The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  51.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

40) พายุถล่ม.. สายน้ำปั่นป่วน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

อาราอิกำลังเล่าให้จุ๊ยฟังเรื่องแคสงานละคร ตอนที่ทั้งคู่กำลังเดินมาถึงหน้าบ้านของจุ๊ย จุ๊ยล้วงจะหยิบกุญแจ แต่ทว่า

“คำถามอั๊วยากไปหรือไง ตี้  อั๊วถามว่านี่แฟนลื้อใช่ไหม”

จุ๊ยชะงัก  อาราอิก็หยุดไปด้วย

ตี้มองภาพถ่ายที่บิดาเอามาวางบนโต๊ะ  เธอคือแหวนแฟนสาวของเขาอย่างแน่นอนที่สุด

“เราสองคนรักกันป๊า  ไม่ว่ายังไงเราก็รักกันจริงๆ”

ไฮ้จุ๊งปกติจะมีบุคลิกเงียบขรึม แต่วันนี้กลับเกรี้ยวกราด

“รักกัน...” ไฮ้จุ๊งเข่นเสียงประชด

“ลื๊อไปรักกับลูกไอ้พ๊งได้ไง  นั้นมันไอ้พ๊ง  ไอ้สารเลวที่ทำเรื่องเลวๆกับอั๊ว กับอาม๊าของลื้อ”

อาราอิหันมามองหน้าจุ๊ย  เสียงของไฮ้จุ๊งไม่ได้ดังจนได้ยินกันชัดเจนสำหรับเขาแต่ก็จับใจความได้

แต่เขาคิดว่าหูของจุ๊ยต้องชัดเจนแจ่มแจ้ง

“ป๊านี่มันลูก นั้นมันพ่อ  อีกอย่างเจ๊กพ๊งเขาก็ขอโทษกับเราแล้วด้วย  ตอนนี้เขารู้แล้วด้วยว่าตี้คบกับแหวน  เขาไม่ได้ว่าอะไรสักคำ  แถมยังดีกับตี้อีกต่างหาก” ตี้แย้ง

“ก็มันจะเยาะเย้ยอั๊วอีกไง.. มันจะได้หัวเราะเยาะอั๊วได้เต็มที่  ที่ได้ทั้งเมีย แถมได้ลูกชายคนโตอย่างลื้อไปอีกคน” ไฮ้จุ๊งสวนกลับทันที

อาราอิเห็นจุ๊ยตัวสั่น  น้ำตากำลังอาบลงมาที่แก้ม

“ป๊าจะหมกหมุ่นกับตรงนี้นานแค่ไหน  ทั้งหมดมันคือความผิดของป๊าด้วย  ถ้าป๊าไม่ติดนักร้อง จนม๊าต้องออกไปตามหา  เรื่องมันจะเกิดรึเปล่า  เจ็กพ๊งจะมีโอกาสข่มขีนม๊าไหมเล่า” ตี้ตอบโต้ออกไปอย่างรุนแรง

“ไอ้ตี้” บิดาลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว

 “ไอ้ตี้ ไอ้เก๊าเจ๊ง” แล้วไฮ้จุ๊งก็บันดาลโทสะ ตบหน้าตี้ไปหนึ่งครั้ง

ตี้สะบัดหน้ากลับ

“เอา เลย ป๊าจะตีตี้ให้ตายก็ได้  แต่ตี้จะไม่เลิกคบกับแหวน  เจ๊กพ๊งกับแหวนเป็นคนละคน  ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความผิดของเจ๊กเลยแม้แต่นิดเดียว” เขาคำราม

“ป๊า น่ะเห็นแก่ตัว  จริงตอนนั้นเจ็กพ๊งก็ออกมารับผิดชอบแล้ว  เขาก็บอกว่าจะรับผิดชอบจุ๊ย  จะเอาจุ๊ยไปเลี้ยง  แต่ป๊าก็ไม่ยอม  แล้วป๊าต้องการอะไร  ป๊าก็ได้ลูกของเขาไว้แล้วไง  ป๊าก็ใช้มันงกๆตั้งแต่เด็ก มันก็ทำตัวดี เป็นเด็กดีกับป๊า  ป๊ายังไม่พอใจอีกเหรอ  ป๊าต้องการอะไรอีก  จะให้เจ๊กพ๊งมาฆ่าตัวตายต่อหน้า  ป๊าถึงพอใจหรือไง”

“รับผิดชอบ ไอ้คนไร้มนุษยธรรมอย่างมันหรือจะรับผิดชอบ  มันมีเมียอยู่แล้วยังมายุ่งกับเมียชาวบ้าน  นี่หรือคนมีความรับผิดชอบของลื้อ” ไฮ้จุ๊งย้อนถาม

“แล้วมันต่างอะไรกับป๊า  ป๊าก็ไปติดนักร้อง  ป๊าไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นม๊าเสียใจแค่ไหน  ถึงอั๊วจะแค่สามขวบแต่อั๊วก็จำได้  เจ๊กพ๊งอาจจะผิด แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับป๊าหรอก” ตี้ตอกกลับน้ำตาเริ่มเอ่อออกมา

“ป๊าน่ะห่วงแต่ตัวเอง  ถ้าป๊ารู้จักมองความผิดของตัวเองบ้าง  ป๊าก็คงไม่รั๊งไอ้จุ๊ยไว้  เพราะป๊าก็รู้ดีว่าเจ็กพ๊งอยากได้ตัวจุ๊ย ยี่อี้เล่าให้ผมฟังหมดแล้วว่า เจ็กพ๊งน่ะอยากได้ตัวจุ๊ยมาก เพราะเขารักม๊าแล้วก็เลยรักไอ้จุ๊ยด้วย  ถึงขนาดมากราบเท้าป๊าขอตัวมันไป  แต่ป๊าไม่ให้  ป๊าคิดอะไร  ป๊าต้องการแก้แค้นเขาด้วยไอ้จุ๊ยอย่างนั้นใช่ไหม”

“ไอ้ตี้  หยุดพูดได้แล้ว  เดี่ยวไอ้จุ๊ยก็กลับมาแล้ว  เรื่องของลื้อเอาไว้คุยกันที่หลัง” ไฮ้จุ๊งได้สติขึ้นมา  เพราะเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาสามทุ่ม

ตี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น

“ป๊าคิดว่าจุ๊ยมันไม่รู้อย่างนั้นสิ”

อาราอิเอาขยับเข้าไปใกล้จุ๊ย เอามือจับที่บ่าของจุ๊ยที่กำลังสั่นเหมือนหนาวเหน็บ

“มันรู้เรื่องทุกอย่าง  มันเป็นคนถามเรื่องนี้จากม๊าเอง ม๊าก็เลยเล่าให้มันฟังเพราะไม่รู้จะทำยังไง.. ทุกวันนี้ป๊านึกว่ามันอยู่บ้านนี้เพราะรักป๊าหรือไง  มันอยู่เพราะม๊าบอกให้มันอยู่  บอกให้มันชดเชยทุกอย่างแทนพ่อจริงๆของมัน  มันถึงได้อยู่  มันถึงได้ทำงานทุกอย่าง รับผิดชอบทุกอย่าง ดูแลผมกับน้องๆ ถึงขนาดไม่ยอมไปต่างประเทศ  ก็เพราะมันต้องการชดเชยป๊าแทนพ่อของมันไง”

อีกด้านหนึ่ง โดยการแอบลงมาฟัง  ซัวก็ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เขาต้องปาดน้ำตาซ้ำๆ

ไฮ้จุ๊งทรุดลงนั่งเหมือนเดิม

แล้วก็ไม่มีคำพูด

“ผมจะแต่งงานกับแหวน  ผมจะไม่ยอมเลิกเพราะความคิดเห็นแก่ต้วของป๊า  ถ้าป๊าไม่ชอบ ป๊าก็ต้องเลือกเอา  ว่าจะให้ผมไปจากที่นี่ ไม่กลับมาอีก หรือจะเลิกทิฐิบ้าๆของป๊าสักที” ตี้ยื่นคำขาด ตามสิ่งที่เขาเตรียมตัวมาเพื่อเผชิญหน้ากับบิดา  แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“อย่านะเฮีย” จุ๊ยออกเสียงไป  แล้วเขาก็ไขประตูบ้านเปิดเข้าไป

“อย่านะเฮีย  เฮียคือความหวังของป๊า  อย่าทำอย่างนี้เลย  เฮียไม่รู้หรอกว่าที่ป๊าทำไปก็เพื่อเฮียทั้งนั้น”

ทั้งบิดาและพี่ชายหันมา

ตอนนี้จุ๊ยน้ำตาอาบแก้มจนชุ่ม

แล้วจุ๊ยก็เดินมาคุกเข่าลงต่อหน้าบิดา

“ป๊า ผมขอร้อง ป๊าอย่าบังคับเฮียอีกเลย  ถ้าป๊ายังโกรธ  ป๊าตีผมเถอะตีให้ตายเลยก็ได้  แต่ป๊าอย่าทำอย่างนี้  อย่าทำร้ายตัวเอง  อย่าทำร้ายเฮียเพราะเรื่องนี้อีกเลยนะครับป๊า.. ผมขอร้อง”

ไฮ้จุ๊งไม่ตอบ  หันไปทางอื่น

“พอแล้วจุ๊ย” ตี้จับบ่าจุ๊ย

“เฮียก็ทนไม่ได้แล้วเหมือนกัน  ตลอดเวลาเฮียต้องทำโน่นทำนี่ตามใจเขามาโดยตลอด  ขนาดอยากจะเรียนยังต้องเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ  แกด่าเฮียว่าอกตัญญูก็ได้ แต่นี่มันเกินไปแล้ว  เฮียจะไม่ทน  พอสักที” แล้วตี้ก็หันไปหยิบกองเอกสารของตัวเอง

“ดูตัวเองนะจุ๊ย  แล้วก็อย่าไปทำตามใจเขามาก  เขาไม่ได้รักใครหรอกนอกจากตัวเขาเอง”

“เฮีย” จุ๊ยคว้ามือตี้เอาไว้

ตี้ชะงักแต่ก็สะบัดแล้วก็วิ่งออกไป

“เฮีย เฮียอย่าไป เฮีย”จุ๊ยลุกตามตอนนี้เขาร้องไห้ราวกับเด็กๆ  วิ่งตามออกมา ทว่าด้วยความรีบร้อนจึงสะดุดกับรางประตูเหล็กแล้วล้มลง

อาราอิรีบเข้าไปประคองไว้

ตี้หันมามองเห็นจุ๊ยในอ้อมกอดอาราอิ

“ฉันฝากน้องด้วยอาราอิ  ดูแลเขาแทนฉันด้วย” แล้วตี้ก็เดินจากไป

จุ๊ยจะลุกวิ่งตาม แต่ข้อเท้าของเขาแพลงเสียแล้วจึงล้มลงเหมือนเดิม แต่ก็ทำท่าจะลุกขึ้นอีก  อาราอิก็เลยเข้ามารั้งจุ๊ยไว้

“จุ๊ยอย่า ไม่ได้นะจุ๊ย”

จุ๊ยจึงกอดอาราอิไว้แน่น  แล้วปล่อยโฮออกมา

 

อาราอิเป็นนักคาราเต้  การปฐมพยาบาลตัวเองเขาต้องทำอยู่บ่อยๆ  ดังนั้นข้อเท้าของจุ๊ยที่อาราอิพันไว้ด้วยผ้าอีลาสติกจึงดูเรียบร้อยดี  เขาเอาหมอนข้างรองขาข้างนั้นด้วยให้เท้ายกขึ้นสูง

จุ๊ยนั่งมองอาราอิปฐมพยาบาลตัวเองจนเสร็จ

แล้วเขาก็มานั่งข้างจุ๊ยบนเตียง

“นายนี่น่ารักจังเลยน๊า  มินานามิจัง ขนาดมีคนใหม่แล้วก็ยังอดรักนายไม่ได้”

อาราอิหัวเราะหึๆ

“เรื่องของฉันกับนามิจังน่ะมันยังมีอะไรอีกมาก  นามิจังเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างหน้าตา  เป็นสาวไฟแรงสูง แล้วก็ประเภทอยากได้ก็ต้องได้”

“เอ้ยพูดอย่างนี้ไม่ได้  มันน่าเกลียดยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง” จุ๊ยปราม

อาราอิหันมามองหน้า

“นายก็สุภาพบุรษจังเลยน๊า  มินาทั้งออยทั้งหลิวถึงได้รักนัก รักหนา”

จุ๊ยหัวเราะหึๆบ้าง

แต่ก็เงียบไปทั้งคู่

“ขอบใจนะ  เราสองคนเริ่มจากการที่เจอกัน  ฉันปลอบใจนาย  นายก็บอกว่านายประทับใจฉันจากตรงนั้น  แต่เจอกันอีกทีฉันกลับต้องให้นายดูแล นายอยู่ด้วยทุกทีเวลามีปัญหาหนักๆ เรื่องวันนี้ ถ้าไม่มีนายอยู่ด้วยฉันอาจรับไม่ไหวก็ได้นะ” จุ๊ยกล่าวแล้วพลุบตาลงต่ำ

อาราอิเอามือจุ๊ยมากุมไว้

“ไม่หรอกนายเป็นคนเข้มแข็งออก  ถ้าเป็นฉัน  ฉันคงทำอะไรได้เลย  แต่นายนี่รู้ก็รู้มานานหลายปี  ก็ยังทนได้  แถมแสดงออกอย่างน่ายกย่องอีกต่างหาก  นายทำให้ฉันรู้สึกเลยว่าปัญหาของฉันมันช่างเล็กน้อย  ถ้าเทียบกับสิ่งที่นายต้องเผชิญตลอดมา”

จุ๊ยยิ้ม

“จริงๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น  เพราะแม้ป๊าจะไม่ใช่พ่อ แต่ป๊าก็ดูแลฉันดีนะ  ตอนฉันหกขวบเคยป่วยหนักมาก  อาม๊าก็ไม่อยู่เพราะไปเฝ้าไข้อากงที่ระยอง  ป๊ายังอุ้มพาฉันวิ่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ไกลเป็นกิโลๆ  ตอนนั้นฉันเห็นเลยว่าป๊ารักฉันมาก  ฉันก็เลยไม่เคยเอ๊ะใจสักนิดว่าป๊าไม่ใช่พ่อของฉัน”  แล้วจุ๊ยก็ถอนหายใจ

“แต่เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งอาม๊าไปได้รางวัลจากงานนิทรรศการ เป็นตรวจสุขภาพฟรีทั้งครอบครัว  เราก็ได้รู้กันหมดบ้านว่าใครกรุ๊ปเลือดอะไร  ซึ่งเป็นคราวเดียวกับรู้ว่าม๊าเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดด้วย พอรู้อย่างนี้ฉันกับเฮียก็เลยค้นเรื่องเลือดกันใหญ่  แต่ดันไปเจอเรื่องของเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือด”

“ป๊า เลือดกรุ๊ปโอ  ส่วนม๊ากรุ๊ปเอ  เฮียกรุ๊ปโอ  ไอ้ซัวกรุ๊ปเอ  ส่วนฮัวกรุ๊ปโอ  แต่ฉันดันเลือดกรุ๊ปเอบีอยู่คนเดียว  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ถ้าพ่อแม่เลือดกรุ๊ป โอ กับ เอ”

อาราอิต้องพยายามทำความเข้าใจ เพราะเขาก็ห่างชีววิทยามานานมาก

“ฉันก็เลยถามอาม๊าตรงๆ”

จุ๊ยยังจำได้ดี  เรื่องในวันนั้น..

 

เขาลังเลอยู่นานมากกว่าจะเข้าไปหาอาม๊าที่นอนอยู่ในห้องนอน  อาม๊าตอนนี้ดูอ่อนแอลงไปมาก  ต้องนอนแทบจะทั้งวัน 

“มีอะไรรึเปล่าจุ๊ย  จุ๊ยเหมือนอยากจะพูดอะไรใช่ไหม” ม๊าถามขึ้น  เพราะอย่างไรเขาก็เป็นลูก  ความผิดปกติเล็กๆน้อยๆของจุ๊ยย่อมปิดบังสายตาของเธอไม่ได้

จุ๊ยนั่งลงข้างๆเตียง เอามือจับมือมารดา  ตอนนี้มารดาผิวกร้านและผอมจนแทบจะเหลือหนังหุ้มกระดูก

“อาม๊า วันนี้จุ๊ยไปถามอาจารย์ที่โรงเรียนมา  คือจุ๊ยสงสัยว่าทำไมจุ๊ยเลือดกรุ๊ป AB อยู่คนเดียว”

มารดามีแววตาหม่นลงอย่างชัดเจน จนจุ๊ยเริ่มลังเลจะพูดต่อ

“เล่าต่อสิจุ๊ย” มารดากล่าว

จุ๊ยสูดลมหายใจลึกๆ

“อาจารย์ ไม่รู้หรอกว่าเป็นจุ๊ย เพราะจุ๊ยบอกว่าแค่ถามเฉยๆ แต่ท่านบอกว่า คนที่มีเลือดกรุ๊ปเอ กับ โอ จะแทบไม่มีทางมีลูกที่เลือดกรุ๊ป เอบีได้เลย”

ทั้งสองคนนิ่งไปนาน  จนจุ๊ยตัดสินใจถอดใจยิ้มกลบเกลือน

“แต่มันก็แค่แทบจะ  ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไม่ได้เลยนี่  อาจารย์เคยบอกว่าจุ๊ยหูดีกว่าคนอื่น  เป็นคนหนึ่งในหมื่น เลือดของจุ๊ยเลยอาจเป็นแบบนั้นก็ได้ แบบว่าแปลกว่าคนอื่น” 

“จุ๊ยรักป๊าไหม” อาม๊าถาม

จุ๊ยพยักหน้า

“ถ้าจุ๊ยไม่ใช่ลูกอาป๊าล่ะ  จุ๊ยจะยังรักอาป๊าอีกไหม”

จุ๊ยอึ้ง... เด็กวัยแค่สิบสามปีกำลังจะได้รับฟังความจริงที่น่าตกใจ

มารดา เล่าว่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  ตั้งแต่ต้นเหตุคืออาป๊าไปติดนักร้องแล้วก็ไม่กลับบ้านหลายวัน  อาม๊าร้อนใจจนต้องขอร้องให้เจ๊กพ๊งพาไปตามหา  แต่ว่าไม่คิดว่าเจ๊กพ๊งจะคิดไม่ซื่อและข่มขืนเธอ  ต่อมาพอป๊ารู้เรื่องก็ได้สติ  แล้วกลับมา  แต่ไม่นานหลังเหตุการณ์ อาม๋าก็ท้องจุ๊ย  ทั้งป๊าและม๊าต่างรู้แก่ใจว่าจุ๊ยไม่ใช่ลูกของป๊าแน่นอน

จุ๊ยได้ฟังก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเหวี่ยงกลับตาลปัตร 

“จุ๊ยอย่าเกลียดป๊านะ  เพราะคนที่ผิดคือม๊าเอง ถ้าม๊า..” มารดาเอามือจับแขนจุ๊ย

“ไม่หรอกครับ ม๊าไม่ผิด” จุ๊ยตอบออกมา

แล้วหนุ่มน้อยก็ลุกขึ้น

“ม๊าครับ  ผมจะทำตัวเป็นคนเดิม  ผมจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เพราะยังไง คนที่เลี้ยงจุ๊ยมาก็คือป๊า  ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นเสียหน่อย”

 

“ตอนนั้นฉันอยู่ม.หนึ่งเองนะ  สับสนเลยหล่ะ  แต่ก็เลี้ยงฉันมาไม่ใช่เหรอ  ฉันก็เลยคิดได้ว่าเออ นะ ป๊าก็รักเรานี่น่า ขนาดฉันไม่ใช่ลูกเขา  ฉันก็เลยได้สติ  ต่อมาพอม๊าจะตายก็สั่งเสียให้ฉันดูแลครอบครัวแทนท่าน  ฉันก็เลยทำตามนั้น  เพราะต้องการตอบแทนที่ป๊าเลี้ยงดูฉันมา เฮียตี้ที่ไม่เคยรังเกียจฉันด้วย แถมฮัวกับซัวก็รักฉันมาก”

จุ๊ยถอนหายใจอีกรอบ

“ส่วนเรื่องพ่อ ตัวจริงของฉัน  ฉันก็รู้จากคนอื่นอีกทีว่าเขาเป็นเพื่อนรักของป๊า  แล้วแอบชอบแม่ของฉัน  แต่แม่ของฉันเลือกป๊า  เขาก็เลยแต่งงานไปกับผู้หญิงคนอื่น  ฉันคิดว่าเขาเป็นคนไม่รับผิดชอบคนหนึ่ง.."

"แต่ที่ไม่เคยรู้ก็คือเขาเคยมาขอฉันกลับคืนไป “

จุ๊ยแล้วก็ซบลงบนบ่าอาราอิ

“ตอนนี้  ฉ้นควรทำยังไงดีอาราอิ  ฉันจะทำยังไงเพื่อทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้  ฉันสงสารป๊าก็จริงแต่ก็สงสารเฮียด้วย  จะทำยังไง ให้เรื่องมันจบลงด้วยดี”

อาราอิก็เลยกอดจุ๊ยไว้แนบอก

 

หยุดไปวันเดียว จุ๊ยก็ต้องมาเรียนโดยอาราอิต้องวนรถมาจอดที่หน้าตึกคณะ

“อ้าวเฮ้ย... ไปทำอะไรมาวะ  ขาเดี้ยง  เล่นท่ากันผิดจังหวะหรือไง” อ๊อดทักแต่ก็รีบลุกมาหมายจะมาช่วยจุ๊ย

แต่พอมาในรัศมี จุ๊ยยกไม้เท้าแทงเข้ากลางเป้า

“พ่อมึง”

ฮ้อยมองอ๊อดล้มลงตัวงอ แล้วก็หัวเราะหึๆเย้ย ก่อนจะเข้าไปช่วยเพื่อนต่อจากอาราอิ

“ตอนเลิกกี่โมง ฉันจะได้มารับ” อาราอิถาม

“บ่ายสอง  แต่ไม่ต้องก็ได้  ไอ้สองคนนี้อยู่เดี่ยวก็ช่วยจุ๊ยได้” จุ๊ยตอบ

“ใคร.. อยากช่วยมึง.. ไอ้เหี้ยจุ๊ย  แซวหน่อยเดี่ยวพ่อมึงเล่นกล่องดวงใจกู” อ๊อดลุกมาทำหน้าบอกชัดว่ายังจุก  แถมกุมเป้าไว้ด้วย

“ไอ้สัตว์ก็มึงปากหมาก่อน” จุ๊ยตอบโต้

“ไปแล้วนะ มีเทส” อาราอิกล่าวแล้วก็เดินกลับไปที่รถ  มองกลับมาก็เห็นจุ๊ยคุยกับเพื่อน  เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ  เขาถอนหายใจแล้วก็ออกรถ

 

จุ๊ยใช้ไม้ค้ำยันกระย่องกระแย่งเดินลงบันได เพราะเป็นชั่วโมงที่ควิส แต่อ๊อดกับฮ้อยยังทำไม่เสร็จ  

แต่พอลงมาถึงก็มีคนหนึ่งมารอรับ

“เป็นไงบ้างนี่  มาสิเฮียดูให้” ตี้กล่าวหลังจากพอจุ๊ยมานั่ง  เขาย่อตัวลงไป

“ใครทำให้เนี่ย  ใช้ได้เลยนะ”  แล้วเขาก็ลุกไปเปิดกระเป๋าอุปกรณ์แพทย์ที่สะพายมาด้วย  แล้วจัดการทำการเปลี่ยนผ้าให้

จุ๊ยมองพี่ชายจัดการกับข้อเท้าของเขาอย่างมืออาชีพ

“เฮียครับ  จุ๊ยอยากให้เฮียกลับไปคุยกับป๊า  ผมไม่อยากให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้เลย”

ตี้หยุดมือนิดหนึ่งก่อนจะพันผ้าต่อ

“จุ๊ย  ปัญหามันไม่ได้มาจากเฮีย  เฮียว่าเฮียไม่ได้ทำผิด  เราสองคนรักกัน  แต่ป๊าเองต่างหากที่ทิฐิมาก  ถ้าป๊าเลิกทิฐิเมื่อไหร่เราค่อยกลับไปคุยกันดีๆ”

จุ๊ยถอนหายใจ

“แต่เฮีย...” จุ๊ยจะแย้ง

“อย่าเลยจุ๊ย พอแล้ว เฮียไม่อยากจะพูดถึงอีก  ให้จุ๊ยพูดยังไง เฮียก็ยืนยัน” ตี้ตัดบท

 

ขาของจุ๊ยดีขึ้นสองอาทิตย์จนเดินได้เกือบปกติแล้ว  แต่ก็พันข้อเท้าเอาไว้ตามคำสั่งของเฮียตี้  กระนั้นเขาก็เริ่มต้นทำงานบ้านไปตามปกติ   หลายวันมานี่ บ้านบรรยากาศอึ้มครึมมาก  ความสบายใจช่วงเดียวคือตอนที่อยู่กับอาราอิสองคนในห้อง  แต่สองวันมานี่ อาราอิก็มีงานที่ต่างจังหวัดก็เลยไม่ได้มา

ตอน นี้ป๊าถามคำตอบคำ  ส่วนซัวก็ออกจากบ้านทันที่ที่จัดร้านเสร็จ  แล้วจะกลับเข้ามาก็ตอนเก็บร้าน แล้วก็คุยกันไม่กี่คำก็ขอตัวไปนอนโดยอ้างว่างานที่ร้านสะดวกซื้อหนักมากขึ้น เพราะมีพนักงานโดนพักงานไปสองคน

จุ๊ยลากเก้าอี้มานั่งหน้าบ้านเหมือนทุกวันที่เขาอยู่เฝ้าร้าน  โดยกำลังสนทนากับหลิวผ่านไลน์

เธอเล่าให้ฟังว่าเรียนหนักมาก  และคงไม่ได้กลับมาในปีนี้  แต่จะกลับมาในช่วงคริสต์มาสปีหน้าเลยทีเดียว

จุ๊ยก็บอกให้รักษาสุขภาพให้ดี

แล้วระหว่างที่พิมพ์โต้ตอบกัน  เขารู้สึกว่ามีคนมายืนหน้าเขา

จุ๊ยนึกว่าลูกค้าเลยเก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นทักทาย

แต่กลายเป็นว่าเขาต้องนิ่งไป  รอยยิ้มที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าหดหาย

“จุ๊ย” ผู้ยืนตรงหน้าเรียก

 

 

จุ๊ย นึกอยากให้อาราอิกลับมาจากต่างจังหวัดเสียตอนนั้น  แต่ก็เป็นไปไม่ได้  จึงได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองไป  เขารินน้ำออกมาให้แขกผู้มาเยือนซึ่งนั่งเผชิญหน้ากับป๊าโดยมีแค่โต๊ะบัญชี กั่นตรงกลาง

จุ๊ยเอาน้ำให้แล้วก็เดินออกไปนั่งที่เดิมโดยพยายามไม่หันไปมอง

“ลื้อมาทำไม” ไฮ้จุ๊งถามเสียงเย็น

พ๊งหัวมองหน้าเพื่อนสนิทที่ต้องแตกแยกกันไปก่อนจะตอบ “อั๊วจะมาคุยกับลื้อให้รู้เรื่อง  เรื่องของเราเป็นเรื่องของเรา  ไม่เกี่ยวกับเด็ก เด็กสองคนจะรักกันมันก็เรื่องหนึ่ง ความขัดแย้งของเรามันก็อีกเรื่อง” น้ำเสียงของพ๊งหัวเข้มและจริงจัง 

“ที่ ลื้อพูดนั่นมันลูกชายอั๊ว  แต่ไหนแต่ไร  มันไม่เคยกระด้างกระเดื่องแต่ตอนนี้มันทำอะไร กล้ามาชี้หน้าต่อว่าอั๊ว ถ้าไม่มีคนเสี้ยมสอนมันจะกล้าเหรอ” ไฮ้จุ๊งตอบโต้แต่เสียงยังนิ่งอยู่

พ๊งหัวถอนหายใจ

“ลื้อนี่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วัยรุ่น จนโตก็ไม่เคยเปลี่ยน  ลื้อมันหัวรั้น  แล้วก็คิดแต่ตัวเองเป็นหลัก”

“ตี้ มันลูกหรือเป็นอะไร ลื้อถึงได้เอาแต่ใจบังคับมันให้ทำโน่นทำนี้  ตามใจลื้อ  จะบอกว่าหวังดี  มันก็ใช่ แต่ลื้อต้องลองนึกถึงใจมันบ้าง  มันอยากจะมีอิสระ  แต่จะทำอะไรลื้อก็ค้าน ลื้อก็ไม่ได้  อย่างที่มันอยากเป็นวิศวกร ลื้อก็บอกว่าไม่ดีให้เรียนหมอ  ตอนนี้มันรักกับแหวนลื้อก็เอาเรื่องเก่าของเรามาอ้างไม่ให้มันคบ  ลื้อนี่มันเผด็จการจริงๆ”

“แต่มันเป็นลูกอั๊ว  ลูกอาเหม่ย... ลื้อคิดว่ามันควรจะญาติดีกับคนที่ทำร้ายจิตใจแม่มันเองหรือเปล่า” ไฮ้จุ๊งตอบโต้ทันควัน

พ๊งหัวนิ่งไป ก่อนจะตอบออกมา

“พูด อย่างกับลื๊อไม่ได้บังคับจิตใจอาเหม่ย  เราสองคนมันก็เลวพอๆกัน  ที่จริงเรารู้ดีแก่ใจว่า อาเหม่ยชอบถนอม  แต่ลื้อก็ยังกล้าไปข่มเหงน้ำใจอี แล้วก็มัดมือชกไปเอาผู้ใหญ่ที่ครอบครัวของเหม่ยนับถือไปบีบให้ยกเหม่ยให้  เหม่ยก็ต้องยอม เพราะเป็นของลื้อไปแล้ว”

จุ๊ยเกือบทำโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์คุยไลน์กับอาราอิหลุดมือตกลงไป  แม้จะตกใจ แต่เขายังมีสติบ้างขืนตัวไม่ให้หันไป

“ลื้อหุบปากเดี่ยวนี้” ไฮ้จุ๊งเสียงดังขึ้น  แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์

“ทำไม... กลัวจุ๊ยมันจะรู้เหรอ.. ก็ให้มันรู้ไปเลยว่าคนที่มันเรียกป๊ามันน่ะเป็นคนยังไง  ลื้อจะโกรธอั๊วที่ทำร้ายเหม่ย อั๊วก็ยอมรับผิด แต่ลื้อหล่ะ  ยอมรับไหมว่าก็ทำเหมือนกัน  เพราะถ้าไม่ทำ  ป่านนี้เหม่ยคงไปอยู่กับถนอมแล้ว  และอาจดีกว่ากว่าอยู่กับลื้อ  เป็นแม่บ้านทำงานงกๆ “

“ไอ้พ๊ง” ไฮ๊จุ๊งลุกขึ้นยืน

“ทำไม หรือพูดไม่จริง  ไม่อย่างนั้นอาเหม่ยจะอยากให้จุ๊ยเรียนดนตรีทำไม  มันแสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าอาเหม่ยไม่เคยตัดใจจากถนอมได้เลย  แต่เพราะเหม่ยเป็นผู้หญิงดี  ถึงได้ทนอยู่กับลื้อ  แถมยังสอนให้ไอ้จุ๊ยให้ปรนนิบัติลื้ออย่างดี” พ๊งหัวลุกขึ้นเผชิญหน้า

“พอแล้วครับ  สองคนเลิกทะเลาะกันสักที” เสียงจุ๊ยดังขึ้น

ทั้งสองหันมา

จุ๊ยยืนกำหมัดแน่น จนสั่น

“พอ แล้ว  ให้เกียรติอาม๊าด้วย  สองคนจะทะเลาะอะไรกันก็เรื่องของพวกป๊า  อย่าเอาม๊าเข้าไปเกี่ยว  และอย่าเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยว  พอสักที”

แล้วจุ๊ยก็หันหลังวิ่งออกจากร้านไป

“จุ๊ย” พ๊งหัวขยับจะตามไป  แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางจะทัน

ไฮ้จุ๊งก็ทรุดตัวลงกับเก้าอี้

 

อาราอิกำลังจะบ้า เพราะหลังจากข้อความสุดท้ายที่คุยกันแล้ว  เขาก็ไม่ได้ข่าวจากจุ๊ยอีกเลย  เขาขอลางานจากผู้กำกับ  แล้วรีบเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อมาหาจุ๊ย  แต่นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วที่จุ๊ยหายไป 

ไม่ใช่แค่เขา  แต่ครอบครัวของจุ๊ย เพื่อนๆของจุ๊ย รวมทั้งพ๊งหัวเองก็หัวหมุนกับการตรวจสอบและออกตามหา 

แต่แม้จะหากันแทบพลิกกรุงเทพแล้ว  แต่ก็ไม่วี่แวว  ประกาศออกโซเชียลมิเดียกก็แล้วก็ไร้ผล  โทรศัพท์จุ๊ยก็ปิดทิ้ง หรือไม่ก็แบตตารี่หมดไปแล้วตั้งแต่วันแรก

“เฮียเขามีเงินติดตัวไปด้วยนะ  เพราะผมไม่เจอกระเป๋าสตางค์ของเฮียในห้อง” ซัวกล่าวแล้วถอนหายใจยาว

“เขาอาจจะไปต่างจังหวัด  แต่ปัญหาคือจังหวัดในประเทศมี77จังหวัด  จะไปหาที่ไหนก่อนดี”

อ๊อดกอดอก พยายามคิด แต่ก็คิดไม่ออก

ตอนนี้พวกเขาที่เป็นรุ่นเด็กมาประชุมกันอยุ่ในร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู๊ตแห่ง หนึ่งที่ใช้เป็นจุดนัดพบหลังจากแยกกันออกไปตามหาจุ๊ยมาทั้งวัน

“เรา ก็ไปกันหมดทุกที่แล้วนะ  ตรวจสอบสายการบินก็แล้ว  แต่ก็ไม่มี  ผมพยายามใช้เส้นสายของพ่อก็แล้ว  แต่ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้มาก  เหมือนกับจุ๊ยหาย.. ไปเฉยๆ” เดฟจะพูดคำสุดท้าย  ก็เหลือบมองหน้าอาราอิก่อน เพราะตอนนี้อาราอินั่งหน้าเครียดอยู่

ฮ้อยถอนหายใจยาวเหยียด 

“มันจะไปอยู่ไหนได้อีกนะ  นี่ฉันก็โทรถามทุกคนแล้วนะเนี่ย”

อัศวะก็ถอนหายใจตามมาติดๆ

“พยายามคิดว่าไอ้จุ๊ยมันเคยบอกว่าที่ไหนมันประทับใจ  แต่ก็นึกไม่ออก”

ตี้มองหน้าทุกๆคน  แล้วหันมาสบตากับแหวน

“เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมแท้ๆ” ตี้ทิ้งกายกับที่นั่งอย่างอ่อนแรง

แหวนก็จับมือเขาไว้

ซัวมองภาพนั้นก่อนจะกล่าว

“มันไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนั้น  สำคัญเราต้องหาตัวเฮียจุ๊ยให้เจอ”

อาราอิยังไม่ได้พูดอะไร  แต่เขาเอาโทรศัพท์มาดูเนื่องจากได้รับข้อความจากทางกองถ่ายเรื่องนัดคิวใหม่

ก็เลยเปิดดูเฟสบุ๊คดูต่อ แต่เป็นการเลื่อนลงไปอย่างไม่มีจุดหมาย

แต่แล้วก็มีข้อความส่งเข้ามาทางเฟสบุ๊ค

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา