7Swords
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) Ship
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 18 Ship
เสียงของทหารดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งเอเคลเซธ เอริค ลีโอไนดัส ยังคงติดอยู่นซอยนั้นด้านหลังคือพวกทหารที่กำลังกรูเข้ามาและคงถึงตัวพวกเขาในอีกไม่กี่วินาที และด้านหน้าพวกเขาคือ เซอร์โรแลนด์ เรคัส หัวหน้าองครักของลอร์ดคราเวน
จริงอยู่ที่ว่าพวกเขามีอยู่สี่ต่อหนึ่ง เอเคลเซธคิด แต่เรคัสฝีมือคงไม่ธรรมดา พวกเขามีแค่ ขี้เมา เด็ก และผู้หญิง ที่ดูเข้าท่าหน่อยก็คือคนหนุ่มอย่างเอเคลเซธ..... -- ซึ่งมีดีแค่สมอง เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องการใช้ดาบโดยสิ้นเชิง
เอเคลเซธเคยมั่นใจมากกว่านี้ ภายใต้การวางแผนที่ใช้เวลาและแผนสำรองที่คิดทวนแล้วทวนอีก.... แต่การตัดสินใจแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ เขาไม่ถนัดเอาเสียเลย
เสียงตะโกนดังเข้ามาใกล้จวนถึงพวกเขาแล้ว เอเคลเซธต้องเสี่ยงเสียแล้ว
“ทำไมท่านไม่ชักดาบแล้วฟันเราเสียล่ะ” เอเคลเซธเดินออกมาด้านหน้าและอ้าแขนกั้นอีกสามคนไว้ “ถ้าท่านยังลังเลระหว่าง เกียรติยศของหัวหน้าองครักษ์ กับสัญญาที่ให้ไว้กับข้าว่าจะไม่หันดาบใส่โดยไม่เตือนแล้วล่ะก็ รีบชักดาบออกมาห้ามพวกเราซะ พวกเราไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว!!”
เรคัสมีสีหน้าปั้นยากเขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่พักเดียวก่อนจะหลีกไปยืนข้างๆ เอเคลเซธเดินนำที่เหลือข้ามไปเร็วๆ “เอาเรื่องเกียรติมาอ้างนี่ขี้โกงนี่?” เขาเอ่ยเมื่อชายหนุ่มเดินผ่าน
“อย่างกับเรื่องที่พวกท่านสั่งรุมจับพวกข้าสายฟ้าแลบแบบนี้ ไม่เรียกว่าขี้โกงหรือ?” เอเคลเซธตอกกลับ ทั้งสามวิ่งนำหน้าเขาไปแล้ว
“ข้าจะไม่แก้ล่ะนะ..... ผลมันก็เห็นๆอยู่” เรคัสบอกหน้าหงิก “เอาเป็นว่าข้าไม่ติดค้างอะไรเจ้าแล้วนะ?”
“เราไม่ติดค้างอะไรกัน” เอเคลเซธเอ่ยและตั้งท่าจะออกวิ่ง “ -- ขอบคุณ” เขาหันมาบอกก่อนจะโกยอ้าวตามทั้งสามคนไป
เอริค ลีโอไนดัส และลิลลี่วิ่งนำมาจนถึงบริเวณท่าเรือ ซึ่งมีเสียงการรบขึ้นอยู่แล้ว “เรือลำนั้น!!” เอริคตะโกนและชี้นิ้วไปยังบริเวณเรือลำใหญ่ลำหนึ่งซึ่งต้องผ่านบริเวณที่เกิดการต่อสู้
“ตามข้ามา” ลีโอไนดัสกระชับดาบในมือ ก่อนจะเหวี่ยงใส่ทหารคนหนึ่งที่รี่เข้ามาพร้อมกับฟาดดาบใส่ เมื่อดาบของทั้งสองปะทะกันดัง เคร้ง -- !! ทหารคนนั้นก็เซถลาล้มไปและถูกเด็กหนุ่มเตะเสยเข้าที่ปลายคาง กลิ้งสามตลบและนิ่งไป “มาเร็ว!!” ลีโอไนดัสบอกพร้อมกับวิ่งนำพวกเขาเลาะทางที่จะไกลจากการต่อสู้ที่สุด
ทหารจากพ็อตเทอร์รี่สู้แบบบ้าระห่ำไร้กระบวนทัพโดยสิ้นเชิง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขาต่างก็เคยเป็นทหารรับจ้างที่มาขายฝีมือในพ็อตเทอร์รี่ เพราะเหตุนั้นทุกคนเองจึงถนัดการต่อสู้แบบประชิดตัวมากกว่าการรบแบบกระบวนศึก ซึ่งทางพวกไวท์ฟอร์ทเองก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ทหารจากไวท์ฟอร์ทนั้นไม่มีเกราะหนา จึงทำให้เคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าพวกพ็อตเทอร์รี่มากนัก
“ทางนี้!!” แม่ทัพโคล์ดี้ตะโกนก้องเมื่อเห็นลีโอไนดัส ใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งมีเลือดไหล แต่รอบตัวเขามีทหารล้มลงไปนอนเกลื่อนนับสิบ เขาวิ่งฝ่าพวกทหารมายังบริเวณใจกลางเพื่อพยายามเก็บทหารเปิดทางให้พวกลีโอไนดัสมากที่สุด
“ระวัง!!” เอริคตะโกนบอก ลีโอไนดัสที่กำลังประดาบกับทหารสองคน เมื่อคนที่สามรี่ดาบจะพุ่งเข้าแทงเด็กหนุ่มจากด้านหลัง เอริคขว้างเหล้าใส่และมันโดนหัวจนเขาเซล้มไป
ทหารอีกสองคนพุ่งเข้าใส่ ลิลลี่และเอริคที่เอาตัวบังลิลลี่และกวัดแกว่งขวดเหล้าไปมา ลีโอไนดัสชกใส่ทหารคนหนึ่งผ่านหมวกเกราะจนเขาล้มลง แต่ทหารอีคนรั้งเขาไว้ ลิลลี่หยิบท่อนไม้อันหนึ่งที่กลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมา
และทหารทั้งสองคนก็โดนผ้าคลุมจากไหนไม่รู้ตกใส่คลุมทั้งตัว เอริคเอาขวดเหล้าที่เหลือขวดเดียวฟาดจนแตกคนมือ ลิลลี่เองก็ฟาดจนไม้หักคามือ
“ปลอดภัยกันนะ?” เอเคลเซธร้องถาม พร้อมกับทหารจากไวท์ฟอร์ทสองคนที่เข้ามาเสริมพวกเขา “ไปเร็ว!!”
เอริคยกขวดแตกขึ้นเทหยดสุดท้ายที่ยังค้างในขวดเหล้าเข้าปากก่อนจะขว้างใส่ทหารคนหนึ่งของพ็อตเทอร์รี่และก้มหลบดาบ ลีโอไนดัสที่เอาชนะทหารอีกคนกำลังจับมือของลิลลี่ให้รีบตามเขามาโดยใช้เพียงมือเดียวกวัดแกว่งดาบ
“เดี๋ยว!!” ลิลลี่ฉุดลีโอไนดัสไว้ ก่อนจะดึงไปให้พ้นทาง เรคอมป์ที่พาทหารระลอกใหม่พุ่งเข้าใจกลางที่รบ จิ้งจอกสองพ่อลูกกับลีโอไนดัสถูกกั้นกลางโดยพวกทหารพ็อตเทอร์รี่
“ไม่ -- !!” เอเคลเซธร้องเสียงหลงเมื่อกองทัพพ็อตเทอร์รี่กรูกันเข้ามา จนลีโอไนดัสลับสายตาไป “ไม่นะ!! ลีโอ -- !!” พวกทหารจากพ็อตเทอร์รี่รีบดึงตัวเอเคลเซธไปยังเรือตามเอริคไป เอเคลเซธผ่านโคล์ดี้ที่เป่าปากเรียกทหารจากไฟท์ฟอร์ทเข้ามารวมตัวกัน ครู่เดียวกระบวนรบรูปหัวหอกก็เป็นรูปร่างโดยมีโคล์ดี้ยืนอยู่เป็นปลายหอก ทหารบางส่วนดึง อุ้ม และลากเพื่อนที่บาดเจ็บขึ้นเรือ แวน เดอ มูชเชอร์ ถูกทหารคนหนึ่งหิ้วปีกขึ้นเรือไป มือขางขวาของเขาหายไป เลือดพุ่งออกซิบๆ
“ลีโอ -- ลีโออออ!!” เอเคลเซธยังคงเรียกร้องและมองหาลีโอไนดัสท่ามกลางความชุลมุน และเขาก็เห็น ลิลลี่วิ่งพาลีโอไนดัสไปทางท่าเรืออีกด้านหนึ่ง เอเคลเซธรีบขึ้นมาบนเรือ และสั่งให้ถอนกำลังขึ้นเรือ
“ไป!!” โคล์ดี้ตะโกนสั่งทหารจากไวท์ฟอร์ทให้รีบถอนกำลังไปแต่ตัวเขาถอยมายืนตรงทางแคบและออกแรงฟันใส่ทหารสองสามคนที่พุ่งเข้ามา
“เข้าไปทีละห้าคนสิ!!” เรคอมตะโกนสั่ง แต่โคล์ดี้ฟาดฟันอย่างรุนแรงปัดดาบทีเดียวสองคนหลบคนที่สามถีบคนที่สี่ตกท่าเรือและมุดผลักคนที่ห้าไปทับสองคนก่อนหน้าที่ที่กระเด็นตามแรงฟันดาบของเขา ก่อนจะวกกลับมาฟันสะพายแล่งกลางหลังคนที่สามอย่างรวดเร็ว
“แม่ทัพโคล์ดี้!!” เอเคลเซธตะโกนเรียก “รีบมา -- ”
“ออกเรือไป!!” โคล์ดี้ตะโกนกลับมา และรับดาบที่ฟาดมาของทหารที่กรูเข้ามาใหม่ “เดี๋ยวนี้!!”
“ไป ไป ไป!!” ทหารคนอื่นๆปลดเชือกและออกเรือทันที แวน เดอ มูชเชอร์ สั่งให้ทหารกางใบเรือ เพื่อออกเลียบตามชายฝั่ง มือขวาของเขามีผ้าสีขาวพันเลือดชุ่ม เขาบังคับพังงาหมุนด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว
“ไม่ใช่!!” เอเคลเซธร้อง “พวกลีโออยู่อีกด้าน!! เราต้องหมุนเรือไปรับ!!”
“หุบปากซะไอ้หนุ่ม!!” แวนตะโกนก้อง “เราต้องกินลมไปทางนี้เท่านั้น -- ”
เอเคลเซธตกใจจนลนลานเขารีบวิ่งไปที่กาบเรือ ที่ออกห่างจากชายฝั่งมาแล้ว ทหารของพ็อตเทอร์รี่พากันหลีกทางออกมา และทยอยไปขึ้นเรืออีกลำหนึ่งเพื่อไล่ตามพวกเอเคลเซธ โดยมีชายคนหนึ่งเดินมาประจันหน้ากับแม่ทัพโคล์ดี้ เขาถือดาบและฟาดฟันใส่โคล์ดี้ด้วยความรวดเร็วและรุนแรงพอๆกัน
“เรคัส -- !!” เอเคลเซธร้องและบีบกาบเรือแน่นเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่กำลังประดาบกับโคล์ดี้ ทั้งคู่สู้กันรุนแรงอย่างเอาเป็นเอาตาย
ภาพทั้งสองดวลเดือดกันค่อยๆเล็กลงไปเรื่อยๆและค่อยๆถูกความมืดกลืนกิน เอเคลเซธไม่สนใจเสียงเอะอะบนเรือ ทหารพากันวิ่งวุ่นทำตามคำสั่งของ แวนที่สั่งให้เปลี่ยนองศาใบเรือและสั่งให้ทิ้งของที่ถ่วงน้ำหนักออก
“พวกแกรีบไสหัวมุดใต้ท้องเรือ งัดฝีพายกันสุดชีวิตเลย!!” กัปตันแวนตะโกนสั่งก่อนเขาจะเซไปข้างๆ เอริคพยุงเขาไว้ ก่อนจะผละไปกุมพังงาแทนตามคำสั่งของแวนที่ตะคอกบอกให้ทหารคนหนึ่งรัดผ้าตรงมือข้างที่ขาดไปของเขาแน่นๆ
เอเคลเซธเห็นเรือของพ็อตเทอร์รี่ที่ออกจากท่าและไล่ตามพวกเขามา ก่อนใบพายข้างเรือจะออกมาและงัดฝีพายพร้อมกันเร่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณแวน -- พวกเขามาทันแน่!!” เอเคลเซธร้องบอก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องตกใจกับน้ำเสียงของเขาในตอนนี้
“ไสหัวไปให้สัญญาณฝีพายให้พร้อมกันซิ!!” แวน ตะคอกใส่ทหารที่พันแผลของเขาเสร็จพอดี ทหารคนนั้นรีบวิ่งลงใต้ท้องเรือไป
“เหลือทหารกี่คน!!” เอเคลเซธตะโกนถามทหารคนหนึ่งที่ปีนขึ้นไปแก้ใบเรือที่ติดอยู่
“ราวแปดสิบนายครับ!!” ทหารร้องบอกก่อนจะรีบไปหมุนโซ่ดึงสมอขึ้นจากน้ำ
เอเคลเซธหันไปมองเรือและกะความเร็วด้วยสายตา “ไม่ไหวแน่.... โดนตามทันแน่ -- !!” เขากระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบา “คิดสิ คิดแผนเร็วเข้า!!” เอเคลเซธกดดันตัวเอง เขาหันไปรอบๆอย่างจนหนทาง
เรือของพวกเขาส่องสว่างต้องพื้นน้ำวิบวับและเรือของพ็อตเทอร์รี่ก็แหวกแสงวิบวับนั้นตามมาเรื่อยๆ ระยะห่างจากเรือทั้งสองร่นถอยลงไปเรื่อยๆ แต่สายตาเขาก็สะดุดไปยังคนเล็กๆสองคนที่สุดสายตาตรงท่าเรือ
คนๆหนึ่งยืนมอง อีกคนที่ทรุดเข่าลงและค่อยๆล้มกลิ้งไปด้านข้าง
เรคัสละสายตาจากโคล์ดี้ที่นอนกระตุกในกองเลือดของเขาและเงยหน้าขึ้นมองบนเรือ ซึ่งเขาแทบจะมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร แต่เขาแน่ใจว่า เอเคลเซธกำลังยืนมองเขาอยู่
“บ้าเอ้ย!!” เอเคลเซธร้องสุดเสียง ทุบกำปั้นใส่กาบเรือ และนิ่งสั่นอยู่อย่างนั้น
“เตรียมธนู!!” แวนร้องสั่งอย่างโรยแรง ท่าทางเขาเสียเลือดไปมาก แต่เขาไม่ยอมนอนอีกต่อไปเมื่อเห็นว่า เรือจากพ็อตเทอร์รี่เข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆแล้ว “แค่สิบคนก็พอ -- จากท้ายเรือ -- มีที่ยิง -- ไม่ --” แล้วแวนก็ล้มคะมำลงไปนอนนิ่งไม่มีใครเข้าไปดูเขาเลย ทหารทิ้งใบเรือหยิบธนูมาทั้งหมดมีแค่หกคนที่ว่างอยู่ เอริคหันไปมองแวนที่นอนคว่ำและเลือดไหลออกจากแผลไปตามร่องไม้บนเรือ เขาจับพังงาแน่นไม่ให้เคลื่อนไปตามแรงเคลื่อนทะเล
เอเคลเซธถือคันศรและวิ่งตามไปบริเวณท้ายเรือซึ่งแคบพอสมควร ทหารสามคนยืนข้างหน้าและสี่คนรวมทั้งเอเคลเซธยืนเยื้องมาหน่อย
“ยิงมุมห้าสิบ...... แล้วหันไปทางทิศ สิบนาฬิกา......” เอเคลเซธพูดเหมือนท่อง “รอฟังสัญญาณ -- ” พวกทหารขึ้นสายและเล็งไปยังทิศทางที่เอเคลเซธบอก ถ้าเป็นไปตามที่เขาคำนวณ ลูกธนูจะถูกแรงลมพัดที่พัดเข้าชายฝั่งพัดจนตกลงกลางเรือพอดี
มือที่ง้างธนูของเขาสั่น พวกทหารอีกหกคนที่เลือก็สั่นเช่นกัน อยู่ดีๆภาพของลอร์ดเบโอวูล์ฟก็ลอยเข้ามาในหัว
เมื่อเห็นว่าพวกทหารกลัว... จงให้กำลังใจพวกเขา..... หรือถ้าทำได้..... ทำให้พวกเขาหัวเราะ...... แล้วกำลังใจจะกลับมา --
เอเคลเซธคิดว้าวุ่น ให้กำลังใจ? ทำให้หัวเราะ?
“ถึงระยะแล้วครับ เซอร์คาร์ลดีเซน” ทหารเอ่ยบอกเขา เสียงของเขาสั่นลึกๆ
“เรียกเอเคลเซธก็ได้ครับ หรือ คาร์ลดีเซนก็ได้ เอาที่เรียกง่ายๆเข้าว่า” เอเคลเซธบอกเขาพยายามบังคับมือให้นิ่งที่สุด “น่าจะมีธนูไฟเนอะ?”
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าที่พวกทหารสั่นๆนั้นเป็นเพราะกลัวตายหรือพยายามกลั้นขำกับมุกตลกที่เขาเพิ่งปล่อยออกไป แต่ในวินาทีต่อมาเรือของพ็อตเทอร์รี่ก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้น
“ดูสิครับ เซอร์คาร์ลดีเซน!!” ทหารข้างหน้าร้องบอก ก่อนที่เขาจะลดระดับคันศรลงเพื่อให้เห็นชัดๆ คนอื่นๆทำตามและก็เห็นไฟที่ลุกติดเรือของพ็อตเทอร์รี่อย่างรวดเร็ว โดยมีลูกธนูไฟพุ่งรัวจากเรือด้านข้างที่แล่นฉิวเรียบตามผิวน้ำอย่างรวดเร็ว มันเป็นเรือที่เล็กกว่าเรือของทั้งสอง แต่รูปร่างประหลาดและแล่นผ่านผิวน้ำได้อย่างรวดเร็ว
“Sir Karldysen, Look!!” (เซอร์คาร์ลดีเซน ดูนั่นสิครับ)
“Black canvas….” (ใบเรือสีดำ.....) เอเคลเซธเอ่ยพลางเพ่งตามองไปยังเรือลำนั้นที่แล่นเร็วมาจนคู่คี่กับเรือของพ็อตเทอร์รี่ที่เริ่มไหม้ลามอย่างรวดเร็ว
“And That Symbol!!” (แล้วสัญลักษณ์นั่น!!)
“It’s Flying Fish!! The Marry Pirate!!” (เรือฟลายอิ้งฟิช!! โจรสลัดแมร์รี่นี่!!)
แล้วเรือของพ็อตเทอร์รี่ก็หยุดพาย พวกเขาสั่งให้ดับไฟกันอุตลุดก่อนจะเปลี่ยนเป็นคำสั่งออกเรือเล็กและสละเรือในเวลาต่อมา เรือเล็กฟลายอิ้งแล่นผ่านมาอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดร้องโห่ฮาเย้ยหยันใส่พวกพ็อตเทอร์รี่ ก่อนจะอ้าครีบที่คล้ายกับเหงือกปลารับลมเพิ่มและพุ่งผ่านแซงเรือของไวท์ฟอร์ทอย่างรวดเร็ว
เอเคลเซธอ้าปากค้างจับกาบเรือไว้แน่น เมื่อเขาเห็นลีโอไนดัสอยู่บนเรือนั้นด้วย
แต่อยู่ในสภาพถูกจับมัดมือมัดเท้าและมีผ้ามัดปากไว้ด้วยเช่นกัน และข้างๆกันนั้น มีหญิงสาวที่กระโปรงขาดแหว่งพลิ้วไสวตามสายลมเผยให้เห็นต้นขาขาวเนียน
เธอยืนกอดอกบนกาบเรือเล็กๆนั่นและมองพวกไวท์ฟอร์ทอย่างไม่แยแส ก่อนจะหยิบหมวกทรงโจรสลัดที่มีรูปกระโหลกขาวไขว้ดาบคู่ประดับอยู่วางบนผมสีน้ำตาลที่เปียสองข้างนั้น เธอหันไปตะโกนว่า
“ไปต่อ!!”
ก่อนที่จะแลสายตามาสบกันกับเอเคลเซธ ทั้งสองประสานสายตากันครู่หนึ่ง --
แล้วเรือฟลายอิ้งฟิชก็ค่อยๆหายไปกับความมืดด้วยความเร็วของเรือนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ