Demon spell สะกดหัวใจนายปีศาจ [Yaoi]
-
เขียนโดย โมโมะจิ
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
5,444 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) chapter 01
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ01
“ไง ไม่โตขึ้นเลยนะ” เด็กหนุ่มม.ปลายหน้าตาดี ผิวขาวเนียนนั่งคุยพร้อมกับลูบหัวสุนัขจรจัดที่เขาพบก่อนจะไปโรงเรียนทุกเช้า แต่มันก็ไม่โตขึ้นเลย ทั้งๆเขาเองก็ให้อาหารทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว
เขาชื่อว่า มิซารุ อากิ นักเรียนม.ปลาย ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายในเมืองแห่งหนึ่ง เขาไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องพวกนั้นเลยและเขากลับรู้สึกว่าการได้อยู่ตัวคนเดียวยังดีกว่าการมีเพื่อนมากมายซะอีก เขาเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครและทุกคนต่างก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาเลยแม้แต่น้อยและยังชอบทำท่าทางรังเกียจเขาอีกด้วย
“ไปล่ะ ไว้เจอกัน” เขาบอกลาเจ้าลูกหมาก่อนจะลูบหัวมันแล้ววิ่งจากไป
เวลา 8.00 น.
กริ้งงงงงง!
เสียงออดเข้าคาบเรียนดังขึ้น นักเรียนทุกคนต่างสลายตัวมานั่งที่ของตนเอง อากิได้แต่นั่งเหม่อมองไปที่หน้าต่าง
เรามีชีวิตอยู่...เพื่ออะไรกันนะ
เขาได้แต่ตั้งคำถามภายในใจตัวเองทุกๆวันที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มันก็แค่คำถามลอยๆที่ทำให้เขาคิดหาคำตอบไปวันๆ แต่ก็ไม่สามารถค้นพบคำตอบนั้นได้เลย
“เอาล่ะทุกคน วันนี้ครูจะให้ทำงานกลุ่มกันนะจ้ะ แบ่งกลุ่มกันเลยนะ กลุ่มละ 5 คน จะเหลือ 1 คน เอาเป็นว่าใครที่มีน้ำใจก็ช่วยดึงเพื่อนเข้ากลุ่มด้วยแล้วกัน รีบจัดนะ ครูให้เวลา 5 นาทีเท่านั้น”
ครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์ออกคำสั่งเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสอน ในขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะจัดกลุ่ม แต่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่สนใจใครหน้าไหน เขาเอาแต่นั่งเหม่อไปทางหน้าต่าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าครูสั่งให้ทำอะไร แต่เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีใครอยากจะชวนเขาเข้ากลุ่มอยู่แล้ว มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอด…ตลอดมา
“เอ่อ...มีใครอยากจะให้...” ครูกำลังจะถามประโยคที่ทุกคนมักจะได้ยินบ่อยๆเมื่อมีการจัดกลุ่ม แต่ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมขออยู่คนเดียวครับ” อากิแทรกขึ้น แต่ทุกคนในห้องไม่มีใครหันมามองเขาเลยและยังนั่งพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขากันใหญ่
“แน่ใจว่าทำคนเดียวได้นะ ครูว่า...”
“ผมทำได้ครับ” อากิตอบเพื่อตัดความรำคาญ เพราะเขามั่นใจตัวเองพอสมควร ในเรื่องการเรียนของเขานั้นไม่เป็นรองใครทั้งนั้นในชั้นเรียนนี้ และยังสอบได้คะแนนสูงในทุกวิชา
“งั้นเปิดหนังสือหน้า 156 แล้วทำตามได้เลยจ่ะ ครูเก็บคะแนนด้วยนะ เพราะงั้นก็ตั้งใจกันหน่อยนะ”
อากิที่เปิดหนังสือก็ทำตามอย่างไม่มีข้อขัดข้องใดๆ ในขณะที่คนอื่นๆในห้องต่างก็ยังงงกับวิธีทำและนั่นก็ทำทุกคนในห้องไม่ชอบเขาเข้าไปอีก
กริ้งงงงงง!
เสียงออดหมดคาบดังขึ้น นี่เป็นสัญญาณว่าการเก็บคะแนนครั้งนี้ได้จบลง ใครที่ทำได้มากน้อยแค่ไหนก็จะได้คะแนนตามเนื้อผ้า
“เอาล่ะทุกคน พอได้แล้ว วันนึ้กลุ่มที่ได้คะแนนเต็มและทันเวลามีเพียงกลุ่มเดียว อ้อไม่สิ คนเดียว นั่นก็คือ มิซารุ อากิ คราวหน้าครูหวังว่าคนอื่นคงตั้งใจกว่านี้และก็ไปดูบทเรียนล่วงหน้าก็ดีนะจ้ะ”
อาจารย์คนสวยพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงอุปกรณ์ทดลองที่นักเรียนต้องจัดการเก็บไปไว้ที่ห้องเก็บอุปกรณ์กันเอง
“นี่ ไปเตรียมตัวเรียนพละกันเถอะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดเสนอขึ้น ก่อนที่เพื่อนทุกคนจะหันมามองแล้วทำท่าเห็นด้วยก่อนจะเดินออกจากห้องไปกันหมด ทิ้งไว้เพียงอุปกรณ์ทดลองของคาบเรียนวิทยาศาสตร์
สุดท้ายแล้วอากิก็ต้องเป็นคนเก็บแทนเพราะนี่คือหน้าที่ที่ถูกแบ่งไว้ให้แต่ละคนในห้อง และตามจริงแล้วจะต้องมีอีก4 คนที่ทำหน้าที่นี้ แต่ทว่าไม่มีใครยอมรับหน้าที่นี้ ที่อากิยอมทำก็เพราะเขาเป็นคนไม่เรื่องมาก และอีกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธ
“เอ่อ...อากิคุง” ในขณะที่อากิกำลังเก็บของให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไปเรียนคาบต่อไปนั้น อยู่ๆก็มีเสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายเรียกเขาก่อนที่เขาจะหันไปให้ความสนใจกับเสียงนั้นแทนการเก็บอุปกรณ์
“ให้ผมช่วยนะครับ...คือ...ผม...มิยากินะครับ...คือ...” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก ผิวขาวซีดที่อยู่ชั้นเรียนเดียวกับอากิได้แต่ยืนบิดซ้ายบิดขวาราวกับเขินอาย หน้าขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาอากิถึงกับสงสัยว่าเขาต้องการอะไรถึงได้เข้ามาพูดกับเขาทั้งๆคนอื่นต่างไม่ชอบเขากันทั้งนั้น
“ไม่ต้อง แค่นี้ฉันทำเองได้ นายไปเรียนเถอะ” อากิตัดความรำคาญด้วยการปฏิเสธน้ำใจอีกฝ่าย
“แต่ว่า...ผมเห็นมานานแล้วนะครับ” คำพูดของคนตัวเล็กทำให้อากิชะงักเพราะความสงสัยกับประโยคที่ว่า ‘เห็นมานานแล้ว’
“อะไร” เขาถามกลับไปสั้นๆ ตามนิสัยพูดน้อยของเขา
“อากิคุง...คงเหนื่อยสินะครับ ที่ต้องเก็บของแบบนี้ตลอด...ผม...อยากเป็นเพื่อนกับอากิคุงนะครับ แล้วก็อยากช่วยอากิคงด้วยครับ”
สีหน้าใสซื่อ แววตาที่บอกถึงความจริงใจไร้ซึ่งความมุ่งร้ายของมิยากิทำเอาอากิเงียบไป เพราะไม่อยากเชื่อประโยคที่ตัวเองได้ยิน ไม่เคยเจอ...ไม่มีใคร...ไม่มีเลย...คนที่พูดแบบนี้กับเขา
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบความยุ่งยากที่มีเพื่อน นายเองก็น่าจะมีเพื่อนไม่ใช่รึไง ทำไมต้องเป็นฉัน” เป็นการบอกปัดความหวังดีของมิยากิ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำแบบนั้น แต่เขาเองก็กลัว...กลัวการที่ต้องผิดหวัง หากคนๆนี้หลอกใช้ หากคนๆนี้ไม่จริงใจ เขาจะทำยังไง
“ไม่เหงาเหรอ ที่ต้องอยู่คนเดียว ผมเห็นอากิชอบเหม่อตลอดเลย ผม...”
“นายไม่ต้องมาเดือดร้อนแทนฉันหรอก ฉันบอกนายว่าเหงารึไง ฉันบอกนายว่าฉันอยากมีเพื่อนรึไง อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เขาจำใจพูดตัดความหวังดีของมิยากิ เขาไม่อยากให้มิยากิต้องโดนเพื่อนคนอื่นเกลียดเหมือนกับที่เขาเจอ
“ขอโทษนะ...ผม...ฮึก...ผม...” มิยากิพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็วิ่งออกไปทั้งน้ำตา
ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมต้องร้องไห้ด้วย เรื่องแค่นี้...
อากิได้แต่คิดวุ่นวาย ไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกหรือไม่ที่พูดจาทำร้ายน้ำใจมิยากิ
เขาพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวแล้วรีบเก็บอุปกรณ์ทดลองต่อ แต่เขาทำต่อไปได้ไม่ถึง 3 นาที เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนเปิดประตูเข้ามา ซึ่งคนๆนั้นก็คือ มิยากิ
“เอ่อ...คือ...ให้ผมช่วยเถอะนะครับอากิคุง ถึงจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับอากิคุง แต่ให้ผมช่วยเถอะนะครับ” มิยากิยังคงยืนยันที่จะช่วยอากิ เขายังคงมุ่งหวังที่จะเอาชนะใจอากิและจะทำให้อากิยอมรับเขาเป็นเพื่อน
อะไรกัน เมื้อกี้ยังร้องไห้อยู่เลย
“ตามใจ” อากิตอบกลับสั้นๆ แค่นั้นก็ทำมิยากิรู้สึกดีขึ้นมา
ในขณะที่ช่วยกันเก็บของอยู่นั้น มิยากิเผลอทำหนังสือเล่มเล็กที่พกติดตัวเขาตลอดเวลาหล่นลง เป็นหนังเกี่ยวกับปีศาจในตำนาน เขารีบเก็บขึ้นมาแล้วรีบปัดฝุ่นราวกับหนังสือเล่มนั้นเป็นของรักของหวงยังไงยังงั้น อากิที่สังเกตเห็นท่าทางที่น่าเอ็นดูแบบนั้นเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“มะ..มีอะไรเหรอครับอากิคุง” เจ้าตัวก็สังเกตเห็นว่าอากิยิ้มอยู่จึงถามด้วยความสงสัย อากิที่ถูกถามแบบนั้นจึงรีบหุบยิ้มทันที
“เปล่า นายชอบอ่านอะไรแบบนั้น...เหรอ” อากิรู้สึกเขินนิดๆที่เอ่ยถามมิยากิ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยถามอะไรใครโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“ครับ ผมชอบอ่านมากๆเลย ผมรู้สึกว่าปีศาจพวกนี้มีจริงน่ะครับ” มิยากิตอบอย่างภาคภูมิใจ เขาชอบและรู้เรื่องเกี่ยวกับปีศาจพวกนี้ทุกอย่าง แม้ว่าหลายคนจะบอกว่ามันก็แค่เรื่องเล่าที่คนเล่าต่อๆกันมาแค่นั้น แต่มิยากิก็ยังเชื่อและคิดว่าปีศาจพวกนี้มีอยู่จริง
“หึ งมงาย” อากิตอบกลับสั้นๆ เพราะเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ รู้มั้ยครับว่าปีศาจน่ะมีทั้งที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ แล้วที่คอยทำลายมนุษย์ แล้วปีศาจที่ช่วยมนุษย์ก็มีท่านทามากิ ยากาชิ เค้าว่ากันว่าเป็นปีศาจที่รูปงามแล้วก็ยังมี...” มิยากิเผลออธิบายซะลืมตัวจนอากิทนฟังต่อไปไม่ได้จึงพูดแทรกขึ้น
“พอเถอะ ไอ้ปีศาจที่ว่านั่นถ้ามันมีจริงฉันก็ต้องเจอแล้วอีกอย่างนายเคยเจอรึยังล่ะ” อากิถามเพื่ออีกฝ่ายได้สติจะได้เลิกงมงายสักที
“ไม่เคยครับ” มิยากิตอบเสียงเบา สีหน้าหงอยลงไปมากจนอากิเองก็เริ่มรู้สึกผิดที่ไปพูดหักน้ำใจมิยากิอย่างนั้น
“นี่ เจ้าทามากิอะไรนั่นน่ะ ถ้ามันมีอยู่จริงก็ช่วยบอกให้มันโผล่มาให้เห็นทีเถอะ หึ ก็เป็นแค่สิ่งที่คนแต่งขึ้นมาน่ะแหละ ถึงต่อให้มีจริง ขึ้นชื่อว่าปีศาจยังไงก็เป็นปีศาจอยู่วันยังค่ำ และฉันนี่แหละจะทำให้เจ้านั่นเป็นทาสฉันเอง หึหึ ถ้ามีจริงอ่านะ” อากิพูดจบก็รีบจัดการของเพื่อจะได้ไปเรียนต่อ เพราะมันเลยเวลามากแล้ว
เขาไม่รู้หรอกว่าปีศาจจะมีจริงรึเปล่า แต่ตัวเขาในตอนนี้ต่อให้เจอปีศาจจริงๆก็ไม่กลัวหรอก ต่อให้ต้องตายเพราะปีศาจเขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเองก็ไม่รู้เลยว่า ความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร
TBC.
“ไง ไม่โตขึ้นเลยนะ” เด็กหนุ่มม.ปลายหน้าตาดี ผิวขาวเนียนนั่งคุยพร้อมกับลูบหัวสุนัขจรจัดที่เขาพบก่อนจะไปโรงเรียนทุกเช้า แต่มันก็ไม่โตขึ้นเลย ทั้งๆเขาเองก็ให้อาหารทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว
เขาชื่อว่า มิซารุ อากิ นักเรียนม.ปลาย ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายในเมืองแห่งหนึ่ง เขาไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องพวกนั้นเลยและเขากลับรู้สึกว่าการได้อยู่ตัวคนเดียวยังดีกว่าการมีเพื่อนมากมายซะอีก เขาเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครและทุกคนต่างก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาเลยแม้แต่น้อยและยังชอบทำท่าทางรังเกียจเขาอีกด้วย
“ไปล่ะ ไว้เจอกัน” เขาบอกลาเจ้าลูกหมาก่อนจะลูบหัวมันแล้ววิ่งจากไป
เวลา 8.00 น.
กริ้งงงงงง!
เสียงออดเข้าคาบเรียนดังขึ้น นักเรียนทุกคนต่างสลายตัวมานั่งที่ของตนเอง อากิได้แต่นั่งเหม่อมองไปที่หน้าต่าง
เรามีชีวิตอยู่...เพื่ออะไรกันนะ
เขาได้แต่ตั้งคำถามภายในใจตัวเองทุกๆวันที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มันก็แค่คำถามลอยๆที่ทำให้เขาคิดหาคำตอบไปวันๆ แต่ก็ไม่สามารถค้นพบคำตอบนั้นได้เลย
“เอาล่ะทุกคน วันนี้ครูจะให้ทำงานกลุ่มกันนะจ้ะ แบ่งกลุ่มกันเลยนะ กลุ่มละ 5 คน จะเหลือ 1 คน เอาเป็นว่าใครที่มีน้ำใจก็ช่วยดึงเพื่อนเข้ากลุ่มด้วยแล้วกัน รีบจัดนะ ครูให้เวลา 5 นาทีเท่านั้น”
ครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์ออกคำสั่งเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสอน ในขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะจัดกลุ่ม แต่ก็มีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่สนใจใครหน้าไหน เขาเอาแต่นั่งเหม่อไปทางหน้าต่าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าครูสั่งให้ทำอะไร แต่เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีใครอยากจะชวนเขาเข้ากลุ่มอยู่แล้ว มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอด…ตลอดมา
“เอ่อ...มีใครอยากจะให้...” ครูกำลังจะถามประโยคที่ทุกคนมักจะได้ยินบ่อยๆเมื่อมีการจัดกลุ่ม แต่ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมขออยู่คนเดียวครับ” อากิแทรกขึ้น แต่ทุกคนในห้องไม่มีใครหันมามองเขาเลยและยังนั่งพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขากันใหญ่
“แน่ใจว่าทำคนเดียวได้นะ ครูว่า...”
“ผมทำได้ครับ” อากิตอบเพื่อตัดความรำคาญ เพราะเขามั่นใจตัวเองพอสมควร ในเรื่องการเรียนของเขานั้นไม่เป็นรองใครทั้งนั้นในชั้นเรียนนี้ และยังสอบได้คะแนนสูงในทุกวิชา
“งั้นเปิดหนังสือหน้า 156 แล้วทำตามได้เลยจ่ะ ครูเก็บคะแนนด้วยนะ เพราะงั้นก็ตั้งใจกันหน่อยนะ”
อากิที่เปิดหนังสือก็ทำตามอย่างไม่มีข้อขัดข้องใดๆ ในขณะที่คนอื่นๆในห้องต่างก็ยังงงกับวิธีทำและนั่นก็ทำทุกคนในห้องไม่ชอบเขาเข้าไปอีก
กริ้งงงงงง!
เสียงออดหมดคาบดังขึ้น นี่เป็นสัญญาณว่าการเก็บคะแนนครั้งนี้ได้จบลง ใครที่ทำได้มากน้อยแค่ไหนก็จะได้คะแนนตามเนื้อผ้า
“เอาล่ะทุกคน พอได้แล้ว วันนึ้กลุ่มที่ได้คะแนนเต็มและทันเวลามีเพียงกลุ่มเดียว อ้อไม่สิ คนเดียว นั่นก็คือ มิซารุ อากิ คราวหน้าครูหวังว่าคนอื่นคงตั้งใจกว่านี้และก็ไปดูบทเรียนล่วงหน้าก็ดีนะจ้ะ”
อาจารย์คนสวยพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงอุปกรณ์ทดลองที่นักเรียนต้องจัดการเก็บไปไว้ที่ห้องเก็บอุปกรณ์กันเอง
“นี่ ไปเตรียมตัวเรียนพละกันเถอะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดเสนอขึ้น ก่อนที่เพื่อนทุกคนจะหันมามองแล้วทำท่าเห็นด้วยก่อนจะเดินออกจากห้องไปกันหมด ทิ้งไว้เพียงอุปกรณ์ทดลองของคาบเรียนวิทยาศาสตร์
สุดท้ายแล้วอากิก็ต้องเป็นคนเก็บแทนเพราะนี่คือหน้าที่ที่ถูกแบ่งไว้ให้แต่ละคนในห้อง และตามจริงแล้วจะต้องมีอีก4 คนที่ทำหน้าที่นี้ แต่ทว่าไม่มีใครยอมรับหน้าที่นี้ ที่อากิยอมทำก็เพราะเขาเป็นคนไม่เรื่องมาก และอีกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธ
“เอ่อ...อากิคุง” ในขณะที่อากิกำลังเก็บของให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไปเรียนคาบต่อไปนั้น อยู่ๆก็มีเสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายเรียกเขาก่อนที่เขาจะหันไปให้ความสนใจกับเสียงนั้นแทนการเก็บอุปกรณ์
“ให้ผมช่วยนะครับ...คือ...ผม...มิยากินะครับ...คือ...” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก ผิวขาวซีดที่อยู่ชั้นเรียนเดียวกับอากิได้แต่ยืนบิดซ้ายบิดขวาราวกับเขินอาย หน้าขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาอากิถึงกับสงสัยว่าเขาต้องการอะไรถึงได้เข้ามาพูดกับเขาทั้งๆคนอื่นต่างไม่ชอบเขากันทั้งนั้น
“ไม่ต้อง แค่นี้ฉันทำเองได้ นายไปเรียนเถอะ” อากิตัดความรำคาญด้วยการปฏิเสธน้ำใจอีกฝ่าย
“แต่ว่า...ผมเห็นมานานแล้วนะครับ” คำพูดของคนตัวเล็กทำให้อากิชะงักเพราะความสงสัยกับประโยคที่ว่า ‘เห็นมานานแล้ว’
“อะไร” เขาถามกลับไปสั้นๆ ตามนิสัยพูดน้อยของเขา
“อากิคุง...คงเหนื่อยสินะครับ ที่ต้องเก็บของแบบนี้ตลอด...ผม...อยากเป็นเพื่อนกับอากิคุงนะครับ แล้วก็อยากช่วยอากิคงด้วยครับ”
สีหน้าใสซื่อ แววตาที่บอกถึงความจริงใจไร้ซึ่งความมุ่งร้ายของมิยากิทำเอาอากิเงียบไป เพราะไม่อยากเชื่อประโยคที่ตัวเองได้ยิน ไม่เคยเจอ...ไม่มีใคร...ไม่มีเลย...คนที่พูดแบบนี้กับเขา
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบความยุ่งยากที่มีเพื่อน นายเองก็น่าจะมีเพื่อนไม่ใช่รึไง ทำไมต้องเป็นฉัน” เป็นการบอกปัดความหวังดีของมิยากิ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำแบบนั้น แต่เขาเองก็กลัว...กลัวการที่ต้องผิดหวัง หากคนๆนี้หลอกใช้ หากคนๆนี้ไม่จริงใจ เขาจะทำยังไง
“ไม่เหงาเหรอ ที่ต้องอยู่คนเดียว ผมเห็นอากิชอบเหม่อตลอดเลย ผม...”
“นายไม่ต้องมาเดือดร้อนแทนฉันหรอก ฉันบอกนายว่าเหงารึไง ฉันบอกนายว่าฉันอยากมีเพื่อนรึไง อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เขาจำใจพูดตัดความหวังดีของมิยากิ เขาไม่อยากให้มิยากิต้องโดนเพื่อนคนอื่นเกลียดเหมือนกับที่เขาเจอ
“ขอโทษนะ...ผม...ฮึก...ผม...” มิยากิพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็วิ่งออกไปทั้งน้ำตา
ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมต้องร้องไห้ด้วย เรื่องแค่นี้...
อากิได้แต่คิดวุ่นวาย ไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกหรือไม่ที่พูดจาทำร้ายน้ำใจมิยากิ
เขาพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวแล้วรีบเก็บอุปกรณ์ทดลองต่อ แต่เขาทำต่อไปได้ไม่ถึง 3 นาที เขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนเปิดประตูเข้ามา ซึ่งคนๆนั้นก็คือ มิยากิ
“เอ่อ...คือ...ให้ผมช่วยเถอะนะครับอากิคุง ถึงจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับอากิคุง แต่ให้ผมช่วยเถอะนะครับ” มิยากิยังคงยืนยันที่จะช่วยอากิ เขายังคงมุ่งหวังที่จะเอาชนะใจอากิและจะทำให้อากิยอมรับเขาเป็นเพื่อน
อะไรกัน เมื้อกี้ยังร้องไห้อยู่เลย
“ตามใจ” อากิตอบกลับสั้นๆ แค่นั้นก็ทำมิยากิรู้สึกดีขึ้นมา
ในขณะที่ช่วยกันเก็บของอยู่นั้น มิยากิเผลอทำหนังสือเล่มเล็กที่พกติดตัวเขาตลอดเวลาหล่นลง เป็นหนังเกี่ยวกับปีศาจในตำนาน เขารีบเก็บขึ้นมาแล้วรีบปัดฝุ่นราวกับหนังสือเล่มนั้นเป็นของรักของหวงยังไงยังงั้น อากิที่สังเกตเห็นท่าทางที่น่าเอ็นดูแบบนั้นเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“มะ..มีอะไรเหรอครับอากิคุง” เจ้าตัวก็สังเกตเห็นว่าอากิยิ้มอยู่จึงถามด้วยความสงสัย อากิที่ถูกถามแบบนั้นจึงรีบหุบยิ้มทันที
“เปล่า นายชอบอ่านอะไรแบบนั้น...เหรอ” อากิรู้สึกเขินนิดๆที่เอ่ยถามมิยากิ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยถามอะไรใครโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“ครับ ผมชอบอ่านมากๆเลย ผมรู้สึกว่าปีศาจพวกนี้มีจริงน่ะครับ” มิยากิตอบอย่างภาคภูมิใจ เขาชอบและรู้เรื่องเกี่ยวกับปีศาจพวกนี้ทุกอย่าง แม้ว่าหลายคนจะบอกว่ามันก็แค่เรื่องเล่าที่คนเล่าต่อๆกันมาแค่นั้น แต่มิยากิก็ยังเชื่อและคิดว่าปีศาจพวกนี้มีอยู่จริง
“หึ งมงาย” อากิตอบกลับสั้นๆ เพราะเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ รู้มั้ยครับว่าปีศาจน่ะมีทั้งที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ แล้วที่คอยทำลายมนุษย์ แล้วปีศาจที่ช่วยมนุษย์ก็มีท่านทามากิ ยากาชิ เค้าว่ากันว่าเป็นปีศาจที่รูปงามแล้วก็ยังมี...” มิยากิเผลออธิบายซะลืมตัวจนอากิทนฟังต่อไปไม่ได้จึงพูดแทรกขึ้น
“พอเถอะ ไอ้ปีศาจที่ว่านั่นถ้ามันมีจริงฉันก็ต้องเจอแล้วอีกอย่างนายเคยเจอรึยังล่ะ” อากิถามเพื่ออีกฝ่ายได้สติจะได้เลิกงมงายสักที
“ไม่เคยครับ” มิยากิตอบเสียงเบา สีหน้าหงอยลงไปมากจนอากิเองก็เริ่มรู้สึกผิดที่ไปพูดหักน้ำใจมิยากิอย่างนั้น
“นี่ เจ้าทามากิอะไรนั่นน่ะ ถ้ามันมีอยู่จริงก็ช่วยบอกให้มันโผล่มาให้เห็นทีเถอะ หึ ก็เป็นแค่สิ่งที่คนแต่งขึ้นมาน่ะแหละ ถึงต่อให้มีจริง ขึ้นชื่อว่าปีศาจยังไงก็เป็นปีศาจอยู่วันยังค่ำ และฉันนี่แหละจะทำให้เจ้านั่นเป็นทาสฉันเอง หึหึ ถ้ามีจริงอ่านะ” อากิพูดจบก็รีบจัดการของเพื่อจะได้ไปเรียนต่อ เพราะมันเลยเวลามากแล้ว
เขาไม่รู้หรอกว่าปีศาจจะมีจริงรึเปล่า แต่ตัวเขาในตอนนี้ต่อให้เจอปีศาจจริงๆก็ไม่กลัวหรอก ต่อให้ต้องตายเพราะปีศาจเขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเองก็ไม่รู้เลยว่า ความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ