Little love's - ปิ๊งรักหนุ่มสุดฮอต

10.0

เขียนโดย rachelly

วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.45 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,405 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มกราคม พ.ศ. 2559 19.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) การเดินทางที่แสนวุ่นวาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          คงไม่ต้องถามนะว่าตอนนี้น่ะฉันรู้สึกยังไงกับการที่ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับกระสับกระส่ายคล้ายจะเป็นลมตับพิการอาหารไม่ย่อยกันเลยทีเดียว    

 

          มันคงไม่ดูโอเวอร์เกินไปใช่ไหม? นับวันนับคืนรอขนาดนี้ ดูกันเอาเองนะคะ 

 

        สวัสดีค่ะ -/\- ฉันชื่อ โยชิระ ไอมิ ไม่ต้องสงสัยนะ ทำไมชื่อฉันญี่ปุ๊นญี่ปุ่นจัง ? ฉันเป็นลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น ค่ะ แม่ฉันเป็นคนญี่ปุ่น ส่วนพ่อฉันเป็นคนไทยค่ะ แต่เอาจริงๆชื่อไทย ฉันก็มีนะ ชื่อว่า 'น้ำขิง' แต่ก่อนฉันเคยอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ชีวิตคู่พ่อกับแม่ฉันไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ เลยมีเรื่องให้ต้องหย่าร้างกัน พ่อเอาฉันกลับประเทศไทยไปด้วยตอนอายุประมาณ 4 ขวบ ส่วนแม่ของฉันก็อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ติดต่อกันบ้างบางครั้งบางคราวเท่านั้น ทุกครั้งที่ฉันได้คุยกับแม่มันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลย อยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ทำไม่ได้

 

        นี่เลยเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกเข้าเรียนสายญี่ปุ่น เพราะฉันอยากเจอแม่อีกครั้ง ถ้าฉันขอพ่อไปตรงๆว่าฉันอยากไปญี่ปุ่นเพื่อไปเจอกับแม่ พ่อฆ่าฉันแน่ๆ ตอนแรกพ่อฉันก็ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น ถึงกับบ้านแทบแตกกันเลยทีเดียว แต่ฉันก็ใช้ท่าไม้ตายอ้อนวอนพ่อจนสำเร็จ เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่แหละ อีกแค่วันเดียวเท่านั้นที่ฉันจะได้ไปลั้นล้าที่ญี่ปุ่นนนนน

 

#Day. ออกเดินทาง

 

( ก๊อก ก๊อก )

 

"น้ำขิงง ตื่นรึยัง ยังจะไปอยู่มั้ยญี่ปุ่นเนี่ย ? "  เสียงของพ่อที่เข้ามาปลุกฉันที่กำลังหลับไหลเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียง

" งืมม.. รู้แล้วน่า หนูตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้วค่ะ " ฉันพูดทั้งๆที่่ไม่ได้ลืมตา

 

      ไฟล์ทบินของฉันออก 7 โมง ฉันตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ไว้ตี 5 ( ตื่นเต้นแค่ไหนคิดดู -.,-) ไม่ใช่ตื่นเต้นหรอกนะแต่เพราะว่าฉันรู้ตัวเองว่าเป็นคนเอ้อระเหยขนาดไหน ทำอะไรก็อืดอาดยืดยาดไปหมด

 

" ตั้งนาฬิกาบ้าบออะไรของแก ไฟล์ทบินออก 7 โมงไม่ใช่เหรอ? " พ่อทำเสียงเอ็ดฉันพร้อมกับกระชากผ้าห่มออกเพื่อทำให้ฉันเลิกนอนอืดซักที

"ก็ 7 โมงน่ะสิ แล้วหนูก็ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5  แล้วตอนนี้มันยังไม่ปลุกเลยเพราะมันยังไม่ตี 5 ไงเล่า  พ่อนี่ตื่นเต้นอยากไปแทนหนูรึยังไง " ฉันพูดพร้อมกับดึงผ้าห่มกลับมานอนต่อ

"ยัยลูกบ้าแกแหกตาดูซิ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วว !! " พ่อพูดเสียงดังอีกครั้งพร้อมกับกระชากผ้าห่มของฉันออก นี่ มันศึกแย่งชิงผ้าห่มรึไงนะ - -?

 

      ฉันเลยถอนหายใจแล้วค่อยๆแหกตาไปดูนาฬิกา

# 6.30

 

" หะ..หกโมง สามสิบ " ฉันพูดพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ เพราะฉันเพิ่งตื่นนอนเลยทำให้มองอะไรไม่ชัดก็ได้ ก็กระพริบตาแล้วกระพริบตาอีก เข็มนาฬิก็ยังหยุดอยู่ที่เดิมทำให้รู้ว่าตอนนี้มันสายแล้ว!

" ก็ใช่นะสิ "

 

      ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แต่ปรากฎว่ามันดันแบตหมดซะงั้น อยากจะปาไอ้โทรศัพท์บ้านี่ทิ้งจริงๆเลย แต่ก็โทษมันไม่ได้ เพราะเมื่อคืนฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย ทั้งฟังเพลง ทั้งหาอะไรดู  ทั้งเล่นเกมส์ ฉันต้องเผลอหลับไปทั้งๆที่โทรศัพท์ยังคงหน้าจอเกมส์ไว้แน่ๆ

 

      ฉันตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ พร้อมกับลุกไปอาบน้ำทันที อาบน้ำแต่ก็เหมือนว่าแค่วิ่งผ่านน้ำเฉยๆซะมากกว่า พอออกจากห้องน้ำก็ตรงดิ่งมาแต่งตัวจนมือไม้พันกันไปหมด

 

      พอแต่งตัวเสร็จก็หิ้วสัมภาระออกมาจากห้องแล้วเดินเข้าไปหาพ่อในห้องครัว

" พะ..พ่อ " เห็นแบบนี้แล้วใจมันหายแปลกๆแฮะ เหมือนว่าจะไม่ได้เจอพ่ออีก

" กินอะไรก่อนมั้ย ? " พ่อถามทั้งๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอาหาร

"..."

"หิวหรือเปล่าฮะ ? "

"..."

" ไปอะไรไปน้ำขิง " พ่อที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอาหารถามฉันซ้ำไปซ้ำมาแต่พอฉันไม่ตอบ ก็ละมือจากอาหารแล้วหันมาหาฉันที่ตอนนี้น้ำตากำลังไหลเต็มหน้าไปหมด

" ไม่ค่ะ.. ตอนนี้มันสายมากแล้ว หนูแค่จะมาลา " ฉันพูดเสียงสั่นๆพร้อมก้มหน้าลงพยายามจะไม่ร้องไห้ให้พ่อเห็น  

" อะไรกัน กี่ขวบแล้วมาร้องไห้เป็นเด็กขี้แยอีก "  

 

      จู่ๆพ่อก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับกอดฉันไว้แล้วเอามือมาลูบหัวไปมาอย่างเอ็นดู พ่อน่ะบางทีอาจจะกวนๆแต่ความจริงแล้วพ่อมีมุมอ่อนโยนเอามากๆซ่อนไว้อยู่  

 

" เปล่าร้องไห้ซะหน่อย " ฉันเอามือเช็ดน้ำตาลวกๆ

" ^^ " พ่อถอนกอดออกแล้วยิ้มให้ฉันเบาๆ

" ต่อไปก็คงเหงาแย่เลยใช่มั้ยคะ? "

" ก็ใช่น่ะสิ ไม่มีเด็กนิสัยไม่ดีที่ชอบเถียงฉันตั้ง 1 ปีเลยนะ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี? " พ่อพูดแกมขำไปด้วย

 

     ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้พ่อไปเท่านั้น ใจมันหายจริงๆด้วยนะ

 

" ตกลงหิวหรือเปล่า ? " พ่อถามซ้ำอีกครั้งเพราะตอนนั้นฉันไม่ได้ตอบ

" นิดหน่อยอ่าค่ะ "

 

     หลังสิ้นสุดประโยคที่ฉันพูด พ่อก็เดินกลับไปที่ครัวพร้อมกับหยิบกล่องคุกกี้มาให้ 

 

" อ่ะ ฉันทำให้ เอาไปกินเผื่อหิวนะ " พ่อยื่นกล่องคุกกี้ที่ใช้ฝีมือตัวเองทำมาให้ฉัน

"ขอบคุณนะพ่อ " ฉันรับแล้วกระโดดเข้าไปกอดพ่อแรงๆ

" ไปได้แล้วสายแล้วนะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก "

"รู้แล้วน่าา"

"ของทุกอย่างเอาไปครบแล้วใช่มั้ย "

" ครบแล้วค่าา~ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ ขาดอะไรก็ไปซื้อที่นั่นเอาก็ได้ "

"นี่สิ..ยิ่งน่าเป็นห่วงน่ะ "

" หนูโตแล้วนะคะ " ฉันพูดพร้อมกับคลายแขนออกจากพ่อ

" ติดต่อมาบ้างนะ "

"เข้าใจแล้วค่ะ หนูต้องไปแล้ว พอถึงแล้วจะติดต่อกลับมานะคะ "

 

# สนามบิน

 

       โอ๊ยย~ คนจะเยอะไปหนาย ตอนนี้ฉันกำลังมองหาพนักงานเพื่อสอบถามว่าไฟล์ทของฉันมันออกไปรึยัง ได้โปรดขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลยย

 

" ขอโทษนะคะ พอดีไฟล์ท xx ออกไปรึยังคะ? " 

"อีก 2 นาทีกำลังจะออกค่ะ " 

" อะ..อะไรนะคะ!! "

 

      ที่ฉันพูดอะไรนะออกไปไม่ใช่ฉันไม่ได้ยินมันหรอกนะ ได้ยินเต็มๆสองหูเลยล่ะ แล้วตอนนี้ฉันกำลังโกยอย่างสุดกำลังเหมือนกับเป็นนักวิ่ง 4x100 ของประเทศไทย

# บนเครื่องบิน

     แฮ่กๆ  ถะ..ถึงแล้ว แล้วคนในเครื่องบินทุกคนต่างจับจ้องมาที่ฉันเพราะคนคือคนสุดท้ายของเครื่องคือฉันนั่นเอง ฉันทำได้แค่เดินดุ่มๆไปนั่งที่ของตัวเอง แล้วนั่งหอบเป็นอีผีบ้า จนพี่สาวแอร์โฮสเตสเดินเข้ามาถามฉันว่า เอาน้ำไหม? ฉันได้แค่พยักหน้าหงึกๆให้พี่สาวแอร์โฮสเตสไปแค่นั้น ก็พูดไม่ไหวจริงๆ -___-;

 

" @(&#(@*#)@@*# "  อยู่ๆผู้ชายที่นั่งข้างๆกันก็หันมาพูดกับฉันเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ หน้าตาของเขาออกไปเป็นคนแขกๆ อาจจะเป็นภาษาอาหรับก็ได้ 

" Sorry, I don't understand your language " ขอโทษนะคะ ฉันไม่เข้าใจภาษาของคุณ

" @(#)@&@($)@*#@#&@*^*@ " อีตาหมอนี่ก็ยังไม่หยุดพ่นภาษาอาหรับใส่ฉัน

" Can you speak English ? " ช่วยพูดภาษาอังกฤษได้มั้ยคะ?

"#@(*#@*@*)@*$&@($)@*$@&($&(*#)@$(@&*$" แต่หมอนี่กลับพ่นภาษาบ้านเกิดใส่ฉันซะยาวเหยียดกว่าเดิมซะอีก

" Speak English please ! " พูดภาษาอังกฤษสิคะ

" (#@)&$(#(#+@(#)@*$(@##@*@(# "

" จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ? " ตอนนี้ฉันพูดภาษาไทยใส่เพราะเหลืออดกับตาอาหรับนี่จริงๆ - -;

"@*(&$**#_@*#(@^$*(@&(_#@*(@&$*@&#(@_) "

" จั๋งซี่มันต้องถอนน~ จั๋งซี่มันต้องถอนน~~~ " ฉันพ่นเพลงของปอยฝ้ายกลับใส่ตาอาหรับนั่นเสียงดัง จนพี่แกหยุดชะงักพูดไปทันที

" @#)&$(@(#)@&$(@)#*)@$*()@_#)@ " แล้วตาอาหรับนี่ก็กลับมาพูดต่อ

" หนูดาวเป็นลูกสาวกก จบชั้นม.6 โรงเรียนบ้านนองใหญ่~~ " ฉันเปลี่ยนเพลงจากจั๋งซี่มันต้องถอนมาเป็นเพลง ดาวมหาลัยแทน

"@&#(@(#_@(#@&#)@(#)@"

"คุณแม่ขายไร่ขายนาส่งดาวเข้ามาเรียนมหาลัย~ "

"#&@*&#(@#_)@#@(*#"

" ดาวสวยดาวเริ่ดดาวเด่น คนมันสวยมันอะไรก็เด่นน ~"

"@&#*$@*#@(&*@&(#@(*#(@&#*@^??"

"ก็เลยถูกพรีเซ้นต์ให้เป็นดาวมหาลัยยยย ~~~~~~~ "

"...."

 

         สำเร็จ! ตาอาหรับนี่พูดไม่ออกเลยสิเพราะท่อนสุดท้าย นี่ฉันร้องฉันเปล่งเสียงสุดพลังแรงเกิดเลยจ้าา  แถมตาอาหรับนี่อึ้งกิมกี่ไปเลย รวมถึงคนบนเครื่องบินทั้งหมดด้วย ทุกๆคนหันมามองฉันกันเป็นตาเดียว

 

"อะ..เอ่อ , Sorry "

        ฉันหันไปขอโทษคนทั้งเครื่องบินเป็นภาษาอังกฤษเพราะบนเครื่องมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติเยอะแยะไปหมด พูด Sorry จะดีกว่า พูด ขอโทษ เป็นภาษาไทย เพราะคนคนต่างชาติจะไม่เข้าใจน่ะสิ

 

" น้ำค่ะ " พี่สาวแอร์โฮสเตสยื่นน้ำมาให้ฉันแบบใบหน้ายิ้มแย้ม

" อ๊ะ..ขอบคุณนะคะ " ฉันพูดขอบคุณพร้อมๆกับรับน้ำ

"ที่เสียงดัง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ? "

" มะ..ไม่มีอะไรค่ะ " น่าอายชะมัด T__T

" แน่ใจนะคะ ? "

" ค่ะ "

"ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร บอกได้เลยนะคะ " 

" *พยักหน้า* " หลังจากนั้นพี่สาวคนสวยก็เดินจากปายย~~~~

 

       ฉันดื่มน้ำจนหมดแล้วหันไปมองหน้าตาอาหรับนั่น แล้วก็ไม่ต่างกันตานั่นก็กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน - -; จะไม่จบกับฉันใช่มั้ย?

 

" @&!*^*!@!&@!*^#*!@ " กรี๊ดๆๆๆๆๆ อยากจะบ้าตาย ถ้าไม่ติดว่ามีคนอยู่เยอะ ฉันคงจับตาอาหรับนี่โยนหน้าต่างเครื่องบินไปแล้ว

" คร้อก ฟี้ ~~~ " แกล้งหลับมันไปดื้อๆแบบนี้แหละ

"(#@)*$@((#)@(#)@@)#)@(#)@*#("

"...."

"*#(@#)@#(@&#@)#"

"...."

"&*(@(#*@(&#(@*#(@@#)@(#)@*(#@*#(@?????"

"...."

"@(#@^$*@#_@(#)@*#(@"

     

      ให้ตายไม่เห็นหรือไงว่าฉันหลับอยู่นะ ทำไมไม่เลิกพูดซักที!

 

"@#_)*@(_@(#@)*#(@*#(@@)(#"

"....."

"*@($@#&#*@(#_)@(#"

"...."

"@*(&(@(#)@"

        ใครก็ได้เอามีดมาแทงฉันที ฉันอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย! T__T

 

# ญี่ปุ่น 11.00

      และแล้วฉันก็หลับไปจริงๆด้วยเสียงกล่อมภาษาอาหรับ - -; แล้วตอนนี้ทุกๆคนโยกย้ายทยอยกันลงจากเครื่อง ทำให้รู้ว่าถึงญี่ปุ่นแล้วววว พอหันไปก็ไม่เจอตาอาหรับนั่นแล้วด้วย คงลงจากเครื่องไปแล้วล่ะมั้ง

 

" ฟื้ดดด อ้าา~ อากาศดีมากเลยย " ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเก็บอากาศดีๆไว้ในจมูก (เพื่อ?)

 

      หลังจากที่ดื่มด่ำกับอากาศของประเทศญี่ปุ่นแล้วก็กางแผนที่ออกมาดู จริงๆฉันต้องพักอยู่กับโฮสที่เป็นคนญี่ปุ่น แต่ฉันขอพักอยู่กับแม่ที่เป็นคนญี่ปุ่นแทน ตอนแรกทางโรงเรียนก็คัดค้านนะ แต่ฉันก็อ้างว่าจะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้างโฮสทางโรงเรียนก็เลยตกลง

 

จ๊อกก จ๊อกก

 

     ไม่ต้องตกใจนะ เสียงท้องฉันร้องเองแหละ นั่งบนเครื่องบินยังไม่ได้กินอะไรเลย มัวแต่ทะเลาะกับตาอาหรับนั่นซะวุ่นไปหมด

 

" ไปหาอะไรกินหน่อยดีกว่า "

 

      ฉันเดินไปตามทางพร้อมมองหาร้านที่มีรูปอาหารที่น่ากินที่สุด ถึงฉันจะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ก็จำภาษาญี่ปุ่นได้ไม่มากนัก เลยต้องดูรูปเอาแทน

      

" เอาร้านนี้แล้วกัน " ฉันยืนอยู่หน้าร้านราเม็งนี่อยู่นานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจกินที่ร้านนี้แหละ ถ้ามัวแต่เรื่องมากมีหวัง ตี 1 ก็คงยังเลือกร้านไม่ได้แน่ๆ

 

" いらっしゃいませ。" ( ยินดีต้อนรับครับ )

 

       เสียงของเจ้าของร้านวัยกลางคนพูดต้อนรับพร้อมกับยื่นเมนูมาให้ฉันเลือกสั่ง เลือกไม่ถูกเลยแฮะ น่ากินทุกอย่างเลยอ่ะ 

 

       สุดท้ายฉันก็จิ้มเมนูไปมั่วๆ จากที่ดูอันนี้มันน่ากินและมันก็กำลังเรียกหาฉันด้วยเสียงประมาณว่า ' กินฉันสิ ฉันอร่อยนะ ' อะไรประมาณนั้น ( หิวแล้วชักบ้า )

 

" これをください " ( เอาอันนี้คะ ) พร้อมกับชี้นิ้วไปที่เมนู

" はい , 待ってください " ( ครับ , รอสักครู่นะครับ )

" はい " ( ค่ะ )

 

      ระหว่างที่รอราเม็งฉันก็ได้แค่นั่งบื้อๆอยู่ตรงนั้น จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็แบตหมด ไม่ได้พกแบตสำรองมาซะด้วยสิ ก็เลยทำได้แค่นั่งบื้อรอราเม็งเท่านั้น

 

15 นาที ผ่านไป..

 

" ราเม็งได้แล้วครับ " เสียงระฆังของเจ้าของร้านเอาราเม็งมาเสิร์ฟให้ฉันถึงที่

" ขอบคุณค่ะ " ฉันก้มหัวให้เจ้าของร้านเบาๆ

" ทานให้อร่อยนะครับ " เจ้าของร้านพูดพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม

" แน่นอนค่ะ ^^ "

 

        พอเจ้าของร้านเดินหายวับไป ฉันก็มาสำรวจราเม็งที่สั่งไป หน้าตามันน่ากินมากกว่าในรูปซะอีก  มีสาหร่ายข้างๆชาม แล้วก็มีไข่แดงเยิ้มๆ แล้วก็เนื้อหมูนุ่มๆเหมือนจะละลายไปในปาก

 

        ไม่ไหวแล้ววว ฉันจะกินแกให้อร่อยเลยนะเจ้าราเม็ง!

 

" ซู๊ดดดดด! ง่ำๆๆ "  อะ..อร่อย อร่อยสุดๆไปเลย ไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือฉันหิวมากกันแน่

 

       หลังจากที่กินราเม็งหมด ฉันก็ขอนั่งอืดอยู่ตรงนี้นิดนึงนะ ให้ตายสิ! ราเม็งของเขานี่ทำร้ายกันชัดๆ ทำซะฉันเดินแทบไม่ไหวเลย

      พอพึมพัมกับตัวเองไปมาเพื่อให้อาหารย่อยก็ลุกไปคิดตังที่เคาเตอร์ ราเม็งที่ฉันกินไปราคามัน 500 เยน ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 150 บาท อาจจะดูแพงแต่ถ้าเป็นสำหรับคนญี่ปุ่นก็ถูกอยู่นะแถมอร่อยให้เยอะอีกต่างหาก

      ฉันเดินออกมาจากร้านพร้อมกับหิ้วสัมภาระของตัวเอง ฉันเดินไปหยุดดูแผนที่ไปตลอดทาง

 

" ต้องขึ้นรถไฟสาย xx สินะ  "  ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วก็เดินไปที่สถานีรถไฟ

 

       แต่ระหว่างทางก็เจอกับร้านเล็กๆ ขายของน่ารักทั้งนั้นเลย เข้าไปดูหน่อยคงไม่เสียหายอะไรหรอก  จากนั้นก็เลยเดินเข้าไปในร้าน

       มีแต่ของน่ารักๆ พวงกุญแจการ์ตูนต่างๆ ตุ๊กตาน่ารัก เต็มไปหมด แล้วสายตาฉันก็ไปสะดุดเข้ากับพวงกุญแจตัวโทโทโร่ ส่วนตัวฉันชอบโทโทโร่เอามากๆ เพราะมันอ้วนกลมน่ากอด ฉันดูการ์ตูนเรื่องนี้เป็น 10 รอบเห็นจะได้

 

" เอาอันนี้แหละ " ฉันพูดกับตัวเองที่กำลังตัดสินใจอยู่นานสองนาน จากนั้นก็หยิบพวงกุญแจตัวโทโทโร่ขึ้นมาแล้วเอาไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอแล้วเดินออกมาจากร้านทันที

" เลือกนานไปหน่อย จะมืดแล้วด้วยสิ ต้องรีบไปแล้ว " ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังบอกว่ามันมืดแล้วนะยัยบื้อมัวแต่เรื่องมาก ( นางเอกเป็นคนโรคจิตชอบด่าตัวเอง )

 

     แฮ่กๆ อะไรกัน! ก็เดินตามแผนที่มานี่ ทำไมยังไม่ถึงสถานีรถไฟสักที ? แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วด้วยว่าเอาตัวเองมาอยู่ที่ไหน มันมืดมากแล้วด้วยสิ ถามคนแถวนี้เอาก็แล้วกัน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา