The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ปรัชญาเต้าหู้ยี้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ลงจากรถรับส่งของโรงเรียน ซัวก็เดินตรงเข้าบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องเจอกับนักเรียนโรงเรียนอื่น เพราะสถาบันที่เขาเรียน กำลังมีกรณีกับอีกโรงเรียน
ถ้าเช้าบ้านไปตอนนี้อาจไม่มีข้าวกิน เขาก็เลยแวะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อย
“เส้นเล็กครับเจ๊ก” เขาสั่งแล้วเดินมานั่ง
สักครู่เด็กสาวเรือนร่างท้วนเล็กน้อยก็เดินอกมาจากหลังร้าน พอเห็นซัวเธอก็ชะงัก
“เฮียไปโรงเรียนเหรอ”
ซัวเงยหน้ามอง
“อืม หมวยเล็กก็ไปโรงเรียนมาเหมือนกันเหรอ”
หมวยเล็กยิ้มอายๆ
“ก็มีติว ก็เลยต้องไป”
“หมวยเล็กมาเอาก๋วยเตี๋ยว” เจ้าของร้านและบิดาของเด็กสาวเรียก
เด็กสาวก็เดินไปยกก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ
แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามเลย
“คือ..” หมวยเล็กลากเสียงหลังจากซัวกินไปได้สักระยะ
“วันก่อนหมวยเห็นเฮียเดินจูงมือผู้หญิงคนหนึ่ง แฟนใหม่เฮียเหรอ”
ซัวขมวดคิ้ว กำลังนึกว่าคนไหนตอนไหน
“เออม ใช่ แต่อย่าเอาไปบอกเฮียจุ๊ยนะ เดี่ยวเฮียจุ๊ยเล่นงานเฮียตายเลย” ซัวตอบไป
เด็กสาวนิ่งไปนิดหนึ่ง
“เฮียนี่แฟนเยอะจัง”
ซัวกำลังจะตอบอะไรออกไป แต่เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคันเสียแดงมาจอด แล้วคนที่ลงมาคือพื่ชายของเขา
“ใครเป็นคนขับวะ เพื่อนเฮียคนไหนวะขับรถสปอร์ตด้วย”
หมวยเล็กก็หันไปบ้าง
จังหวะนั้นจุ๊ยเดินไปแล้ว แต่เพราะคนขับเปิดประตูรถลงมาพร้อมถุงพลาสติก
“ใครวะไม่เคยเห็น” ซัวเคยเห็นเพื่อนจุ๊ยเกือบทุกคน เพราะเมื่อก่อนเคยเรียนที่เดียวกับจุ๊ย
“ดารา...” หมวยเล็กกว่าขึ้นอย่างตื่นเต้นถึงขนาดลุกขึ้นก็เลยบังซัว
ซัวก็เลยวางตะเกียบ แล้วชะโงกออกมามอง
สองคนนั้นคุยอะไรบางอย่าง ซึ่งใครคุยกับจุ๊ยก็ต้องยิ้มแย้ม เพราะเฮียของเขาช่างสรรหาวิธีพูดให้ตลก
“ดารา” ซัวหันมามองหน้าหมวยเล็กที่เอามือประสานกันไว้ใต้คาง
“ดาราพี่ โยชิ พระเอกซีรี่กำลังดังเลย”
ซัวทำหน้ามุ้ย
“ซีรี่อะไร”
จุ๊ยเอาของมาวางเรียงต่อหน้าป๊า เป็นขนมปังหลายชนิดน่ากิน “เพื่อนจุ๊ยคนที่เอาโทรศัพท์ให้ซื้อให้ครับ ป๊าอยากกินอันไหน” จุ๊ยถาม
บิดามองข้าวของแล้วมองหน้าลูกชาย
“นี่เขารวยมากเลยงั้นสิ”
“ก็เป็นดาราน่ะป๊า” เจ้าของเสียงคือซัว
เดินผ่านช่องประตูเหล็กที่เปิดอ้าไว้นิดหนึ่งเข้ามา
“ชื่ออะไรนะ โยชิ”
“อ้าวนี่แกรู้จักด้วยเหรอ”
จุ๊ยถาม
“ก็เห็นเลยล่ะ รวยไม่รวยก็ขับรถสปร์อตก็แล้วกัน ดันละสิบล้านเลยนะป๊ารถอย่างนั้น” แล้วเขาก็มาร่วมดูขนมที่จุ๊ยว่า
“โอโห้นี่แพงๆทั้งนั้นเลย ผมเอาอันนี้นะ” ซัวทำท่าจะเอื้อมมาหยิบ
“เฮ้ย ให้ป๊าเลือกก่อน” จุ๊ยรั้งมือมันไว้
บิดามองหน้าลูกชายคนรอง
“พวกแกเอาไปกินกันเถอะ อย่าลืมแบ่งให้เฮียด้วยแล้วกัน”
“ครับป๊า” จุ๊ยรับคำ จังหวะนั้นซัวก็คว้ากล่องเค้กที่หมายตาแล้ววิ่งไป
“ขอบคุณครับเฮีย”
“เฮ้ยอันนั้นของกู กูจะกิน” จุ๊ยร้องเสียงหลง
ซัวชะโงกหน้ามาจากช่องเปิดของชั้นลอย
“ไม่เอาซัวจะกินอันนี้ เฮียมีตั้งหลายอันก็เลือกเอา”
“ไอ้ซัว” จุ๊ยทำท่าจะเอาเรื่อง
“จุ๊ย” บิดาเรียก
จุ๊ยจึงหยุด
“เราต้องรู้จักฐานะเราเองนะ ไม่ใช่ว่าเห็นเพื่อนใช้ชีวิตหรูหราแล้วจะเอาอย่างเขา แล้วก็ไม่ใช่ว่าเห็นเขาเป็นถังเงินถังทองจะไปกอบโกยจากเขา เราต้องรู้จักประมาณตนเอง แล้วก็มีความเกรงใจ เข้าใจไหม” บิดามองหน้า
“ครับ ผมรู้แล้วครับ” จุ๊ยตอบบนรอยยิ้ม
แล้วเหมือนบิดาจะนิ่งไป แต่ก็แค่แว่บเดียวก็ก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
“ไปอาบน้ำ ป๊าหุงข้าวต้มหมู แต่เฮียลื้อบ่นว่าเค็ม เดี่ยวลื้อลงมาแก้ไข แล้วเรียกมันลงมากิน”
“ครับป๊า” แล้วจุ๊ยก็เดินวางของในครัวก่อนจะเดินขี้นชั้นสองไป
ไท้จุ๊งลดหนังสือพิมพ์ลง
“เหม่ย ลื้อกลัวอั๊วเหงาหรือไง เวลาไอ้จุ๊ยมันยิ้ม เหมือนลื้อเหลือเกิน”
จุ๊ยชิมรสชาติอีกครั้ง ความเค็มที่ว่าหายไปแล้ว เขาจึงปิดไฟในเตา
“จุ๊ย ป๊าหล่ะ”
ตี้ถามตอนเลี้ยวเข้าครัว
นั่งลง
“อ้าวเมื่อกี้ยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่”
“ไม่มี ก็เฮียชะโงกลงมาจากชั้นลอย ก็ไม่เห็นแล้ว ประตูก็ปิดแล้วด้วย”
จุ๊ยตักข้าวต้มใส่ชามแล้ววางให้พี่ชาย ไม่ลืมเอาขิงซอยโรยให้ในปริมาณที่เจ้าตัวชอบ
“ผมก็ไม่รู้นะ มัวแต่ตั้งใจทำข้าวต้ม สงสัยไปคุยกับเจ๊กปิงที่หน้าโรงหนังมั๊ง”
ตี้ยักไหล่แล้วคนข้าวต้มก่อนจะชิม
“เออ เอ็งทำอร่อยกว่าป๊าเยอะเลย”
จุ๊ยส่งเสียงหึ
ก็แน่อยู่แล้ว เพราะตั่งแต่แม่ของเขาตายไปเมื่อตอนที่พวกเขาอายุได้ราวสิบสามปี ก็เป็นเขานี่หล่ะเตรียมอาหาร แม้ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ซื้อ แต่ก็บ่อยๆที่เขาจะนึกสนุกลงมือทำเมนูที่มารดาเคยสอนเอาไว้
จุ๊ยหันไปหยิบชามมาตักของตัวเอง ระหว่างนั้นเห็นตี้กดโทรศัพท์อยู่ตลอด
“เฮียมีแฟนแล้วหรอ”
ตี้สะดุ้ง หันไปมองประตูก่อนจะตอบ
“เอ้ยใครบอกแกนี่”
จุ๊ยเลิกคิ้ว
“ก็มีล่ะ ผมก็ไม่ได้แยกร่างได้จะได้ตามไปรู้เรื่องของเฮียที่มหาลัย”
ตี้คนข้าวต้มช้าๆ
“เออ.. “
“สวยไหม” จุ๊ยถามต่อมีรอยยิ้มอย่างสนใจ
“ก็ต้องสวยสิวะ ก็เฮียหล่อ” ตี้ตอบ ทั้งเก็กหน้า
จุ๊ยเบือนหน้าหนี
“โอยหลงตัวเองว่ะ”
หันกลับมาปรุงข้าวต้มแล้วก็ตักมาคำหนึ่ง
“พามาบ้านบ้างดิ ผมอยากเห็น ป๊าก็คงอยากเห็น ป๊าคงไม่ว่าหรอก เพราะก็บอกบ่อยๆว่ามีได้แต่ไม่เสียการเรียน”
ตี้นิ่งไป
“เออๆ เอาไว้พามา เอาไว้แน่นอนก่อนตอนนี้ยังแค่ดูใจ”
ในบรรดาสามพี่น้อง คนหล่อสุดคือซัว เพราะมีหน้าตาคมคาย แต่ซัวก็มีรูปร่างค่อยข้างเล็กเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่น ส่วนเฮียตี้รองลงมาในเรื่องความคมคาย แต่พอเจอกับเรือนร่างสูงโปร่งที่ได้จากป๊า ก็ต้องยอมรับเฮียตี้ดูดีที่สุดในพี่น้อง บวกกับความเรียนเก่ง ฉลาด ทำให้สมัยเรียนเฮียดังขนาดมีสาวโรงเรียนอื่นมารอดูที่หน้าโรงเรียน แต่ก่อนหน้าเฮียก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เพราะมัวแต่มุ่งมั่นเรียนหนังสือ
“จุ๊ย” ตี้เรียก
“ครับ”จุ๊ยเงยมามองหน้า
“เอ็งว่าคนรวยนี่เขาจะรังเกียจคนจนไหมวะ”
จุ๊ยมองหน้าเฮีย
“ก็ไม่รู้สิ บางคนก็เป็นบ้าง บางคนก็ไม่เป็นนะ” จุ๊ยตอบ เขาดูจากเพื่อนของเขา
ก้องภพเป็นลูกเจ้าของโรงงานน้ำปลาชื่อดัง มันก็ไม่เห็นจะรังเกียจจุ๊ย อีกคนที่รวยๆก็คือเดฟ ถึงมันจะน่ารังเกียจเพราะความหื่น แต่จุ๊ยก็ต้องยอมรับว่ามันดีกับเขาไม่น้อย
ตี้ทำหน้าคิด
“แล้วส่วนใหญ่ล่ะ คนรวยเขาจะเลือกคนรวยด้วยกันหรือคนจนๆ”
คำถามของเฮียตี้ทำให้จุ๊ยสงสัย
ตี้เป็นเด็กที่อยู่ในกรอบของป๊ามาโดยตลอด หมดชีวิตมัธยมไปกับการเรียนพิเศษ
จะว่าไปเพราะจุ๊ยไม่เคยถูกคาดหวัง เขาก็เลยมีชีวิตที่โลดโผนกว่าเฮียตี้ อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนมากกว่าและไปไหนต่อไหนได้มากกว่าเฮียตี้
“ก็ไม่หรอก แต่ก็ไม่แน่ใจนะ แต่คนเรามันต้องมองหลายๆอย่างรีเปล่าเฮีย ถ้าจะตัดสินใจคบกับใครหรือไปกับใคร”จุ๊ยตอบ
“ถ้าเป็นผม ผมจะไม่กังวลนะ ผมก็แค่เป็นตัวของผมแค่นั้นเอง ถ้าเค้าจะไม่รักเรา มันก็ช่วยไม่ได้นี่”
ตี้พยักหน้าช้าๆ มองในชามข้าวต้ม
“แต่มันยากไม่ใช่เหรอ กับการจะตัดใจ หรือทำใจถ้าเค้าไม่เลือกเรา เพราะเราด้อยกว่า มันรู้สึกแย่ใช่ไหม แล้วแบบนี้เราควรจะเลิกกับเขา ไม่ดีกว่าเหรอ”
จุ๊ยมองหน้าตี้ แล้วเขาก็หันไปหยิบอะไรมาอย่างหนึ่ง หยอดลงไปชามของตี้
“เฮ้ย นี่มัน”
จุ๊ยยิ้ม
“เต้าหู้ยี้”
“ก็รู้ว่าเฮียไม่กิน แล้วหยอดลงมาทำไม”
ตี้ทำท่าเซ็ง
“ตักชามใหม่ให้เลยนะ อยู่ดีๆเอ็งแกล้งเฮียทำไมเนี่ย”
จุ๊ยส่ายหัว แถมหันไปเอาเต้าหู้ยี้หยอดลงในหม้อข้าวต้มด้วย
“เฮ้ยจุ๊ย” ตี้ชักโกรธ
แต่จุ๊ยจ้องตาพี่ชาย
“เฮียจะเลือกเอาแต่สิ่งที่เฮียชอบกินไม่ได้หรอกนะ เพราะบางทีเราก็ควบคุมทุกอย่างไม่ได้ เราอาจต้องเจอกับสถานการณ์มัดมือชก โดยเฉพาะเวลาที่คนที่ตัดสินใจคั่นสุดท้ายไม่ใช่เรา บางที่เราอาจต้องลองชิมมันดู เผื่อว่าเราอาจชอบรสชาติมัน หรือถ้าเราไม่ชอบ เราก็จะได้รู้ว่ารสชาติมันแย่จริงๆ หรือเปล่า แต่ถ้าเฮียเททิ้ง เฮียก็คือทิ้งโอกาสไปหมด ทิ้งแม้แต่รสชาติในส่วนที่อร่อยไปด้วย เฮียลองคิดดูเอาเองนะ”
ตี้มองหน้าน้องชาย
“ลองดูก่อนผมจะเอาใจช่วยตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่กับเฮีย”
ตี้ยิ้มกับคำพูดของน้องชาย
แล้วจุ๊ยก็หยอดเต้าหู้ยี้ในชามตัวเอง
“แต่ผมชอบนะเต้าหู้ยี้เนี่ย” จุ๊ยกล่าว
“มันรสชาตกระดึกกระดึ่ยดีออก”
ตี้ทำหน้าบอกว่าแปลกหูกับคำพูดของจุ๊ย
“อะไรของแกกระดึกกระดึ๋ย”
“ก็บอกไม่ถูกไงเฮีย มันแบบว่ากระดึก กระดึกในคอ กระดึ๋ยกระดึ๋ยด้วย” จุ๊ยกล่าวก็กินเต้าหู้เข้าไปทั้งชิ้น แล้วทำท่าตัวสั่น ก่อนจะทำตาเยิ้ม
“อาสุดยอด...”
ตี้หัวเราะแล้วโคลงหัว
“ไหนลองดูสิ”
พอกินเข้าไป ตี้ก็ทำหน้าหยีไปทั้งหน้า
“รู้ละว่าทำไมถึงชื่อเต้าหู้ยี้” แล้วตี้ก็จิบน้ำที่จุ๊ยรินไว้เผื่อตอนที่เขาตักเข้าเต้าหู้ยี้เข้าปาก
“แต่ก็...” ตี้มองในชาม
“อร่อยเหมือนกันเนอะ ไอ้กระดึกกระดึ๋ยของแกเนี่ย”
แล้วสองพี่น้องก็ประสานเสียงหัวเราะกัน
สองพี่น้องเดินขึ้นชั้นบนมาพร้อมกัน แล้วก็แยกตรงชั้นสอง เพราะชั้นสองเป็นชั้นที่ตี้นอนคนเดียวทั้งชั้นโดยมีการกั่นสัดส่วนอย่างดี
“เข้าไปเล่นคอมก่อนไหม” ตี้ถาม
“ไม่ล่ะเฮีย ผมง่วง แล้วต้องไปตอบไลน์ด้วย ไอ้เดฟมันอะไรก็ไม่รู้มาตลอดเลย ไม่ได้ยินเหรอเมื่อกี้”
“แกลงมานอนข้างล่างกับเฮียบ้างก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปิดแอร์หลายเครื่อง” ตี้กล่าว
จุ๊ยส่ายหน้า
ตี้มองหน้าน้องชาย แล้วเขาก็ลูบหัวเบาๆ
“ขอบใจนะจุ๊ย เอ็งทำให้เฮียสบายใจได้ตลอดเลย”
จุ๊ยยิ้มแล้วยกมือบอกว่า
“ราตรีสวัสด์นะเฮีย”
จุ๊ยเดินต่อขึ้นไป ตี้มองตามหลังไป
ในสามพี่น้อง จุ๊ยเหมือนแม่มากที่สุด ทั้งหน้าตาและก็นิสัย
“ม๊าจะทิ้งผมไม่ได้นะ แล้วใครจะทำกับข้าวให้ผมกิน”
มารดามองหน้าเขาอย่างอ่อนโยน แม้กำลังข่มความเจ็บปวดที่เผชิญ
“ไม่ต้องกลัวนะ อาม๊าฝากทุกอย่างไว้ในตัวจุ๊ยหมดแล้ว ต่อไปน้องก็จะดูแลตี้ต่อ ตี้ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทำให้สำเร็จจากนั้นก็กลับมาดูแลน้องคืนบ้างไง”
แล้วจุ๊ยก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ จะว่าไปเขาก็รู้ว่า เขาเป็นพี่ชายคนโต หน้าที่ซึ่งจุ๊ยรับผิดชอบอยู่ในทุกวันนี้เป็นของเขา แต่ตัวเขาเองก็ต้องแบกความคาดหวังของป๊าเอาไว้จนเต็มบ่า ตั้งแต่มัธยมเขาก็อยากจะช่วยจุ๊ยบ้าง แต่วันๆนอกจากเรียนที่โรงเรียนเขาก็ต้องไปเรียนพิเศษ ไปติวพิเศษ ไปเช้าค่ายติววิชานั้นวิชานี้ จนชีวิตช่วงวัยรุ่นของเขาหมดไปกับตัวหนังสือ พอเข้ามหาวิทยาลัยในคณะแพทย์ทุกอย่างไม่ได้คลายไปเลย เขายังเรียนหนักกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่ได้หัวดี แม้หลายคนจะบอกว่าเขาเรียนเก่ง แต่นั้นเพราะการทำงานหนักเป็นสองเท่าของเขาต่างหาก เขายังจำได้ดีถึงสีหน้ากังวลต่อผลการเรียนบางวิชาในตอนมัธยมของป๊า ดังนั้นเพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์เขาจึงทุ่มสุดตัว
แต่นอกจากจุ๊ยจะทำหน้าที่แทนเขาแล้ว ยังทำตัวเป็นกองหนุนที่ดี ทำให้เขาสบายใจในเวลาที่เขาเคร่งเครียด รอยยิ้มอันสดใสของจุ๊ยสร้างความสบายใจให้เขาเสมอ
ก็รู้นะว่าคนอื่นอาจว่าเขาเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเขาทำทุกอย่างสำเร็จ เขาตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะชดเชยทุกอย่างให้จุ๊ย และจะให้ทุกคนได้เห็นว่าเขารักน้องชายคนนี้เพียงไร
ตี้หันไปทางหิ้งที่วางภาพชองมารดาเอาไว้
“ผมสัญญาครับม๊า ผมจะทำให้สำเร็จแล้วจะดูแลเขาให้ดีเลย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ