The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  53.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

46) ความสับสนของอ๊อด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

อ๊อดนั่งแท็กซี่กลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ในตอนเช้า เพราะพี่สรรค์มีงานด่วนต้องรีบไป ซึ่งที่จริงพี่เขาก็อาสามาส่งแต่อ๊อดเห็นว่างานที่ว่าเป็นงานเร่งด่วนจึง ปฏิเสธ

พี่สรรค์ใจดีกับเขามาโดยตลอด  และเหมือนรู้ใจไปซะทุกอย่างเหมือนกับคนที่รู้จักเขามานาน  แล้วยังเหตุการณ์เมื่อคืน  ที่อ๊อดไม่สามารถต้านท้านการโจมตีของสรรค์ได้โดยสิ้นเชิง  แล้วมันก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากเสียด้วย 

แต่พอเขามองขึ้นไปบนตึกที่พักตอนที่ลงจากแท็กซี่  ใจที่กำลังพองโตกลับห่อเหี่ยวลงกะทันหัน

พอเปิดประตูเข้าไป  เมืองฟ้าไม่อยู่  อ๊อดมองนาฬิกาเห็นเป็นเวลาแค่หกโมง  เมืองฟ้าคงจะไปเรียนแล้ว

ก็ยังดี เพราะเขาก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง  ที่หายทั้งคืนโดยไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า

ถอนหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่งแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น

แต่เมื่อเปิดตู้เย็นแล้ว  เขาก็ยืนค้างอยู่อย่างนั้น

ในตู้เย็นมีเค็กช๊อกโกแล็ตก้อนใหญ่วางไว้  มันไม่สวยงามมากนัก เพราะเป็นเค้กทำมือ  มีกระดาษแผ่นหนึ่งพับเหน็บอยู่ใต้นั้น

 

อ๊อดเอาเค้กมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่น ที่กางทิ้งไว้แล้ว  เขาเริ่มต้นกินเค้ก

“วันนี้ วันครบรอบของเราจำได้ไหม... เมืองรออ๊อดจนดึกเลย  ถ้ากลับมาแล้วเมืองหลับอยู่ ก็กินเค้กให้หมดเลยนะ  เมืองตั้งใจทำไว้ให้เพื่อฉลองเล็กๆ  ในวันที่เราได้คุยกันเป็นครั้งแรกไง  กินให้อร่อยนะอ๊อด  รักอ๊อดจัง... เมือง”

ตอนนั้นอ๊อดต้องกินๆไปปาดน้ำตาไป.. ความรู้สึกผิดกำลังท่วมท้นจิตใจ

 

จุ๊ยบาดแผลของจุ๊ยสมานดีไม่มีอุปสรรค์ใดๆ ที่สุดเขาก็สามารถมาเรียนได้ตามปกติ

“หายดีแล้วเรอะ” หน่องถามตอนจุ๊ยยกจานข้าวมันไก่มาวางแล้วนั่งลง

“ก็ยังไม่ตาย กูก็ต้องหาย  ผิดหวังละซี  แผนกำจัดคนหล่อๆอย่างกูไม่สำเร็จ” จุ๊ยตอบแบบไม่วายกวนตีน

หน่องทำหน้าเซ๊ง

“เหี้ยทำไมแม่งไม่ยิงกรอกปากไปเลยวะ  จะได้ตายๆห่าไปซะ”

“เป่าแซกได้แล้วรึยัง” ฮ้อยถาม

“ก็ได้นะ  แต่เพลงเบาๆ  ไม่แรงมาก  ถ้าแรงมันยังรู้สึกปวดนิดๆ” จุ๊ยตอบ ตามองไปที่จานของฮ้อย

“อย่าๆไม่ต้องเลย อันนี้กูเก็บไว้กินที่หลัง” ฮ้อยรู้จุดประสงค์

เพราะเขาเหลือหมูติดมันไว้สามชิ้นในขณะที่กินอย่างอื่นไปเกือบหมดแล้ว

“งกเหรอวะ... นี่เพื่อนมึงป่วยเกือบตาย  มึงยังงกกับเพื่อน “ จุ๊ยทำเสียงเหมือนโลกจะสลาย  ก็แสร้งทำหน้าผิดหวังอย่างโอเวอร์แอ๊คติ้ง

“กู เสียใจได้ หน่องมึงดูเพื่อนกูสิ  เรานะ  เราคบกันมาตั้งแต่ ม.หนึ่ง... แล้วดูมันทำกับกู กูเสียจายย” แล้วก็สบกับไหล่หน่อง หน่องก็รับมุกโอบประคอง

“ไอ้ฮ้อยกูไม่คิดเลยนะว่ามึงเป็นคนแบบนี้  มึงทำร้ายจิตใจเพื่อนมึงได้ยังงายย”

ฮ้อยถอนหายใจดังเฮือก  ว่าแล้วก็ตักหมูสามชิ้นใส่ปากเคี้ยวในคราวเดียว

“แดกแม่งซะ จะได้เลิกดราม่า”

“โหดร้าย” จุ๊ยผละออกมาทำท่าสะดีดสะดิ้ง

“ใช่..ที่สุดอะ” หน่องก็ทำท่าเดียวกันหันมามองหน้ากัน

จุ๊ยทำตาซึ้ง จับมือหน่อง

“โอปป้า” จุ๊ยส่งเสียงหวาน

“ทงแซง” หน่องก็เรียกกลับ

“โอปป้า”

“ทงแซง”

“ซาราเฮโย”

แล้วก็ทำท่าจะเข้าจูบกัน ทำปากเผยอ ขมุบขมิบจุ๊บๆ

ฮ้อยทำท่าเวียนหัว

“นี่มันคนพึ่งหายเจ็บแน่เหรอวะ”

 

ตอน ที่อ๊อดมาถึงหน้ามันง่วงมากๆ  จุ๊ยก็ไม่ได้แปลกใจเพราะไอ้อ๊อดไม่เคยมาด้วยอาการแจ่มใสอยุ่แล้ว  เพียงแต่วันนี้เพื่อนดูเพื่อนออกจะหงุดหงิด

“เป็นไรวะ  หนักหรือไง.. เมืองสะกิดตลอดคืนเลยดิ” จุ๊ยกระซิบถามตอนที่อ๊อดนั้งลงโต๊ะยาวใต้ตึกคณะ

“สะกิดพ่อมึง กูไม่ได้เจอหน้าเขาเป็นอาทิตย์แล้ว “

“อ้าว” จุ๊ยแปลกใจ

“ก็มึงอยู่ด้วยกัน  ไม่เจอกันได้ไง”

“เขา กลับบ้านไป  บอกว่ามีเรื่องด่วน แซตมาทางไลน์  โทรไปก็ไม่คุยด้วย  บอกว่าไม่ค่อยสะดวกคุย นี่ก็จะสอบแล้วด้วย  ก็ยังไม่กลับมาสักที” อ๊อดตอบหน้าตาบอกว่าไม่สบอารมณ์

"แล้วนี่ไม่รู้ลงไปยังไง  ตัวเองก็มีโรคประจำตัว เดินทางไกลคนเดียวก็ไม่ค่อยปลอดภัย  ยังทำซ่าอีก"

 

 

สรรค์เดินเข้ามาด้านหลังทำให้อ๊อดสะดุ้ง  เขากำลังกดโทรศัพท์หาเมืองฟ้าอยู่  แต่ไม่มีการตอบรับ

“โทรหาใครดูหงุดหงิดเชียว” สรรค์ถามแล้วกอดเบียดร่างเกือบเปลือยของอ๊อด  เขาหอมที่ต้นคอ

“อ้อเพื่อนครับ  ผมเห็นเขาไม่มาเรียนหลายวันเลยจะโทรศัพท์ถามว่าเป็นยังไงบ้างเพราะอีกสองวันก็สอบแล้วด้วย”

สรรค์ปล่อยจากการกอด หันไปรินน้ำจากเหยีอกข้างเตียงมาดื่ม

“พูด ถึงเพื่อน พี่ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมญาติพี่คนหนึ่งเลย  เขาป่วยอยู่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว  เขาเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เกิด  นี่อาการกำเริบ  ให้ผ่าตัดก็ไม่ยอมผ่า  ดื้อมากเลย” สรรค์กล่าว

“เขา เป็นเด็กนิสัยดีมากเลยนะ  จริงๆอ๊อดก็รู้จัก  เพราะเขาเป็นเพื่อนที่โรงเรียน  จะว่าไปเขานี่หล่ะเอาProfile มาให้พี่ดูตอนพี่หานักดนตรี  เราถึงได้รู้จักกันยังไง"

"ใครครับ” อ๊อดขมวดคิ้ว

“ก็..” สรรค์กำลังจะตอบ  แต่โทรศัพท์ของเขาดังขัดเสียก่อน ก็เลยรีบไปรับ

“ครับ... ใช่”

แล้วก็นิ่งรับฟัง

“อ้อได้ครับ...”

“งั้นส่งรายละเอียดมาเลย  ผมจะดูจากเมลล์”

แล้วสรรค์ก็เดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์

อ๊อดก็หันมาส่งไลน์ไปหาเมืองฟ้า

 

อาราอิบอกว่าต้องเขาของที่พ่อส่งมาให้ทางบริษัทขนส่งมาให้น้าทิพย์  เขาก็เลยพาจุ๊ยมาที่พักของน้าทิพย์ที่อยู่ในคอนโดมิเนียมหรู

จุ๊ยมองภาพทิวทัศน์ที่เห็นไปได้ไกลอย่างตื่นตา

“สวยไหม” น้าทิพย์ออกมาจากส่วนที่เป็นครัวพร้อมขนม

“ก็ให้อาราอิซื้อสักห้องสิ  เดี่ยวน้าถามให้เผื่อจะมีคนอยากขาย”

จุ๊ยได้ยินประโยคนี้ก็หันมาทำตาโต ด้วยความแปลก แล้วมองหน้าอาราอิ

“ไม่ ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอก  น้าดูออก สองคนไปไหนด้วยกันตลอดขนาดนี้  ยังจะบอกไม่มีอะไรกันน้าคงไม่เชื่อหรอก” น้าทิพย์กล่าวแล้วรินน้ำหวานใส่แก้วแล้วเดินมาให้จุ๊ย

จุ๊ยกล่าวขอบคุณแต่ยังมองหน้าเธอแปลกๆ

“สมัยนี้มันเป็นยุคใหม่แล้วละ  พ่อของอาราอิก็รู้เรื่องนานแล้ว  ท่านยังบอกว่าจุ๊ยน่ารักดี”

“แต่ อย่างหนึ่ง ก็คือ อาราอิเขาเป็นคนดัง  จะมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ผลกระทบมันจะรุนแรงมาก  ไม่ใช่ตัวเขา แต่จะเป็นตัวจุ๊ยเองด้วย  เพราะอย่างที่บอกแฟนคลับน่ะ  ด้านบวกก็ดีหรอก แต่ถ้าเป็นด้านลบนี่น่ากลัวสุดๆ ยังไงก็ระวังตัวกันบ้าง  น้าก็จะพยายามบล็อกพวกสื่อให้อยุ่  แต่ก็ไม่รู้จะทำได้แค่ไหนนะ”

“ขอบคุณครับน้าทิพย์” อาราอิกล่าวแทน เพราะตอนนี้จุ๊ยไม่รู้จะพูดอะไร  แล้วเขาก็เดินมากอดคอจุ๊ย

“ถ้า เกิดอะไรขึ้นเอาไอ้จุ๊ยไปเล่นตลกให้แฟนคลับดู  ขี้คร้านจะติดใจมันกัน  น้าไม่รู้อะไร  มันป๊อบมากๆ  มีแฟนเพจของตัวเองด้วย  มีคนไลก์จะห้าหมื่นแล้วนะครับ  กว่าผมจะได้มันมานี่ ต้องรบกับเดฟ รบกับน้องวา รบกับแก็งค์เกย์สาวอีกทั้งแก๊งค์เลยนะครับ”

“เวอร์ละ” จุ๊ยกระทุ้งศอกไปที

“เล่นตลก.. จุ๊ยเล่นตลกเป็นด้วยเหรอ” น้าทิพย์ถาม

จุ๊ยจะตอบ

“โอ้ ยน้า... มันน่ะเห็นอะไรเป็นเรื่องเล่นหมดนั้นล่ะ  นี่มันเกรงใจ ลองเป็นเด็กรุ่นเดียวกันสิครับ  ไม่หัวเราะมันท้องแข็งผมให้เตะ  มันกวนตีนจะตาย”  ว่าแล้วก็ดึงหน้าผากจุ๊ยจนหน้าเหงน

“โอ้ยอะไรเล่า..” จุ๊ยสะบัด หัวหนี

“สนใจ เล่นละครไหม... ตอนนั้นก็เล่นได้ดีนี่  ผู้กำกับเขายังบอกเลยว่าเล่นเป็นธรรมชาติ  โดยเฉพาะตอนโดนต่อย” น้าทิพย์กล่าวกลั๊วหัวเราะ

“อันนั้นมันไม่ใช่การแสดงครับ” จุ๊ยตอบ

“แต่มันต่อยจุ๊ยจริงๆ  ไม่ต้องแกล้งเลย  เปรี้ยงเดียว  หงายเงิบ ปากแตก  แอนตาซินแจกสองพันทันที” พูดจบก็ชูสองนิ้วประกอบด้วย

น้าทิพย์เลยหัวเราะร่วน

 

ทิพย์เดินลงมาส่งทั้งสองคนข้างล่างเพื่อไม่ให้ใครมาเห็นแล้วจะจินตนาการไปว่าอาราอิกับจุ๊ยมาทำอะไรกันที่คอนโดมิเนียมนี้

“ขอบ ใจนะอาราอิ อุตส่าห์มาให้  แล้วบทเรื่องใหม่ที่เอาให้ไปถ้าสนใจก็บอกน้านะ  น้าจะได้เรียกมาแคสให้ผู้กำกับดู” น้าทิพย์ยิ้มอย่างสดใส

จุ๊ย เริ่มเข้าใจว่าทำไมอากิระ บิดาของอาราอิถึงได้ชมชอบผู้หญิงคนนี้  เธอสวยนิสัยดี  และบุคลิกต่างจากมารดาของอาราอิในเรื่องของความมีน้ำใสใจจริง

แต่ระหว่างที่ทั้งสองจะออกไป  พอดีมีชายหนุ่มสองคนเดินออกมาจากทางลิฟต์

“อ้าวสรรค์” น้าทิพย์เรียก

สรรค์หันมา  แต่เขามีท่าทีตกใจนิดหน่อยที่ได้เห็นจุ๊ยกับอาราอิ  แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

“แหม่มีหนุ่มๆมาควงตลอดเลยนะ” น้าทิพย์แซวสรรค์  แล้วหันมองมองหน้าเด็กหนุ่มผิวขาวทีเ่ดินมาด้วยกันกับสรรค์ 

แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มผิวขาวกำลังสบตากับจุ๊ยอยุ่ด้วยแววตาแปลกประหลาด ประหลาดใจระคนตกใจระคนด้วยความรู้สึกกระดากอาย

 

วันนี้เป็นวันสอบแต่อ๊อดก็ยังมาสายจนเกือบไม่ได้เข้าสอบ

พอสอบเสร็จเขาก็เดินเอื้อยๆลงมาจากตึกแล้วตรวจดูข้อความทางไลน์

เมืองฟ้าหายไปไหนกันแน่

เขาชักรู้สึกใจคอไม่ดี

 

“ไอ้อ๊อด” จุ๊ยปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เขาตกใจ

“มานี่ก่อนสิ”

 

จุ๊ยลากอ๊อดออกมาไกลจากกลุ่มเพื่อน  อ็อดก็รู้อยู่แล้วจุ๊ยจะถามอะไร  ก็คงไม่พ้นเรื่องของเขากับพี่สรรค์

“เออกูยอมรับ กูนอกใจเมือง” อ๊อดสรุปตอนท้ายที่เล่าจบ

“แต่มึงต้องเข้าใจกูบ้าง พี่เขาแสนดีกับกู  รู้ใจกูหมดทุกอย่าง  กูก็เลยหวั่นไหว  เลยเผลอใจไปบ้าง..มึงเข้าใจกูหน่อย”

จุ๊ยถอนหายใจ  มองลงไปในสระน้ำ

“ก็เข้าใจ  แต่มึงไม่คิดบ้าง ว่าเมืองจะเสียใจ ถ้ารู้”

“ก็ถ้ามึงไม่พูด  เขาจะรู้ไหม” อ๊อดแย้ง

“มึงก็เงียบไว้  เขาก็ไม่รู้จักกัน จะรู้ได้ยังไง”

จุ๊ยล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเอาขนมห่อเล็กที่ได้รับแจกมา แกะห่อ แล้วโยนให้เต่าสองตัวที่โผล่มามอง

“มึงแน่ใจได้ยังไง” จุ๊ยถาม

“กูไม่แน่ใจหรอก” อ๊อดมองเต่างับขนมกรอบแล้วก็ถอนหายใจ

“แต่กูไม่รู้จะทำยังไง...กูสับสน”

จุ๊ยก็เลยกอดคออ๊อด

“เอาวะ  ก็ทำไงได้ เกิดขึ้นแล้ว  ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงไปแล้วกันนะ”

 

อ๊อดกลับมาถึงห้องพัก เปิดประตูออกมาก็เห็นเมืองฟ้านั่งหันหลังให้ เพรากำลังใช้คอมพิวเตอร์

“เมือง” อ๊อดรีบเดินเข้ามาโดยไม่ได้ถอดรองเท้า

“โอยอ๊อด... ทำไมย่ำเข้ามาอย่างนี้หล่ะ ห้องพึ่งจะถูเสร็จ” เมืองฟ้าตำหนิ

อ๊อดเลยก้าวถอยหลังไปถอดรองเท้า

“เมืองไปไหนมา” อ๊อดถาม  ถอดรองเท้าเสร็จก็เดินมาหมุนเก้าอี้หันมา เขาจับมือเมืองฟ้าแล้วย่อตัวลง

“กลับบ้าน พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ” เมืองฟ้าตอบ

“กลับมาเมื่อเช้าก็รีบไปสอบแล้วกลับมานี่หล่ะ”

อ๊อดถอนหายใจดังเฮือกอย่างโล่งอก

“อย่าหายไปอย่างนี้นะ  อ๊อดเป็นห่วง  บอกมาแค่ว่าจะไปธุระสี่ห้าวัน  แต่นั้นมันไม่พอนะ เมือง  อ๊อดโทรไปก็ไม่รับ”

“ก็โทรศัพท์เมืองมันเป็นอะไรไม่รู้รับสายไม่ได้โทรออกก็ไม่ได้” เมืองฟ้าตอบ

อ๊อดพิจารณาใบหน้าเมืองฟ้า

“ทำไมเมืองดูซีดๆไปนะ  ดูเหมือนจะผอมลงไปด้วย”

“เมืองก็ซีดอยู่แล้วนี่น่า  อ๊อดอย่าลืมสิว่าเมืองมีโรคประจำตัว” เมืองฟ้าดูที่แขนของตัวเอง

“กินข้าวแล้วรึยัง  เมืองซื้อมาเผื่อ  เดี่ยวอุ่นให้กินนะ”

แล้วเมืองฟ้าก็ลุกไป

อ๊อดมองตาม  เขารู้สึกระคนกันระหว่างความโล่งใจที่ได้เห็นเมืองฟ้า กับความรู้สึกผิดต่อเมืองฟ้า 

เมืองฟ้าเอาแกงเทใส่ชามแก้วแล้วใส่เขาไมโครเวฟ

เขายืนมองชามหมุนไปเรื่อยๆภายใจเตา

“เมืองโกรธอ๊อดรึเปล่าที่ไม่ได้อยู่ในวันนั้น” อ๊อดกอดเมืองฟ้าไว้

“เปล่านี่... เมืองก็ไม่ได้บอกอ๊อดด้วยหล่ะ  แล้วได้กินเค้กแล้วใช่ไหม” เมืองฟ้าถาม

“อร่อยมากเลย  อร่อยที่สุดในโลกเลย” แล้วอ๊อดก็หอมที่เรือนผมของเมืองฟ้า

“อย่าหายไปอย่างนี้อีกนะ อ๊อดเป็นห่วง”

เมืองฟ้านิ่งไป

“อ๊อดถ้าวันหนึ่งเมืองหายไปจริงๆ  อ๊อดสัญญาได้ไหมว่าจะไม่เสียใจมาก”

อ๊อดแปลกหูกับคำพูดนั้น

แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถาม เตาไมโครเวฟก็ร้องดังปี๊บยาวๆ แล้วเมืองฟ้าก็หันไปคุยเรื่องแกงแทน

 

เมืองฟ้าหลับไปแล้วด้วยการซุกอกอ๊อดที่นอนตะแคงข้าง  แต่อ๊อดยังคงตาแข็งมองหน้าของเมืองฟ้า

เมืองฟ้าเหมือนดอกไม้บอบบางในอ้อมอกของเขา  กลีบใบช่างบางเบาและสวยงาม  น่าทะนุถนอม  การได้อยู่กับเมืองฟ้ามันคนละความรู้สึกกับที่อยู่กับพี่สรรค์โดยสิ้นเชิง  อ๊อดค่อยสอดหมอนให้เมืองฟ้าหนุนแทนแขนของเขา  แล้วก็ลุกอย่างช้าๆ ไปหยิบโทรศัพท์แล้วออกมายืนที่ระเบียง

ตรวจดูข้อความจากอ็อดตรวจเปลี่ยนแอคเคาร์ทเฟสบุ๊ค จึงได้เห็นว่ามีข้อความมาจากพี่สรรค์หลายข้อความในเชิงให้กำลังใจกับการสอบ

อยู่กับพี่สรรค์เมืองฟ้าก็รู้สึกอบอุ่น เพราะพี่สรรค์เป็นผู้ใหญ่กว่า  เหมือนเป็นการเติมเต็มในส่วนที่เมืองฟ้าขาดคือการดูแลจากพ่อและแม่ 

แสงฟ้าแลบที่ปลายฟ้า  อ๊อดหวังว่าพรุ่งนี้จะมีคำตอบหรือไม่ก็ทางออกสำหรับเรื่องของเขา..

 

จุ๊ยกดคีย์หนึ่งบนแซกโซโฟนซ้ำๆ  เพราะรู้สึกเหมือนกับมันจะกดไม่ค่อยลง  เขาก็พยายามตรวจสอบแล้ว ตรวจสอบอีก

“มันเป็นอะไรเหรอครับจุ๊ย “ เดฟนั่งลงข้างๆ

“อ้าว นี่ก็มาเหมือนกันเหรอ” จุ๊ยถาม

“ไฟต์บังคับ  เพราะผมกำลังจะมีงานละครเรื่องใหม่ แล้วดาราที่เล่นคู่กับผมในเรื่องนี้เขามาเป็นพิธีกร ผมก็เลยต้องมางานนี้ด้วย” เดฟตอบ

จุ๊ยพยักหน้าช้าๆ แล้วก็กลับมาตรวจสอบคีย์ของแซกโซโฟนตัวโปรด

“คีย์มันกดไม่ค่อยลง น่ะ แต่ยังเป่าได้  สงสัยได้เวลาต้องพาไปหาหมอ”

“ก็หาหมอตี้สิครับ” เดฟกล่าวหน้าตาเฉย

จุ๊ยชะงักหันมายิ้มเย็นๆ

“เหรอ...”

“อ้าวก็จุ๊ยพูดเอง  ก็จุ๊ยบอกเองว่าต้องพาไปหมอ ไปหาหมอตี้ก็ไม่ต้องเสียตังค์ไง”

จุ๊ยเลยเขกหัวเดฟด้วยแซกโซโฟนไปทีหนึ่ง

พอเอาเคาะปรากฏว่าคีย์กลับไปเป็นปกติ

“เออเฮ้ย  หายเฉยเลย  รู้งี้ฟาดหนักๆไปเลยดีกว่า”

เดฟเอามือคลำหัวป่อยๆ 

“ว่าแต่...”เดฟกล่าวแล้วเอามือลง

“ผมสงสัยน่ะ  ผมเห็นอ๊อดสนิทกับพี่สรรค์มาเลย... มันมีอะไรแปลกๆรึเปล่าครับ เพราะผมเห็นเขาแอบหอมแก้มกันด้วย”

จุ๊ยนิ่งไป มองหน้าเดฟ

เดฟเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง แถมก็ยังกว้างขวาง  จะมีประโยชน์อะไรจะปิดบัง

“แปลกยังไง  กูกับมึงยังเป็นเกย์ได้  ไอ้อัศก็เป็น  แล้วไอ้อ๊อดเป็นบ้างจะไม่ได้หรือ”

“แล้วเมืองฟ้าล่ะครับ” เดฟย้อนถาม

จุ๊ยถึงกับสะอึก

“นี่มึงรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”

เดฟพยักหน้า

“เขา อาจปิดบังเพื่อนๆ  แต่กับคนอื่นเขาก็ไม่ได้ปิดนี่  ผมเห็นเขาไปหาเมืองบ่อยๆ  เคยแอบเห็นเดินจูงมือกันด้วยซ้ำ  แล้วผมว่าตอนนี้เมืองกับอ๊ฮดอยู่ด้วยกันด้วย”

จุ๊ยมองหน้าเดฟนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“มึง ก็อย่าไปยุ่งเรื่องของมันเลยว่ะเดฟ.. ปัญหาของมันก็ต้องปล่อยให้มันจัดการกันเอง  เอาไว้มันจัดการไม่ไหว พวกเราค่อยเข้าไปช่วยดีกว่านะเดฟ”

เดฟพยักหน้าช้า

“ผมก็ยังไม่เคยคุยกับใคร  อย่างนี้ผมต้องช่วยมันปิดบังใช่ไหมครับ”

จุ๊ยเอามือลูบหัวเดฟ

“เออ...ดีๆ  ฉลาดๆ  แสนรู้มากเลยนะเดฟฟี่”

“อันนี้พูดกับผมเหรอ” เดฟเอี้ยวหัวหนีมองหน้าจุ๊ย

“ใช่สิเดฟฟี่” จุ๊ยตอบ

“อ้อ..” แล้วเดฟก็ลุกขึ้น

“นึกว่าคุยกับหมาในปากจุ๊ยเสียอีก”

“ไอ้เดฟ” จ๊ยลุกพรวด  แต่ไม่ทันเดฟผละหนีไปซะก่อน

จุ๊ย มองตามร่างสูงๆ เท่ห์ๆไป มันหันกลับมาทำมือไอเลิฟยู  นึกถึงวันคืนเก่าๆ  มันก็น่าใจหายไม่น้อยที่เวลาเหล่านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

“จุ๊ย” เสียงเรียกที่ Absolute Pitch บอกเขาว่าเป็นใคร จุ๊ยทำหน้าเหย่เก... ไอ้อัส...

“อัส.. กูไม่ได้” จุ๊ยจะหันมาแก้ตัว

“ไม่ได้อะไร” อัศวะทำหน้างง

“กูจะมาตามมึงแทนพี่เขา  คิวหน้าคิวมึง  ไอ้อ๊อดไอ้ฮ้อยก็ไปรอกันอยู่ข้างเวทีอยู่แล้ว”

จุ๊ยอ้าปากหวอ เพราะเมื่อสักครู่กำลังจะพูดแก้ตัวแต่โดนอัศวะขัดเสียก่อน

“อ้อเหรอ..” จุ๊ยทำหน้าเก้อๆ

“จะรีบไป  ขอบใจ”

จุ๊ยเดินไปแล้ว

แต่อัศวะยืนมองไปทางที่เดฟไป  แววตาหม่นลงแล้วก็หันหลังเดินตามจุ๊ยไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา