The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ
-
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.
56 ตอน
0 วิจารณ์
51.96K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) โยชิ การกลับมาเจอกันอีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เทคคค” เสียงสั่งดังลั่น จากผู้กำกับ
อย่างไม่อาวรณ์แม้จะเป็นซีนที่เข้าพระเข้านางจูบกัน เด็กหนุ่มร่างสูงก็พละจากเด็กสาวเดินออกจากพื้นที่ถ่ายทำออกไปนั่ง
“โยชิ พรุ่งนี้เราจะถ่ายที่นี่นะ รู้จักไหม” ผู้จัดละครสาวเอากระดาษที่เขียนรายละเอียดกับแผนที่มาให้
“ครับ น่าจะไปถูก” โยชิตอบ แล้วเขาก็นั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้ามาเช็ดเครื่องสำอางออก
“เหมือนหงุดหงิดนะ เป็นอะไรทะเลาะกับคุณแม่อีกแล้วเหรอ” ผู้จัดสาวคงเป็นคนเดียวที่กล้าถาม เพราะโยชิแม้จะไม่ใช่คนขี้วีนเหมือนพระเอกที่กำลังดังบางคน แต่ก็ไม่ค่อยจะพูดจาจนแม้นักแสดงรุ่นเดียวกันก็ไม่ค่อยกล้าสุงสิงด้วยมากนัก ซี่งอาจเพราะเขาในวัยยี่สิบพอดี อายุมากกว่าเพื่อน แต่ เพราะหน้าอ่อนตามแบบคนมีสายเลือดชาวญี่ปุ่นทำให้โยชิได้บทเป็นพระเอกกางเกง ขาสั้น ก็เลยอาจไม่ค่อยสนิทใจกับการเล่นหัวกับนักแสดงที่วัยต่างกัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเด็กกว่า
จริงๆผู้จัดการกองเป็นเพื่อนสนิทของแม่ของเขา
“เปล่าครับ น้าทิพย์ ผมยังไม่เจอกันเลย” โยชิตอบ
น้าทิพย์กอดแฟ้มเอกสาร เขารู้จักเด็กคนนี้ก่อนหน้านี้นานปีดีดัก ตั่ง แต่ยังอยู่กับคุณพ่อที่เป็นชาวญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ แถมก็ยังรู้จักแม่ของเขาอย่างดีที่สุด เพราะเป็นรูมเมตของเธอในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สไบทอง ฉัตรอัคร อดีตนางเอกชื่อดัง ซึ่งแม้ปัจจุบันก็ยังเป็นนักแสดงนำในระดับแถวหน้าแม้จะไม่ค่อยรับงานแสดงมากนัก เธอไม่จำเป็นต้องง้อเงินจากวงการบันเทิง เพราะเธอคือน้องสาวของนามมินทร์ ฉัตรอัครประธานกลุ่มบริษัทฉัตรอัคร ที่ร่ำรวยเกือบที่สุดในเอเชีย
“แล้วก่อนไม่ได้เจอกันล่ะ ทะเลาะกันใช่ไหม” น้าทิพย์ดักทางได้
โยชิหันมองหน้าของน้าทิพย์
“อย่าไปเอาคำพูดแม่มาคิดมาก ก็รู้ว่าแม่ของเธอชอบเหวี่ยง ถ้าเราไม่ใส่ใจก็จะเห็นว่าเธอไม่ได้คิดอะไรตามที่พูด”
รถสปอร์ตราคาแพงวิ่งมาตามถนนของเขตบริเวณกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลฉัตรอัคร เขาเลี้ยวตรงแยกก่อนจะเทียบรถจอดไว้ข้างทาง
คนขับรถวิ่งมารับกุญแจ แล้วเด็กหนุ่มก็เดินเข้าบ้านไป
พอเข้ามาถึงเขาก็เดินเลยชุดรับแขกที่แม้จะมีหญิงสาวใบหน้าสวยงามนั่งอยู่
“นี่ใจคอจะไม่ทักทายแม่เลยเหรอ อาราอิ” หญิงสาวกล่าว
โยชิหยุดเท้าหันมาโค้งให้ทีหนึ่ง
“สวัสดีตอนค่ำครับคุณนาย ผมขอตัวก่อน” เขากล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วเดินต่อไป
“แกจะโกรธหรืออะไรก็ช่าง ยังไงเรื่องของพ่อของแกกับฉันก็จะจบลงแบบนี้” มารดากล่าวแล้วไขว้ห้าง
“แกเป็นเด็ก เป็นลูกไม่มีสิทธิมาร่วมตัดสินใจ”
โยชิหยุดกึก
แล้วกล่าวตอบโดยไม่หัน
“ครับ ตามนั้น ผมเข้าใจ แต่ถ้าแต่แรกผมมีสิทธิผมก็ไม่อยากจะมาเกิดเป็นลูกของบ้านนี้เหมือนกัน”
จากนั้นก็เขาก็เดินขึ้นชั้นสองไป แม่ไม่ได้ตอบ มันไม่ใข่นิสัยของเธอที่จะมาต่อปากต่อคำกับใคร เช่นกันกับโยชิ พูดไปแค่นั้นก็คือจบเพียงพอแล้ว
โยชิทิ้งกายลงบนเตียง เขาหันไปคว้ารีโมทเอามากดเปิดเพลง เปิดเพลง Kenny G…
แม้จะเป็นเสียงแว่วหวานของนักแซกโฟโฟนระดับโลก แต่สิ่งที่โยชิหลับตาลงและเห็นจากภาพแห่งความทรงจำคือ
หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่เป่าแซกโซโฟนใต้แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์...
“สามปีแล้วสินะ... ฉันคิดถึงนายจัง”
วันนี้ มีเรียนวิชารักษาดินแดน ทำให้โรงเรียนของจุ๊ยที่เป็นโรงเรียนชายล้วนจะมีว่างไปครึ่งหนึ่งเพราะนัก เรียนม,ปลายเกือบทั้งหมดจะเรียนครึ่งวัน แล้วเดินทางไปเรียนที่สถานที่ฝึก
จุ๊ยเองก็เรียน แต่วันนี้เขาได้รับอนุญาตพิเศษให้ลาได้
เขานั่งนิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าลงเครื่องสำอางบนใบหน้า
“อันนี้พี่เลือกพิเศษเลย เห็นน้องเดฟบอกว่าน้องจุ๊ยไม่เคยแต่งหน้า นี่ก็ขนาดเอาเครื่องสำอางแบบอ่อนโยนมาให้พี่แต่งเลยนะ”
จุ๊ยทำหน้าเหร่อๆ
“เห็นไหมว่าแฟนเราน่ะใส่ใจเรามาก”
จุ๊ยสะอึก หันขวับไปมองหน้าเดฟที่แต่งหน้าอยู่ไม่ห่างไป ส่งสายตาให้ในแบบว่า มึงตายแน่ๆ แต่เดฟยิ้มหวานให้
“หันมาๆ อย่าพึ่งสวีตกัน น่ารักกันจริงๆเลยน๊า” ช่างแต่งหน้าดึงหน้าจุ๊ยหันมา
เมื่อวานจุ๊ยได้รับคำอธิบายว่าจะมีกองถ่ายละครมาถ่ายทำที่โรงเรียน ซึ่งเดฟเองก็แสดงในเรื่องนี้ด้วยในบทรองแต่ก็ค่อนข้างเด่น และกองถ่ายต้องการนักแสดงเพิ่มเพื่อบทประกอบดังนั้นจึงให้ขอให้เดฟหานักแสดงให้
“ในชมรมมึงไง เยอะแยะ” จุ๊ยแย้งความคิด
“หมดแล้ว คนที่พอจะเข้าเค้าผมก็จับยัดๆไปหมด แต่พอดีบทหนึ่งเขาต้องการคนที่แมนๆ แรงๆ ผมเลยนึกถึงจุ๊ยไง” เดฟกล่าว
ตอนแรกก็ฟังดูดี
“พอบอกว่าเป็นพวกกักขฬะ สถุณนิดๆ แบบกากเดนสังคม ผมก็ว่าเหมาะมาก”
จุ๊ยฟังไปฟังมา
“เฮ้ยมึงด่ากูเหรอวะ”
“นี่ไงกักขฬะ”
“ไม่ได้กักขฬะ แต่มึงด่ากู”
“ก็เห็นไหม ผมยังไม่ได้ด่าสักคำ ผมก็แค่พูดเฉยๆ”
“ไอ้สัตว์แต่มึงหลอกด่ากู”
“ก็นี่หล่ะกักขฬะ เอะอะก็จะใช้กำลัง”
“กูเป็นกับมึงคนเดียวนี่ล่ะ ไอ้ลามก”
“ไม่เป็นไร ผมชอบ ตบจูบ ตบจูบ ได้รสชาติอีกแบบ”
“ประเดี่ยวกูก็ต่อยจริงๆ”
บทที่ว่าเป็นบทเล็กๆอย่างที่ว่า ซึ่งจุ๊ยจะต้องเข้าฉากสองตอน โดยเขาจะต้องเป็นคนที่มาจีบนางเอก แต่นางเอกไม่เล่นด้วย
แล้วก็ตามตื้อนางเอกจนพระเอกเข้ามาช่วย
“กักขฬะตรงไหน ก็แค่แย่งหญิงกัน มันก็ต้องมีบ้างวะ ถ้าไอ้พระเอกมันหน้าตากวนตีนมาก” จุ๊ยกล่าวขณะอยู่กับเดฟที่ทางเดินระหว่างตึกเพื่อรอคิวแสดง
“ไม่นะ พระเอกเขาก็หน้าตาเรียบร้อย แบบลูกครึ่งญี่ปุ่น โยชิไง นี่จุ๊ยไม่รู้จักโยชิเหรอ”
จุ๊ยส่ายหัว
“อะไรเขาออกจะดัง” เดฟมองหน้าด้วยความแปลกใจ
แต่ถ้าคิดว่าจุ๊ยมีอะไรต้องทำตลอด ไม่ว่าจะดนตรี การเรียน แล้วยังช่วยทำงานที่บ้านอีกต่างหาก มันก็ไม่แปลกหรอก และนี่ไม่ใช่เหรอที่ให้เขาประทับใจในตัวจุ๊ย คนเหมือนจะโดนรุมด้วยอะไรสารพัดแต่ก็ยังแจ่มใสได้เหมือนดวงตะวันเหนือท้องฟ้า
“น่าเสียดายนะ ผมอยากให้ผู้กำกับเพิ่มบทให้จุ๊ยจัง” เดฟกล่าว
จุ๊ยหันมองหน้า
“อะไรของมึง”
“ก็ฉากที่ผมแก้แค้นให้พระเอก แล้วกลายเป็นเราสปาร์กกันจูบกับจุ๊ยอะไรอย่างนี่ไง” เดฟพูดแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
จุ๊ยได้แค่ทำปากขมุบขมิบด่า เพราะกองถ่ายกำลังถ่ายทำฉากอื่นอยู่ใกล้ๆ
ตอนที่โยชิมาถึง ก็ยังไม่ถึงคิวถ่ายของเขา เพราะต้องมีฉากอื่นของตัวรองๆอีกหลายฉากที่ต้องถ่าย พอแต่งหน้าเสร็จเขาก็เลยเดินมาดูการถ่ายทำ
“ฉากนี้นางเอกจะต้องโดนตามจีบ น้องตัวขาวนั้นคือคนที่ต้องต่อยกับโยชินะ ดูสิว่าหน่วยก้านพอจะฟัดเหวี่ยงกันไหม” ผู้จัดสาวกล่าว
แต่พอหันมา ก็เห็นว่าตาของโยชิจ้องเขม็ง
“คัท...”ผู้กำกับสั่ง เริ่มจะอ่อนใจ เขาลุกไป
ฉากนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็แค่พระเอกก็คือโยชิมาเห็นนางเอกถูกคนมาตามตื้อจีบ นางเอกจะหนี แต่ก็โดนจับเนื้อต้องตัว พระเอกก็เข้ามาช่วย...
แต่พระเอกของเข้าก็เข้ามาได้เกือบสมบูรณ์ แล้วมาตกม้าตายตอนที่เข้าขวางแล้วจะเงื้อต่อย.. กลายเป็นว่าพระเอกของเขาหยุดไปดื้อๆ กระชากคอเงื้อหมัดค้างอย่างนั้น ที่จริงก็เป็นอย่างนี้ตั่งแต่ตอนซ้อมแล้ว เขาต้องย้ำให้ต่อยเขาถึงจะต่อย
“สมาธิไปไหนหมดโยชิ..” ผุ้กำกับถาม
โยชิโค้งให้ตามความเคยชินของคนที่เติบโตในประเทศญี่ปุ่น
“ขอโทษครับ”
แล้วผู้กำกับก็หันไปหาตัวประกอบ เห็นคอของเขาแดงเป็นปื้นเพราะโดนโยชิขย้ำไปหลายรอบ
“ไหวนะน้อง”
เด็กหนุ่มพยักหน้า ตอนนั้นโยชิก็หันมามอง แล้วอยู่ดีๆเขาก็เดินมาประชิด
“นายจำฉันได้ไหม”
เด็กหนุ่มเอียงคอทำหน้างง
“ไม่นะ เราไม่เคยเจอกันไม่ใช่เหรอ” เขาตอบ
รอบที่เท่าไหร่แล้ววะ จุ๊ยคิดในใจตอนที่ทำท่าเดินร่วมกับตัวประกอบคนอื่นอีกสองคนเดินตามไปจับแขนนางเอกลูกครึ่งหน้าสวย เล่นซะจะเขาชักเริ่มจะคล่องแล้ว รู้สึกตัวเองเล่นดีกว่าฉากเมื่อกี้ตอนที่ตามจีบนางเอกครั้งแรกเยอะมากๆ
“ปล่อยนะ” นางเอกแอ็คติ้งเต็ม ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วพยายามสะบัดมือ
“เฮ้ยเล่นตัวว่ะ อะไรแค่ขอเบอร์เอง ไม่ได้ขอไปนอนบ้านสักหน่อย” จุ๊ยตอบเสียงทั้งคุกคามและยียวน
แล้วต่อจากนี้พระเอกก็ต้องเข้ามา
มาแล้วเร็วและแรงผลักเขาออกไป
เฮ้ยแรงไปปะ อินเนอร์มาเต็มไปเปล่า จุ๊ยนึกตอนผงะถอย
“เสือก” จุ๊ยกล่าวออกไป
พระเอกคว้าคอเสื้อของเขา เมื่อกี้จะหยุดไปแค่นี้ เพราะพระเอกจะหยุดไปเฉยๆแล้วจ้องตาเขานิ่งค้าง
แต่คราวนี้
ผลัก
อย่างไม่อาวรณ์แม้จะเป็นซีนที่เข้าพระเข้านางจูบกัน เด็กหนุ่มร่างสูงก็พละจากเด็กสาวเดินออกจากพื้นที่ถ่ายทำออกไปนั่ง
“โยชิ พรุ่งนี้เราจะถ่ายที่นี่นะ รู้จักไหม” ผู้จัดละครสาวเอากระดาษที่เขียนรายละเอียดกับแผนที่มาให้
“ครับ น่าจะไปถูก” โยชิตอบ แล้วเขาก็นั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้ามาเช็ดเครื่องสำอางออก
“เหมือนหงุดหงิดนะ เป็นอะไรทะเลาะกับคุณแม่อีกแล้วเหรอ” ผู้จัดสาวคงเป็นคนเดียวที่กล้าถาม เพราะโยชิแม้จะไม่ใช่คนขี้วีนเหมือนพระเอกที่กำลังดังบางคน แต่ก็ไม่ค่อยจะพูดจาจนแม้นักแสดงรุ่นเดียวกันก็ไม่ค่อยกล้าสุงสิงด้วยมากนัก ซี่งอาจเพราะเขาในวัยยี่สิบพอดี อายุมากกว่าเพื่อน แต่ เพราะหน้าอ่อนตามแบบคนมีสายเลือดชาวญี่ปุ่นทำให้โยชิได้บทเป็นพระเอกกางเกง ขาสั้น ก็เลยอาจไม่ค่อยสนิทใจกับการเล่นหัวกับนักแสดงที่วัยต่างกัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเด็กกว่า
จริงๆผู้จัดการกองเป็นเพื่อนสนิทของแม่ของเขา
“เปล่าครับ น้าทิพย์ ผมยังไม่เจอกันเลย” โยชิตอบ
น้าทิพย์กอดแฟ้มเอกสาร เขารู้จักเด็กคนนี้ก่อนหน้านี้นานปีดีดัก ตั่ง แต่ยังอยู่กับคุณพ่อที่เป็นชาวญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ แถมก็ยังรู้จักแม่ของเขาอย่างดีที่สุด เพราะเป็นรูมเมตของเธอในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สไบทอง ฉัตรอัคร อดีตนางเอกชื่อดัง ซึ่งแม้ปัจจุบันก็ยังเป็นนักแสดงนำในระดับแถวหน้าแม้จะไม่ค่อยรับงานแสดงมากนัก เธอไม่จำเป็นต้องง้อเงินจากวงการบันเทิง เพราะเธอคือน้องสาวของนามมินทร์ ฉัตรอัครประธานกลุ่มบริษัทฉัตรอัคร ที่ร่ำรวยเกือบที่สุดในเอเชีย
“แล้วก่อนไม่ได้เจอกันล่ะ ทะเลาะกันใช่ไหม” น้าทิพย์ดักทางได้
โยชิหันมองหน้าของน้าทิพย์
“อย่าไปเอาคำพูดแม่มาคิดมาก ก็รู้ว่าแม่ของเธอชอบเหวี่ยง ถ้าเราไม่ใส่ใจก็จะเห็นว่าเธอไม่ได้คิดอะไรตามที่พูด”
รถสปอร์ตราคาแพงวิ่งมาตามถนนของเขตบริเวณกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลฉัตรอัคร เขาเลี้ยวตรงแยกก่อนจะเทียบรถจอดไว้ข้างทาง
คนขับรถวิ่งมารับกุญแจ แล้วเด็กหนุ่มก็เดินเข้าบ้านไป
พอเข้ามาถึงเขาก็เดินเลยชุดรับแขกที่แม้จะมีหญิงสาวใบหน้าสวยงามนั่งอยู่
“นี่ใจคอจะไม่ทักทายแม่เลยเหรอ อาราอิ” หญิงสาวกล่าว
โยชิหยุดเท้าหันมาโค้งให้ทีหนึ่ง
“สวัสดีตอนค่ำครับคุณนาย ผมขอตัวก่อน” เขากล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วเดินต่อไป
“แกจะโกรธหรืออะไรก็ช่าง ยังไงเรื่องของพ่อของแกกับฉันก็จะจบลงแบบนี้” มารดากล่าวแล้วไขว้ห้าง
“แกเป็นเด็ก เป็นลูกไม่มีสิทธิมาร่วมตัดสินใจ”
โยชิหยุดกึก
แล้วกล่าวตอบโดยไม่หัน
“ครับ ตามนั้น ผมเข้าใจ แต่ถ้าแต่แรกผมมีสิทธิผมก็ไม่อยากจะมาเกิดเป็นลูกของบ้านนี้เหมือนกัน”
จากนั้นก็เขาก็เดินขึ้นชั้นสองไป แม่ไม่ได้ตอบ มันไม่ใข่นิสัยของเธอที่จะมาต่อปากต่อคำกับใคร เช่นกันกับโยชิ พูดไปแค่นั้นก็คือจบเพียงพอแล้ว
โยชิทิ้งกายลงบนเตียง เขาหันไปคว้ารีโมทเอามากดเปิดเพลง เปิดเพลง Kenny G…
แม้จะเป็นเสียงแว่วหวานของนักแซกโฟโฟนระดับโลก แต่สิ่งที่โยชิหลับตาลงและเห็นจากภาพแห่งความทรงจำคือ
หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่เป่าแซกโซโฟนใต้แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์...
“สามปีแล้วสินะ... ฉันคิดถึงนายจัง”
วันนี้ มีเรียนวิชารักษาดินแดน ทำให้โรงเรียนของจุ๊ยที่เป็นโรงเรียนชายล้วนจะมีว่างไปครึ่งหนึ่งเพราะนัก เรียนม,ปลายเกือบทั้งหมดจะเรียนครึ่งวัน แล้วเดินทางไปเรียนที่สถานที่ฝึก
จุ๊ยเองก็เรียน แต่วันนี้เขาได้รับอนุญาตพิเศษให้ลาได้
เขานั่งนิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าลงเครื่องสำอางบนใบหน้า
“อันนี้พี่เลือกพิเศษเลย เห็นน้องเดฟบอกว่าน้องจุ๊ยไม่เคยแต่งหน้า นี่ก็ขนาดเอาเครื่องสำอางแบบอ่อนโยนมาให้พี่แต่งเลยนะ”
จุ๊ยทำหน้าเหร่อๆ
“เห็นไหมว่าแฟนเราน่ะใส่ใจเรามาก”
จุ๊ยสะอึก หันขวับไปมองหน้าเดฟที่แต่งหน้าอยู่ไม่ห่างไป ส่งสายตาให้ในแบบว่า มึงตายแน่ๆ แต่เดฟยิ้มหวานให้
“หันมาๆ อย่าพึ่งสวีตกัน น่ารักกันจริงๆเลยน๊า” ช่างแต่งหน้าดึงหน้าจุ๊ยหันมา
เมื่อวานจุ๊ยได้รับคำอธิบายว่าจะมีกองถ่ายละครมาถ่ายทำที่โรงเรียน ซึ่งเดฟเองก็แสดงในเรื่องนี้ด้วยในบทรองแต่ก็ค่อนข้างเด่น และกองถ่ายต้องการนักแสดงเพิ่มเพื่อบทประกอบดังนั้นจึงให้ขอให้เดฟหานักแสดงให้
“ในชมรมมึงไง เยอะแยะ” จุ๊ยแย้งความคิด
“หมดแล้ว คนที่พอจะเข้าเค้าผมก็จับยัดๆไปหมด แต่พอดีบทหนึ่งเขาต้องการคนที่แมนๆ แรงๆ ผมเลยนึกถึงจุ๊ยไง” เดฟกล่าว
ตอนแรกก็ฟังดูดี
“พอบอกว่าเป็นพวกกักขฬะ สถุณนิดๆ แบบกากเดนสังคม ผมก็ว่าเหมาะมาก”
จุ๊ยฟังไปฟังมา
“เฮ้ยมึงด่ากูเหรอวะ”
“นี่ไงกักขฬะ”
“ไม่ได้กักขฬะ แต่มึงด่ากู”
“ก็เห็นไหม ผมยังไม่ได้ด่าสักคำ ผมก็แค่พูดเฉยๆ”
“ไอ้สัตว์แต่มึงหลอกด่ากู”
“ก็นี่หล่ะกักขฬะ เอะอะก็จะใช้กำลัง”
“กูเป็นกับมึงคนเดียวนี่ล่ะ ไอ้ลามก”
“ไม่เป็นไร ผมชอบ ตบจูบ ตบจูบ ได้รสชาติอีกแบบ”
“ประเดี่ยวกูก็ต่อยจริงๆ”
บทที่ว่าเป็นบทเล็กๆอย่างที่ว่า ซึ่งจุ๊ยจะต้องเข้าฉากสองตอน โดยเขาจะต้องเป็นคนที่มาจีบนางเอก แต่นางเอกไม่เล่นด้วย
แล้วก็ตามตื้อนางเอกจนพระเอกเข้ามาช่วย
“กักขฬะตรงไหน ก็แค่แย่งหญิงกัน มันก็ต้องมีบ้างวะ ถ้าไอ้พระเอกมันหน้าตากวนตีนมาก” จุ๊ยกล่าวขณะอยู่กับเดฟที่ทางเดินระหว่างตึกเพื่อรอคิวแสดง
“ไม่นะ พระเอกเขาก็หน้าตาเรียบร้อย แบบลูกครึ่งญี่ปุ่น โยชิไง นี่จุ๊ยไม่รู้จักโยชิเหรอ”
จุ๊ยส่ายหัว
“อะไรเขาออกจะดัง” เดฟมองหน้าด้วยความแปลกใจ
แต่ถ้าคิดว่าจุ๊ยมีอะไรต้องทำตลอด ไม่ว่าจะดนตรี การเรียน แล้วยังช่วยทำงานที่บ้านอีกต่างหาก มันก็ไม่แปลกหรอก และนี่ไม่ใช่เหรอที่ให้เขาประทับใจในตัวจุ๊ย คนเหมือนจะโดนรุมด้วยอะไรสารพัดแต่ก็ยังแจ่มใสได้เหมือนดวงตะวันเหนือท้องฟ้า
“น่าเสียดายนะ ผมอยากให้ผู้กำกับเพิ่มบทให้จุ๊ยจัง” เดฟกล่าว
จุ๊ยหันมองหน้า
“อะไรของมึง”
“ก็ฉากที่ผมแก้แค้นให้พระเอก แล้วกลายเป็นเราสปาร์กกันจูบกับจุ๊ยอะไรอย่างนี่ไง” เดฟพูดแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
จุ๊ยได้แค่ทำปากขมุบขมิบด่า เพราะกองถ่ายกำลังถ่ายทำฉากอื่นอยู่ใกล้ๆ
ตอนที่โยชิมาถึง ก็ยังไม่ถึงคิวถ่ายของเขา เพราะต้องมีฉากอื่นของตัวรองๆอีกหลายฉากที่ต้องถ่าย พอแต่งหน้าเสร็จเขาก็เลยเดินมาดูการถ่ายทำ
“ฉากนี้นางเอกจะต้องโดนตามจีบ น้องตัวขาวนั้นคือคนที่ต้องต่อยกับโยชินะ ดูสิว่าหน่วยก้านพอจะฟัดเหวี่ยงกันไหม” ผู้จัดสาวกล่าว
แต่พอหันมา ก็เห็นว่าตาของโยชิจ้องเขม็ง
“คัท...”ผู้กำกับสั่ง เริ่มจะอ่อนใจ เขาลุกไป
ฉากนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็แค่พระเอกก็คือโยชิมาเห็นนางเอกถูกคนมาตามตื้อจีบ นางเอกจะหนี แต่ก็โดนจับเนื้อต้องตัว พระเอกก็เข้ามาช่วย...
แต่พระเอกของเข้าก็เข้ามาได้เกือบสมบูรณ์ แล้วมาตกม้าตายตอนที่เข้าขวางแล้วจะเงื้อต่อย.. กลายเป็นว่าพระเอกของเขาหยุดไปดื้อๆ กระชากคอเงื้อหมัดค้างอย่างนั้น ที่จริงก็เป็นอย่างนี้ตั่งแต่ตอนซ้อมแล้ว เขาต้องย้ำให้ต่อยเขาถึงจะต่อย
“สมาธิไปไหนหมดโยชิ..” ผุ้กำกับถาม
โยชิโค้งให้ตามความเคยชินของคนที่เติบโตในประเทศญี่ปุ่น
“ขอโทษครับ”
แล้วผู้กำกับก็หันไปหาตัวประกอบ เห็นคอของเขาแดงเป็นปื้นเพราะโดนโยชิขย้ำไปหลายรอบ
“ไหวนะน้อง”
เด็กหนุ่มพยักหน้า ตอนนั้นโยชิก็หันมามอง แล้วอยู่ดีๆเขาก็เดินมาประชิด
“นายจำฉันได้ไหม”
เด็กหนุ่มเอียงคอทำหน้างง
“ไม่นะ เราไม่เคยเจอกันไม่ใช่เหรอ” เขาตอบ
รอบที่เท่าไหร่แล้ววะ จุ๊ยคิดในใจตอนที่ทำท่าเดินร่วมกับตัวประกอบคนอื่นอีกสองคนเดินตามไปจับแขนนางเอกลูกครึ่งหน้าสวย เล่นซะจะเขาชักเริ่มจะคล่องแล้ว รู้สึกตัวเองเล่นดีกว่าฉากเมื่อกี้ตอนที่ตามจีบนางเอกครั้งแรกเยอะมากๆ
“ปล่อยนะ” นางเอกแอ็คติ้งเต็ม ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วพยายามสะบัดมือ
“เฮ้ยเล่นตัวว่ะ อะไรแค่ขอเบอร์เอง ไม่ได้ขอไปนอนบ้านสักหน่อย” จุ๊ยตอบเสียงทั้งคุกคามและยียวน
แล้วต่อจากนี้พระเอกก็ต้องเข้ามา
มาแล้วเร็วและแรงผลักเขาออกไป
เฮ้ยแรงไปปะ อินเนอร์มาเต็มไปเปล่า จุ๊ยนึกตอนผงะถอย
“เสือก” จุ๊ยกล่าวออกไป
พระเอกคว้าคอเสื้อของเขา เมื่อกี้จะหยุดไปแค่นี้ เพราะพระเอกจะหยุดไปเฉยๆแล้วจ้องตาเขานิ่งค้าง
แต่คราวนี้
ผลัก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ