The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ
-
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.
56 ตอน
0 วิจารณ์
51.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Saxophone Solo บทเพลงของสายน้ำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพอบ่ายคล้อย กีฬาและเกมส์ก็เล่นไปหลายอย่างแล้ว พนักงานก็ดูจะอ่อนล้า เพลงพิณจึงหันไปบอกกับเลขานุการของเธอที่อยู่ใกล้ๆบริเวณ
“คุณเนมค่ะ” เธอเรียกเมื่อเห็นสามีคุยกับแขกที่มาร่วมงานซึ่งเป็นบริษัทที่จะมาร่วมทุนในธุรกิจใหม่ จบไปส่วนหนึ่งแล้ว
สำหรับฉัตรอัคร ทุกอย่างทำไปอย่างมีความหมายที่สุด
“เดี่ยวมีทีเด็ด” เธอกล่าว
สามีของเธอวัยจะเข้าห้าสิบแล้วแต่ยังดูเด็ก มองหน้าเธอแล้วยิ้ม
“อะไร เพลงจะลงไปเต้นเป็นปอมปอมเกริลเหรอ เอาแบบสมัยเรียนมหาวิทยาลัย”
“พูดเป็นเล่น เพลงเคยเป็นปอมปอมเกริลที่ไหนล่ะ “ เธอปฏิเสธ
“แต่เด็ดกว่าปอมปอมเกริลแน่นอน เพลงได้ดูจากยูทูปเมื่อคืนแล้ว”
คุณนามมินทร์พยักหน้า เขาเชื่อตามภรรยา เพราะเธอเป็นคนมีสายตาและวิสัยทัศน์กว้างไกลมากกว่าผุ้หญิงคนไหนที่เขารู้จัก เป็นมือขวาของเขาอย่างเต็มตัว เอ... หรือเขาเป็นมือขวาของเธอกันแน่...
ฮอยจักการกับอิเลคโทนของตัวเองเรียบร้อยก็หันไปมองหน้าจุ๊ยเชิงบอกว่าพร้อม
จุ๊ยก็หันไปมองหน้าอ็อด อ็อดก็พยักหน้า
บนลู่วิ่งด้านที่ร่ม สามหนุ่มยืนอยู่บนแทนยกหันหน้าเข้าสู่ส่วนที่ผู้บริหารนั่งอยู่
“ลำดับ ต่อไปขอเชิญพบกับ นักดนตรีที่เคยชนะการประกวดรางวัลถ้วยเกียรติยศประเทศไทยประเภทเครื่องเป่า ที่อายุน้อยที่สุด เขาและเพื่อนจะมาขับกล่อมบทเพลงให้เราหายเหนื่อยกัน เชิญรับชมครับ”
พิธีกรกล่าวจบ
เสียงขลุ่ยแว่วหวานก็ขึ้นเป็นต้นเพลงมายฮาร์ทวิลโกออน
“คนนี้เหรอ...เก่งนี่” นามมินทร์หันมาถาม
แต่เพลงพิณส่ายหน้า
ท่อนขลุ่ยจบลง พลันเก็ดเสียงแซกโซโฟนที่หวานหยดย้อยและเสนาะหูแม้ปลายเสียง
ครั้น ท่อนกังวานก็กังวานใสจนเหมือนจะได้เห็นแสงสว่าง ส่องลงจากท้องฟ้ามาจับกายของเด็กหนุ่มที่กำลังเคลื่อนกายไปอย่างสอดคล้องกับ การเป่าของตัวเอง
ไพเราะ..
แต่ทว่าใจของเดฟกลับกำลังรวดร้าว
เพราะแซกโซโฟนที่จุ๊ยกำลังเป่านั้นไม่ใช่อัลโตแซคโซโฟนที่หวงแหน แต่เป็นโซบราโน่ที่เดฟไม่ได้เห็นมันมานานนับจากงานศพของพี่ไตร
เพลงพิณหันไปมองหน้าสามี เห็นเขาหลับตาลง แล้วเอนหลังอย่างสบายอารมณ์
จบไปสามเพลงอ็อดก็เปลี่ยนไปสามอุปกรณ์ แต่เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเล่นกับจุ๊ย เพราะเขาชอบมัน พอจบเพลงเขาก็ทำท่าจะไปช่วยฮ้อยเก็บอุปกรณ์
“เดี่ยวครับน้อง” เสียงดังจากบนอัฒจันทน์
“ท่านผู้บริหารสูงสุด คุณนามมินทร์อยากจะให้น้องเล่นเพลงหนึ่งให้” พิธีกรที่เป็นพิธีกรมืออาชีพหันมาหานามมินทร์
นามมินทร์ก็ลุกขึ้นรับไมค์มา
“ถ้าเล่นได้ ผมจะให้เงินพิเศษน้องไปเลยสามหมื่น เอาไปแบ่งกัน “
เพลงพิณดึงแขนสามีให้ย่อลงมาเพื่อกระซิบ
“แล้วก็จะเป็นสปอร์นเซอร์ให้วงของโรงเรียนเป็นเวลาสามปี”
สามหนุ่มหันมองหน้ากัน ยิ้มอย่างตื่นเต้น
แต่จุ๊ยก็หวั่นๆใจ
“ผมขอเพลง Out Of Nowhere”
“เย็ด..” ฮ้อยร้องออกมา เพราะเป็นเพลงJazz ชื่อดังเพลงหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่น แซกโฟโฟนจะเล่นยากมาก เพราะมีเสียงเล็กเสียงน้อยเต็มไปหมด
อ็อดก็หันมามองหน้าจุ๊ยที่ยังยืนนิ่งกับโซบราโน แซ็คตัวนั้น
พิธีกรหญิงเดินลงมาพร้อมไมค์ เอาไมค์จ่อปากจุ๊ย
เขามองขึ้นไปบนอัฒจันทน์
“ยากไปรึเปล่า” นามมินทร์ถาม
จุ๊ยหันมองหน้าไปทางน้องๆวงโยธวาทิตที่ออกมาดูเขาอยู่ข้างสนาม
“ครับ Out Of Nowhere” เขาตอบออกไป
“แต่ผมต้องเปลี่ยนอุปกรณ์นะครับ”
พร้อมอีกครั้ง คราวนี้อ็อดก็เอาดับเบิ้ลเบสออกมา เคราะห์ดีที่เมื่อเช้าอยู่ดีๆเขาก็นึกอยากเอามาด้วย ทั้งที่คิดว่าไม่น่าจะได้ใช้หรอก แถมทั้งใหญ่ทั้งหนัก น้องๆที่แบกยังถามว่าเอามาทำไม
ส่วนฮอยปรับอเลคโทนให้เล่นเสียงเปียโนแบบเต็มๆ
และจุ๊ยถืออัลโตแซกโซโฟนคู่ชีพยืนเผชิญหน้ากับอัฒจันทน์ด้วยแววตามาดมั่น
นามมินทร์เรียกหาไมค์
“ไม่ต้องดีขนาดต้นฉบับ ฉันเข้าใจ”
แล้วบทเพลงในช่วงปี 40 ก็ดังขึ้นเริ่มจากเสียงเปียโนจากเครื่องอิเลคโทน ตามด้วยดับเบิลเบส จากนั้นแซกโซโฟนก็เปล่งเสียงของมันออกมา มนตราของมันแพร่กระจายในกระแสอากาศ ลูกเล่นในหางเสียง การเอื้อน ราวกับคนขับร้องออกมา แต่เป็นการขับร้องด้วยเครื่องดนตรี.. การขึ้นเสียงสูงต่ำทำได้อย่างราบรื่น การเปล่งเสียงต่อเนื่องก็ไม่มีวี่แววว่าเสียงจะขาดหาย หรือลมหมด..
นามมินทร์ได้ฟังก็นิ่งเงียบ แล้วเขาก็หลับตาลง
เพลงพิณอยากจะรู้จริงว่าเขาคิดอะไร
“เพลงอะไรอะ ไม่เห็นเพราะ” พนักงานสาวบ่นขี้น
“หล่อนจะไปรู้อะไร... Johnny Green แต่งไว้ เวอร์ชั่นนี้เป็น Ballard ของCharlie Parker” พนักงานเกย์สาวกล่าว
“น้องเขาเล่นได้ดีขนาด Charlie Parkerหรอกนะ แต่ก็สุดยอดกว่านักดนตรีอาชีพตามคลับแจสที่ฉันไปนั่งอีก นี่คุณเพลงพิณไปหามาจากไหนเนี่ยเด็กคนนี้ Charlie Parker กลับชาติมาเกิด รึเปล่า หน้าตาก็ดูดี ความสามารถก็ยอด มีคนส่งเสียรียังค่ะน้อง”
พนักงานสาวกรอกตา
เล่นจบจุ๊ยถึงกับปาดเหงื่อที่ออกโทรมใบหน้า
“หมดแรงเลยดิมึง” ฮ้อยกล่าวแล้วหันไปขอความเห็นจากอ๊อด
“แหง่ดิ... เจอเพลงระดับนี้เข้า”
คุณนามมินทร์ลุกขึ้น
“น้องครับน้องอายุเท่าไหร่”
พิธิกรสาวเดินลงมาเตรียมพร้อมอยู่แล้วส่งไมค์ให้
“สิบเจ็ดย่างสิบแปดครับ”
ทั้งสนามเกิดเสียงฮือฮา
“นี่เรานั่งฟังเด็กม.ปลายเล่นจริงๆหรือนี่”
นามมินทร์นิ่งพยักหน้าช้ารับรู้
“เก่งนะ เก่งมาก” ผู้บริหารสูงสุดของฉัตรอัครกล่าว
“เอ้าตกลง เอาไปเลยตามสัญญาไว้”
เด็กวงโยที่ออกมานั้งลุ้นร้องชัยโยเสียงดัง
โยชิที่นั่งแฝงอยู่ในกลุ่มพนักงานก็ยิ้มออกมา
“นายมันเยี่ยมอยู่แล้วจุ๊ย”
อติที่มาในฐานะเพื่อดูแลลูกศิษย์ตามหน้าที่ ถอนหายใจออกมา
เขานึกถึงเด็กชายอายุสิบสองคนนั้น ที่ถือแซกโซโฟนมาสมัครวงโยธวาทิต เด็กคนนี้เติบโตแล้ว แถมไปไกลเกินกว่าที่อติจะคาดคิดถึง
ตอนนี้อติรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจอุทกดาบถตอนที่ให้เจ้าชายสิทธัตทะ ออกจากอาศรมเพราะไม่มีอะไรจะสอนแล้ว
เขาคงไม่มีความสามารถไปสอนเด็กคนนี้ได้อีก เด็กคนนี้เกินกว่าระดับของอาจารย์โรงเรียนมัธยมธรรมดาจะให้คำแนะนำ แล้ก็ไม่แน่ว่าอาจารย์ในระดับสูงกว่าจะสามารถแนะนำได้
ระบบการศึกษาในประเทศนี้ ก็คงไม่เพียงพอจะรองรับเด็กคนนี้เสียแล้ว
เด็กคนนี้จำเป็นต้องโบยบินไปสู่โลกที่กว้างไกล แต่เขาจะยอมบินไปหรือจะตัดสินใจเกาะแค่กรอบประตูกรงที่เปิดอ้าไว้เพียงเพราะอาวรณ์ในภาระและพันธสัญญาของตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ