❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

-

เขียนโดย Watt

วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 07.30 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  4,421 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558 07.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ



เจ้าน้องชายของผมนอนหลับปุ๋ยบนเตียงอย่างสบายไปแล้ว กว่าจะได้นอนก็คุยกันซะดึกเลย แถมผมยังต้องทำหน้าที่คอยปลอบคนอกหักอีกด้วย แม้จะเหนื่อยแต่ผมก็ยินดีที่จะทำอะไรก็ได้เป็นการไถ่โทษที่ผมเคยทิ้งน้องไป ยังไม่ได้ถามหรอกว่าน้องชายผมเลิกกับแฟนทำไม เอาไว้ให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยถามดีกว่า ถามตอนนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นซ้ำเติมให้เสียใจไปใหญ่

จู่ๆ ผมก็นึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เลิกผ้าห่มตรงปลายเท้าของนัทขึ้นอย่างช้าๆ นัทใส่กางเกงขาสั้นนอนผมจึงมองเห็นสิ่งที่ผมอยากเห็นได้ทันที อย่าเพิ่งคิดไปไกลล่ะ ผมแค่อยากดูแผลเป็นรอยเขี้ยวหมาบนน่องขาของนัทเท่านั้นแหละ สรุปว่ามันก็ยังอยู่เหมือนเดิม แผลนี้นี่แหละที่ทำให้ผมกับนัทได้รู้จักกัน

ผมดึงผ้าห่มกลับที่เดิมแล้วก็นั่งมองนัทนอนหลับปุ๋ย คงจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากสินะน้องพี่ ต่อไปนัทไม่ต้องกลัวแล้วนะ พี่อยู่นี่ทั้งคน พี่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายน้องของพี่อีก

ผมไม่เคยลืมหรอกว่าผมเคยรักน้องคนนี้มากแค่ไหน รักจนน้องสาวแท้ๆ ของผมยังเคยบ่นน้อยใจเลยล่ะ นัทชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรส ผมก็เลยมักจะเจียดเงินค่าขนมของตัวเองมาซื้อไอศครีมให้นัทกินบ่อยๆ ซื้อให้บ่อยกว่าซื้อให้น้องสาวของตัวเองเสียอีก เห็นนัทกินไอศครีมอย่างมีความสุขผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย บางทียังเคยนั่งกลืนน้ำลายมองนัทกินไอศครีมแต่ตัวเองไม่ได้กินเลย

มีอยู่วันหนึ่งผมขี่จักรยานไปส่งนัทที่บ้าน ร่ำลาแล้วก็ขี่จักรยานออกไปอย่างเคย สักพักก็ได้ยินเสียงนัทร้องไห้วิ่งตามมา ผมจอดรถหยุดหันไปมองก็เห็นว่านัทถูกแม่ไล่ตีมาแต่ไกล นัทวิ่งมากอดผมไว้น้านวลก็เลยไม่กล้าตีเพราะเดี๋ยวจะโดนผมไปด้วย ถามไปถามมาก็ได้ความว่านัทลืมเอาเงินค่าขนมให้นิว แถมยังเอาไปซื้อไอศครีมกินคนเดียวอีก พอนิวไปฟ้องแม่นัทก็เลยโดนไม้เรียวจนต้องวิ่งมาให้ผมช่วย นึกถึงวันนั้นแล้วผมก็อดขำไม่ได้จริงๆ

เหตุการณ์ที่ทำห้ผมรู้ว่าผมรักน้องคนนี้มากเกิดขึ้นตอนก่อนที่ผมจะไปเรียนที่กรุงเทพอีกไม่กี่เดือน ตอนนั้นนัทไม่สบาย ผมกลัวนัทจะเป็นไข้เลือดออกเพราะช่วงนั้นกำลังระบาดหนัก พยายามบอกให้น้านวลพานัทไปหาหมอแต่น้านวลก็ไม่ยอมไปเพราะคิดว่านัทแค่เป็นหวัดเฉยๆ กินยาก็หายแล้ว ผมเป็นห่วงนัทมาก กลัวว่านัทจะตาย ขี่จักรยานกลับบ้านแล้วก็แอบร้องไห้สงสารนัทไปด้วย ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยไปขอให้พ่อกับแม่ผมมาช่วยคุยกับน้านวลอีกคน น้านวลถึงได้ยอม พ่อของผมเป็นคนขับรถพานัทไปส่งโรงพยาบาลในตัวอำเภอด้วยตัวเองในวันนั้น นัทจึงรอดตายมาได้

ผมจำได้ว่าผมขี่จักรยานไปเฝ้านัททุกวันเลย ตอนที่นัทออกจากโรงพยาบาลมา ผมก็กลายเป็นคนที่หวงน้องมาก คอยดูแลนัทตลอดเวลาที่เจอกัน ใครมาทำอะไรนัทไม่ได้เลย แตะนิดแตะหน่อยเป็นได้มีเรื่องกับผมแน่

ทั้งหมดนี้เริ่มมาจากความต้องการอยากจะมีน้องชายสักคนหนึ่งของผมเองนั่นแหละ แต่แม่ก็ทำหมันแล้วเลยไม่มีน้องอีก ผมก็เลยรักนัทมากจนเหมือนน้องที่คลานตามกันมา ตามใจนัทเสียจนบางทีน้านวลยังบ่นเลยว่าผมตามใจนัทมากเกินไป

แต่ก็น่าเสียดายที่ผมต้องทิ้งความผูกพันทั้งหมดไว้ข้างหลังจากความจำเป็นของครอบครัว ตอนที่ไปเรียนกรุงเทพใหม่ๆ ผมเคยขอพ่อกลับมาที่เพชรบูรณ์หลายครั้งเพื่อมาหานัท แต่เพราะความขัดแย้งเรื่องธุรกิจกับคนที่นี่ พ่อก็ถึงกับออกปากว่าจะไม่มาเหยียบจังหวัดนี้อีก ผมจึงไม่ได้กลับมาหานัทอีกเลย

แต่สุดท้ายผมก็คงเหมือนนัทนั่นแหละ ความคิดถึงและความผูกพันค่อยๆ ลบเลือนเจือจางเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ค่อยๆ ทำให้เราเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมน้องที่ผมรักหรอก ทุกครั้งที่หยิบรูปของนัทขึ้นมาดูหรืออ่านการ์ดที่นัทเขียนให้ ผมก็รู้สึกผิดในใจอยู่เสมอ ผมรู้ว่านัทรักและผูกพันกับผมมาก น้องคงคิดถึงและเฝ้าคอยให้ผมกลับไปหา แต่ผมก็ทำอย่างนั้นไม่ได้

ผลจากการจากกันครั้งนั้นทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัวพอสมควร ไม่ค่อยอยากคบใครเป็นเพื่อนจริงจังมากนัก ไม่สนใจแม้กระทั่งเรื่องมีแฟนด้วยซ้ำ แฟนคนแรกของผมที่ผมคบมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบัน ก็เป็นเพียงเพราะเธอมีนิสัยบางอย่างคล้ายนัท เธอชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรสเหมือนนัทเลย ผมจึงสนใจและลองจีบเธอดู นับว่าผมโชคดีมากที่ได้เจอคู่รักที่เข้ากันได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะทะเลาะหรืองอนกันบ้างตามประสา แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีตลอด จนกระทั่งผมได้ตัดสินใจที่จะขอเธอแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้ อีกแค่ไม่กี่เดือนผมกับเพียวก็จะเป็นคู่ชีวิตกันโดยสมบูรณ์แล้ว

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้ทันทีว่าน้องชายต่างพ่อต่างแม่ของผม มีอิทธิพลกับชีวิตผมมาโดยตลอดโดยที่ผมไม่รู้ตัว แม้กระทั่งเลือกแฟน ผมก็ยังเลือกเพราะแฟนผมมีอะไรคล้ายนัท แล้วนัทล่ะ นัทเลือกคบกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับผมหรือเปล่า...

ถ้าใช่...แล้วมันหมายความว่ายังไง!?

ผมหันมามองดูนัทที่นอนหลับสบายพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แม้ว่าเพิ่งผ่านเรื่องเจ็บปวดมา แต่นัทก็คงรู้ว่าปลอดภัยแล้วเมื่อพี่ชายคนนี้กลับมาหา ผมเผลอยิ้มบางไปด้วยกับนัท ขำตัวเองเบาๆ ที่นั่งอยู่บนพื้นข้างๆ เตียงนัทได้เป็นชั่วโมงๆ โดยไม่เบื่อ นัทหลับไปแล้วก็ยังนั่งมองไม่ไปไหน หรือผมจะเสียสติไปแล้วกันแน่

ผ่านมาสิบสามปีแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเหมือนกับว่าเราแค่จากกันไปไม่กี่วัน นัทกับผมเชื่อมต่อกันติดได้ไวมากเหมือนตอนที่รู้จักกันครั้งแรกเลย นอกจากความรู้สึกเก่าๆ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่ามีความรู้สึกใหม่ๆ เกิดขึ้นมาด้วยหรือเปล่า ถ้าสงสัยอย่างนี้ก็คงไม่พ้นว่าจะเป็นอย่างที่สงสัยนั่นแหละ

ผมมองหน้านัทอย่างเพ่งพิศแล้วก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ได้แต่หวังว่าผมคงจะไม่คิดอะไรบ้าๆ กับนัทไปแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ ผมยังสงสัยอีกว่าผมอาจจะรักเพียวเพราะเธอมีเงาของนัทซ้อนทับอยู่หรือเปล่า ผมก็ชักกลัวว่าจะเป็นอย่างนั้น

ผมถอนหายใจและสลัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปใหญ่ อย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลย ผมก็คงแค่มีความสุขที่ได้เจอนัทอีกครั้ง ได้ของรักกลับคืนมาแล้วผมก็มีความสุขเป็นธรรมดา แต่เป็นของรักแบบไหนนี่สิที่มันน่าสงสัยเหลือเกิน


"พี่แฟรงค์ นัทอยากกินน้ำ"

ตื่นขึ้นมาปุ๊บ นัทก็อ้อนผมทันทีเลย แล้วมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ผมเดินไปที่ตู้เย็นแล้วก็รินน้ำใส่แก้วมาส่งให้นัทที่นั่งรออยู่บนเตียงนอน ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นทำให้ผมอดขำเบาๆ ไม่ได้

"น้ำ"

ผมบอกสั้นๆ แล้วก็ส่งแก้วน้ำให้นัทรับไป นัทดื่มจนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วินาที

"เอาอีกไหม"

นัทส่ายหัวแล้วก็หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังห้องด้านหนึ่ง

"จะเก้าโมงแล้ว พี่แฟรงค์จะไปทำงานสายหรือเปล่า นัทขอโทษนะ ทำให้พี่แฟรงค์สายเลย"

นัททำหน้ารู้สึกผิด เห็นแล้วผมก็รู้สึกว่าน้องผมนี่มันโคตรน่ารักเลย

"ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปทำงานสายหน่อยก็ได้ ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมากหรอก"

ผมบอกนัทไปแล้วว่าเรากำลังจะปิดปรับปรุงรีสอร์ท อาจจะเปลี่ยนชื่อด้วยเพราะชื่อ "เรือนแพ" นั้นปู่เป็นคนตั้ง ชื่อมันไม่เข้ากับยุคสมัยนี้แล้ว ช่วงนี้ก็แค่ดูแลแขกที่จองล่วงหน้าไว้ก่อนเท่านั้น ไม่รับลูกค้าเพิ่ม หลังจากนี้ ผมกับนัทก็คงต้องช่วยกันวางแผนสำหรับการปรับปรุงสถานที่ การสร้างแบรนด์ การตลาด การพัฒนาคนทำงานและอีกหลายๆ เรื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแบรนด์ใหม่ ก็หวังว่าทุกอย่างน่าจะเสร็จทันช่วงที่ผมจะแต่งงานนั่นแหละ

"ดีจังเลยนะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนที่นัททำงานนะ ตื่นเช้าแล้วก็ต้องรีบหัวซุกหัวซุนเลย"

นัทพูดพร้อมกับขำ ผมก็พลอยขำเบาๆ ไปด้วย

"ตอนเที่ยงๆ ไปกินไอติมกันไหม"

ผมตั้งใจถามเพื่อที่จะรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่างของผมกับนัทกลับคืนมา นัททำหน้าประหลาดใจแล้วก็ยิ้ม

"พี่แฟรงค์ยังจำได้อีกเหรอ"

ผมพยักหน้าช้าๆ แต่แล้วสีหน้าของนัทก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเศร้า

"แต่ตอนนี้...นัทไม่ค่อยชอบกินแล้วล่ะ กินทีไร...ก็นึกถึงแต่พี่แฟรงค์ นัทไม่อยากเศร้าไง...ก็เลยไม่ค่อยกินไอติมบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน"

ผมนั่งลงข้างๆ นัทบนเตียงแล้วก็ดึงนัทมากอดไว้ ยิ่งรับรู้เรื่องราวของนัทมากขึ้น ผมก็ยิ่งตระหนักว่าผมได้ทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับผมให้เจ็บปวดมากเหลือเกิน ผมเสียใจจริงๆ ที่ได้ทิ้งความทรงจำที่เจ็บปวดไว้ในใจของนัทตั้งหลายปี ยิ่งนึกถึงตอนที่นัทร้องไห้โฮกอดผมแน่นก่อนผมจะไปเรียนที่กรุงเทพ ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าหลังจากนั้นนัทจะคิดถึงพี่ชายคนนี้สักแค่ไหน

"พี่ขอโทษนะนัท"

น้ำตาของผมอดที่ไหลออกมาอีกไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกที่ผมจะร้องไห้ ก็เพิ่งจะเป็นอย่างนี้ในวันสองวันที่ได้เจอนัทนี่แหละ

"ไม่เป็นไร ไปกินอีกก็ได้ จริงๆ นัทก็ยังชอบกินไอติมนะ แต่ตอนนั้นกินแล้วมันเศร้าไงก็เลยไม่อยากกิน แต่ตอนนี้...นัทไม่เศร้าแล้ว นัทกินได้"

"นัท...น้องพี่"

ผมรู้สึกสะท้อนใจจนต้องกอดนัทแน่นขึ้น สงสารน้องรักอย่างสุดขั้วหัวใจ นัทกอดตอบผมเบาๆ เหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร ผมรู้ว่านัทรู้สึกดีที่ได้อยู่กับพี่ชายคนนี้อีกครั้ง ผมจึงทิ้งเวลาช่วงนี้ไว้เนิ่นนานจนพอใจก่อนจะปล่อยนัทเป็นอิสระ

"เสื้อนัทสวยดีนะ รู้จักเลือกเหมือนกันนะเนี่ย"

ผมพูดพลางก้มมองดูเสื้อของนัทที่ผมเอามาใส่เพราะผมไม่ได้เอาเสื้อติดมาด้วย

"พี่แฟรงค์ชอบตัวนี้เหรอ นัทมีอีกตัวสวยกว่านี้อีก เดี๋ยวนัทไปเอามาให้นะ"

ว่าแล้วนัทก็ลุกขึ้นจากเตียง วิ่งเอาแก้วน้ำไปเก็บแล้วก็ไปค้นดูตู้เสื้อผ้า ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวตัวหนึ่งที่ดูดีทีเดียว

"พี่แฟรงค์ถอดเสื้อตัวนั้นออกดิ ใส่ตัวนี้ดีกว่า"

ผมยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ใช่อะไร ผมรู้สึกเขินๆ ที่จะถอดเสื้อต่อหน้านัทยังไงไม่รู้

"อายเหรอ อายทำไม"

"เปล่าๆๆ"

ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวันแล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ออกทีละเม็ด เสร็จแล้วก็ถอดมันวางไว้บนเตียง อวดท่อนบนเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตานัทกันเลยทีเดียว

"เดี๋ยวนัทใส่ให้นะ"

"แฟรงค์ใส่เองก็ได้" ผมรีบแย้ง

"น่า...อยู่เฉยๆ"

นัทกล้าสั่งว่าที่เจ้านายเสียด้วย แล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม จับไหล่เสื้อเชิ๊ตสีขาวทาบกับไหล่ผมทั้งสองข้างทางด้านหลังไว้เพื่อวัดขนาดไหล่

"ใส่ได้ๆ พี่แฟรงค์กับนัทตัวเท่ากันเลย"

นัทบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ไม่เหลือเค้าความเจ็บปวดบนใบหน้าจนผมอดแปลกใจไม่ได้

"พี่แฟรงค์สอดแขนขวาเข้าไปก่อนนะ แล้วค่อยสอดแขนซ้าย อย่างงั้นแหละ"

ผมอดขำไม่ได้ที่นัทสอนผมเหมือนคนใส่เสื้อผ้าเองไม่เป็น

"เดี๋ยวนัทติดกระดุมให้นะ"

ผมยังไม่ทันอนุญาตนัทก็จัดการติดกระดุมให้ผมซะแล้ว ใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ และกลิ่นเฉพาะของผิวกายทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่น้อย ยิ่งนัทติดกระดุมเลื่อนต่ำลงไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมคงไม่ได้คิดอะไรบ้าๆ กับน้องรักของตัวเองหรอกนะ

"เสร็จแล้ว อ้อ...เหลือกระดุมตรงแขนเสื้อ"

นัทพูดเองและจัดการเองเสร็จสรรพตามเคย แต่ผมก็รู้สึกดีชะมัด มันต่างจากตอนที่เพียวดูแลผมเยอะเลย

"พี่แฟรงค์ต้องเอาเสื้อเข้าในกางเกงด้วยใช่ไหม"

คำถามของนัททำให้ผมเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ความคิด ก็เลยตกใจนิดหน่อย

"อ้อๆ เดี๋ยวแฟรงค์จัดการเอง"

ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วก็จัดการยัดชายเสื้อเข้าไปในขอบกางเกง ขืนช้ากว่านี้นัทคงช่วยจัดการให้อีก คราวนี้อารมณ์บางอย่างอาจพุ่งทะลุปรอทไปเลยก็ได้

เสร็จแล้วนัทก็ลุกขึ้นจากเตียงมายืนมองผมอย่างชื่นชม

"โห...หล่อมาก เห็นไหม...นัทบอกแล้วว่าตัวนี้ดีกว่า เดี๋ยวนัทช่วยจัดให้เรียบร้อยอีกทีนะ"

ดูเหมือนนัทจะสนุกมากที่ได้ช่วยใส่เสื้อผ้าให้ผม ผมไม่รู้ว่าตัวผมสนุกหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีท่าทีขัดขืน ปล่อยให้นัทช่วยจัดการเสื้อผ้าของผมจนเข้าทรงดี ผมมีความสุขเหลือเกินที่ตอนนี้มีนัทคอยอยู่ใกล้ๆ

"หล่อจังพี่ชายผม"

นัทยืนยิ้มชื่นชมกับฝีมือของตัวเองด้วยสีหน้าภูมิใจ

"เดี๋ยวนัทไปอาบน้ำก่อนนะแฟรงค์ แฟรงค์รอนัทแป๊บนึงนะ นัทอาบน้ำไม่นานหรอก"

ผมเออๆ ออๆ รับคำแล้วก็ยืนยิ้มมองดูนัทวิ่งจู๊ดไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วก็จัดการถอดเสื้อผ้าให้ผมดูตรงนั้นแหละ ดีว่ามีผ้าเช็ดตัวพันไว้อยู่ ไม่งั้นผมก็คงไม่รู้อีกเหมือนกันว่าผมจะรู้สึกแปลกๆ อะไรอีก

แล้วนัทก็เดินแกมวิ่งกลับมาหาผม พอมาถึงก็ถกชายผ้าเช็ดตัวขึ้นเล็กน้อยให้ผมดูรอยเขี้ยวหมาที่ยังเป็นแผลเป็นอยู่บนน่องซ้ายของตัวเอง

"พี่แฟรงค์จำได้ใช่ไหม เป็นแผลเป็นไม่หายเลย"

ผมก้มดูตามแล้วก็พยักหน้า ความจริงก็ดูไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ

"จำได้สิ เราสองคนต้องไปขอบคุณหมาตัวนั้นนะนัท ถ้าไม่ใช่เพราะมัน บางทีแฟรงค์กับนัทก็อาจจะไม่รู้จักกันหรอก"

คราวนี้นัทหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

"จริงด้วยสิ แต่มันคงตายไปนานแล้วล่ะ ไม่รู้จะไปขอบคุณมันยังไง เอาไว้ขอบคุณมันตอนที่ไปทำบุญที่วัดละกันนะแฟรงค์"

"อืมๆ ไปอาบน้ำเหอะ อาบเสร็จแล้วมากินข้าวเช้ากับแฟรงค์นะ"

"ข้าวเช้าอะไร"

นัทถามแล้วก็หันไปมองตรงบริเวณที่ใช้ทำอาหารในห้องของตัวเอง ผมทอดไข่เจียวง่ายๆ และหุงข้าวไว้ให้แล้ว

"ถึงว่าล่ะนัทได้กลิ่นไข่เจียว นึกว่าจมูกเพี้ยนซะอีก พี่แฟรงค์น่ารักอ้ะ"

ที่ผมเคยรักน้องคนนี้มากก็เพราะนัทเป็นคนขี้อ้อนและชอบเอาใจนี่แหละ แต่บางครั้งก็เอาแต่ใจด้วยเหมือนกัน

"ดูน่ากินนะ นัทไปอาบน้ำดีกว่า จะได้มากินข้าวกับแฟรงค์"

ว่าแล้วนัทก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไว ผมส่ายหัวแล้วก็ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู ไม่รู้ว่านัทจะกินอาหารที่ผมทำได้หรือเปล่าเพราะผมไม่เคยทำอาหารนานแล้ว หลังๆ มานี้มีคนจัดการให้ตลอด แต่ด้วยความที่อยากดูแลน้อง ผมก็เลยต้องตื่นแต่เช้ามาลองทำดูบ้าง ก็คงไม่แย่ถึงขั้นต้องเทให้หมากินหรอก

 


ผมไม่รู้ว่าตัวเองได้กินข้าวอย่างมีความสุขอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่ใช่เพราะว่าชีวิตผมมีแต่ความระทมทุกข์อะไรหรอก ผมมีความสุขดีเลยล่ะ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกมีความสุขกับการกินข้าวมากกว่าครั้งไหนๆ มีใครเคยพูดว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเรากินข้าวกับอะไร แต่สำคัญว่ากินกับใครต่างหาก ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

นัทตักกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ชวนผมคุยสารพัดเรื่อง ผมก็คุยกับนัทได้ทุกเรื่องเหมือนกัน แปลกนะ นี่ผมอยู่กับนัทมาเกือบจะหนึ่งวันเต็มๆ โดยที่ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลย แล้ววันนี้ก็จะอยู่ด้วยกันทั้งวันหรืออาจจะอีกคืนด้วยซ้ำ

"แฟรงค์เก็บเสื้อผ้าให้นัทแล้วนะ"

"หา! จริงเหรอ! พี่แฟรงค์เก็บให้หมดแล้วเหรอ!" นัทถามด้วยสีหน้าตกใจ

"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าตกใจล่ะ"

"กกน. ด้วยเหรอ" นัทถามเสียงเบาๆ ดูเหมือนจะเขินๆ ด้วย

"อืม...ก็ทั้งหมดที่นัทต้องใช้นั่นแหละ"

"ทีหลังพี่แฟรงค์ไม่ต้องทำให้นัทขนาดนี้ก็ได้" นัททำหน้าเกรงใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายด้วยหรือเปล่า

"ไม่ต้องคิดมาก สิบสามปีแล้วนะที่แฟรงค์ไม่เคยมาดูแลนัทเลย แฟรงค์ก็แค่อยากจะชดเชยเวลาที่มันหายไปให้นัทเท่านั้นแหละ"

นัทนิ่งไป สักพักก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ เมื่อคืนผมเสนอนัทว่าให้นัทย้ายไปอยู่ที่รีสอร์ทของผมก่อน พักห้องที่ผมเอาไว้พักเวลาทำงานดึกๆ แล้วไม่อยากกลับบ้านนั่นแหละ ผมไม่อยากให้นัทอยู่ที่นี่คนเดียวในสภาพจิตใจอย่างนี้ นัทก็เลยตกลง ตอนเช้าผมก็เลยเก็บเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าให้นัทก่อน เหลือแค่ของใช้ส่วนตัวอีกเล็กๆ น้อยๆ อีกไม่กี่อย่างก็จะพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว

ผมหยุดมองนัทกินข้าวแล้วก็นึกถึงเรื่องที่คิดค้างไว้เมื่อคืน ความเจ็บปวดที่ต้องพลัดพรากจากคนที่ผูกพันทำให้ผมฝังใจกับบางสิ่งบางอย่างโดยไม่รู้ตัว แล้วนัทล่ะ ผมอยากรู้เหลือเกินว่านัทเลือกผู้หญิงคนนั้นด้วยเหตุผลที่คล้ายกับผมหรือเปล่า

"นัท...นัทมีความสุขไหม"

ผมถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ นัทหยุดกินข้าวแล้วก็พยักหน้า

"นัทโชคดีนะ มีเจ้าของรีสอร์ทแถมยังเป็นว่าที่เจ้านายมาช่วยดูแล ทำกับข้าวให้ เก็บเสื้อผ้าให้"

เห็นนัทพูดตลกๆ ได้ผมก็เลยรู้ว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่

"ช่วยปลอบคนอกหักด้วย"

ผมเสริมให้อีกเรื่อง แต่ดูเหมือนจะผิดกาละเทศะไปหน่อย นัทนิ่งอึ้งและหน้าสลดเหมือนถูกแทงใจดำเข้าให้

"นัท...พี่ขอโทษ"

ผมรีบบอกไปเมื่อรู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว

"ไม่เป็นไร"

นัทยิ้มเศร้าๆ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วก็หยุดกินข้าว ผมก็เลยต้องลุกจากเก้าอี้ไปยืนข้างๆ นัท ดึงศีรษะน้องรักมาซบที่ลำตัวแล้วก็คอยลูบผมเบาๆ ปลอบใจ

"พี่ขอโทษนะนัท นัทอย่าโกรธพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

ความสงสารแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจเมื่อผมรู้ว่านัทอยากจะร้องไห้แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ อยากตบปากตัวเองเสียจริงที่พูดอย่างนั้นออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องกำลังเจ็บหนักอยู่ ผมจำความหมายของคำที่นัทพูดเมื่อคืนนี้ได้ดี ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรหนอถึงทำให้นัทเจ็บขนาดนี้ เจ็บขนาดที่ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว

"นัทไม่โกรธพี่แฟรงค์หรอก"

ในที่สุดนัทก็พูดออกมาแล้วก็กอดผมเบาๆ ช่วยให้ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

 



บ่ายคล้อยแล้ว แม้จะเป็นช่วงปลายฝนแต่อากาศก็ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ ดีที่ว่าความร่มรื่นในรีสอร์ทช่วยคลายความร้อนไปได้มากทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ผมร้อนในตอนนี้ไม่ใช่อากาศหรอก คนสองคนตรงหน้าที่ต่างก็บอกว่าชอบกินไอศครีมด้วยกันทั้งคู่นี่ต่างหากล่ะ

วันนี้ผมนัดเพียวไว้ที่รีสอร์ท แล้วก็ว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกันตอนเย็นๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมก็เลยพาเพียวกับนัทมากินไอศครีมด้วยกันที่ร้านอาหารกลางน้ำในรีสอร์ทของผมด้วยกันเสียเลย จะได้รู้จักกันไว้ แต่พอผมเห็นสองคนอยู่ด้วยกันแล้วผมกลับบอกไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกยังไง

"นัทรู้จักกับพี่แฟรงค์ตั้งแต่เด็กๆ เลยเหรอ"

แฟนสาวของผมเอ่ยถามในขณะที่กินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆ ผม ส่วนนัทนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ผมเหมือนเคยเสียแล้ว แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ตรงนี้ควรเป็นของใคร

"นัทเรียนอนุบาลถึงปอหกที่โรงเรียนเดียวกับแฟรงค์ แต่สนิทกันจริงๆ ก็ตอนที่เรียนปอสาม"

"เหรอ...ดีจัง ยังอุตส่าห์จำได้ เพียวจำเพื่อนสมัยประถมได้ไม่กี่คนเอง ตอนนี้ก็หายกันไปหมดแล้ว"

ผมสังเกตว่าเพียวกับนัทคุยกันได้อย่างเป็นกันเองดี คงเป็นเพราะไม่มีช่องว่างระหว่างวัย

"แล้วเพียวเจอกับแฟรงค์ตอนไหนล่ะ"

"เจอตั้งแต่ปีหนึ่งมั้ง แต่เริ่มคบกันก็ตอนที่เพียวอยู่ปีสาม ตอนนั้นแฟรงค์อยู่ปีสี่แล้ว แฟรงค์เค้าตลกนะ เขาบอกเพียวว่าเขาชอบคนกินไอติม ที่เป็นแฟนกันเนี่ยก็เพราะเพียวชอบกินไอติมนี่แหละ พอถามว่าทำไมชอบคนกินไอติม แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก นัทรู้ไหมว่าทำไม แฟรงค์เคยบอกนัทหรือเปล่า"

แพรวหัวเราะสนุก นัทหันมามองหน้าผมแล้วก็นิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิด

"ไม่รู้เหมือนกัน นัทไม่ได้เจอแฟรงค์ตั้งสิบกว่าปี นัทไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฟรงค์ช่วงหลังๆ แล้วล่ะ"

นัทตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ จนดูเหมือนไม่มีความรู้สึก ผมไม่ค่อยเห็นนัททำหน้าแบบนี้เลย

"ว้า...เสียดายจัง เพียวอยากรู้มากเลย พี่แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก"

เพียวหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าอ้อน

"พี่แฟรงค์ไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอคะ"

"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกเพียว"

ผมพูดตัดบทไปโดยที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้นัทรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า คงจะมีส่วนอยู่บ้างไม่มากก็น้อยเพราะนัทหยุดกินไอศครีมไปดื้อๆ แถมยังดูเงียบและพูดคุยน้อยลงด้วย

ผมกลับเข้ามาทำงานที่ค้างไว้อยู่อีกเล็กน้อย ปล่อยให้เพียวกับนัทเดินเล่นในรีสอร์ทและพูดคุยทำความรู้จักกันไป จนกระทั่งเย็นผมจึงพาเพียวออกไปข้างนอก ดูเหมือนนัทจะรู้ดีว่าเพียวคงต้องการเวลาส่วนตัวที่จะอยู่กับผมจึงไม่ได้ขอตามมาด้วย ผมไม่ห่วงนัทเรื่องข้าวปลาอาหารหรอกเพราะที่รีสอร์ทของผมมีให้กินไม่ขาด แต่กลัวว่านัทจะน้อยใจเสียมากกว่า แต่จะทำยังไงได้ ผมมีแฟนแล้วก็ต้องให้เวลากับแฟนเป็นธรรมดา

ผมรู้ดีว่าออกไปกับเพียวเย็นนี้แล้วสุดท้ายเราจะไปจบกันที่ไหน ก็คงเหมือนกับหนุ่มสาวสมัยใหม่ยุคนี้ที่ไม่แคร์เรื่องอยู่ก่อนแต่งนั่นแหละ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่อยากทำอย่างนั้นเลย พอเสร็จสมจากสัมพันธภาพทางกายแล้วผมก็รีบพาเพียวไปส่งที่บ้าน แล้วก็บึ่งรถกลับมาที่รีสอร์ททันที

จิตใจผมร้อนรุ่มไปหมด อยากให้ถึงรีสอร์ทไวๆ แต่วันนี้ถนนสุวินทวงศ์ก็มีรถมากเหลือเกิน ไม่เป็นใจให้ผมเลย แต่นั่นก็ยังไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมผมอยากเจอนัท อยากคุยด้วย อยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ อยากคอยดูแลเอาใจ อยากเห็นนัทยิ้มและหัวเราะ แล้วก็...อยากกอดนัทไว้ในอ้อมแขน

ผมคงจะบ้าไปแล้วที่อยู่ดีๆ ก็เกิดคิดถึงน้องชายบุญธรรมของตัวเองขึ้นมา แถมยังไม่ใช่การคิดถึงกันอย่างพี่น้องทั่วไปเสียด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ทุกอย่างดูเร็วไปหมดจนผมเองก็ตามความรู้สึกของตัวเองไม่ทัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงจะพาผมมาไกลถึงขนาดนี้

ผมมาถึงที่รีสอร์ทตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม มาถึงก็ตรงดิ่งไปหานัทที่ห้องผม แต่ปรากฎว่านัทไม่อยู่ ผมเดินถามพนักงานที่ทำงานกะดึกก็ไม่มีใครรู้ว่านัทไปไหน ก็เลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ สงสัยว่านัทคงจะปิดเครื่อง นัทไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ผมเป็นห่วงจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว ผมเดินตามหานัทไปทั่วรีสอร์ทราวกับคนเสียสติ แต่ก็ไม่เจอนัทเลย หรือว่านัทออกไปข้างนอก นัทบอกว่ามีเพื่อนอยู่แถวๆ นี้ หรือว่าเพื่อนคนนั้นจะมารับนัทไป แล้วทำไมนัทถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ ผมถามตัวเองวุ่นไปหมด

ผมเดินมาไกลจนกระทั่งถึงอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ โซนนี้ไม่มีบ้านพักแต่ก็ยังมีแสงไฟติดไว้ตามทางเดินอยู่ ปกติผมไม่ค่อยมาแถวนี้เท่าไหร่เพราะค่อนข้างไกลและไม่มีอะไรให้ต้องทำหรือดูแลมาก

แล้วในที่สุดผมก็ได้เจอนัทเสียที นัทนั่งอยู่ตรงมุมมืดๆ บนม้านั่งที่จัดไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเหนื่อยจนหอบเพราะเดินมาหลายกิโล เหงื่อเปียกโชกไปทั้งตัวเลย

"นัท"

ผมเรียกด้วยเสียงหอบเหนื่อย นัทหันมามองว่าใครเรียก พอเห็นผมก็ลุกขึ้นยืนมองพลางยิ้มให้ ผมสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้แล้วนัทก็ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"พี่แฟรงค์วิ่งมาเหรอ"

"อ๋อ...ใช่" ผมตอบไปอย่างงงๆ และยังหอบอยู่

"มีอะไรเหรอ" นัทยังไม่วายสงสัย

"อ๋อ...เปล่า...ไม่มีอะไร"

"เปียกหมดเลยพี่แฟรงค์ เกิดคึกอะไรถึงได้ออกกำลังกายตอนดึกๆ ล่ะ"

นัทถามพลางขำ ทำให้ผมพอสบายใจขึ้นมาได้บ้างว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่ เมื่อกี้ผมกลัวไปหมดเลยว่านัทจะเศร้าใจที่ถูกแฟนทิ้งจนคิดสั้น

"เปล่า...พี่ตามหานัทนั่นแหละ ไม่รู้ว่านัทอยู่ตรงนี้ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด"

"อ๋อ แบ็ตมันหมดแล้ว นัทลืมเอาสายชาร์จมาจากคอนโดก็เลยไม่ได้ชาร์จ ว่าจะขอยืมของพี่แฟรงค์พรุ่งนี้นั่นแหละ แล้วเพียวล่ะ"

นัทถามพลางมองหาใครอีกคน

"กลับบ้านไปแล้ว" ผมตอบเสียงเบา

"เหรอ แล้วไปเที่ยวกันมาสนุกไหม"

"ก็โอเค แล้วนัทกินข้าวหรือยัง" ผมรีบพาไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากคุยเรื่องเพียวกับนัทเท่าไหร่

"กินแล้ว นัทนึกว่าพี่แฟรงค์จะกลับบ้านไปซะอีก ทำไมกลับมาอีกล่ะ ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ"

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากเย็น อาการเหนื่อยหอบหายไปแล้ว แต่กลับมีอาการประหม่าเข้ามาแทน

"เปล่า...แฟรงค์ทำงานเสร็จหมดแล้ว"

นั่นก็ยิ่งทำให้นัทสงสัยใหญ่

"อ้าว...แล้วแฟรงค์กลับมาทำไมล่ะ นัทช่วยดูให้หมดแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้ลูกค้าก็ไม่เยอะด้วย"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก" ผมรีบแย้ง เกาหัวแกรกๆ พร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ

"แล้วอะไรล่ะ"

ผมคงจะเข้าตาจนแล้วล่ะ โกหกไปโกหกมาผมก็กลัวจะพูดไม่เหมือนเดิมให้นัทจับได้ ผมเขยิบเข้าใกล้นัทอีกหน่อย แล้วก็รวบตัวคนที่ผมแสนจะคิดถึงมาไว้ในอ้อมแขนทั้งๆ ที่ตัวเปียกและเหม็นเหงื่อ ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว

"พี่คิดถึงนัทไง...ก็เลยมาหา"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา