The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  53.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) สายฟ้าฟาด เรื่องราวที่ไม่คาดฝันจากออย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       

“ที่อาจารย์พูดมันถูกนะเว้ยจุ๊ย” ฮ้อยกล่าวขณะร่วมโต๊ะกินข้าว

“หือ” จุ๊ยขานปากยังเคี้ยวข้าวมันไก่หยับๆ

“ก็เรื่องที่อาจารย์สาพูดในห้องไง”อ็อดต่อให้เพราะรู้ดีว่าฮ้อยหมายถึงอะไร

“มันต้องยอมรับว่าทักษะของมึงมันไกลกว่าพวกกูไปเยอะแล้ว  มึงควรไปเรียนกับมืออาชีพเฉพาะทางมากกว่าจะมาจมกับพวกเรา นะเฟ้ย”

จุ๊ยยังไม่ตอบ  ยกน้ำขึ้นจิบกินก่อน

แล้วหันมาทำเป็นเกาะแขนฮ้อยแกล้งร้องไห้กระซิก

“พี่ฮ้อยขา พี่ฮ้อยเบื่อน้องจุ๊ยแล้วใข่ไหมค่ะ  ถึงได้ผลักไสไล่ส่ง กระซิก กระซิก”

“ประเดี่ยวก็จิ้มด้วยตะเกียบ” ฮ้อยกำตะเกียบชูประกอบ

แม้อ๊อดจะหัวเราะขบขัน แต่ก็กำลังสังเกตุอาการที่ผิดไปจากเมื่อวานเป็นคนละคนชองจุ๊ย

 

“ไม่ใช่ไม่ใช่” จุ๊ยโบกนิ้วช้าๆ

“ไม่ได้เลยนะฮ๊า  คุณน้อง คุณน้องต้องผ่อนลมช้ากว่านี้  เอาใหม่สิฮ้า”

“โอยจุ๊ยเราเป่าจนลมจะหมดตายแล้ว “ แหวนเพื่อนในคณะท้วง

“ก็มันยังไม่ได้  จะสอบไหม “ จุ๊ยกล่าวเสียงเข้ม  แต่ก็ดัดเสียงเหมือนเดิมในตอนหลัง

“เอาใหม่นะฮ้า  หายใจออกช้าๆ แต่ต้องให้มีกำลังพอจะเป่า  มันก็ต้องยากหล่ะฮ้า ก็คุณน้องเล่นเลือกเพลงระดับบรมครู  ก็ต้องทนนะฮ้า”

ฮ้อยเอียงคอมองจุ๊ย

“เมื่อวานไอ้โยชิมันเอาอะไรให้ไอ้จุ๊ยกินวะ  ทำไมมันหายบ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วจัง”

“เออ” อ๊อดประสานความเห็น

“กู ก็งง  แม่งพวกเราคุยกับมันก็แล้ว ปลอบก็แล้ว  แม่งก็เป็นบ้ามาสองเดือนเต็มๆ  ไปกับไอ้โยชิคืนเดียว  กลับมาหายเฉย  นี่ถ้ามันสองคนไม่มีแฟนทั้งคู่  กูต้องคิดว่าไอ้โยชิมันจับไอ้จุ๊ยกดไปรอบสองรอบ ก็เลยหายบ้า เลยนะเนี่ย”

ฮ้อยหัวเราะเบาๆ

“ก็อาจจะก็ได้นะเว้ย”

อ๊อดทำหน้าแปลกๆ

“ไม่มั้ง...”

ตอนนี้จุ๊ยเอามือแตะที่หลังของแหวน กำกับคำพูดว่าช้าๆ

แต่แล้วอ๊อดก็เหลือบไปเห็น

“เฮ้ยๆ” อ๊อดตื่นตัว

“แม่มันมา” เขาจะลุกไปเตือนจุ๊ย ทว่าไม่ทัน

“จุ๊ย” ออยลงเสียงกระแทกพร้อมกับเท้าที่ย่ำลงไปอย่างแรง

“ทำอะไรน่ะ”

แล้วเธอก็ดึงจุ๊ยออกมา

“อะไร.. ก็จุ๊ยสอนแหวนเขาหายใจ”

แหวนลดฟรุ๊ตทื่ถือไว้ ลงหันมามองหน้าออย

ออยเห็นทุกคนหันมามองกันหมด ก็เลยดึงจุ๊ยออกไปจากตรงนั้น

“ตายมึงตาย” ฮ้อยว่าแล้วถอนหายใจยาวๆแล้วมองตามไป

“อะไรวะ  แค่นี้ก็หึงละ” แหวนกล่าวกับอ้น เพราะไม่สบอารมณ์อย่างแรง

“ไม่ล่ามคอไอ้จุ๊ยไว้เลยวะ จะได้ไม่มีใครมายุ่ง”

 

ออยไม่ได้พูดเรื่องเมื่อสักครู่  แต่กลายเป็นว่าต่างคนต่างนั่งหันไปคนละทาง

“เมื่อคืนจุ๊ยไปไหนมา  ออยโทรไปที่บ้านเจอเฮียตี้ บอกว่าจุ๊ยไม่ได้กลับ”

จุ๊ยถอนหายใจ

“นี่ออยโทรไปทำไม  มือถือจุ๊ยก็มีแล้วทำไมไม่โทรมาถามจุ๊ย”

“ก็ถ้าถามจุ๊ยจะตอบเหรอ  จุ๊ยก็ต้องโกหกออยอยุ่แล้วหล่ะ” ออยตอบเสียงเข้ม

จุ๊ยเงียบแล้วหันไปทางอื่น

“ก็ไปนอนบ้านเพื่อนคนอื่น  จุ๊ยมีเพื่อนหลายคน ออยอยากรู้จักหมดเลยหรือไง”

ออยอารมณ์ขึ้น แต่พยายามจะควบคุม เพราะมีเรื่องสำคัญกว่า

“ช่างเถอะ  แต่อย่าบ่อยแล้วกัน” เธอกล่าว  แต่จุ๊ยไม่หันมามองหน้าเธอ

เธอก็เลยลุกไปยืนตรงหน้า

“ออยอยากให้จุ๊ยบอกเรื่องของเรากับหลิวซะที”

จุ๊ยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธฮ

“เราคุยกันรู้เรื่องไปแล้วนี่” จุ๊ยทวง

“ไหนออยบอกว่าจะไม่บังคับจุ๊ยเรื่องนี้”

ออยถอนหายใจหันไปทางอื่น

“ออยประจำเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว”

จุ๊ยงงในตอนแรก  แต่คิดไปคิดมา

“ออยนี่ออยจะบอกว่า ออยท้องเหรอ” จุ๊ยถามออกมา ใจก็ภวานาให้เขาเข้าใจผิด

“ใช่ จุ๊ย  ออยท้อง  ถึงเราจะมาป้องกันตอนหลัง  แต่อย่าลืมว่าตอนที่เรามีอะไรกันครั้งแรกจุ๊ยไม่ได้ป้องกันเลย  แล้วออยก็ซื้อชุดตรวจครรภ์มาตรวจแล้วด้วย  ที่เมื่อวานออยโทรตามจุ๊ยก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้หล่ะ”  ออยนั่งลงที่เดิม

“ออ ยก็ไม่เรียกร้องอะไรมาก  เรายังไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้  แต่จุ๊ยก็ต้องดูแลออยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่  แล้วก็ต้องดูแลเด็กที่จะเกิดมาด้วย  แล้วอย่าคิดว่าออยจะทำแท้ง  เพราะนั้นมันคือการฆ่าลูกของเรา...”

ออยพูดไปมากมาย  แต่จุ๊ยได้ยินแค่ประโยคยืนยันของเธอเท่านั้น

 

 

หญิงสาวตักมะม่วงจากถ้วยตัวเองใส่จานของตี้

“ขอบใจนะ” เขายิ้มแป้น

“ก็ตี้ชอบ” เธอตอบ

ตี้จะตอบ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน

“เดี่ยวนะ” เขาว่าแล้วมองหน้าจอ

“น้องชายตี้”

 

จุ๊ยนั่งเขี่ยกาแฟปั่นแทนจะดื่มจนมันละลายไปหมด

“อะไรของเอ็งเนี่ยจุ๊ย  สั่งมาก็ไม่กิน  มันแพงนะเอ็ง” ตี้ถาม

“นั้นแฟนเฮียเหรอ” จุ๊ยถามแล้วเหลือบมองหญิงสาวที่แยกไปนั่งรอที่โต๊ะห่างไปพอสมควร

“สวยเนอะ  ทำไมไม่พาไปให้ป๊าดูหน้าสักทีหล่ะ”

ตี้หันไปแล้วหันกลับมา

“ก็คงจะอีกนิดหล่ะตอนนี้ยังก่อน”

“งั้นผมคงต้องขอแซงก่อนนะ” จุ๊ยกล่าว

ตี้หันมากำลังจะบอกว่านึกไว้แล้วว่าจุ๊ยมีแฟนแล้ว เพราะจุ๊ยดูแปลกๆไป

แต่สีหน้าจุ๊ยไม่ค่อยดี

“มีอะไรวะ ไปทำผู้หญิงท้องหรือไง” ตี้ตั้งใจจะหยอก

แต่จุ๊ยกลับพยักหน้า

ตี้นิ่ง  ประเมินน้องชาย

ปกติจุ๊ยเป็นคนขี้เล่นมาก  แต่ขณะเดียวกันก็จริงจังในหลายๆเรื่อง

“จริงหรือเปล่าจุ๊ย”

จุ๊ยก็พยักหน้าซ้ำ

“ท้องกับเอ็งนี่เหรอ” ตี้ย้ำ ก่อนถามต่อ

“คบกันมากี่เดือนแล้ว”

“ก็สองเดือนนิดๆได้น่ะเฮีย”

ตี้ขมวดคิ้วยุ่ง

“จริงเหรอ” เขาถามย้ำ

จุ๊ยก็พยักหน้าอีก

“เฮียช่วยหาวิธีบอกป๊าหน่อยสิ  จุ๊ยนึกไม่ออกเลย”

แต่ตี้ยกมือปราม

“แกแน่ใจเหรอ”

จุ๊ยถอนหายใจ

“ก็อยากไม่แน่ใจนะเฮีย  แต่จุ๊ยพึ่งจะซื้อชุดตรวจให้เธอตรวจก่อนมานี่หล่ะ  ไม่ผิดหรอกเฮีย”

 

 

ออยนั่งใจลอยเพราะเธอกำลังก้ำกึ่งระหว่างความดีใจที่จุ๊ยรับปากจะคุยกับครอบครัว  แต่ใจหนึ่งก็กังวลอย่างบอกไม่ถูก

 

แต่แล้วเธอก็ประจักษ์ว่าความกังวลของเธอมาจากอะไร

 

เพราะเห็นมาจากระยะไกล  เธอจึงคิดจะลุกหนี  แต่เขาวิ่งตามทันก่อน

 

“ออยเราคุยกันก่อน” ชายหนุ่มผิวสองสีดึงเธอไว้

 

“เราคุยกันไม่รู้เรื่องนะออย  ทำไมออยไม่รับโทรศัพท์ฮาร์ท”

 

ออยปลดแขนเขาออก

 

“เราคุยกันแล้วฮาร์ท  ออยมีแฟนใหม่แล้วด้วย  ระหว่างเราเป็นอันจบแค่นั้น  เพราะฮาร์ทเองต่างหากที่ผิดกับออยก่อน”

 

“ไอ้ จุ๊ยเด็กดนตรีน่ะเหรอ... ออยก็รู้ว่ามันน่ะแปลกๆ  ใครก็รู้ว่ามันมีดาราเดฟคอยตามประกบ  มันเป็นเกย์รีเปล่ายังไม่รู้เลย” ฮาร์ทพูดเสียงดัง

 

ออยมองไปรอบๆ เพราะตอนนี้มีนักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยหลายคนหยุดดู

 

“พอได้แล้วนะ  สถาบันนี้เป็นสถาบันทรงเกียรติ  อย่ามาพูดอะไรแบบนี้” ออยเสียงแข็งใส่

 

“ทรงเกียรติ... “ ฮาร์ททวนคำ

 

“ตอน นั้นไปนอนกับฮาร์ทไม่ทรงเกียรติบ้างหละ  เออฮาร์ทมันโลว์  มันไม่ได้เรื่อง สอบไม่ติดอย่างออย แล้วก็ไม่ได้เก่งกาจเหมือนไอ้จุ๊ย  แต่อย่างน้อยผุ้หญิงทรงเกียรติอย่างออยก็เป็นเมียฮาร์ทแล้วไง...”

 

“ฮาร์ท” ออยเสียงดังออกมาจนแหลมสูง

 

“ทำไม รับไม่ได้  ก็ให้มันรู้กันไป  รู้ไปเลยว่านิสิตทรงเกียรติที่นี่มีคนอย่างออย  ผุ้หญิงที่เข้าหาผู้ชายก่อน ออยมันก็แค่...”  พูดได้แค่นั้นแล้วเซไป

 

ชายหนุ่มร่างสูงทว่าผอมบางพุ่งเข้าผลักเขาอย่างแรง

 

ฮาร์ทตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้ามาคว้าคอ

 

“ไอ้เนมึงเสือกอะไร”

 

“ก็มึงหน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง” เนติตอบ  เขากับฮาร์ทเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันมาก่อน คือโรงเรียนสหศึกษาใกล้ๆกับโรงเรียนของออย

 

“ไอ้สัตว์” ฮาร์ทคำรามแล้วโยนหมัดใส่หน้าเนติจนล้มคว่ำ

 

ฮาร์ทจะเข้าไปซ้ำแต่โดนนักศึกษาชายสองคนที่หยุดดูเหตุการณ์ขวางไว้ก่อน  นั้นก็คือเดฟกับอัศวะ

 

เดฟกับอัศวะซึ่งเดินผ่านมาเพื่อไปตึกเรียน ถูกดึงดูดด้วยชื่อจุ๊ย และชื่อของเขาเองก็เลยแอบฟัง

 

เดฟเหวี่ยงฮาร์ทไปอย่างง่ายดาย ด้วยรูปร่างสูงใหญ่  ฮาร์ททำท่าจะฮึดฮัดแต่อัศวะก้าวเข้ามาขวางทางเขาเลยจำเป็นต้องถอย

 

ชี้หน้าแล้ววิ่งไป

 

อัศวะเก็บแว่นของเนติที่กระเด็นไป แล้วเดินกลับมาจุดที่เดฟย่อตัวลงประคองเนติให้ลุกขึ้น

 

“โอเคไหม  ไปห้องพยาบาลดีกว่าไหม” เดฟกล่าวแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าตัวเองให้เนติ

 

เนติส่ายหัว ก่อนจะหันไปมองออยที่ยืนห่างออกไปด้วยอาการตกใจ

 

พอโดนมองหน้าออยก็ได้สติ  จะเดินเข้ามาหา  แต่เนติกลับกล่าวกับเดฟ

 

“ขอบคุณนะ ผมโอเค” แล้วก็เดินจากไป

 

ส่วนเดฟก็หันมามองหน้าออย ก่อนจะเดินไปโดยมีอัศวะเดินตามไป

 

 

 

“เราควรบอกไอ้จุ๊ยไหม” อัศวะถามตอนที่ทั้งคู่นั่งเงียบอยู่ที่ทางเดินของอาคารเรียนที่มีม้านั่งตั้งให้นิสิตรอเข้าเรียน

 

“ไม่ดีกว่า  จุ๊ยคงจะเสียใจมาก” เดฟกล่าว

 

อัศวะถอนหายใจแล้วบอก

 

“ก็ตามนั้น”

 

จากนั้นก็นั่งเงีบบไปทั้งคู่

 

“นายนี่รักจุ๊ยมากเลยจริงๆนะ  แคร์ความรู้สึกมันมากเลย” อัศวะกล่าวออกมา

 

เดฟยกแขนขึ้นโยกเบาๆ  เขารู้สึกเคล็ดเพราะออกแรงฉับพลัน

 

“ก็ทำไงได้  ผมมันโง่  ถึงขนาดนี้ยังตัดใจไม่ได้สักที”

 

“แต่ก็ยังดีที่เดฟกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เหมือนใครหลายคนที่ไม่กล้า  เพราะมัวแต่กลัว” อัศวะกล่าวแล้วมองบนผนังตึกที่มีโปสเตอร์งานเปิดโลกวิชาการที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้

 

“บางทีการที่เราเปิดเผย  บางทีมันอาจดีกว่าปิด  แม้จะผิดหวัง  ที่สุดก็ยังได้เปิดเผยตัวเอง  แต่คนบางคนขี้ขลาด  กลัวว่าตัวเองจะผิดหวัง  แต่เดฟไม่เป็นอย่างนั้น  รู้อยู่ว่าจะผิดหวัง  แต่เดฟก็ยังคงซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง”

 

เดฟมองหน้าอัศวะ

 

ตอนนี้อัศวะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย  คงเพราะการบำรุงอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรมเตรียมนักร้องใหม่ของค่ายเพลง ทำให้ผิวสองสีของเขาดูผ่องสะอาด  แต่จริงๆแล้วอัศวะก็นับเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่แล้ว  ซึ่งจริงในแง่ความหล่อ ดูดีมากกว่าจุ๊ยอยู่เยอะ  จมูกก็โด่ง ดวงตาก็คม คิ้วเข้มแบบคนมีเชื้อสายมอญ

 

“นายพูดอย่างกับนายแอบชอบใคร  ให้ฉันไปบอกให้ไหม” เดฟกล้าแซวอัศวะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน 

 

ทั้งที่สมัยเรียนมัธยมไม่ค่อยได้คุยกัน  แต่มาตอนนี้เนื่องจากอัศวะออกมาช่วยพ่อทำงานของบริษัทเกี่ยวข้องกับแสงเสียง ของงานอีเวนท์มากขึ้น  ทำให้มีโอกาสได้เจอกับเดฟเวลาไปออกงาน  ก็เลยได้คุยกันมากกว่าเดิม  แถมยังเรียนด้วยกันอีก  ตอนนี้เขาและอัศวะจึงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ และสนิทสนมมาก

 

และพอได้รู้จักกันมากขึ้นเดฟจึงรู้สึกว่าอัศวะก็เป็นคนน่าคบหา  ออกจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ

 

อัศวะถอนหายใจ แล้วก็เงียบไป

 

“อย่า เลย... นอกจากเขาคนนั้นจะเปลี่ยนใจ กับตัดใจก่อน  ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจ  หรือตัดใจต่อให้ฉันที่แอบชอบเขามาตั้งนานแล้วก็ไม่สามารถไปบอกเขาได้หรอก  เพราะเขามีตาไว้มองคนคนเดียว  มีใจไว้รักคนแค่คนเดียว”

 

คำพูดนั้นมันทำให้เดฟรู้สึกแปลกใจ  และใจหวิวอย่างประหลาด

 

ทั้งที่นั่นหมายถึงใครก็ได้ทั้งนั้น  และน่าจะหมายถึงผู้หญิงมากกว่า เพราะอัศวะไม่เคยมีท่าทีว่าชอบเพศ.. เดียวกัน

 

แต่กระนั้น  เดฟอดรู้สึกไม่ได้จริงๆว่าอัศวะหมายถึง..

 

เดฟนิ่งไปเพราะคิด  เขาหาคำพูดที่จะตอบ  ทั้งนี้เพื่อสองเหตุผล

 

“แล้วถ้าแค่เปิดใจหล่ะพอไหม  ขอเปิดใจลองให้คนอื่นเข้ามาแทน”  เดฟกล่าวออกไปเพื่อนำทาง

 

และเหตุผลที่สอง คือให้รู้ว่ากันไปว่า หมายถึงใครกันแน่

 

“จะให้ลืมบางทีมันยากนะ  แต่ถ้าค่อยๆเปิดใจ  ก็อาจทำได้  เพียงแต่นายจะทนได้ไหม  เพราะความฝังใจมันไม่ได้ลบได้ง่ายๆ”

 

อัศวะเงียบไป หันไปมองทางอื่น 

 

เดฟเริ่มตีความว่าอัศวะคงไม่ได้หมายถึงตัวเขาเอง

 

พลันความรู้สึกสองอย่างเกิดขึ้น  คือ โล่งใจที่อย่างน้อยก็ยังวางตัวได้ถูก  แต่ก็รู้สึกคล้ายจะเจ็บจี๊ดๆ

 

“ฉัน ขอแค่นั้นล่ะ  ขอแค่นั้นจริงๆ  ขอที่ให้ฉันยืนในหัวใจที่มีไอ้จุ๊ยอยู่เกือบเต็ม  ขอให้ได้ยืนตรงนั้นบ้าง  อย่างน้อยถ้าวันหนึ่ง  นายไม่สามารถให้ฉันยืนได้จริงๆ  ฉันก็จะเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเจ็บปวดมาก เพราะทำใจไว้แล้ว  แล้วก็ยังดีกว่าเจ็บโดยไม่มีโอกาสเลย”

 

อัศวะกล่าวออกมาไม่ได้หันมาเต็มๆเพราะหวั่นใจ  แค่เพียงชำเรืองมองมา

 

เดฟรู้สึกว่าถึงความแปรผันไปอย่างฉับพลัน  ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าตกลงตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่กับสิ่งที่เกิด

 

 นี่อัศวะกำลังสารภาพรักเขาอย่างนั้นหรือ

 

“ขอแค่นั้นจริงๆ” อัศวะกล่าวย้ำแล้ววางมือตัวเองบนมือของเดฟอย่างแผ่วเบา

 

แม้จะเหมือนเยือกเย็น  แต่ใจของเขากำลังเต้นระรัว  กลัวว่าเดฟจะดึงมือออกไป

 

อัศวะไม่สามารถระบุได้ว่าเขาชอบเดฟตอนไหน  แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าทำไม 

 

อัศวะรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน  แต่เพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะมองเขาไม่ดี ก็เลยปิดบังความรู้สึกเรื่อยมา  จริงๆแล้วจะว่าไปคนแรกที่เขาชอบคือจุ๊ยด้วยซ้ำไป เพราะตอนม.สองที่เขามีปัญหากับพ่อจนหนีออกจากบ้าน  เขาก็ไม่รู้จะไปไหน  เลยมานั่งที่โรงเรียน   แต่ปรากฏว่าวันนั้นจุ๊ยอยู่ซ้อมดนตรีจนดึกเกือบสองทุ่มก็เลยมาเจอกับเขา  จุ๊ยทำให้เขาสบายใจ  แล้วยังไปส่งเขาที่บ้าน  เขาประทับใจในตัวจุ๊ยมาก  แต่กับเดฟมันเริ่มจากการที่เขารู้สึกทึ่งที่เดฟกล้าเปิดเผยตัวเองกับคนอื่น  และกล้าบอกรักจุ๊ย  ต่อมายิ่งได้รู้ว่าความรักของเดฟบริสุทธิ์แค่ไหน  เขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวเดฟมากขึ้น  เรื่อยๆ  จนกระทั้งเมื่อยิ่งเจอบ่อยๆ เขาก็ยิ่งอยากเจอเดฟ  กว่าจะรู้ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกหึงขึ้นมา  ไม่ใช่หึงตัวจุ๊ยแต่หึงตัวเดฟ  เขาเริ่มไม่พอใจที่เดฟไปใกล้ชิดกับจุ๊ย...

 

การรอคำตอบจากใครแม้เป็นช่วงเวลาไม่นานเท่าไหร่แต่ช่างทรมานใจอัศวะ  แต่เขาก็ทำใจไว้แล้ว  เพราะเขาสัญญากับตัวเองว่าสักวันจะต้องบอกเดฟให้ได้ว่าเขาชอบเดฟ  ไม่ว่าเดฟจะรู้สึกอย่างไรกับเขา

 

กระนั้นมันนานจนอัศวะเกือบยอมแพ้แล้ว เขาคิดจะพูดออกไปเองว่าไม่เป็นไร  แต่ทว่า.. เป็นเดฟที่เอ่ยออกมา

 

“อืมได้...แต่ ตอนนี้ก็ให้ได้แค่นี้หล่ะ  ตกลงแค่นี้ก่อน  แล้วสักพักฉันคงจะหาที่ให้นายยืนได้เต็มตัว”  เดฟกล่าวโดยหันไปมองทางอื่น

 

สองคนมองไปคนละทาง  แต่มือของทั้งสองตอนนี้กุมกันไว้แล้วแน่น

 

ในแสงแดดที่ส่องลอดใบไม้ละผ่านช่องระเบียงเข้ามา  รอยยิ้มของสองหนุ่มที่หันไปคนละทางช่างเหมือนกันเหลือเกิน  คืออิ่มไปด้วยความรู้สึก...

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา