Soul and Head เเด่สมองสู่วิญญาณ (Y)

8.9

เขียนโดย galaxy

วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.14 น.

  3 chapter
  9 วิจารณ์
  6,119 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) one question

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

One Question

เดรวานเหม่อออกไปข้างหน้า ท่ามกลางผู้คนแออัด เขาสัมผัสได้ว่าคนที่ขนาบด้านขวาเป็นหญิงชราในชุดมอมแมม  ส่วนด้านซ้ายเป็นหญิงสาวในหมวกปีกกว้างอุ้มรูปสามีและมีคราบน้ำตา ชุดที่เธอใส่เป็นชุดกระโปรงยาวสีทึ ควรดีใจไหมที่เขามีผู้หญิงห้อมล้อมหลายคน บางคนก็มาเป็นคู่หรือเดี่ยวไม่ก็มีลูกเล็กๆติดมาสองสามคน  แต่ทุกคนล้วนอยู่ในอารมณ์เศร้า ไม่มีเสียงพูดคุยตื่นเต้นเหมือนที่เคยจะเป็น เด็กๆก็ไม่ห่างจากแม่เลยแม้ก้าวเดียว บางคนกำลังร้องไห้…เขาได้ยินเสียง

 ท้องฟ้าเป็นสีเทาเช่นเดียวกับโลกตรงหน้านี้…และกำลังจะดำลงเรื่อยๆ

 ไม่มีใครคิดจะสละคนที่เรารักเพื่อคนหมู่มากที่ไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อหรอกนะ ลูกต้องกำพร้าพ่อแม่ในสงครามบ้าบอเหรอ? เดรวานไม่ใช่ผู้ชายโลกสวย มันเกิดไปแล้วก็ต้องปล่อยไป ดิ้นรนและมีลมหายใจถึงวินาทีสุดท้ายก็พอ เขาคิดแค่นั้น

  เลนส์หายไปนานพอดู ชายหนุ่มหนีมากับเขาถึงสถานีแล้วขอตัวไปทำธุระ บอกไอ้คนโง่ๆตรงนี้ว่าให้รอ กลิ่นเขม่าไฟยังติดอยู่บนตัวเขาอยู่เลย……

“จับเวลา”

เลนส์ตรงหน้าดูเอาจริงจนชายหนุ่มซกมกกลัว เขาว่าคนผ่านสงครามมักหัวรุนแรง และเขาเชื่อคำนั้นอย่างสนิทใจ มีโอกาสสูงมากที่กึ่งคนจะคว้ามีดกระช้วกซิมส์ในอกเขา ก่อนปล่อยให้ชายหนุ่มอนาคตไกลดับอนาถในห้องพัก

  พร้อมเผาฟรีอีกต่างหาก……..เจริญ

ความทรงจำหายไปหรือ? มีความเป็นไปไม่ได้สูงลิบ เขาจำเหตุการณ์เย็นเมื่อวานได้ทุกระเบียบนิ้ว   เดรวานจ่ายค่าห้องให้มิสแกร์นป้าแก่ๆที่นั่งดูละครที่ล้อบบี้ โดยมีโทบี้หลานรักหั่นมันฝรั่งอยู่ในครัว ถึงแม้จะอยู่ในสงครามเเต่ทั้งคู่ดูสุขภาพจิตดีใช้ได้ โทบี้ชวนเขามากินข้าวเย็นด้วยกัน

 แต่หนูซกมกนั้นไม่พิศวาลไก่อบหอมๆหรอก….อาหารสำเร็จรูปก็พอ

และพอคิดอย่างนี้ ก็เป็นชนวนเล็กๆที่ทำให้กึ่งคนทะเลาะกับเขาประจำเพราะไอ้เรื่องไม่ห่วงสุขภาพเนี่ยแหละ มีถึงขั้นแอบเอามาม่าไปเผาอย่างโจ้งแจ้งเลยล่ะ แต่ใครจะไปกลัวกันเล่า!

 เพราะฉะนั้น  ต้องมีลับลมคมในของเรื่องนี้แน่ๆ

“บอกฉันก่อน  ความจำฉันหายไปได้ไง”

“เรื่องนี้นายรู้แน่  ตอนที่นายตอบฉันแล้ว” ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ดูน่ากลัวเหมือนคนละคน  เลนส์ดุพอๆกับเสือ ในแล็บของเขาเลยล่ะ

โอเค  ถึงเวลาใช้สมองคิดแล้ว เดรวานรีบนึกในสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในอพาทเม้นเล็กๆนี้มีคนอยู่ไม่กี่คน มันเป็นตึกสูงสามชั้นมีห้องทั้งหมด 10 ห้อง ชั้นสองห้าชั้นสามห้า ส่วนชั้นล่างเป็นที่อยู่โทบี้กับคุณยาย มีคนอยู่ที่นี้8คน กว่าครึ่งมีงานทำและบ้างานมาก สี่คนที่เหลือก็อยู่ไม่ติดที่

 ถ้าจะเผาที่นี้ตอนนี้ก็แทบไม่มีปัญหา

แต่ถ้าจะเผาเพื่อทำลายหลักฐานล่ะก็ เหตุจูงใจยังน้อยเกินไป

ถ้าจะทำลายเอกสารก็แค่ฉีกทิ้งแล้วโปรยน้ำ แค่นี้ก็เอามาต่อไม่ได้แล้ว แต่นั้นยังไม่รวมเรื่องเทคโนโลยีในปัจจุบัo เป็นไปได้ว่าจะสามารถกู้คืนได้ แต่ที่แน่ๆเลนส์ไม่ต้องการให้เขากลับมาที่นี้

 นั้นหมายความว่า ในความทรงจำที่หายไปเดรวานต้องไปทำอะไรที่ยิ่งใหญ่จนต้องถูกตามล่า        ยิ่งคิดสมองก็เหมือนแล่นไปมา การหาคำตอบที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ยากพอๆกับการกู้ระเบิดเสียอีก

 เลนส์จ้องหนูท่อตรงหน้า เขาหัวเสียไม่เบาเพราะต้องเสียเวลาสองนาทีในการเกลี่ยกล่อม พยายามย้ำกับตัวเอง ว่าเดรวานหายไปแล้ว ถ้าหมอนั่นอยู่คงใช้เวลาคิดไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ

อยากตบให้สลบแล้วพาหนีไปเลย แต่ภารกิจของเขาสำคัญกว่า

คำพูดของผู้ชายที่อ่อนล้าบอกกับเขาว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าเสียดายกับชีวิตของเขา

เดรวานอาจต้องตายเพื่อปกป้องความลับไว้

แต่ถ้าเขากับพ่อหนุ่มซกมกนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เขาคงไม่ขู่เจ้าตัวให้ใช้สมองหรอก ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง

แต่ก็แค่อยากลอง…ว่าอัจฉริยะที่รู้จักจะกลับมาได้ไหม

ผู้ชายที่เขาจะไม่ปล่อยไว้ข้างหลังเด็ดขาด

“หมดหนึ่งนาที” การเพิ่มความกดดัน คือสิ่งที่เดรวานไม่ชอบ

เขาหัวหมุนไปมา จับจ้องมองหนุ่มทหาร ที่เคลื่อนตัวไปหยิบมีดในครัวมาถือเล่นๆแต่นั้นก็เหมือนประกอบคำขู่ได้ดี นักวิทยาศาสตร์กัดฟันกระทบกึก ไขคำพูดในหัวออกให้หมด กอดอกและควบคุมสมาธิ

หมอนั่นฆ๋าเขาจริงๆ ถึงจะเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่มีหลักมาบอกว่าเขาจะรอดรึเปล่า

เดรวาน ถามถึงสาเหตุอีกครั้งหนึ่ง                                                                              ทำไหมเลนส์ถึงสำคัญกับเวลานัก มันก็ควรจะให้ความสำคัญนะ ยกเว้นแต่มันคือกุญแจอีกดอก….

ในขณะที่เวลากำลังหมุนไป เลนส์ก็กำลังเครียดไปเรื่อยๆ                                                    เขาคงต้องลงมือฆ่าจริงๆถ้าเพื่อนตอบไม่ได้ ตาจับจ้องผู้ชายผมดำเงาตรงหน้าดวงตาสีเขียวอ่อนยังอยู่เหมือนเดิม พึ่งสังเกตว่าเดรวานเปลี่ยนไป มีแววตาที่ดูสดใส ต่างจากใบหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบเมื่อไม่นานมานี้ หรืvตัวเขาต่างหากที่เปลี่ยน

 ความรู้สึกที่ไม่อยากทิ้งผู้ชายคิดมากไว้ข้างหลัง ไม่อยากให้ต้องใช้สมองจนร้องไห้เพราะคิดไม่ออก ใครจะว่าเดรวานฉลาดแค่ไหน แต่สำหรับเขาเดรวานคืออัจฉริยะ

และ จะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์สักวันหนึ่ง

นั้นเป็นความเศร้าที่สุดที่เขาจะต้องปลิดชีพเพื่อน…..ฆ่าก่อนที่คนอื่นจะชิงฆ่า

ก่อนเวลาจะหมด พร้อมมีดที่จะกรีดลงบนอก                                                                                                                   เดรวานก็ตอบ

“ฉันรู้แล้ว” แววตามีประกายแห่งชัยชนะ

เลนส์ลดมีดลง ดีใจแค่ไหนที่ไม่ต้องฆ่าเขา

“มันก็ไม่ง่ายเลยให้ตาย มันยากตรงที่ฉันจำอะไรไม่ได้นี่สิ “เดรวานเกาหัว ก่อนจะยกยิ้ม               “เเต่คำพูดนายเชื่อถือได้เรื่องที่ฉันถูกดูดสมอง ตอนที่ฉันให้ค่าเช่าที่ล็อบบี้บนจอโทรทัศน์ที่มิสแกร์นดูละครอยู่  มันเขียนว่าเป็นวันที่ห้ามีนา แต่วันนี้เป็นวันที่สิบสี่มีนา”พูดพลางชี้ไปที่นาฬิกาอนาล็อคบอกวันที่ข้างหลังเลนส์ ชายหนุ่มตาฟ้าแค่หันไปมองเท่านั้น                                          “แปลว่าในระยะเวลาเก้าวันที่ฉันจำอะไรไม่ได้ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ และคงเป็นเรื่องใหญ่”           เดรวานหยุดพักเล็กน้อยเหมือนใช้ความคิด                                                                     “และก็ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นกับนาย” ว่าแล้วก็เอามือไปแตะเครื่องจักร  บีบมันราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น เลนส์ไม่ว่าอะไรที่เดรวานจะจับ มัน รู้สึกเหมือนได้รับสัมผัสอุ่นๆจากพระเจ้า ถึงแม้ส่วนนั้นจะไม่รับรู้ความรู้สึกก็ตาม

“เข้าเรื่องเหอะ” เลนส์สะบัดแขนออกจากมือนั้น รีบเถอะก่อนที่อะไรจะมา

เดรวานจ้องมองตาสีฟ้า นิ่งไปครู่ก่อนจะพูด

“นายกำลังพาฉันกับของสำคัญหนี และคงหนีรัฐบาล การที่เผาเลยแปลว่าต้องรู้แน่ว่ารัฐบาลกำลังมาที่นี้”

กึ่งเครื่องจักรยกยิ้ม ต้องอย่างนี้สิ สมที่เป็นเพื่อนที่เขารู้จัก เดรวานไม่ได้ตายไปไหนสักหน่อย

“และที่ฉันคิดว่าเป็นรัฐบาล ง่ายๆตำรวจแถวนี้นะทำงานกันแทบไม่มีระบบหรอก เอาเวลาไปช่วยแถวที่ทำสงครามโน้น กว่ามิสแกร์นกับคนอื่นจะได้ไปอยู่ที่แหล่งพักที่รัฐบาลเตรียมไว้ให้คงเป็นชาติ เลนส์นายไม่ใจร้ายพอที่จะทิ้งป้าแก่ๆนิสัยดีหรอกนะ“ ว่าแล้วก็กอดอก

“นายคงคำนวณเวลามาแล้ว จึงสามารถหาเวลาในการเตรียมฉันรวมไปถึงเวลาการมาของพวกนั้น      เจ้าพวกนั้นคงไม่เตรียมตัวมาก่อนแล้วคงต้องรีบดับไฟก่อนจะลามไปที่อื่น  ถ่วงเวลาที่จะตามฉันใช่ไหมล่ะ  หึ…ในที่สุดก็ไขปริศนาเวลาได้สักที”

ความเงียบโรยตัวหลังจากเดรวานพูดจบ ชายหนุ่มร่างผอมจ้องหน้าสหาย ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมในครั้งแรกที่เอ่ยออก  ลดจนแทบไม่เหลือเศษเสี้ยว ความวิตกเริ่มคืบคลานมาหา หรือเขาตอบผิด

เลนส์มีสีหน้านิ่งเกินไป สายตาสีฟ้าจับจ้องเขาไม่วางตา เดินเข้ามาใกล้

เดรวานจะไม่ถอยหนีเลยถ้าในมือนั้นไม่มีมีดถืออยู่!!

“อะไร ฉันตอบผิดอย่างนั้นเหรอ” พยายามปรับเสียงตัวเองให้นิ่ง แต่สุดท้ายก็หลุดสั่นออกมา           เลนส์ยักไหล่ แกว่งมีดไปมา แสงแดดที่ส่องมาทางหน้าต่างกระทบโลหะมันวาว ดูเป็นแถบสีทอง

 “เปล่า”

ฉึก!!!

 

 เดรวานหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นมาป้องกันตัว ได้ยินเสียงหวีดผ่านอากาศของบางอย่างเฉียดข้างหู รู้สึกถึงความเย็นวาบตามกระดูกสันหลัง นานกว่าเขาจะลืมตาแล้วรู้ว่าตัวเองปลอดภัย

หันหลังกลับไปเห็นมีดสีเงินวาวปักอยู่ที่กำแพง ก็ทำให้เขาโล่งอก

“นายพูดถูกหมด ดีนี่ยังฉลาดเหมือนเดิม”คำพูดนั้นทำให้เดรวานหันตาค้อนใส่ ก่อนจะเดินไปหยิบเป้ที่ทิ้งเอาไว้  แต่เขาแทบไม่รู้สึกตัวถึงคนที่อยู่ข้างหลัง ลมหายใจรดต้นคอ ได้กลิ่นโลหะและน้ำมัน คนตัวผอมหันไปจ้องหน้าตรงๆ

“รู้ไหมไอ้อุบายเนี่ย ฉันได้มาจากนายนั้นแหละ” แววตาดูเศร้าเมื่อพูดอย่างนั้น

รู้ตัวอีกทีเดรวานก็วางมือตบไหล่เพื่อนไปแล้ว “ถ้างั้นฉันคงขอบคุณตัวเองสินะที่ฉลาด”

คำพูดจุดรอยยิ้มจากปากของไซบ๊อกหนุ่ม เลนส์เดินเข้าไปในครัวตั้งรหัสอะไรสักอย่างหนึ่ง ก่อนออกมา เดรวานชำเลืองมองเข้าไปก็เห็นกลไกจุดไฟอัตโนมัติที่นิยมใช้ในครัวเรือนอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันจะไม่แค่ครัวเรือน

เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบไม่ทันตั้งตัวเลย แต่คงต้องมีสติสักพัก

เลนส์โยนเสื้อคลุมให้เขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าให้ทำอะไร เดรวานรับมาสวม มันเป็นเสื้อคลุมสีน้ำตาลตุ่นดูเก่าโทรม ก็เหมาะกับนิสัยไม่รักษาของของเลนส์ดี สังเกตเห็นพ่อหนุ่มตรงหน้าหยิบหน้ากากหนังคนมาสวม

ไม่กี่วินาที เครื่องจักรที่เห็นก็หายไปเหลือแต่เลนส์คนเดิมที่เขารู้จัก

อดไม่ได้ที่จะเดินไปจับหน้าของคนคุ้นเคย ผิวสีน้ำผึ้งนั้นเหมือนจริงราวกับว่าข้างใต้เป็นกล้ามเนื้อไม่ใช่กลไกผ่านไปไม่กี่วันหมอนี้ได้เครื่องมือเจ๋งๆมาได้ไง เขาต้องรู้ให้ได้

เลนส์ไม่พูดอะไรกุมมือเขาออกจากหน้า อาจจะเป็นความรู้สึกผิดลึกๆจึงยังรับไม่ได้ที่เดรวานจับตัวเขาเมื่อเหมือนก่อน

ให้ตายสิ!!หัวสมองมันอื้อทุกครั้งที่หมอนั่นแตะอ่ะ บัดโธ่

รวบรวมสมาธิก่อนจะเดินนำออกมา

เดรวานแปลกใจกับท่าทางของเลนส์ เจ้าบ้านี่มันนิ่งขึ้นเว้ย แอบลอบยิ้มในใจ แต่พอจะก้าวออกจากห้องก็คิดขึ้นได้ เขากลับเข้าไปเอาปากากับกระดาษมาเขียนข้อความบางอย่างแล้วแปะไว้หน้าประตูห้อง

เลนส์ที่ออกมายืนรอเขา จ้องมองนิ่งๆไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังถามว่าทำอะไร

“สร้างพยาน ก็แค่บอกว่าฉันไปซิคาโกพวกรัฐบาลจะได้ตามไม่เจอ”

ยังไม่ทันได้เดินออกจากประตูเลนส์ก้าวยาวๆมากระชากกระดาษแล้วฉีกทิ้ง

ชายร่างผอมมองมันนิ่งๆช็อคเกินกว่าจะทำอะไรได้

รู้ตัวอีกทีก็โดนกระแทกเข้ากับกำแพง จุกและเจ็บไปตามสันหลัง ส่วนสูงของเขาเทียบเท่ากับเลนส์ไม่จำเป็นต้องก้มหัวพูด

“นายจะบ้าเหรอ สมองนายคงกำลังเข้าทางได้นิดเดียวสินะ หึ…ตอนนี้ นายคงต้องรู้อะไรหน่อย เดรวานนายต้องตาย ทุกๆคนต้องเชื่อว่านายตายในกองไฟแล้วจริงๆ”ชายหนุ่มผิวสีพูดเสียงเข้ม

“แต่ไม่มีศพฉันอยู่ในนั้น”

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง”เลนส์ผละออกไปเมื่อได้สติ”จะมีคนจัดการเรื่องนี้เอง”

เดรวานมองหลังของเพื่อนหนุ่มยุโรปใต้ เจ้านั้นเปลี่ยนไป อารมณ์ร้ายกว่าทุกครั้ง เลนส์ที่น่ารักของเขาหายไป หรือตัวเขากันแน่ที่เปลี่ยน

ถึงยังไงคนผ่านสงครามมักหัวรุนแรง…..

พวกเขาออกจากอพาธเม้น ไม่มีบทสนธนาอะไรเกิดขึ้น

เดรวานหันกลับไปมองที่ซุกหัวนอนของเขาด้วยความอาลัย แอบขอโทษโทบี้ที่ไม่เคยได้ร่วมกินมื้อค่ำด้วยกันเลย แต่ก็น่าแปลกพ่อหนุ่มหุ่นนักกีฬาชวนเขาอยู่นั้นแหละ ทั้งที่ก็รู้ว่าปฎิเสธแน่นอน

ให้ตายสิปวดหัวชะมัด

…………………………………………

เป็นเวลากี่นาทีไม่รู้ที่เดรวานยืนอยู่ท่ามกลางคนเบียดเสียด บรรยากาสสีเทาเหมือนกับใจเขาห้อมรอบจนขยับไม่ได้ เสียงร้องโคครกครากของท้อง ทำเอาชายหนุ่มอายคนข้างๆจนต้องก้มหน้างุด แก้มสีซีดขึ้นริ้วแดงเพราะทั้งเขินและร้อน  ภายในชานชาลามีภาพโมนิเตอร์ขนาดยักษ์ฉายรายการทีวีตรงแถวที่นั่งผู้โดยสาร ถึงแม้จะไม่ค่อยมีเสียงคุย แต่เสียงของกระเป๋าลากและเสียงตามสายก็ดังพอจนทำให้ได้ยินเสียงไม่ถนัด เดรวานได้ยินลางๆถึงข่าวที่ฉายอยู่ เกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่พึ่งผ่านมาไม่กี่นาที ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่อาคารเสียหายอย่างหนัก

  เอ๊ะ!แต่ไม่ยักมีข่าวผู้เสียชีวิต แหะ

เดรวานขมวดคิ้วเล็กน้อย เลนส์บอกเขาเองว่าจะมีคนจัดการเรื่องศพให้แต่ทำไหมข่าวถึงไม่ออก

หรือรัฐบาลกำลังจะปิดเรื่องนี้

ตอนที่สายตาละไปทางขวา เขาก็เห็นร่างสูงโย่งของเลนส์เบียดเสียดผู้คนอย่างทุลักทุเล อาจจะเพราะเดรวานเองก็ตัวสูง เลนส์ก็ตัวใหญ่มันจึงเหมือนกับว่ากำลังเดินฝ่าทะเลที่มีเลือดเนื้อยังไงยังงั้น

เลนส์เดินเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งทางก็โบกมือเรียก

เขาไม่คิดจะออกจากตรงนี้หรอก ถ้าไม่ติดว่าไอ้ที่หนุ่มยุโรปใต้ถืออยู่คือถุงแฮมเบอร์เกอเถอะนะให้ตาย!!

ไม่นานเดรวานก็ฝ่าฝูงชนมานั่งตรงม้านั่งสีเขียวใกล้ชานชาลาจนได้ พร้อมกับแฮมเบอร์เกอไส้ซีสที่หอมอร่อย เขาแทบจะกลืนไปทั้งก้อนถ้าเลนส์ไม่ส่งสายตาปรามมาให้

แอบมองค้อนไปนิดๆ ก็เขายังไม่ได้กินอะไรแต่เช้า มันหิวก็ช่วยไม่ได้นี่                                     แต่สังเกตดูกึ่งจักรกลแทบไม่แตะอีกชิ้นเลย ดีเหมือนกันเขาจะได้ขออีกสักชิ้น

มีแต่เสียงล้อลาก กับเสียงพูดคุยนิดหน่อย หน่วยก่อการร้ายไม่เปิดเผยตอนกลางวันหรอก แต่เสียงสงครามยังอยู่ทุกที่ ภายในความเงียบระหว่างเขากับเลนส์ เดรวานชำเลืองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิท มันยังไม่ชินเมื่อคิดว่าใต้หน้ากากมีเครื่องจักรแทนที่จะเป็นกล้ามเนื้อ แฮมเบอร์เกอร์ซีสหมดแล้ว ชายผอมแห้งชำเลืองมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่น้อย ก็เริ่มพูด

“ใครจะมาจัดการเรื่องศพล่ะ”  เลนส์หันหน้ามามองคนถามนิดหน่อย

ตาจ้องมองตาสีเขียวที่อยู่ระดับเดียวกับเขา พึ่งสังเกตว่าเจ้าตัวสูงเท่ากันในเวลาไม่กี่เดือน…หรืออาจปี เห็นหน้าผอมแห้งแล้วก็หยุดโทษตัวเองไม่ได้สักที

เพราะเขา…เรื่องราวต่างๆจึงเกิดขึ้น

และการถามคำถามที่ยากจะให้คำตอบก็ท้าทายเลนส์พอดู  คงจะต้องตอบให้เขาคิดเอง

“คนที่นายรู้ว่าใคร” แล้วเลิกสนใจพ่อหนุ่มที่วาดตาค้อนใส่ ช่วงนี้เดรวานกลับมาไร้สมองอีกแล้ว เขาควรดีใจมั้ย?

เดรวานขมวดคิ้ว เหม็นขี้หน้าเจ้าคนขี้หวงความลับ ชอบทดลองสมองเขา รู้อยู่ว่าเมื่อก่อนเป็นอัจฉริยะแต่ความรู้มันเกลี้ยง แล้วจะให้ไปเอามาจากไหนล่ะ

 แต่คาดคั้นจากหนุ่มผิวสีไปก็ไม่มีประโยชน์

ในแล็บที่ทำงานของเขา มีคนที่สนิทด้วยไม่กี่คน นอกจากเลนส์ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและคู่หูแล้ว คงมีคนไม่มากนักที่จะไว้ใจได้…เขามันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่ง โชคไม่ดีนักที่เลนส์เป็นทหารจึงไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันบ่อย แต่ทุกครั้งที่เจอก็สบายใจ…แอบหันไปมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายที่ดูทางรถไฟ หึ..ไม่มีอะไรเปลี่ยนมากยกเว้นนิสัยสินะ

 เหมือนกับสัมผัสได้ว่ามีคนมองเลนส์หันมาจ้องหน้าเขา ตาสีฟ้ากระทบตาสีเขียวต่างไม่ลดละ

“อะไร”เลนส์ถามเสียงห้วน อยากตบปากตัวเองเมื่อพูดออกไป

“คำใบ้” อันที่จริงเขาไม่ต้องการด้วยซ้ำ ที่ทำงานก็รู้จักไม่กี่คน แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทเลนส์รายนั้นก็ต้องคิดอีกที

กึ่งจักรกลเบ้ปากก่อนหันหน้าหนี “นายรู้จักดีน่า ฉันบอกแค่นี้”ก่อนจะลุกขึ้น

“เดี๋ยว!” รู้ตัวอีกทีมือก็ไปสัมผัสแขนของกึ่งจักรเสียแล้ว

ให้ตายสี!เลนส์สบถในใจ ถ้าได้รับไออุ่นจากพระเจ้าอีกล่ะก็ เขาคงคลั่งตายแน่ๆ ตาเขียวๆมันทำเขาอยากกินน้ำแดงนะรู้มั้ย!(เกี่ยว)

เดรวานงงกับท่าทางของเลนส์กับการกระทำของตัวเอง เอาล่ะสิต้องรีบใช้หัวก่อนจะหัวแตกแล้ว

“แฮมเบอร์เกอร์อีกอันอ่ะ ขอก่อนได้ไหม….หิว” เป็นข้ออ้างที่มีประโยชน์ต่อตัวเองมาก

หนุ่มยุโรปใต้ไม่พูดอะไรก่อนโยนถุงมาให้ “มันไม่จำเป็นสำหรับฉัน” แล้วเขาก็เดินไปทางชานชาลาที่ผู้คนแน่นขนัด เดรวานหยิบถุงกระดาษบรรจุอาหารมาดม แล้วคิดเครื่องจักรนี่มันต้องกินน้ำมันสินะ แล้ว มันจะรู้สึกยังไงว่ะ แค่คิดพ่อหนุ่มอนาคตไกลก็ส่ายหน้า ขยะแขยงที่สุด! แต่เดี๋ยวสมัยนี้ยังจะมีน้ำมันอยู่อีกเหรอ เขาส่ายหน้าไปมา

นี่หรือว่า…เขาสมองกลวงแล้วจริงๆ

 ชายหนุ่มจัดระเบียบสมองแล้วคิดหาคำตอบจากคำใบ้ คนที่เขากับเลนส์รู้จักดี? สนิทกันถึงขั้นช่วยได้ ตัดกัสเพื่อนทหารของเลนส์ได้เลย รายนั้นถึงจะสนิทกับเลนส์กว่าเขาแต่คงไม่มาร่วมมือช่วยเขาหรอก ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดอ้อนให้ช่วยได้ และเจ้าตัวก็ไปทำสงครามพร้อมพ่อหนุ่มเครื่องจักร ดูเหมือนจะไม่มีวี่แววกลับมา

เรื่องนี้คงต้องถามเลนส์อีกที…ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ไหม

เพราะฉะนั้น….ก็เหลือเพียงคนเดียว

เสียงสัญญาณของรถไฟเข้า เดรวานลุกจากม้านั่งไปแทรกผู้คนที่ชานชาลาเห็นหลังเลนส์อยู่ห่างๆ    เมื่อรถไฟความเร็วสูงมาถึง ผู้คนรีบกรู่เข้าไป เขาสังเกตว่าเลนส์เดินชะลอเพื่อรอเขา เมื่อเขาทั้งคู่อยู่ใกล้กัน จึงได้ยินกึ่งคนพูด “ฉันรอคำตอบนะ”

 แล้วหนุ่มผิวสีก็หายเข้าประตูไป เดรวานก้าวผ่านตามครึ่งคน                                                 ตรงไปหาพ่อหนุ่มที่เสียบบัตรรถไฟให้หุ่นยนตร์ แล้วกระซิบที่ข้างหู

“ตามสัญญา ความจำฉัน”

เลนส์ไม่พูดอะไรแค่ยกยิ้มแล้วแย่งบัตรในมือไปเสียบให้

“แน่นอน หลังจากฉันได้คำตอบแล้ว “ ว่าแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เดรวานทำหน้างงอยู่คนเดียวหน้าหุ่นยนตร์

เล่นทายกันอีกแล้วให้ตายสิ!!

เดี๋ยวนะ!!

ว่าแล้วก็ดมกลิ่นตัวเอง เขายังไม่ได้อาบน้ำเลย!!

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………......

จบกันไปแล้วในตอนที่สอง ยาวนานจุใจท่านผู้อ่านหรือยังเอยยยยยยย

ถ้าไม่ตอนหน้าอาจจะเป็นสิบหน้า อย่าลืมเม้นระบายกันด้วยล่ะ

ใครกันที่อยู่เบื้องหลังความช่วยเหลือตอนหน้าเปิดตัวละครใหม่กันอีกสักตัว(ตัวละครสำคัญด้วย)

ส่วนตอนนี้ก็เรียกน้ำย่อยเดรวานกันต่อไป เลนส์กับนายยังคงความจิ้นได้ดีเหมือนเดิม

ใครต้องการเคะใสๆไม่มีให้ มีแต่เคะฉลาดและตอแหล…เมะผู้แสนดี  ขอให้ทุกท่านมีความสุขคะ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

 

ท้ายหน่วยการเรียนรู้

Q : ท่านกาเขียนมาแปดหน้ากระดาษเอสี่ ยังดูน้อยอยู่เลย เราจะเอาอีก!!

กา : นี้เดี๋ยนเขียนบรรยายยาวลีแล้วนะคะต้องการอะไรอีก

Q: มันดำเนินเร็วเกินไป เจ๊!! เราต้องการฉากฟินเพิ่ม

กา : ไม่!! ตอนหน้าจะเป็นฉากบู๊ แกอดเห็นไปเถอะ!!5555555555

Q : แงงงงๆๆๆๆ เขาเสียใจ

///กา โดนตบโทษฐานขัดใจท่านผู้อ่าน อะเฮือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก///

.

.

.

 

………………….คำถาม ตอบด้วยน่า………………………….

คุณจะเลือกอยู่ข้างไหนระหว่าง วิทยาศาสตร์ กับ ไสยศาตร์

ตอนนี้ยังตอบกันไม่ได้จะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้น่ะ ตอบกันด้วยยยย

ปล #ทีมคริส #ทีมกา #ทีมเพื่อนรักฮาร์ดคอ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา