เผด็จการรัก [ทำมือ+พร้อมส่ง]
เขียนโดย ปันปัณณ์
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 13.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1
พราวพระจันทร์เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องอาหารประจำรีสอร์ตกวาดสายตาไปรอบๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเพื่อนทั้งสองไม่อยู่ที่นี่อย่างที่คิดไว้จริงๆ จึงยกของที่ถือไว้เต็มมือขึ้นมาดู...ก็เห็นแต่กระเป๋าสตางค์สีหวานใบเดียวที่อยู่ในมือ
เธอต้องการโทรศัพท์ ตั้งใจจะโทร. เรียกชมพูนุชให้มานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนเสียหน่อย หญิงสาวไม่ชอบนั่งกินข้าวคนเดียว เพราะตั้งแต่แม่เอาแต่ทำงานจนเธอต้องอยู่บ้านกับพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้เธอเกลียดการกินข้าวคนเดียวเป็นที่สุด
ทว่าวริศรา มาโครตัน ป้าข้างบ้านที่เธอเคารพรักยิ่ง ก็เสนอตัวเข้ามาช่วยดูแลเธอระหว่างที่นับดาวต้องเดินทางไปโปรโมตคอลเลคชั่นใหม่ของห้องเสื้อเป็นประจำ และเธอก็เริ่มชินกับการเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวมาโครตันไปโดยปริยาย ถึงแม้จะได้รับความรักและความอบอุ่นจากบ้านมาโครตันอย่างล้นเหลือ แต่นิสัยไม่ชอบกินข้าวคนเดียวมันก็ยังแก้ไม่หายอยู่ดี
...ไม่มีโทรศัพท์!
พราวพระจันทร์หัวเสียกับตัวเอง ไม่รู้เพราะอาการหิวหรือเปล่าที่ทำให้เธอหงุดหงิดได้มากมายขนาดนี้ เธอเหลียวหลังไปมองทางเดินจากห้องพักมายังห้องอาหาร
...มันอยู่ไกลกันพอสมควรเลยนะ ถ้าจะให้เดินกลับไปเอาโทรศัพท์ สู้เดินไปหายัยพิงก์ที่ผับจะดีกว่า อาจสั่งอาหารที่นั่นกินเล่นๆ เพื่อรองท้องกันตายไปก่อนก็ยังดี เจ้าของร่างเพรียวหันรีหันขวาง...ชั่งใจอยู่นาน เพราะยังตัดสินใจหาทางระงับความหิวให้กับตัวเองไม่ได้สักที
ในที่สุด! หญิงสาวก็เลือกที่จะเดินเลาะชายหาดไปตามทาง เธอมั่นใจว่าสองคนนั้นต้องดื่มเหล้าอยู่ที่ผับริมชายหาดแน่ๆ เพราะตั้งแต่เช้า ยัยพิงก์ก็ร่ำๆ จะมาที่นี่อยู่ท่าเดียว แล้วตฤนเพื่อนรักของเธออีกคน ก็ไม่เคยขัดใจยัยพิงก์ตัวแสบได้เลยสักครั้ง
เป็นดังคาด...เมื่อเธอเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในความมืดของผับริมหาดได้สำเร็จ โชคยังดีที่แสงไฟกะพริบวาววับ พอส่องทางให้เธอเดินสะดวกได้บ้าง เธอมองผ่านผู้คนมากมายที่สวมชุดสีขาวราวกับเป็นธรรมเนียมของที่แห่งนี้ เพราะมันสวยงามที่สุดเมื่อยามสะท้อนแสงไฟสีม่วงอร่าม ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับ เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชมพูนุชถึงได้เลือกชุดนี้ให้เธอ เพราะตอนนี้เธอดุจพระจันทร์ที่ส่องแสงประกายอยู่กลางหมู่ดาวมากมาย
พราวพระจันทร์เดินตรงผ่านหน้าเคาน์เตอร์บาร์ไปยังโต๊ะกลมทรงสูงขนาดเล็ก มีเพื่อนรักทั้งสองที่กำลังนั่งล้อมอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน บนโต๊ะมีแก้วช็อตบรรจุน้ำสีขาวใสวางเรียงเต็มไปหมด
“ทำอะไรกัน” พราวพระจันทร์เอ่ยขึ้น เมื่อปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ทรงสูง เธอนั่งเท้าคางมองสีหน้าจริงจังของชมพูนุชแล้วนึกสงสัย
“อย่าเพิ่งถาม แกเป็นพยานให้ฉันนะพราว”
พราวพระจันทร์ขมวดคิ้วยุ่ง มองคนตรงหน้าที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเป่ายิ้งฉุบ ท่าทางของตฤนก็ดูสบายๆ อยู่หรอก แต่ยัยพิงก์เพื่อนเธอนี่สิ มันจะจริงจังอะไรขนาดนั้น แล้วผลที่ออกมาก็ทำเอาชมพูนุชโวยวายผับแทบแตก โชคยังดีที่เสียงเพลงกลบเสียงโอดครวญของเพื่อนรักจนสิ้น
“แกดู! พราว! ฉันแพ้มาสิบตาติดแล้วเนี่ย กินจนคิดว่ามันเป็นน้ำเปล่าอยู่แล้ว”
พราวพระจันทร์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เมื่อดูสภาพเพื่อนแล้วไม่ต้องสืบเลย ยัยพิงก์คงแพ้นายตฤนราบคาบแน่นอน น้ำเสียงที่โวยวายออกมาแต่ละทีถึงได้อ้อแอ้จนน่าขัน คนมาใหม่จึงปลอบเพื่อนกึ่งซ้ำเติมว่า
“ก็แกไม่เคยเป่ายิ้งฉุบชนะใครเลยสักที แล้วยังจะกล้าเล่นอีกนะ”
“พราว! แกต้องช่วยฉันกอบกู้ศักดิ์ศรีนะเพื่อน ตฤนนายต้องออกช้ากว่าฉันแน่ๆ...ขี้โกง!” ชมพูนุชชี้หน้าต่อว่าตฤนไม่จริงจังนัก เพราะชายหนุ่มยังนั่งกอดอกหัวเราะแสดงท่าไม่ยี่หระ คนโวยวายเลยสักนิด
พราวพระจันทร์นึกขำ เมื่อยัยพิงก์หันมาขอความช่วยเหลือจากเธอ และศักดิ์ของลูกผู้หญิงมันหยามกันไม่ได้อย่างที่เพื่อนรักว่าไว้จริงๆ เธอจึงหันไปหาตฤนยักคิ้วให้เพื่อนที่กำลังจะกลายเป็นคู่ต่อสู้แล้วเอ่ยว่า
“พร้อมหรือยังตฤน”
“พราวเราว่าเลิกเล่นกันดีกว่า เพราะพราวเองก็ไม่เคยชนะเราเลยสักที”
เมื่อโดยนายตฤนปรามาสซึ่งๆ หน้าแบบนี้ พราวพระจันทร์ถึงกลับลืมอาการหิวโหยในตอนแรกจนหมดสิ้น วันนี้เธอจะทำให้เพื่อนรักที่เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเมาแอ๋จนเดินกลับห้องไม่ถูกเลยคอยดู
หญิงสาวคำรามฮึ่มๆ ในใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตา...พยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงของพวกเธอคืนอย่างเต็มที่ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางได้คืนมาอย่างแน่นอน...
♦♦♦♦♦
ตฤนอุ้มร่างบอบบางที่นอนสลบไม่รู้เรื่องอยู่ในอ้อมแขน เดินตามหลังผู้หญิงที่มักจะเดินหลังตรงด้วยท่าทางสง่างามอยู่ตลอดเวลาอย่างพราวพระจันทร์แล้วอดที่จะหัวเราะในลำคอไม่ได้
“ฉันได้ยินนายแอบหัวเราะฉันนะตฤน”
“แอบตรงไหน เราก็หัวเราะเปิดเผยออกจะตายไป เฮ้ย...เดินไหวเปล่า มานั่งรอตรงนี้ไหม เดี๋ยวเราพาพิงก์ไปนอนแล้วจะกลับมารับไปส่งที่ห้อง” ตฤนบอก เมื่อเห็นคนตรงหน้าเดินโซเซจนเกือบจะล้มอยู่หลายครั้ง
“เฮอะ! เรื่องเล็ก เหล้าแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างพราวพระจันทร์หมอบลงได้หรอก”
“เก่งจริงแม่คุณ...” ชายหนุ่มประชด
“หึ...ถ้าฉันไม่เก่งแล้วจะเป็นเพื่อนนายกับยัยพิงก์ได้ยังไง แสบๆ ทั้งนั้น”
ตฤนหัวเราะเบาๆ ให้กับคำพูดของเพื่อน ไม่รู้จะภูมิใจหรือเสียใจดีที่เธอชมปนต่อว่าออกมาอย่างนี้ เขาพเยิดหน้าไปทางประตูห้องที่อยู่ทางซ้ายมือ ก่อนจะบอกหญิงสาวว่า
“พราว รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวเราเดินไปส่ง”
“ไม่ต้อง...นายพายัยพิงก์ไปนอนแล้วกลับห้องได้เลย ห้องฉันเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“เอางั้นเหรอ เดินกลับดีๆ นะ” เขาลังเล เพราะสภาพคนในอ้อมแขนก็แย่จนน่าเป็นห่วง ไม่รู้พอหัวถึงหมอนจะอาเจียนออกมาอีกหรือเปล่า เพราะรายนี้เมื่อเอาเหล้าเข้าปากแล้วจำต้องเอาออกทางปากเช่นกัน แต่สิ่งที่ขย้อนออกมานั้นคือทุกอย่างที่เธอกินเข้าไปทั้งหมดของวันนี้
“อืม...แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องปลุกนะ จะตื่นสายหน่อยแล้วกลับกรุงเทพฯ เลย นายสองคนจะอยู่เที่ยวต่อใช่ไหม”
“ใช่ ถึงกรุงเทพฯ แล้วโทร. มาบอกด้วยนะ”
“โอเค ไปละ ง่วง”
ตฤนยืนมองเพื่อนรักเดินไปจนเห็นว่าเธอใกล้จะถึงหน้าประตูบ้านพักที่อยู่ห่างจากห้องของชมพูนุชประมาณสี่สิบเมตรเห็นจะได้ เขาจึงเปิดประตูห้องพักของชมพูนุช แล้วก้าวเข้าไปในห้องของเพื่อนรักที่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมสติที่มีทั้งหมดทิ้งไว้ยังผับด้วยความหมดห่วง
♦♦♦♦♦
พราวพระจันทร์กำลังยืนหากุญแจอยู่หน้าห้องอย่างทุลักทุเล ด้วยสายตาพร่าเลือนประกอบกับสติอันน้อยนิดมันยิ่งทำให้เธอหายากเข้าไปใหญ่ แล้วจู่ๆ มือหนาของใครบางคนก็จับหมับที่หัวไหล่ทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานตัวเธอก็ถูกหมุนให้หันหน้ามาเผชิญกับเจ้าของมือแกร่งจนไม่ทันได้ตั้งตัว
“หวังว่าคุณคงรอผมไม่นานนะครับคนสวย”
คนขี้เมาเบิกตาโต จ้องหน้าชายหนุ่มชาวต่างชาติอย่างงงงัน เธอกะพริบตาหลายครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองเมาจนอาจจะเพ้อไป แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงไม่ใช่สำเนียงไพเราะที่เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งนั้น
“ว่าไงครับคุณผู้หญิง”
“คะ...คุณ...ปะ...เป็นใคร” พราวพระจันทร์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะโดนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เรื่องแบบนี้เราไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกันหรอกครับ ผมคิดว่าคุณก็คงรู้ดี”
หญิงสาวกลั้นหายใจ เมื่อเขาโน้มตัวเข้าหา เธอขยับถอยหลังช้าๆ จนแผ่นหลังเนียนเบียดชิดติดกำแพง กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ กระทบจมูกรั้นบางเบา เธอจึงจ้องหน้าเจ้าของมือแกร่งที่วางเทากำแพงอยู่ข้างลำตัวนิ่งๆ
...นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอไม่เข้าใจ
ทว่าก่อนที่เธอจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป เรียวปากสวยก็ถูกประกบติดด้วยปากหยักอย่างนุ่มนวล แล้วเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงทันทีที่เธอพยายามต่อท้านเขา มือหนาประคองใบหน้านวลให้อยู่นิ่งๆ เพื่อตอบรับการรุกรานของเขาอย่างผู้ที่มีความชำนาญกว่า แล้วมันก็ได้ผล เมื่อหญิงสาวเผยอริมฝีปากเปิดรับเขาอย่างเผลอไผล ลิ้นอุ่นซ่านก็ซอกซอนเข้ามาสำรวจโพรงปากหวานทันที เกี่ยวกระหวัดรัดรึงจนกายสาวสั่นสะท้าน
++++++++++
ดาวน์โหลดฉบับเต็มได้ที่
ต้องการรูปเล่มสั่งซื้อที่เพจ ปันปัณณ์ ๐ ลาภิสรา
หรือ www.baengpunbook.com
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ