แสบนักไม่ให้รักยังไงไหว

-

เขียนโดย ป้านิล

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.02 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,213 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3 หล่อโคตรๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3

หล่อโคตรๆ

          ร่างอรชรเดินเข้าไปในห้องพักที่มีความกว้างสิบแปดตารางเมตรซึ่งกว้างกว่าห้องพักทุกชั้นมากเพราะเป็นห้องพักชั้นล่างที่ราคาแพงกว่าและสะดวกกว่าเพราะมีที่จอดรถไว้ให้ ภายในห้องมีห้องน้ำขนาดเล็กแต่พื้นที่ใช้สอยก็สมราคา ค่าเช่าสำหรับห้องนี้เดือนละสองพันห้าบาท ส่วนที่เหลือด้านบนนั้นเจ้าของตึกสร้างขึ้นไปอีกสามชั้นแบบซอยถี่ยิบ เลยทำให้ชั้นสองถึงชั้นสี่มีราคาถูกแสนถูกแค่เดือนละพันห้า แต่ห้องของน้าธีรภพนั้นอยู่ห้องด้านมุมสุดและล่างสุดเพราะสะดวกในการเข้าออก แถมตึกนี้รวมทั้งตึกใกล้เคียงที่สองสามตึกก็เงียบยิ่งกว่าป่าช้าเพราะว่าเดี๋ยวนี้แถวบางนามีตึกใหม่ผุดขึ้นมากมาย การเดินทางสะดวกสบายกว่านี้ คนเลยย้ายไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงไม่กี่ห้องก็เป็นผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานแถวนี้ทั้งนั้นเพราะอาศัยอยู่กันมานานแล้วเลยไม่อยากจะย้ายไปไหน แม้ซอยจะไม่ได้เปลี่ยวอะไรมากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนพลุกพล่าน เนื่องจากอยู่ลึกมากแล้วร้านรวงต่างๆ ก็ไปสร้างกันจนแน่นขนัดอยู่แถวปากซอยกันจนหมด แต่อย่างน้อยก็ทำให้เธอมีที่ซุกหัวนอนโดยไม่ต้องจ่ายค่าห้อง แถมยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครันอีก อย่างน้อยช่วงที่กำลังตกงาน เธอก็ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่าห้องและอาจจะถูกไล่ออก และความคิดก็ต้องสะดุดเพียงแค่นั้น เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ธารใสต้องก้มมองชื่อในจอโทรศัพท์ จากนั้นก็ถอนใจเฮือกใหญ่

          “นังหนู แกจะกลับมาอยู่กับแม่เมื่อไรวะ” สายธารถามลูกสาวด้วยเสียงไม่เพราะหู แต่หญิงสาวก็ชินซะแล้วเพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก

          “จะกลับไปทำไมล่ะแม่ ลูกหนูทำงานอยู่นะ”

          “แกจะทำไปทำไมวะ ฉันบอกให้แกแต่งงานกับคุณพจน์ก็ไม่เชื่อ หล่อก็หล่อ แถมรวยอีกต่างหาก นี่เขายังฝากบอกด้วยนะว่า ถ้าแกยอมแต่งกับเขา คุณพจน์จะส่งแกเรียนหนังสือด้วย” ได้ฟังประโยคนั้นของมารดาหญิงสาวถึงกับย่นจมูก

          “ถ้ามีผัวแล้วจะเรียนมันทำไมล่ะแม่ ลูกหนูไม่เอาหรอก”

          “เอ๊ะ! นังหนู แกจะเอายังไงกันแน่ ก็ไหนแกบอกว่าอยากเรียนหนังสือ”

“ใช่ลูกหนูอยากเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้อยากมีผัวนี่แม่”

“อะไรกันหนักหนาวะ แกนี่มันเรื่องมาก ฉันไม่ได้บังคับให้แกขายตัวให้ตาแก่ตัณหากลับนะโว้ยนังหนู แกถึงจะมาปฏิเสธโอกาสดีๆ แบบนี้ ถ้าคุณพจน์เขาไม่หล่อ ฉันจะไม่พูดซักคำ นี่หล่อก็หล่อ รวยก็รวย ขยันขันแข็งเอาการเอางานทุกอย่าง นิสัยก็ดี แถมยังอายุแค่ยี่สิบห้า ไม่ได้แก่หงำเหงือกซักหน่อย เป็นฉันหน่อยไม่ได้ล่ะจะประเคนถึงที่เชียว” ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ก็เพราะความรักลูกสาว โอกาสดีๆ แบบนี้คนอย่างพวกเธอไม่ใช่จะหาได้ง่ายดายนัก เพราะชายหนุ่มคนที่เธอพูดถึง เป็นคนดี ทำงานขยันขันแข็ง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แถมพ่อแม่ของชายหนุ่มก็ไม่ได้รังเกียจลูกสาวเธอเลย มีแต่อยากได้ไปเป็นสะใภ้จนตัวสั่น เพราะลูกสาวของเธอเป็นคนเข้ากับคนได้ง่าย ทำมาค้าขายเก่งแล้วยังขยันขันแข็งอีกด้วย เธอก็อยากให้ลูกได้คนดีๆ แบบนั้นบ้าง แต่เพราะความที่เคยพูดกันไม่เพราะมาแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จะให้พูดหวานๆ สายธารก็ทำไม่เป็น

“ไอ้หล่อมันก็หล่ออยู่หรอกนะแม่ แต่ลูกหนูไม่ชอบนี่ ท่าทางเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้แบบนั้น ลูกหนูไม่เอาหรอก มันต้องหล่อๆ เซอร์ๆ แสบๆ และก็ดุๆ ด้วยถึงจะดี นั่นแหละแม่ผู้ชายในฝันของลูกหนู” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำตาฝัน ผิดด้วยหรือไงที่จะชอบผู้ชายแบบนั้น ก็ปากเก่งแถมสวยจัดอย่างเธอ เจอจืดชืดอย่างสุพจน์ชีวิตมันคงไร้รสชาติพิลึก อับเฉาเป็นเต่าล้านปีแย่ ถ้าวันๆ ต้องนั่งมองหน้าสามีที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา เอาแต่นั่งทำตาหวานกับเธออย่างเดียว ไอ้ลูกหนูไม่ชอบ

“แกจะบ้าหรือเปล่าวะนังลูกบ้า ผู้ชายแบบที่แกว่ามันคงจะพวกค้ายาแล้วมั้ง หรือไม่งั้นก็ผู้ร้ายฆ่าคนตาย แกนี่น้า อ่านนิยายมากเกินไปจนสมองเสื่อมหรือเปล่าวะ” สายธารด่ายาวเหยียด เพราะเวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ลูกสาวคนสวยของเธอมักจะพูดแบบนี้ตลอด แล้วไอ้ผู้ชายหล่อแบบบ้าๆ ที่ถูกสเปกตามที่ลูกสาวเธอว่ามาน่ะมันจะมีได้อย่างไรกันล่ะในกลุ่มคนดีๆ ถ้ามีก็ต้องเป็นพวกผู้ชายแบบที่เธอพูดมาแล้วนั่นแหละ

“ยังไงก็ช่างลูกหนูไม่แต่งเด็ดขาด ถ้าไม่ได้แบบผู้ชายในฝัน”

“ฉันถามแกจริงๆ เถอะนังหนู นี่แกแอบคบกับพวกค้ายาบ้าอยู่หรือเปล่าวะแกถึงได้พูดแบบนี้”

“จะบ้าหรือเปล่าแม่ ลูกหนูไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอกน่า ก็ที่พูดมาน่ะลูกหนูยังหาไม่เจอเลย” แม่นี่ก็พูดอะไรไม่รู้ ถึงลูกสาวแม่จะเรียนไม่สูงแต่ก็จิตใจสูงนะจะบอกให้ เรื่องอะไรจะไร้สติสิ้นคิด มีผัวเป็นพวกผู้ร้ายไร้อนาคต ที่เรียนไม่สูงนี่เพราะไม่มีเงินหรอก

“มันจะเจอได้ไงวะนังหนู คนดีๆ เขาคงไม่มีแบบที่แกว่าหรอก ผู้ชายดีๆ ที่ไหนวะจะมาหล่อ เซ่อ แล้วก็ดุๆ แสบๆ แถมดีอีกด้วยเหมือนแกว่า ถ้าไม่ใช่พวกค้ายา หรือพวกฆ่าข่มขืนน่ะ”

“หูย! เขาเรียกว่าเซอร์แม่ เซอร์น่ะไม่ใช่เซ่อ แค่นี้ก็ไม่รู้ เชยจริงๆ เลยแม่นี่ แล้วถ้าหากลูกหนูเจอล่ะ แม่จะว่าไง ผู้ชายโคตรหล่อ เซอร์ๆ แสบๆ และก็ดุๆ แถมเป็นคนดีด้วย”

“ให้มันหาได้เถอะว่ะ ฉันจะยกแกให้มันฟรีๆ ไม่เอาตังค์ซักบาทเลย” สายธารประชด แต่ถ้ามันหาได้จริงก็จะทำอย่างที่พูดนั่นแหละ ขอแค่ให้ลูกสาวมีคู่ครองที่ดีก็พอ จะรวยไม่รวยไม่สนใจ ให้ขยันขันแข็งและมีความรับผิดชอบเป็นใช้ได้ ขนาดเธอเองยังจนเลยจะไปให้คนอื่นรวยกันหมดได้อย่างไร

“แม่พูดจริงนะ”

“นังนี่มันยังไงวะ คุณพจน์ดีจะตายแกทำไมไม่เอาวะนังหนู แกจะได้สบายไง มัวแต่รอไอ้พวกบ้าที่แกว่าอยู่ได้ ชาตินี้จะหาเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้”

          “แม่อยากสบายแม่ก็แต่งเองแล้วกัน ลูกหนูไม่แต่งด้วยหรอก ลูกหนูจะหาของลูกหนูต่อไป แค่นี้นะแม่ รักแม่นะ” ธารใสพูดจบก็รีบวางสายพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาฝากแม่ไปให้คนรูปหล่อที่พูดถึงด้วย

 

          หลังจากที่ได้เห็นรูปพร้อมหลักฐานของคนที่เป็นต้นเหตุให้คู่ขามาทำร้ายน้องชายของเขาแล้ว อหังการ์ก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการกับผู้หญิงไร้ยางอาย วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากปั่นหัวผู้ชายเล่นคนนั้นไปจัดการให้ได้ เขาต้องสั่งสอนให้ผู้หญิงคนนั้นรู้จักสำนึกบ้าง งานในไร่ของเขาก็มีมากมาย จับแม่นั่นไปหัดทำงานให้หนักๆ ที่ไม่ใช่สาวเชียร์เบียร์ที่มีแต่อ่อยเหยื่อแล้วได้เงิน จากนั้นก็จะอบรมสั่งสอนมารยาทซักครึ่งปีแล้วค่อยปล่อยตัวกลับ จะได้รู้จักทำมาหากินแบบสุจริตโดยไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นต่อไปในวันข้างหน้า จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บตัวเหมือนน้องชายเขาอีก

วันนี้จึงเป็นวันที่สามแล้วที่อหังการ์มาเดินวนเวียนป้วนเปี้ยน ดูเหตุการณ์แถวร้านลีโอคาราโอเกะที่เดชบอก แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของผู้หญิงในรูป แต่ครั้นจะให้เขาไปถามคนที่ทำงานอยู่ในร้านชายหนุ่มก็ฉลาดพอ เพราะหากหญิงสาวหายตัวไป คนที่น่าสงสัยก็ต้องเป็นเขา อหังการ์ยังไม่อยากจะให้ตำรวจสาวเรื่องราวมาถึงตัวได้

มือใหญ่เสยผมที่ปรกหน้าด้วยความหงุดหงิด เพราะจนป่านนี้น้องชายของเขายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย เมื่อเช้าที่เข้าไปดู ก็เห็นสายระโยงระยางเต็มไปหมด ทั้งจมูกทั้งปาก เด็กหนุ่มที่อารมณ์ดีเป็นนิตย์ พูดจาสุภาพเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะมีสภาพที่ดูไม่ได้ขนาดนั้น

          “นาย เอาแน่หรือครับ” เจตน์ถามเจ้านายหนุ่มรูปหล่อที่หล่อสุดๆ แต่ก็ขี้โมโหและเอาแต่ใจตัวเองอย่างที่สุดด้วยเหมือนกัน แถมยังพ่วงความปากจัดเข้าไปอีกด้วย ที่ใครหน้าไหนได้ฟังก็ต้องพากันสะอึกหมด

          “แน่สิวะ ฉันต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนั้นให้รู้จักสำนึกให้ได้ งานการมีเยอะแยะไม่ทำ เอาแต่ใช้ร่างกายล่อหลอกผู้ชาย แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนวะ” อหังการ์พูดพร้อมกับดวงตาคมที่กำลังโชนแสง จนคนได้มองถึงกับหวาดกลัวและสยดสยองแทนผู้หญิงคนนั้น ก็เจ้านายเขาน่ะ ธรรมดาเสียที่ไหน เด็ดขาดเป็นที่สุด ลูกน้องในไร่พากันกลัวหัวหด เวลาดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายใครก็เอาไม่อยู่ แถมเอาแต่ใจตัวเองอย่างที่สุดอีกต่างหาก แต่ข้อนี้ให้รู้ไม่ได้นะ ไม่งั้นได้กินเท้าของนายเป็นอาหารแน่ แอบว่าได้ก็แต่ในใจเท่านั้นแหละ

“ใครว่าเขาไม่ทำงานครับ ก็เป็นสาวเชียร์เบียร์นั่นไง” แต่เจตน์ก็อดก่อกวนผู้เป็นนายไม่ได้

“แกอยากจะได้ตีนไปกินซักข้างสองข้างไหมไอ้เจตน์ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาจะมาทำอาชีพนี้วะ เพราะระวังตัวยาก หากไม่ใช่พวกรักสบายหวังจับผู้ชายรวยๆ เพราะตัวเองไม่มีอะไรเหลือให้ต้องกลัวอีกแล้ว” ตาคมกริบแฝงประกายเหี้ยมโหดที่ปรายมองมาทำให้เจตน์จำต้องยิ้มประจบ พร้อมกับนึกด่าตัวเองในใจที่ไม่น่าปากเสียแบบไม่ลืมหูลืมตาในสถานการณ์ที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานในขณะนี้เลย

“ผมว่าตามนายก็ได้ครับ เพราะตอนนี้ยังไม่อยากจะกินตีน เพิ่งกินข้าวไปเมื่อครู่นี่เอง อิ่มจนกินอะไรไม่ลงแล้วครับ” เจตน์ยิ้มด้วยสีหน้าปุเลี่ยน

          “ว่าแต่แกแน่ใจนะไอ้เจตน์ ว่าระหว่างที่ฉันเดินไปคุยโทรศัพท์กับอาดาเมื่อกี้ แกไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นผ่านตาบ้าง”

          “ไม่เห็นครับ บางทีอาจหนีไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ได้นะนาย” เจตน์เดาส่งไปตามเรื่อง

          “ก็ลองดูก่อนแล้วกันว่ะ ถ้าไม่เจอจริงๆ ถือซะว่ายายนั่นโชคดี ส่วนจิ๊บมันดันดวงซวย ช่วยไม่ได้” อหังการ์พูดอย่างปลงๆ แต่จะปล่อยให้เรื่องน้องชายเจ็บตัวฟรีน่ะไม่มีทาง เขามีวิธีสืบอีกเยอะแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เพราะมีงานล้นมือ

          “นาย นาย ดูนั่น ใช่ผู้หญิงในรูปหรือเปล่าครับ” จู่ๆ เจตน์ก็ส่งเสียงดังแล้วชี้มือไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวเหมือนคนในรูปกำลังเดินกอดคอกับผู้ชายสามคนเดินข้ามมาฝั่งนี้ ท่าทางหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินเข้าไปในซอยข้างร้านลีโอคาราโอเกะ หน็อยแน่! ยายตัวแสบ น่าขยะแขยงและสกปรกที่สุด ควงทีเดียวสามคนเลยหรือวะ

          “แกอยู่นี่นะไอ้เจตน์เดี๋ยวฉันมา” อหังการ์พูดจบก็หยิบหมวกแก๊ปสีดำขึ้นมาสวมใส่ แล้วรีบเดินตามคนทั้งสามไปห่างๆ

 

          “ไม่นึกเลยนะว่านอกจากหน้าตาที่สวยบาดใจจนเลือดซิบของแกแล้ว แกจะทำกับข้าวอร่อยเป็นสับปะรดกับเขาด้วย” พานุกระเซ้าเพื่อน วันนี้เป็นวันหยุด พวกเขาเลยโทร.มาชวนธารใสไปที่หอพัก แล้วซื้อกับข้าวมาทำกินกัน แล้วหลังจากนั้นก็พากันมาส่งเพื่อนจนถึงหอพักที่พวกเขาเคยมากันหลายต่อหลายครั้งแล้วเพื่อมาหาน้าสาวของธีรภพ แต่ที่พวกเขาไม่พักอยู่ที่นี่เพราะมันไกลจากที่ทำงานของตัวเอง การเดินทางก็ไม่สะดวก

          “เฮ้ย! ไอ้นุแกเล่นกอดไอ้ลูกหนูคนเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนวะ ให้ฉันกอดมันมั่งเถอะ คนเขาจะได้ไม่ว่าฉันไร้คู่ เดินกับคนสวยอย่างมันนี่ หนุ่มๆ ที่เดินผ่านไปมาจะได้อิจฉาฉันบ้าง” ธงชาติปัดมือเพื่อนออกแล้วกอดคอเพื่อนคนสวยแทน

          “โอ๊ย! รำคาญ พวกแกนี่มันยังไงกันวะ แย่งกันอยู่ได้ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ฉันเจ็บนะโว้ย ทีฉันจะเอาพวกแกทำผัวแบบจริงๆ จังๆ ดันไม่อยากเป็น ทีแบบนี้ทำมาแย่ง ไปเถอะ ส่งแค่นี้ก็พอ ฉันเดินเข้าไปเองได้” ธารใสไล่เพื่อน เพราะตอนนี้ปาไปเกือบค่อนคืนแล้ว กลัวพรุ่งนี้พวกมันจะไปทำงานสาย อีกอย่างแค่ไม่กี่สิบเมตรก็ถึงหอพักของเธอแล้ว

          “เออ! ไปก็ได้วะ ว่างๆ แกอย่าลืมเอาของอร่อยไปจ่อถึงปากพวกฉันด้วยล่ะ แกนี่มันเด็ดจริงๆ พวกฉันคิดแล้วก็อยากจะซี้ดปากอีกกรอบ เอ้า! นี่ค่าจ้าง ของไอ้ชาติกับไอ้นุมันด้วย” ธีรภพหยอกเพื่อนคนสวยที่ทำอาหารได้เก่งไม่เป็นรองใคร และวันนี้ก็ทำยำวุ้นเส้นกับตำผลไม้รสชาติจัดจ้านจี๊ดจ๊าดโดนใจให้พวกเขากิน จากนั้นก็ยื่นเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เคยตกลงกันไว้ว่าเงินเดือนออกแล้วจะช่วยยัดใส่มือให้กับเพื่อนสาว

          “เออ! ขอบใจว่ะ เอาไว้ว่างๆ ฉันจะไปให้พวกแกใช้บริการถึงที่เลย ไปนะ” อหังการ์ที่เดินสวนกับสามหนุ่มแล้วตามหญิงสาวไปได้แต่เบ้ปากกับประโยคอันแสนน่าเกลียดนั้น ทุเรศ หน้าไม่อายที่สุด เอาเรื่องพวกนี้มาคุยกันได้อย่างไร ไอ้หนุ่มหน้าโง่พวกนั้นก็คงจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงเลวๆ คนนี้แบบสะท้านกรุงน้องชายของเขา ว่าแต่ยายนี่ทำได้อย่างไรนะ ควงทีเดียวตั้งสามคนเลย อหังการ์ทำท่ากระอักกระอวล

          “ไอ้เจตน์ตอนนี้ฉันอยู่ที่หอพักที่เป็นตึกสีเหลืองเก่าๆ อยู่สุดซอยแกเอารถเข้ามาได้เลย” อหังการ์โทร.บอกลูกน้อง พร้อมกับเท้าใหญ่ที่เดินตามหญิงสาวไปเงียบๆ

 

          ดวงตาคู่สวยเหลียวมองไปรอบๆ ตึกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจดังเฮือก สังคมของคนกรุงเทพฯ ที่ต่างคนต่างอยู่ทำให้ทุกคนไม่สนใจกัน และไม่เพียงแต่เท่านั้น หอพักของเธอยังดูวังเวงเคว้งคว้างร้างไร้ผู้คนซะอีก เพราะคนที่พักที่นี่ที่เหลือไม่กี่ห้องก็เป็นพวกสาวแก่และก็ทำงานโรงงานทั้งนั้น บ้างก็เข้ากะดึก บ้างก็เข้ากะเช้า เลยไม่ค่อยมีคนอยู่ แถมไฟยังปิดหมดทุกห้อง ไฟด้านหน้าหอพักก็มาเสียอีก คนดูแลก็ไม่เคยใส่ใจจะดูแล เพราะค่าเช่าถูกกว่าที่อื่น มองดูแล้วเหมือนหนังสยองขวัญประเภทหอพักอาถรรพ์ หอผี หออะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวกับผี ชวนขนหัวลุกชอบกล

          มือเล็กไขกุญแจห้องก้าวเดินเข้าไปด้านใน เปิดสวิทซ์ไฟที่อยู่ด้านข้างประตู วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างเตียงหลังเล็กส ในห้องจะมีทั้งตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้าและเครื่องอำนวยความสะดวกอีกหลายอย่างที่ทั้งใหม่และเก่าจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ธารใสถอดเสื้อผ้าออกจากกายสวยแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายในห้องน้ำ คิดหนักใจกับเรื่องการหางานจนหัวแทบระเบิด หลังจากที่อาบน้ำและขัดสีฉวีวรรณร่างกายจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบชุดนอนขึ้นมาสวมใส่ พร้อมกับกางเกงชั้นใน แต่ไม่ใส่บราเซียร์ เวลานอนใครเขาก็ไม่ใส่ทั้งนั้นแหละ ใส่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้เป็นมะเร็งกันพอดี

          ขณะที่กำลังสวมใส่ชุดนอนแบบกระโปรงเนื้อบางเบา พร้อมกับตั้งอกตั้งใจดึงผ้าขนหนูให้พ้นจากร่าง จากนั้นก็โยนผ้าขนหนูให้หล่นปุไปตรงตะกร้ามุมห้อง แล้วก้มมองดูความเรียบร้อยของตัวเอง ตาคู่สวยก็ปะทะเข้ากับเท้าใหญ่ที่อยู่ในรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่งยืนอยู่ตรงปลายเตียง ธารใสไล่มองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบนก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงแบบสูงมากและก็ตัวใหญ่ไหล่กล้าง ที่ตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองเธอเขม็ง หญิงสาวสำรวจคนตรงหน้าด้วยอาการตะลึง คิ้วดกสีดำสนิท ดวงตาคมกริบค่อนข้างดุกำลังมองเธออย่างไม่เป็นมิตร จมูกโด่งคม ริมฝีปากได้รูปและน่าจูบที่สุดอย่างที่ไม่เคยคิดทะลึ่งกับใคร ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจกับผมทรงรากไทรยาวระต้นคอที่ยาวปรกหน้าเล็กน้อย ในชุดกางเกงขายาวแบบเดินป่า ตัดเย็บจากผ้าเนื้อหนาสีเขียวอ่อนที่มีกระเป๋ารอบด้านคล้ายกางเกงของพวกนักศึกษาวิชาทหารกับเสื้อยืดสีขาว คะเนแล้วอายุน่าจะราวๆ ยี่สิบปลาย โดยที่มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังถือหมวกแก็ปอยู่

สรุปแล้วพี่แกหล่อโคตรๆ เซอร์ๆ ตามสเปกเป๊ะ หล่อแบบไทยๆ ตาไม่ตี่ แถมคมกริบอีกด้วย เห็นแล้วใจละลายอย่างไม่เคยเป็น แต่เฮ้ย! ไอ้ลูกหนูตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาตะลึงกับความหล่อนะโว้ย ว่าแต่พี่หล่อคนนี้เข้ามาทำไม เข้ามาตอนไหนวะ แล้วเข้ามาได้ยังไงเนี่ย ทำไมตอนเปิดประตูเข้ามาเธอถึงไม่ได้ยิน

          “เอ่อ! ขอโทษค่ะพี่ ลูกหนูคิดว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แล้วพี่เข้าห้องลูกหนูมาได้ยังไง” อหังการ์มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างละเอียดลออ ดวงหน้าเล็กเป็นรูปไข่ คิ้วเรียวสวยดังวาดแต่เขาแน่ใจว่าไม่ได้มีการตกแต่งใดๆ เกิดขึ้นแน่ ตากลมโตดำขลับในกรอบขนตายาวงอนงามละม้ายแขก จมูกโด่งเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยกับปากแดงจิ้มลิ้ม ไร้เครื่องสำอางใดๆ รูปร่างอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม รูปร่างหน้าตาโดยรวมสวยมากแบบสวยจัดที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง ร่างสวยผุดผาดขาวนวลเนียนเป็นน้ำนมอยู่ในชุดนอนผ้าบางเบาที่ด้านล่างใส่แต่กางเกงชั้นในสีขาวตัวจิ๋วเพียงตัวเดียว ส่วนด้านบนหน้าอกขาวอวบชูชันกำลังดันเนื้อผ้าออกมา รวมความว่าสวยบาดตาเป็นบ้าและเป็นอันตรายกับหัวใจของเขาที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงที่สุด

          “ใช้วิธีนี้บ่อยหรือไง” อหังการ์ชูพวงกุญแจที่หญิงสาวเสียบคาไว้กับลูกบิดขึ้นมา เมื่อเห็นดังนั้นธารใสถึงกับยิ้มแหยให้กับนิสัยขี้ลืมของตัวเอง ลืมกุญแจเสียบไว้กับลูกบิดน่ะยังไม่เท่าไร ดันลืมใส่กลอนด้านในด้วยนี่สิ ดีนะที่คนที่เข้ามาหานี่รูปหล่อเหลือร้ายก็ยังพอทำใจ ถ้าหากหน้าตาน่าเกลียดแบบดูไม่ได้ละก็เสียของหมด แต่ถึงจะอย่างไรก็เถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมายืนโชว์ให้เขาดู ดังนั้นมือเล็กจึงควานไปยังด้านหลังหาผ้ามาปิดกายแต่ก็หาไม่เจอ มือทั้งสองข้างจึงยกขึ้นมาปิดหน้าอกเป็นอันดับแรก จากนั้นเท้าเล็กก็ค่อยๆ ถอยหนีด้วยความระมัดระวัง

          “มันก็ไม่ค่อยบ่อยเท่าไรหรอกพี่ แค่ทุกวันเท่านั้นเอง” ธารใสแปลความหมายคำถามของเขาไปอีกทาง เพราะใจมัวแต่พะวงกับการหาผ้ามาปิดบังของสงวน เกิดมาจนโตเป็นสาวถึงป่านนี้ ยังไม่มีใครเคยได้เห็นเลยนะจะบอกให้ แม้แต่แม่ก็เถอะ แต่พี่หล่อคนนี้เป็นใครกัน ดันมาเห็นของเธอซะเกือบหมด

          “เอ้า! เอาไป” อหังการ์ยื่นพวงกุญแจให้กับคนสวยที่กำลังถอยหนี

          “พี่เอาวางไว้ตรงโต๊ะก็ได้ เดี๋ยวลูกหนูหยิบเอง” ใจดวงเล็กเต้นตูมตามเมื่อหนุ่มหล่อร้ายกาจ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้แล้วทำท่ายื่นกุญแจห้องให้กับเธอ

          “อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเอามาคืนให้ ทำไมไม่เข้ามารับเองล่ะ” อหังการ์พูดพร้อมกับหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ตาคู่สวยกำลังมองเขาอย่างระแวดระวัง

          “ขอบคุณค่ะพี่ที่ช่วยเอาเข้ามาให้ และก็ขอโทษด้วยนะคะที่ลูกหนูไม่สามารถไปรับเอากับมือพี่เองได้” หญิงสาวยังทำใจดีสู้เสือหล่อๆ

          “ทำไม รังเกียจกันหรือไง หรือกลัวว่าฉันจะไม่มีเงินจ่าย” ธารใสนิ่วหน้ากับประโยคของเขา หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลาร้ายกาจ แต่ทำไมพูดจาไม่เห็นจะรู้เรื่องแบบนี้วะ

          “ลูกหนูไม่สนหรอกนะว่าพี่จะมีเงินหรือไม่มี แต่ตอนนี้ลูกหนูว่า ในเมื่อพี่เอากุญแจมาคืนแล้วก็ควรจะออกไปด้วยนะคะ เอาไว้วันหลังลูกหนูจะไปขอบคุณพี่ถึงที่เลย”

ถึงจะหล่อขนาดไหน แต่ตอนนี้ลูกหนูอยู่ในสภาพเสียเปรียบนะพี่หล่อ ทำไมไม่เจอกันในสภาพที่ดีกว่านี้ก็ไม่รู้ จะเดินเข้าไปจีบพี่หล่อคนนี้เองเลย โดยไม่ต้องมีใครร้องขอเลย ให้ตายสิ’

          “หึ! จะให้รีบออกไปไหนกันล่ะ ชอบไม่ใช่หรือไงแบบนี้ หรือฉันมันยังหล่อและรวยไม่พอสำหรับเธอ” อหังการ์แสดงท่าทีคุกคามอย่างโจ่งแจ้ง

          “มันก็ชอบหรอกนะหล่อๆ แบบพี่เนี่ย แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าพี่ให้ลูกหนูแต่งตัวสวยๆ ก่อน” ขนาดเจอสถานการณ์คับขันหญิงสาวก็ยังไม่วายต่อปากต่อคำ พร้อมกันนั้นเท้าเล็กๆ ก็เดินถอยหลังไปด้วยจนเกือบลนลาน เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาก้าวเดินเข้ามาหาแบบไม่ยั้ง

          “พี่จะเข้ามาทำไม ก็บอกแล้วไงว่าให้ลูกหนูแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ก่อน” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีกว่านี้ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาจนเกือบใกล้ เท้าเล็กรีบถอยร่นไม่เป็นขบวน ก่อนที่สติจะดับวูบเมื่อชายหนุ่มเอาบางอย่างมาโปะบนจมูกเธอ

          อหังการ์รับร่างสวยไว้ได้ทันก่อนที่จะทรุดฮวบลงกับพื้น หน้าอกที่เขาเห็นรำไรอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลับกระจ่างชัดอยู่ในสายตาเพราะว่าร่างสวยที่ถูกเขาเอายาสลบโปะจมูกนั้น แผ่นหลังด้านบนถูกแขนแกร่งของเขารับไว้จนหน้าอกคู่งามแอ่นขึ้นมาล่อสายตาของเขา ดวงตาคมกริบสำรวจดวงหน้าสวยใกล้ๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นน้ำนมโชยออกมาจากกายสาวหอมรัญจวน ปากแดงจิ้มลิ้มเชิญชวนให้สัมผัส ปากได้รูปเคลื่อนเข้าใกล้ก่อนชะงัก หน็อยแน่! ยายตัวแสบ เธอนี่มันเป็นอันตรายกับหัวใจจริงๆ ขนาดไม่มีสติแบบนี้เธอยังบังอาจมาอ่อยฉันได้ แม่วันทองตัวดี เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความโมโห(ตัวเอง)

 

          เจตน์แอบมองเจ้านายหนุ่มที่นั่งตรงเบาะนั่งด้านหลัง ที่หลังจากอุ้มผู้หญิงสวยที่เป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์สีชมพูลายเต่าออกมาจากหอพักหลังเก่าโดยไร้เงาคนสนใจ เพราะอยู่ด้านในสุดซอยแถมมืดตื๋อและดึกสงัด ก็อุ้มไว้ไม่ยอมปล่อยให้นอนคนเดียวด้านหลัง จนเขาแปลกใจ แต่จะถามก็ไม่กล้า เกิดพูดไม่ถูกหูขึ้นมาอาจโดนเตะ และเหยียบซ้ำจนจมดิน

          “แกจะหันมามองทำไมนักหนาวะไอ้เจตน์” อหังการ์ที่เห็นลูกน้องคู่ใจเหลือบมองตัวเองกับคนที่นอนบนตักหลายครั้งก็อดถามไม่ได้ จนคนแอบมองถึงกับสะดุ้ง แก้ตัวไปตามเรื่องเพราะยังไม่อยากโดนตื้บ

          “เปล่าครับนาย ผมแค่อยากเห็นหน้าคนที่บังอาจทำร้ายคุณจิ๊บก็เท่านั้น” อหังการ์กัดฟันกรอดกับคำตอบของลูกน้อง อุตส่าห์เอาเสื้อคลุมอาบน้ำสีชมพูลายเต่าตัวน้อยที่หญิงสาวแขวนไว้มาสวมให้ เพื่อปิดบังเนื้อนวลให้รอดพ้นจากสายตา และที่ต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็งให้ยายสวยแสบนี่อยู่บนตักของเขา ก็เพราะกลัวว่าหากปล่อยให้นอนคนเดียวด้านหลังตามลำพัง เวลารถกระเทือนอะไรต่อมิอะไรของแม่ตัวดี อาจจะออกมาล่อสายตาลูกน้องของเขา ขนาดตัวเขาเองยังทานเสน่ห์เจ้าหล่อนไม่ไหว ทั้งที่เคยเห็นคนสวยมามากมาย แล้วอย่างลูกน้องเขาล่ะ ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดผู้หญิงสวยซักเท่าไร เกิดหลงเสน่ห์เธอขึ้นมาก็แย่เลย แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมผู้ชายมากมายถึงได้พากันทุ่มเทให้เจ้าหล่อนกันนักหนา

          “แกไม่ต้องเสือกไอ้เจตน์ แล้วก็ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ด้วย ใครถามก็บอกว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ของไร่เรา แกเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า” อหังการ์กำชับด้วยเสียงดุ

          “เข้าใจครับ” เจตน์ตอบแบบหวาดๆ ถึงไม่บอกเขาก็ไม่กล้าง้างปากอยู่แล้ว เพราะยังไม่อยากจะนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปเป็นเดือนหากทำปากโป้ง

          “เข้าใจก็หันกลับไปได้แล้วไอ้เจตน์ ห้ามมองมาอีกนะ ไม่งั้นฉันจะควักลูกตาแกออกมาโยนทิ้ง” อหังการ์เอ่ยคาดโทษ พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

          “มีอะไรหรือครับอาดา”

          “จิ๊บฟื้นแล้วจ๊ะเชิด ”

          “จริงหรือครับอาดา” อหังการ์ส่งเสียงดีใจอย่างกลั้นไม่อยู่

          “จริงสิ แต่...”

          “แต่อะไรครับอาดา” เสียงที่ขาดหายทำให้อหังการ์ร้อนใจ กลัวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับน้องชาย

          “จิ๊บ จำอะไรไม่ได้ซักอย่างเลยน่ะเชิด อาจะทำยังไงดี”

          “แล้วคุณหมอว่ายังไงบ้างครับ” หลังจากที่นิ่งไปอึดใจอหังการ์ก็ถามขึ้นมาอีก ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่ตามมา เหตุการณ์นี้เคยเห็นแต่ในละครทีวีเท่านั้น ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะเกิดขึ้นจริงกับครอบครัวของเขา

          “คุณหมอบอกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เลยทำให้สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป” ดาริกาพูดเสียงเครือ เมื่อลูกชายตื่นขึ้นมาแล้วถามว่าเธอเป็นใคร หัวใจของคนเป็นแม่ร้าวรานแทบจะหยุดเต้นไปเสียตอนนั้นแล้ว

          “แล้วคุณหมอเขาแนะนำว่ายังไงบ้างครับอาดา”

          “เขาบอกว่าถ้าหากจิ๊บหายแล้วให้พามาพักฟื้นที่บ้าน ให้พยาบาลพิเศษที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาคนไข้แบบนี้มาคอยดูแลน่ะ”

          “แล้วจิ๊บมีโอกาสจะหายหรือเปล่าครับอาดา คุณหมอได้บอกหรือเปล่า” อหังการ์กลั้นใจรอฟังคำตอบด้วยความอึดอัด

          “คุณหมอบอกว่ามีโอกาสเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเชิด อาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” ดาริกาเสียงเครือด้วยความเสียใจที่อัดแน่นอยู่ในอก

          “อาดาอย่าคิดมากสิครับ มีตั้งสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะหายเราต้องคิดในแง่ดีไว้ เชื่อผมนะครับ” อหังการ์พยายามปลอบอาสะใภ้แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาเองจะยังไม่มั่นใจอะไรซักอย่าง อยากจะอยู่เป็นเพื่อนน้องชายแต่เขาก็มีงานค้างคาอีกมากจะต้องทำ และตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดการก็คือแม่ตัวดีที่นอนอยู่บนตักเขานี่แหละ

          “จ๊ะ อาจะเชื่อเชิด อาจะไปทำบุญให้จิ๊บซักหน่อย เผื่อผลบุญจะได้ช่วยให้ความจำของจิ๊บคืนมาเร็วๆ” ดาริกาพูดเหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว

“ดีแล้วครับอาดา” อหังการ์สนับสนุนความคิดของอาสะใภ้

“แล้วตอนนี้เชิดอยู่ไหนล่ะ”

          “ผมกำลังจะกลับไร่ครับ ทิ้งมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะโทร. บอกให้คุณแม่ไปอยู่เป็นเพื่อนอาดานะครับ” หลังจากวางสายไปแล้ว อหังการ์ก็ก้มมองคนที่กำลังนอนอยู่บนตักของเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ อย่างเธอนี่มันต้องใช้งานให้หนัก จะได้ทำงานเป็นและรู้จักหาเงินใช้โดยวิธีสุจริตบ้าง จะได้ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครอีก

 

          เสียงนกที่กลับจากการออกหากินเพื่อมาเข้ารังร้องกันเซ็งแซ่ ปลุกคนที่กำลังหลับลึกให้รู้สึกตัว ตาคู่สวยปรือเปิด ก่อนกระพริบถี่ๆ เมื่อเพดานที่เธอเห็นดูแปลกๆ ทำไมเพดานเป็นไม้ หันมองรอบตัวก็พบแต่ฝากระดานไม้ หญิงสาวทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง แล้วมองสำรวจไปทั่วห้อง เธอนอนอยู่ในห้องเล็กๆ ที่สร้างด้วยไม้ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องเก็บของ เพราะมีไม้กวาด ที่ตักขยะ ผ้าถูพื้น เครื่องดูดฝุ่นฯลฯ

‘แกจะบ้าหรือไงไอ้ลูกหนู ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสำรวจห้องนะโว้ย คิดสิคิด ว่าแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใช่สิเมื่อคืนพี่หล่อคนนั้นเข้าไปหาเราที่ห้อง เพราะความสะเพร่าของแกนะไอ้ลูกหนูที่ดันลืมกุญแจเสียบคาไว้ที่ลูกบิด พอเราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาเจอพี่หล่อนั่น เฮ้ย! อาบน้ำเสร็จแล้วก็ใส่แต่ชุดนอนนี่หว่า ตายแล้ว! พี่หล่อนั่นได้ทำอะไรเราหรือเปล่าวะ ถ้าทำก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ทำนี่สิคงต้องคิดหนักก็หล่อซะขนาดนั้น เฮ้ย! คิดบ้าๆ อะไรของแกวะไอ้ลูกหนู’ แล้วความคิดสับสนเลอะเทอะก็หยุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ร่างสวยจึงขยับถอยหนีด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด

ตาคมดุมองอาการที่หญิงสาวขยับตัวหนี ทำท่าระแวดระวังด้วยแววเยาะหยัน หลังจากที่ออกมาจากหอพักนั่นแล้ว อหังการ์ก็ให้เจตน์ขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ จนมาถึงเชียงรายเมื่อเวลาสายจัด เขาจึงนำร่างของหญิงสาวมาโยนไว้ในห้องเก็บของ เข้ามาดูหลายรอบแล้วก็ไม่ยอมตื่นซักที จนตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว เขาจึงเข้ามาดูอีกครั้ง พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นแม่วันทองทำท่าขยับถอยหนี

“ไม่ต้องมาทำเป็นกลัวหรอก ทำยังกะไม่เคย ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้แก้ผ้าต่อหน้า ฉันยังไม่อยากจะมอง อีกอย่างฉันไม่ชอบผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาแล้วมากหน้าอย่างเธอ” ธารใสได้แต่อ้าปากค้าง กระพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินประโยคที่หนุ่ม(โคตร)หล่อตรงหน้าพูดมา พี่หล่อนี่คงกำลังเข้าใจอะไรเธอผิดอยู่แน่ๆ แต่แบบนี้น่ะมันเป็นการดีแล้ว เธอจะได้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกาหล่อๆ อย่างเขา ตอนนี้คงต้องเอาตัวรอดไปก่อน เห็นหล่อๆ แบบนี้อาจเคยข่มขืนแล้วฆ่าใครมาบ้างแล้วก็ไม่รู้

“แหม! พี่ละก็ รู้ได้ไงเนี่ย ว่าลูกหนูมีผัวมาแล้วตั้งหลายคน เอ้! เท่าไรน้า ถ้าพี่ไม่พูดลูกหนูก็คงลืมไปแล้ว อืม! หนึ่ง สอง สาม ....สิบ ว้าจำไม่ได้แล้ว” ธารใสจีบปากจีบคอพลางนับนิ้วไปด้วย ทำท่าดัดจริตน่าหมั่นไส้ เหอะ! ขอเอาตัวรอดไว้ก่อน กะอีแค่คำพูดมันจะเสียหายซักเท่าไร แต่ขืนไม่พูดอะไรออกไป อาจจะได้เสียหมดตัวก็เป็นได้ ใครจะรู้

“งั้นเธอจะบอกว่า เธอจำผู้ชายที่ชื่อสะท้านกรุงไม่ได้งั้นสิ” ธารใสไม่ตอบแต่ส่ายหน้าหวือจนผมเส้นละเอียดตรงสลวยซอยไล่ระดับจนถึงกลางหลังกระจายตามแรง ก่อนจะได้ยินคำพูดเหมือนเยาะออกมาจากปากได้รูปของเขา

“หึ! มันก็แหงล่ะสิ เพราะบางทียังไม่ทันได้ถามชื่อ เธอก็คง..” อหังการ์พูดค้างไว้ก่อนจะใช้สายตามองเหยียดเธอตั้งแต่หัวจนจรดเท้า แล้ววกขึ้นมาหยุดตรงจุดชวนสงวนของเธอด้วยท่าทีเหยียดๆ

“อ้า...รับซะหมด” จากท่าทางและคำพูดที่ชายหนุ่มสื่อออกมานั้น ไม่ได้ทำให้ธารใสโกรธหรือกลัวซักนิด แต่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าเธอไปรู้จักคนชื่อพิลึกกึกกือจำยากแสนยากแบบนี้ที่ไหน ยิ่งสาระบบเพื่อนแล้วยิ่งไม่มีใหญ่ ฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วความคิดก็ต้องสะดุดลงแค่นั้น เมื่อมือใหญ่กระชากตัวเธอเข้าไปใกล้จนหน้าแทบชิดกัน แล้วตะคอกด้วยเสียงอันดังจนแก้วหูแทบแตก

“งั้นเรื่องที่เธอใช้คู่ขากระทืบน้องชายฉันจนปางตาย เธอก็จะปฏิเสธด้วยงั้นสิ” หญิงสาวส่ายหน้าดิกกับคำกล่าวหานั้น แต่ก็หยุดคำพูดไว้ไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมา เพราะดูท่าคนตรงหน้านี้กำลังโกรธจัด แถมยังจับคนมาผิดอีกต่างหาก ถึงจะไม่ได้กลัวเขาเพราะเธอมีแต่เพื่อนผู้ชายที่เล่นหัวกันมาแต่เด็ก ตั้งแต่อนุบาลยันจบมัธยมปลาย เช่นธีรภพ ธงชาติ พานุ และอีกหลายคน จนรู้จักนิสัยและเข้าใจผู้ชายค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรประมาท เกิดพี่หล่อนี่ฆ่าเราทั้งที่ยังไม่ได้ข่มขืน เอ๊ย! เลอะเทอะแล้วยายลูกหนู เกิดพี่หล่อนี่ฆ่าเราทั้งที่ยังไม่ได้รู้ความจริง หรือเอาเราไปโยนถวายคนอื่นต่อก็ซวยตาย เลยต้องสงบปากสงบคำ ทำสงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้รู้อะไรมากกว่านี้ก่อน แบบสุภาษิตของขงเบ้ง เอ๊ะ! หรือจะเป็นขงจื้อวะ จะขงอะไรก็ช่างเถอะ ที่บอกว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนั้นมันก็ยังไม่สาย 

อหังการ์มองตาคู่สวยที่เหมือนครุ่นคิด คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนเกือบเป็นปม แล้วยังจะปากจิ้มลิ้มชวนสัมผัสที่กำลังขบกันอย่างใช้ความคิดนั้นด้วยความโมโห ดูสิเจอถึงขนาดนี้แล้ว แม่คุณจะตระหนกหรือสำนึกซักนิดก็ไม่มี แต่กลับทำท่าเหมือนจะหาทางหนีทีไล่แบบนี้มันน่านัก

“คิดจะหนีหรือไงแม่วันทอง” เสียงทุ้มตะคอกถาม

          “ลูกหนูชื่อธารใสจ๊ะพี่ หรือจะเรียกว่าลูกหนูก็ได้ง่ายดี” ไหมล่ะยายลูกหนู ปากแกเนี่ยพาลหาเรื่องแล้วไหมล่ะ ดูตาคมกริบนั่นสิแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ก่อนจะยิ้มแหยๆ แบบสำนึกได้

          “ลูกหนูไม่หนีหรอกพี่ ถ้ายังนึกชื่อคนที่พี่พูดถึงยังไม่ออก” จะไปนึกออกได้ยังไงวะก็ไม่เคยรู้จักขนาดเขาเพิ่งบอกไปหยกๆ เธอก็ยังจำไม่ได้ อันนี้ต่อเอาเองในใจ แถมเราก็ยังไม่เคยมีคู่ขา มีแต่ขาสวยๆ คู่เดียวนี่แหละ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือหล่อๆ เข้าไว้ อหังการ์ผลักร่างสวยจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ส่งผลให้ชุดนอนถลกขึ้นไปจนเห็นชั้นในตัวจิ๋วที่แทบจะปิดอะไรไม่มิด แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวซักนิด เพราะมัวแต่คลำสะโพกป้อยๆ ด้วยความเจ็บ ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ

          “คิดจะอ่อยฉันหรือไง เสียใจด้วยนะ สำหรับเธอน่ะ ฉันกลืนไม่ลง ถ้าชอบมากนักจะให้ไอ้พวกข้างนอกมันมาทำให้ เอาไหมล่ะ” ธารใสเสียวสันหลังวูบกับคำพูดนั้น ก้มมองตัวเองก่อนมือบางจะรีบตะครุบเสื้อคลุมปิดของสงวนนั้นทันที

          “อย่าทำแบบนั้นนะพี่ ลูกหนูยังไม่อยากทำบาป เดี๋ยวเกิดคนของพี่ติดโรคจากลูกหนูแล้วจะแย่ ไปหาหมอรักษามายังไม่ทันหายเลย” เอาวะเป็นไงเป็นกัน ยอมเป็นคนหน้าด้านไว้ก่อนเพื่อเอาตัวรอด และคำพูดนั้นก็ได้ผล เมื่อสายตาคมกริบมองเธอด้วยแววรังเกียจเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

          “เธอนี่มันสกปรก น่าขยะแขยงที่สุด แล้วอย่าพยายามอ่อยคนของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นโดน” พูดจบชายหนุ่มโคตรหล่อก็เดินปึงปังออกจากห้อง แถมปิดประตูใส่หน้าเธออย่างแรงแสนแรงจนสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้อง หญิงสาวจึงได้แต่แอบค้อนพร้อมทั้งแลบลิ้นปลิ้นตากับประตูฝากไปให้คนรูปหล่อด้านนอก

          ผู้ชายอะไรปากร้ายที่สุด แต่ก็หล่อโคตรๆ เจอคนหล่อมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีใครคนไหนสั่นคลอนหัวใจดวงน้อยได้ซักครั้ง เอาวะมันคงไม่มีอะไรจะซวยมากกว่านี้อีกแล้วมั้ง ตกงาน กระเป๋าหาย แถมถูกใส่ร้ายแล้ว โดนจับตัวมาผิด แต่อย่างน้อยผู้ร้ายก็หล่อเหลาร้ายกาจซะจนสะเทือนไปทั้งใจ แค่สบตากันครั้งแรกก็แย่งเอาหัวใจของเธอไปครองซะแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา