กุหลาบเพชร
8.8
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.33 น.
36 ตอน
3 วิจารณ์
36.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) สงสัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในระหว่างที่เพ่ยอิงและปานตะวันกำลังสนทนากันและหยิบกระเป๋าใส่สัมภาระของพวกเธอขึ้นสะพายไหล่อยู่นั้น มารดาของเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประักันก็เดินเข้ามากล่าวขอบคุณพวกเธอที่ช่วยบุตรชายของนางไว้ ก่อนจะออกจากโรงเตี้ยมไป "พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะเพ่ยอิง" ปานตะวันเอ่ยปากชวนเพื่อนสาวออกจากโรงเตี้ยมแต่ เพ่ยอิงกลับยังไม่ออกไปตามคำชวนและหันมองไปยังสองหนุ่มโต๊ะข้างๆ "รอเดี๋ยวก่อนเถอะยัยวัน ฉันมีอะไรข้องใจอยากถามผู้ชายสองคนนั้นก่อน ฉันสังเกตุว่าพวกเขามองมาที่พวกเราอยู่ตลอดตั้งนานแล้ว" เฟยหลงและเฟยหนานที่ได้ยินเพ่ยอิงกล่าวถึงพวกตนก็ชะงักมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะต่างคนต่างยิ้มและหันมองมาทางหญิงสาวทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาหาที่โต๊ะของพวกเขา ก่อนที่จะเป็นเพ่ยอิงที่เอ่ยปากถามขึ้น
"ข้าคงไม่ขอถามว่าพวกท่านเป็นใคร แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าพวกท่านไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญชนทั่วไป เพราะตั้งแต่แรกที่เข้ามาในโรงเตี้ยมแห่งนี้จนกระทั่งมีคดีฆาตกรรมและเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นและจบลง พวกท่านทำแค่เพียงเฝ้ามองเหตุการณ์ต่างๆอย่างเงียบๆเท่านั้้น ไม่ได้มีทีท่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้หวั่นไหวหรือมีส่วนร่วมใดๆซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ผิดแปลกจากชาวบ้านสามัญทั่วไปอยู่มาก เพราะหากเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป มีคนตายและเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ว่าใครก็จะต้องมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย ดังนั้นข้าจึงแน่ใจว่าพวกท่านต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแน่ แต่เรื่องนี้ข้าคงไม่ซักถามถึงตัวตนของพวกท่าน เพราะคงเป็นการเสียมารยาทเกินไปหน่อยที่ข้าจะละลาบละล้วงถามเรื่องของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ข้าสังเกตุเห็นว่าพวกท่านมองมาที่พวกเราอยู่แทบจะตลอด ไม่ทราบว่าพวกเราทำสิ่งใดที่ผิดแปลกไปจากกฏเกณท์ของที่นี่หรือไม่"
ปานตะวันได้ยินเพ่ยอิงพูดแบบนั้นก็รีบหันไปถามเพื่อนสาวและหันมาจ้องสองหนุ่มตาเขม็งทันที
"หือ? จริงเหรอเพ่ยอิง... เฮ้ยพวกนายมีอะไรข้องใจกับพวกเรากันวะมองไร" เฟยหลงหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ้มมาที่เพ่ยอิงด้วยความชอบใจพร้อมกับดึงร่างของเพ่ยอิงมานั่งกอดไว้กับตักอย่างถือสิทธิ์เพ่ยอิงดิ้นขลุกขลักพยายามขัดขืนปานตะวันพยายามจะช่วยเพื่อน "อ้าวนี่นายปล่อยเพื่่อนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" แต่กลับกลายเป็นตัวเธอเองก็ถูกเฟยหนานดึงไปสวมกอดไว้บนตักด้วยเช่นกันเธอจึงพยายามกระทุ้งศอกไปที่ท้องของชายหนุ่มเพื่อให้ปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผล
"ฉลาดมาก! วิเคราะห์สิ่งต่างๆได้อย่างมีหลักการและแม่นยำมากทีเดียว ไม่นึกว่าเจ้าจะสังเกตุพวกข้าด้วย เพราะดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยมองมาที่โต๊ะของพวกข้าเลย และยังให้ความสนใจและยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่อีกข้ายังคิดว่าพวกเจ้าเห็นพวกข้าไม่มีตัวตนซะแล้วสิ พวกเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรอก ข้ามองเจ้าเพราะว่าเจ้าเป็นหญิงงามที่น่าสนใจอย่างที่ข้าไม่เคยสนใจผู้ใดมาก่อนน่ะสิ"
"บางครั้งการจับสังเกตุคน ก็ไม่จำเป็นต้องจ้องมองตรงๆให้ผู้ที่เราสังเกตุรู้ตัว ก็เหมือนกับที่พวกท่านพยายาม ทำตัวเองให้ไม่เป็นจุดเด่นพยายามทำตัว ให้ไร้ตัวตนเพื่อเฝ้ามองมาที่โต๊ะของพวกข้า อย่างเงียบๆเพราะไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวว่าพวกท่านมองอยู่นั่นแหละ ว่าแต่เมื่อไหร่ท่านจะปล่อยข้าสักทีมากอดข้าไว้ทำไม ปล่อยนะ"
"ข้าว่าถ้าเจ้าอยากปลอดภัยก็อย่าดิ้นให้มากจะดีกว่านะ เพราะเจ้าลูกชายของข้ามันกำลังตื่นตัวกับการดิ้นไปดิ้นมาของเจ้าอยู่นะ" เพ่ยอิงหยุดดิ้นหน้าแดงก่ำเพราะรู้สึกว่าแก่นกายของเขากำลังแข็งขึงจนเธอรู้สึกได้ จึงได้แต่นั่งเกร็งอยู่บนตักของเขาอย่างอึดอัด ปานตะวันก็กำลังกระทุ้งเหยียบเท้าชายหนุ่มที่กอดเธอไว้แน่นอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ
"ไอ้บ้าเอ้ยจะมาจับทำไมวะ ปล่อยนะโว๊ย" "อย่าดิ้นนักสิ เดี๋ยวข้าอดใจไม่ไหวเจ้าโทษข้าไม่ได้นะ" เฟยหนานกระซิบบอกปานตะวันด้วยรอยยิ้มกริ่ม
"พวกเราไปกันได้แล้วล่ะเฟยหนาน" เฟยหลงหันมาบอกอย่างไม่ยีหระก่อนจะอุ้มเพ่ยอิงพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาทะยานเหาะออกไปจากโรงเตี้ยม โดยมีเฟยหนานอุ้มพาปานตะวันเหาะไปเช่นกัน"
"ข้าคงไม่ขอถามว่าพวกท่านเป็นใคร แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าพวกท่านไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญชนทั่วไป เพราะตั้งแต่แรกที่เข้ามาในโรงเตี้ยมแห่งนี้จนกระทั่งมีคดีฆาตกรรมและเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นและจบลง พวกท่านทำแค่เพียงเฝ้ามองเหตุการณ์ต่างๆอย่างเงียบๆเท่านั้้น ไม่ได้มีทีท่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้หวั่นไหวหรือมีส่วนร่วมใดๆซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ผิดแปลกจากชาวบ้านสามัญทั่วไปอยู่มาก เพราะหากเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป มีคนตายและเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ว่าใครก็จะต้องมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย ดังนั้นข้าจึงแน่ใจว่าพวกท่านต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแน่ แต่เรื่องนี้ข้าคงไม่ซักถามถึงตัวตนของพวกท่าน เพราะคงเป็นการเสียมารยาทเกินไปหน่อยที่ข้าจะละลาบละล้วงถามเรื่องของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ข้าสังเกตุเห็นว่าพวกท่านมองมาที่พวกเราอยู่แทบจะตลอด ไม่ทราบว่าพวกเราทำสิ่งใดที่ผิดแปลกไปจากกฏเกณท์ของที่นี่หรือไม่"
ปานตะวันได้ยินเพ่ยอิงพูดแบบนั้นก็รีบหันไปถามเพื่อนสาวและหันมาจ้องสองหนุ่มตาเขม็งทันที
"หือ? จริงเหรอเพ่ยอิง... เฮ้ยพวกนายมีอะไรข้องใจกับพวกเรากันวะมองไร" เฟยหลงหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ้มมาที่เพ่ยอิงด้วยความชอบใจพร้อมกับดึงร่างของเพ่ยอิงมานั่งกอดไว้กับตักอย่างถือสิทธิ์เพ่ยอิงดิ้นขลุกขลักพยายามขัดขืนปานตะวันพยายามจะช่วยเพื่อน "อ้าวนี่นายปล่อยเพื่่อนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" แต่กลับกลายเป็นตัวเธอเองก็ถูกเฟยหนานดึงไปสวมกอดไว้บนตักด้วยเช่นกันเธอจึงพยายามกระทุ้งศอกไปที่ท้องของชายหนุ่มเพื่อให้ปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผล
"ฉลาดมาก! วิเคราะห์สิ่งต่างๆได้อย่างมีหลักการและแม่นยำมากทีเดียว ไม่นึกว่าเจ้าจะสังเกตุพวกข้าด้วย เพราะดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยมองมาที่โต๊ะของพวกข้าเลย และยังให้ความสนใจและยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่อีกข้ายังคิดว่าพวกเจ้าเห็นพวกข้าไม่มีตัวตนซะแล้วสิ พวกเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรอก ข้ามองเจ้าเพราะว่าเจ้าเป็นหญิงงามที่น่าสนใจอย่างที่ข้าไม่เคยสนใจผู้ใดมาก่อนน่ะสิ"
"บางครั้งการจับสังเกตุคน ก็ไม่จำเป็นต้องจ้องมองตรงๆให้ผู้ที่เราสังเกตุรู้ตัว ก็เหมือนกับที่พวกท่านพยายาม ทำตัวเองให้ไม่เป็นจุดเด่นพยายามทำตัว ให้ไร้ตัวตนเพื่อเฝ้ามองมาที่โต๊ะของพวกข้า อย่างเงียบๆเพราะไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวว่าพวกท่านมองอยู่นั่นแหละ ว่าแต่เมื่อไหร่ท่านจะปล่อยข้าสักทีมากอดข้าไว้ทำไม ปล่อยนะ"
"ข้าว่าถ้าเจ้าอยากปลอดภัยก็อย่าดิ้นให้มากจะดีกว่านะ เพราะเจ้าลูกชายของข้ามันกำลังตื่นตัวกับการดิ้นไปดิ้นมาของเจ้าอยู่นะ" เพ่ยอิงหยุดดิ้นหน้าแดงก่ำเพราะรู้สึกว่าแก่นกายของเขากำลังแข็งขึงจนเธอรู้สึกได้ จึงได้แต่นั่งเกร็งอยู่บนตักของเขาอย่างอึดอัด ปานตะวันก็กำลังกระทุ้งเหยียบเท้าชายหนุ่มที่กอดเธอไว้แน่นอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ
"ไอ้บ้าเอ้ยจะมาจับทำไมวะ ปล่อยนะโว๊ย" "อย่าดิ้นนักสิ เดี๋ยวข้าอดใจไม่ไหวเจ้าโทษข้าไม่ได้นะ" เฟยหนานกระซิบบอกปานตะวันด้วยรอยยิ้มกริ่ม
"พวกเราไปกันได้แล้วล่ะเฟยหนาน" เฟยหลงหันมาบอกอย่างไม่ยีหระก่อนจะอุ้มเพ่ยอิงพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาทะยานเหาะออกไปจากโรงเตี้ยม โดยมีเฟยหนานอุ้มพาปานตะวันเหาะไปเช่นกัน"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ