววาบจะแผ่ซ่านไปทั่วช่องท้อง ตกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าเรี่ยวแรงทัดทานที่สูญสิ้น เสียงครางของแมวป่าเสมือนเชื้อไฟที่ผสมรวมกับจุมพิตให้เธอเริงร้อน ตัวอ่อนระทดระทวย ระบบความคิดในสมองต้องล่มสลายไม่เป็นท่า!
แสงไฟที่กะพริบติดกันหลายครั้งจากรถยนต์คันข้างหลัง ทำให้คนที่กำลังเรียกเก็บทิปเหลือบสายตาขึ้นมองก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาอย่างกะทันหัน เขายิ้มพราย ไล้นิ้วหัวแม่มือกับริมฝีปากอิ่มที่บวมเจ่อขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอยังหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตเร่าร้อน
ไฟหน้าของรถคันที่จอดอยู่ข้างหลัง ทำให้เขาเห็นว่ามีผู้ชายผิวสีร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูรถแล้วเดินใกล้เข้ามาขัดขวางการเก็บทิปของเขา
“ทิปของมิสไซล์” บอกพร้อมก้มลงอย่างไม่ลังเลใจสักนิด เขาดูดเนื้อนุ่มที่โผล่พ้นจากบราเซียร์สีดำ ออกแรงดูดในระดับที่ทำให้มันเกิดรอย ดุนดันลิ้นสะบัดอย่างรวดเร็ว ตั้งใจทิ้งมันไว้บนเรือนร่างของเธอ
“ผมไม่ใช่นิวยอร์กเกอร์ไร้สมองที่จะเอาชีวิตเข้าไปแส่กับเรื่องคอขาดบาดตายเพียงเพราะทิปแค่ไม่กี่ดอลลาร์ จำเอาไว้” เขาปลุกเธอให้มีสติด้วยคำพูดที่ทำให้เธอหูตาสว่าง สติสัมปชัญญะกลับสู่ร่าง
“คุณ!” เธอมองมือที่เอื้อมไปเปิดประตูรถออก แน่ล่ะว่าเธอต้องรีบก้าวขาลงจากรถยนต์เมื่อถูกเจ้าของไล่ตรงๆเช่นนี้ แม้จะเกิดความอับอายอย่างสุดแสนแต่เธอก็ต้องรีบก้าวลงมาจากซูเปอร์คาร์สุดหรู ก่อนที่พี่ชายจะมาเห็นและจับพิรุธได้
“ถามว่าคุ้มค่าไหม ก็ไม่เลวนักหรอกshawty” ไหวไหล่รับคำพูดอย่างโอหังพร้อมๆกับเอื้อมมือไปดึงประตูเข้ามาปิดเสียเอง เหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกมาในจังหวะที่เห็นว่าร่างน่าปรารถนาของเธอถูกผู้ชายผิวสีดึงเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแนบแน่น
“พิตต้า เป็นยังไงบ้างที่รัก รู้ไหมว่าฉันแทบบ้าตาย นึกว่าจะมาช่วยไม่ทันซะแล้ว” เจ.ที. ซิลเวอร์ ดึงสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันมากอดไว้แนบอก
“ไม่ๆ ไม่เป็นไร มีคนมาช่วยฉันเอาไว้ทัน เขากับแมวป่า” สิริภัทราบอกด้วยประโยคสั้นๆ ราวกับคนขวัญเสียสติกระเจิดกระเจิง ซึ่งความจริงแล้วมันเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งเพราะจุมพิตเมื่อครู่ต่างหาก แต่เจ.ที. ไม่อาจรู้ได้
นักบาสเกตบอลหนุ่มดึงร่างของคนในอ้อมกอดออกเพื่อสำรวจถึงบาดแผลตามเนื้อตัว แต่ต้องส่ายหน้าแล้วดึงเธอเข้ามากอดปลอบอีกครั้งเมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตสีส้มพาสเทลขาดวิ่น เปิดเผยรูปทรงที่แท้ให้หลายคนต้องตกตะลึง ตั้งแต่เล็กจนโตใครๆที่ได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของสิริภัทราเป็นต้องนิ่งงันและครางออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ เธอเป็นสตันนิ่ง เกิร์ล (Stunning girl) ตัวจริง บ่อยครั้งที่แม่มักวิตกว่าทรวดทรงองค์เอวจะสร้างปัญหาให้เธอในสักวัน แล้ววันนี้ก็มาถึงเข้าจริงๆ
“โอเคๆ ที่รัก เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” บอกพลางถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกแล้วใช้มันคลุมร่างเธอเอาไว้ “เดี๋ยวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสักหน่อยแล้วค่อยตามไปให้ปากคำกับเอ็นวายพีดี”
สิริภัทราส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องทำแผลในส่วนใดของร่างกายเลย “ฉันไม่เป็นไร ไปให้ปากคำเลยก็ได้”
“แน่นะ” เจ.ที. ย้ำถามและพยักหน้ารับเมื่อเธอรับคำอย่างหนักแน่นพลางก้าวเดินตามการประคองของตน หากเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งขึ้นด้วยความเร็วก็ทำให้เขาหันหลังกลับไปมองตามซูเปอร์คาร์ที่เคลื่อนตัวออกไปไกลลิบ “เขาเป็นใคร แล้วมาช่วยเธอได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันตกใจมากร้องเรียกให้คนมาช่วยไปทั่ว” บอกและก้าวเข้าไปนั่งบนรถยนต์ของพี่ชายที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทเสียมากกว่ากระทั่งเขาก้าวมานั่งประจำที่คนขับแล้วเธอยังรู้สึกถึงจุมพิตร้อนแรง ความซาบซ่านยังติดอยู่ในความทรงจำ
เหนือสิ่งอื่นใดคำพูดก่อนจากกันทำให้เธอคิดว่ามองเขาผิดไปถนัดตา ทั้งเธอยังติดค้างคำขอบคุณเขาเสียอีก
“แมวป่าหรอกรึ มิน่าล่ะ สภาพไอ้เลวพวกนั้นมันถึงดูไม่จืด ตอนที่เอ็นวายพีดีเข้าไปรวบตัวเหมือนพวกมันจะมึนๆ” เจ.ที. บอกพลางคิดในใจว่าถ้าได้พบคนมีน้ำใจที่ช่วยเหลือน้องสาวตน เขาคงต้องขอบคุณและขอเลี้ยงอาหารสักมื้อใหญ่
หากคนที่กำลังจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ตีค่าน้ำใจอันดีของผู้มีพระคุณเป็นเพียงค่าบริการก็ต้องลอบถอนหายใจส่ายหน้าให้ตัวเอง สมควรแล้วที่เขาปล้นเอาจูบแรกของเธอไปด้วยอารมณ์โกรธเช่นนั้น หากมีโอกาสได้เจอกับเขาอีกครั้งเธอจะมีไม่รีรอกล่าวคำขอโทษเลยแม้แต่น้อย
แตกต่างกับอารมณ์ของแบดบอยจอมวายร้ายที่ได้รับจูบเป็นค่าตอบแทนสำหรับการเสี่ยงอันตรายในครั้งแรกของชีวิตโดยสิ้นเชิง เขากำลังหงุดหงิดใจกับเสียงครางหง่าวๆของแมวป่าจอมกะล่อนที่มันกระโจนขึ้นมานั่งแทนที่เธอ ก้มดมแล้วใช้ขาข่วนเบาะราคาแพงจนต้องตวาดดุ
“อย่ามางี่เง่า ก็เก็บทิปแทนแล้วไง” แม้เสียงที่พูดออกมาจากติดรำคาญใจแต่เมื่อนึกถึงรสสัมผัสที่ติดอยู่ปลายลิ้นก็ทำให้เขาต้องยิ้มพรายอย่างสบายใจ
จบคำพูดแบดบอยหนุ่มก็ต้องหัวเราะร่วน มองแมวป่าที่ทิ้งตัวลงกับเบาะ หงายท้องตะกายเพราะถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ แม้จะหมดอารมณ์เมื่อเห็นเธอถูกกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่จูบร้อนๆ รุนแรงด้วยอารมณ์เมื่อครู่ก็นับว่าเลิศเลอถ้าเทียบกับเรี่ยวแรงที่เสียไปเพราะแส่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ
หากเสียงครางประท้วงที่ดังขึ้นอีกครั้งก็สามารถดึงเขาออกมาจากห้วงความคิด มิสไซล์จะครางประท้วงเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะหาของปลอบที่มันพอใจให้ได้
“เซอร์ลอยด์สดๆหนึ่งชิ้นใหญ่ โอเค้?...”
เมื่อมันเงียบเป็นการตอบรับข้อเสนออันพึงใจ เขาก็หันกลับมาบังคับพวงมาลัยอีกครั้งและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียดายสตันนิ่ง เกิร์ลเมื่อครู่เอามากๆ แต่คนอย่างเขาไม่ได้อดอยากหรือขาดแคลนผู้หญิงจนต้องไปแย่งชิงใครมา โดยเฉพาะคนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงจะถูกใจและอยากหวดเธอหนักสักแค่ไหนก็คงต้องรอให้โสดอีกครั้งนั่นแหละ เขาถึงจะยอมให้มีสิทธิ์ปีนขึ้นไปรอบนเตียง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ