The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  51.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

53) การกลับมาของหลิว อาราอิ: เราแยกกันสักพักนะ..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         
ก้อนทองกับสินธุมองหน้ากันนานแล้ว จนกระทั้งก้อนทองพูดออกมาก่อน
“กูขอโทษ  กูพูดแรงไป  ไม่น่าจะรื้อฟื้นเรืองนั้นต่อหน้าลูกๆมึง”
สินธุถอนหายใจ แล้วยกกาแฟมาจิบก่อนตอบ
“กูก็เป็นอย่างมึงพูดจริงๆนี่หว่าไอ้ก้อน  แต่มึงจะหวังให้กูเปลี่ยนทันทีหลังจากเหตุการณ์นี้คงไม่ได้  ไม้แก่มันดัดยากเข้าใจใช่ไหม”
ก้อนทองถอนหายใจบ้าง
“ก็ไม่คิดหรอกว่ามึงจะเปลี่ยนทันที  อย่างน้อยก็คือเรื่องลูกๆ  อย่างน้อยบัวแก้วเขาก็พูดถูก  มึงไม่ควรจะทำแบบนั้นอีก  ไม่อย่างนั้นชีวิตครอบครัวของมึงคงพัง”
สินธุพยักหน้าช้าๆ
“แต่ มันทำใจยากนะ  มึงจะให้กูทำใจต้องเห็นลูกสองคนกลายเป็นแบบนี้ คนหนึ่งเคยเป็นนักกีฬาแต่โตมาเป็นกระเทย  อีกคนก็ดันรักกับดาราเกย์...” เขาส่ายหัว
“สงสัยจะเป็นกรรมของกูจริงๆนั้นล่ะวะ”
ก้อนทองมองหน้าเพื่อน
“เอาวะ  นี่กูก็เดือดร้อนไม่แพ้มึง  ลูกกูกับลูกมึงก็ทำท่าจะขอบกัน  แล้วนี่ถ้ามันเกิดคิดจะอยู่ด้วยกันจริงๆ มิต้องกลายกูเป็นญาติกับมึงไปอีกเหรอวะ”
“เป็นญาติกับกูแล้วไม่ดียังไง  ตระกูลกูเป็นตระกูลขุนนาง  มึงได้ดองด้วยก็บุญหัวแล้ว” สินธุกล่าวอย่างมีอารมณ์
“โถๆ ตระกูลกูก็นายฮ้อยเก่าเว้ย  มีเงินมีทองมากโขมาแต่บรรพบุรุษ  ถ้าวัดกันเฉพาะภาคอีสาน ขุนนางตกยุคมีหวังตกระป๋อง” ก้อนทองเถียง
หลังจากนั้นสองสหายเก่าก็เถียงกันไปอีกหลายคำก่อนจะประสานหัวเราะออกมา
 
อัศวะพื้นขึ้นหลังจากสลบยาวเป็นเวลาเกือบห้าวัน  แต่หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็อีกหลายวันต่อมาก็ออกจากโรงพยาบาลได้ 
อัศวะตัดสินใจลาออกจากบริษัทค่ายเพลง แล้วก็ตอบคำถามของนักข่าวอย่างชัดเจนว่าเรื่องข่าวลือของเขากับเดฟว่า
“ผมกับเดฟคบหากันอยู่ จริงๆ  ผมกับเขารักกัน  ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก”
จุ๊ยที่นั่งดูการสัมภาษณ์นั้นผ่านโทรทัศน์ภายในห้องนอนของอาราอิ เขายิ้มออกมา
อาราอิพึ่งออกจากห้องน้ำทันการสัมภาษณ์ก็เดินมานั่งข้างจุ๊ย
“ถ้าเป็นฉัน  นายว่าฉันควรจะตอบว่ายังไง”
จุ๊ยหันมองหน้าอาราอิ ตอนนี้เขายังไม่ได้มองหน้าจุ๊ย แต่มองโทรทัศน์
“ฉันก็จะบอกกับสื่ออย่างนั้น  และฉันก็ยอมออกจากวงการบันเทิงเหมือนกัน” อาราอิกล่าวแล้วหันมาสบตาจุ๊ย
“แต่ก่อนที่ฉันจะทำอย่างนั้น  ฉันต้องการให้นายค้นหาใจตัวเองให้เจอ  เพราะวันนี้คือวันที่ 22 ธันวาคม พรุ่งนี้หลิวก็จะมาแล้ว  ระหว่างนั้นฉันจะไม่ติดต่อกับนาย  ให้นายใช้เวลากับเธอให้เต็มที่ แล้วหาคำตอบให้ตัวเอง”
อาราอิกำลังจะลุกขึ้น 
แต่จุ๊ยดึงเขาไว้ ก่อนจะกอดแน่น
"ขอฉันกอดหน่อย" จุ๊ยกล่าว
อาราอิจุมพิตที่หน้าผากของจุ๊ย  หัวใจมันปรารถนาจะครอบครอง ทว่าเขาก็จำใจต้องปล่อยจุ๊ยไป  คืนนี้จะเป็นการกอดครั้งสุดท้ายหรือไม่  ก็ไม่แน่ 
ดังนั้นเขาจึงยิ่งกอดจุ๊ยแน่น เพื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นจากกายที่เขารักที่สุดอย่างเต็มที่
 
ที่สนามบินจุ๊ยมองตารางขาเข้าของไฟท์ที่หลิวจะเดินทางมาซึ่งเป็นแสดงเป็นคำว่า Landed สีแดงมานานเกือบสามสิบนาที
“เดี่ยวก็คงมาแล้ว” ซ้อกล่าว แล้วหันไปมองหน้าสามี
แล้วเจ๊กฮั้วบิดาของหลิวทำหน้าตื่นเต้น
“นั่นไง”
จุ๊ย หันไป เห็นหญิงสาวในชุดขาวทั้งชุด เสื้อเชิ้ตมีระบายสีขาว กับกางเกงขายาวรัดรูปสีขาวล้วน  รองเท้าส้นสูงคู่งาม เธอเดินมากอดมารดาอย่างดีใจ แล้วก็หันไปกอดบิดา
“คิดถึงป๊าจังเลย”
“สวยขี้นเยอะเลยนะ” มารดากล่าวชมเชย
“ก็สวยเหมือนม๊าไงคะ” เธอกล่าวแล้วก็กอดอีกที
พอคลายการกอด เธอก็หันมาหาจุ๊ยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“จุ๊ยหล่อขึ้นเยอะเลยนะ  ดูแปลกไปจากนักเรียนหัวเกรียนตั้งเยอะ” แล้วเธอก็ยิ้มส่งใบหน้าให้สว่างสดใส  ใบหน้าแต้มสีสัน ทำให้ดูแปลกตาไป  เรือนผมที่เคยผูกไว้แบบเด็กนักเรียนก็ปล่อยสยายดัดเป็นรอนคลื่น
จุ๊ยยิ้มออกมา
“หลิวก็เหมือนกัน สวยมากเลย”
แล้วโดยที่ไม่คาดคิด หลิวก็เข้าควงแขนจุ๊ย
“ยังรักษาสัญญาของเรารึเปล่าจุ๊ย  หลิวกลับมานี่ก็จะมาเช็คระยะครึ่งทางนะ”
จุ๊ยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
สองสามีภรรยาก็มองหน้ากัน โดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่ลูกสาวแสดงออก
 
 
อาราอิพึ่งจะเสร็จจากงานถ่ายแบบ มีเวลาอีกมากกว่าจะไปงานต่อไปซึ่งเป็นช่วงค่ำ
เขาก็เลยขี้เกียจจะกลับบ้านแต่ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าแทน
นี่ก็ห้าวันแล้วนับจากหลิวกลับมา  และเป็นห้าวันแล้วทีเขากับจุ๊ยไม่ได้พูดจากัน
เขาถอนหายใจ  แล้วก็บอกตัวเองให้เข้มแข็ง เพราะไม่แน่ว่า คืนทีเขานอนกอดจุ๊ยไว้นั้นอาจเป็นสัมผัสสุดท้ายที่เขาได้รับจากจุ๊ยก็ได้
“กาแฟไหมจุ๊ย” เสียงหญิงสาวกล่าวอย่างสดใส  เดินผ่านประตูเข้ามาภายในร้าน
เธอควงแขนชายหนุ่มหน้าจีนเอาไว้
“ไม่เอาหรอก  จุ๊ยกินแค่วันละแก้ว ขืนกินตอนนี้นอนไม่หลับพอดี”  เขาปฏิเสธ
“ทำไมหลิวเปลี่ยนไปเยอะจัง  นี่ก็กินกาแฟเก่งขึ้นนะเนี่ย”
“ยัง มีอะไรเปลี่ยนอีกเยอะ  แต่หัวใจหลิวไม่ได้เปลี่ยนด้วยนะจุ๊ย  หลิวยังรักจุ๊ยเหมือนเดิม” เธอกล่าวแล้วก็ควงจุ๊ยเดินไปที่เคาร์เตอร์
ในมุมที่ใกล้ประตูนั้น  อาราอิที่นั่งหันหลังอยู่ถึงกับต้องหลับตาลง
 
ได้เครื่องดื่มมาคนละแก้ว หลิวกับจุ๊ยก็มาเลือกที่นั่ง ทั้งสองเลือกนั่งที่โซฟาใกล้กับประตูตรงที่มีแนวต้นไม้เทียมประดับ
“ตกลง คืออ๊อดก็คบกับพี่สรรค์ ส่วนฮ้อยก็กำลังไปได้สวยกับพี่ปัติ  ส่วนเดฟกับอัศวะก็เปิดตัวคบกัน” หลิวกล่าวซึ่งเป็นเรื่องต่อจากที่จุ๊ยเล่าให้ฟังก่อนจะเข้าร้านกาแฟ
“น่าอิจฉาจังเลยเนอะ”
จุ๊ยยิ้มมุมปาก
ตอนนั้นหลิวตักครีมกิน  แล้วมีครีมเปื้อนที่ปาก  จุ๊ยก็หัวเราะน้อยๆ แล้วก็เอากระดาษทิชชู่ไปเช็ดให้
“โตแล้วนะ กินเป็นเด็กไปได้ ระวังหน่อยสิ” จุ๊ยกล่าวแบบเอ็ดๆ
หลิวทำจมูกเชิด
“ก็มีจุ๊ยคอยเช็ดให้นี่น่า”
จุ๊ยมองหน้าเธอแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
แม้หลิวจะเปลี่ยนไปมาก แต่รอยยิ้มของเธอก็ยังงดงาม
“แล้วโยชิ เอ่อมมม จุ๊ยเรียกว่าอาราอิสินะ  เป็นยังไงบ้าง” หลิวถามออกมาหลังจากกินครีมจนหมดแล้ว
ตอนนั้นจุ๊ยได้ยินเสียงคล้ายการขยับตัวอย่างเร็วแต่ก็แค่นิดเดียวจากด้านหลังของพุ่มไม้เทียม
“ก็เป็นดาราของเขาไป  ยังแสดงหนังกับละครหลายเรื่อง ถึงกระแสเริ่มซาลงแล้วแต่ก็ยังเรียกว่าดังอยู่” จุ๊ยตอบไปเรื่องงานแทน
“ไม่สิ” หลิวปฏิเสธออกมา
“หลิวหมายถึงเรื่องแฟน  เป็นยังไงบ้าง เขามีแฟนไหม”
จุ๊ยต้องเงียบไป เขากำลังหาคำตอบให้หลิว
แต่แล้วก็มีเสียงจากด้านหลังเหมือนมีคนหลายคนกำลังมุ่งมาโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆซึ่งคั่นไว้ด้วยพุ่มไม้เทียม  เขาเลยหันไปมอง
“พี่โยชิใช่ไหมค่ะ” เด็กสาวกล่าว
“ครับ” เสียงตอบออกมา  แล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน
“หนูขอเซลพี่กับพี่หน่อยนะค่ะ”
อาราอิพยักหน้า แล้วก็ปล่อยให้เด็กสาวหลายคนมายืนล้อมตัวเขาไว้  แล้วใช้กล้องจากมือถือบันทึกภาพอยู่หลายภาพ
“ขอบคุณนะคะ” แล้วเด็กสาวทั้งกลุ่มก็พากันออกไป
อาราอิมองตามไปแล้วก็หันมา  แต่ตอนนั้นเขาพบว่าสายตาของจุ๊ยจับอยู่กับเขา
“โยชิ” หลิวเป็นฝ่ายเรียกออกไปก่อน
อาราอิจึงเลี่ยงไม่ได้เดินอ้อมพุ่มไม้มาทักทาย
“สวัสดี  นี่หลิวใช่ไหม  จุ๊ยเล่าเรื่องหลิวให้ผมฟังเยอะมากเลย ตัวจริงสวยมาก สวยกว่ารูปที่จุ๊ยเอามาอวดอีกนะนี่”
หลิวยิ้มแก้มปริ
อาราอิชำเลืองมองจุ๊ย ตอนนี้แววตาของจุ๊ยพลุ่บลงมองแก้วเครื่องดื่มร้อนของเขา
“ไงจุ๊ยพาแฟนมาเดท  หน้าตาแจ่มใสหน่อยสิว้า” เขาตบบ่า
จุ๊ยเงยหน้ามอง  แล้วกลายเป็นว่าทั้งคู่เงียบไป
แต่อาราอิก็เป็นฝ่ายทำท่ามองนาฬิกาก่อน
“โอยแย่ล่ะ  ผมมีงาน  ผมไปก่อนนะ” อาราอิหันมาบอกแก่หลิว
แล้วเขาก็เดินออกไป  แต่ถอยกลับมา  หยิบกระดาษเคลือบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตสีเข้มที่เขาสวม
“ผมมีตั๋วหนังอยู่สองใบ  ไปเลือกเรื่องทั่อยากดูหน้าโรงได้เลย  ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปดูหนังกันก็ได้นะ”
หลิวรับตั๋วมาแล้วยิ้ม
“ขอบคุณมากเลย  โยชินี่ใจดีจัง”
อาราอิทิ้งรอยยิ้มแบบที่เรียกว่ายิ้มโปรยเสน่ห์แล้วก็เดินออกมา
พ้นมาได้สักระยะ ก็มองกลับไป  เห็นหลิวกำลังจับแสดงตั๋วหนังให้จุ๊ยดูอย่างร่าเริง จุ๊ยก็ยิ้มตอบแล้วคงจะถามว่าหลิวอยากดูเรื่องอะไร
ในใจของอาราอิช่างปวดร้าว  เขาเดินออกจากตรงนั้นไปเพื่อให้พ้นเสียจากภาพบาดตา
หลิวเอาตั๋วหนังเก็บใส่กระเป๋าสะพาย 
เป็นจังหวะให้จุ๊ยหันไป  เขาได้เห็นเพียงหลังของอาราอิที่เดินหลายลับไปในหมู่คน  
อยากจะกอดร่างนั้นเหลือเกิน.. แต่ได้แค่นิ่งเฉย  อยากพูดคุยกลับไม่ได้เอ่ยปากออกไป.. อยากจะจุมพิตแต่ทำได้แค่เม้นปากเอาไว้.. หัวใจของอาราอิจะเป็นเช่นนั้นเหมือนเขาบ้างไหม จุ๊ยอยากรู้
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา