Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) แมวน้อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(?? 15.06)
............
ท้องฟ้าสีครามที่แสงเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ ตึกรามบ้านช่องที่เต็มไปทั่วทั้งเมือง ผู้คนเดินไปมา รถแล่นอยู่บนท้องถนน สิ่งมีชีวิตต่างๆที่อาศัยอยู่ที่นี่
ที่นี่เป็นเมืองหลวงที่ชื่อว่า “กรุงเทพฯ” ของประเทศๆหนึ่ง ที่คนจะรู้จักว่า “ประเทศไทย” หรือ “Thailand” สำหรับคนต่างชาติ
ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2015 แล้วนี่นะ อีกไม่กี่วันก็คงครบ 2 ปี...
ตลอดเวลาทั้งวันนี่ ผมได้แต่เดินไปมาเพื่อหาอะไรทำเรื่อยเปื่อย ซึ่งมันก็เหมือนกับทุกๆที เพราะผมไม่เจอเป้าหมาย (Target) ของผมเลยสักคนเดียว
แต่ไม่เจอมันก็ดีแล้วล่ะนะ เพราะชักจะขี้เกียจอีกแล้วแฮะ บิดตัวไปมาจนอยากจะนอนใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ (Slow Life) ซะจริง
......
*ฮรืนนน*
(ความรู้สึกเมื่อกี๊นี้มัน…!!)
ผมมองไปบนดาดฟ้าของตึกๆหนึ่ง ที่เหมือนจะเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนที่เราบังเอิญผ่านมา
เอิ่ม... ก็ต้องของโรงเรียนนี้อยู่แล้วสิฟะ
ความรู้สึกเมื่อกี๊ ถ้าเราเดาไม่ผิดล่ะก็...
ถึงพลังจะยังอ่อน แต่ต้องเป็นพลังนั่นไม่ผิดแน่!!
ผมแอบเข้าไปในโรงเรียนแห่งนั้น พยายามหาทางขึ้นดาดฟ้าไปเรื่อยๆ โชคยังดีที่นักเรียนส่วนใหญ่ตอนนี้ยังเรียนกันอยู่ แต่เหมือนจะมีคนบางคนคุยเรื่องที่แปลกๆอยู่หน่อยหนึ่ง
“ใช่เสียงบนดาดฟ้าแน่หรอ?”
“นั่นดิ ทั้งๆที่เสียงดังขนาดนั้น แต่พอพวกอาจารย์ขึ้นไปดูก็ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“คงต้องมีใครสักคนแกล้งอะไรสักอย่างแน่”
บทสนทนาพวกนั้น ผมเงี่ยหูฟังอยู่ริมกำแพงอยู่ก็พอจะจับใจความ และเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นข้างบนนั้นได้
แต่ตอนนี้เจ้า 3 คนนั่นยืนคุยอยู่ตรงขอบบันไดทางขึ้น และดูท่าจะเป็นทางที่จะขึ้นไปดาดฟ้าได้ด้วย
ถ้าอย่างนั้นคงต้อง...
.........
“เฮ่”
“นายเป็นใครน่ะ”
“นายไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนเรานี่หว่า”
“มาหาใครงั้นหรอ?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งทักผมระหว่างที่พยายามเดินไปอย่างเนียนๆ ดูท่าว่าถึงเจ้าพวกนี้จะคุยกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดจะไม่สงสัยคนแปลกหน้าที่เข้ามาอยู่ในอาคารเรียนหรอก
(รู้งี้น่าจะใช้พลังเนียนมาตั้งแต่แรกก็น่าจะดี สงสัยต้องทำแบบนั้นจริงๆสินะ)
**“ไม่มีอะไรหรอก ลืมๆไปซะเถอะ”**
ทันทีที่ผมพูดจบ ผมก็เดินขึ้นบันไดต่อไป เด็กหนุ่มทั้ง 3 คนนั่นดูจะไม่รู้สึกตัวว่าเราเดินขึ้นมาข้างบน
คงต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะนี่คือความแตกต่างระหว่างเรากับคนธรรมดา
......
(ประตูทางขึ้นดาดฟ้า 15.09)
ไม่เคยเดินขึ้นบันไดที่สูงตั้ง 9 ชั้นมาก่อนเลยแฮะ อาคารเรียนนี่มันจะใหญ่ไปไหนกันฟะ ดูเป็นโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่ในระดับประเทศได้เลยนะเนี่ย
ผมเปิดประตูดาดฟ้าที่กลอนบานพับหัก และเห็นอะไรบางอย่างร่วงอยู่ตรงนั้น
นี่มันแว่นหนิ?
ผมเดินเข้าไปตรงจุดที่แว่นตกอยู่ ขาแว่นนี่รู้สึกจะหักซะด้วย แปลว่าต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่ตรงนี้แน่
และตรงนั้นมัน... ท่อเหล็ก
ต่อจากแว่นก็เป็นท่อเหล็ก ผมเดินไปดูของชิ้นนั้นที่วางอยู่บนพื้น
เราค่อยๆนั่งยองๆเพื่อตรวจอะไรบางอย่าง
(ภาพพวกนี้มัน...)
ถึงจะทำให้ชัดเจนมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่ระหว่างที่เราหลับตา เราก็เห็นภาพอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับของชิ้นนี้
แต่พอเป็นแว่นตาแล้ว ทำไมถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักอย่าง ราวกับว่ามันมีอะไรขัดขวางไม่ให้เราใช้วิธีแบบนั้นได้อยู่
แล้ว... ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ คนพวกนั้นหายไปไหนหมดแล้ว?
ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง รอบๆข้างของผมไม่ค่อยมีอะไรแปลกประหลาดมาก ของที่ถูกทิ้งไว้ทั้งสองอย่างนี่...
หรือว่าพวกนั้นจะ...
**วืบบ**
(ความรู้สึกนี่มัน... พลังนั่นงั้นหรอ... มาจากตรงไหนกัน?)
............
ท่ามกลางความสุนทรีย์ของธรรมชาติ บนอากาศเหนือดาดฟ้าอาคารเรียนมีรอยร้าวที่เหมือนจะผิดรูปผิดร่างเล็กน้อยเกิดขึ้น
ณ จุดที่เกิดรอยร้าวตรงนั้น มีคนๆหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากจุดนั้น หรือจะต้องเรียกว่าถูกวาร์ปส่งเดชมาด้วยความซวยระดับท็อปฟอร์มเลยล่ะมั้ง............
ผมมองไปทั่วเพื่อรับรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของขอบเขตพลังนั่น จนกระทั่งมองขึ้นมาบนฟ้า......
ผู้หญิงคนหนึ่ง... เธอคนนั้นร่วงมาจากฟากฟ้า...
(สาวผมยาวดำสวยในชุดนักเรียน กำลังตกลงมาจากที่สูง)
(และเราที่เป็นชายหนุ่มวัยติดมันอยู่มุมล่างของเขา)
(ไม่ผิดแน่ นี่คือแนวการ์ตูนฮาเร็มที่เราเคยอ่าน!!)
(สาวน่ารักคนนั้น อาจเป็นคนที่ท่านเทพฮาเร็มโทวมุส่งมาก็ได้)
(บรรยากาศทุกอย่าง สถานที่ที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวพบกัน)
(กางเกงในที่เราเห็นนั่น สีฟ้ากำลังสวย ถึงจะมีลายการ์ตูนแมวน้อยอยู่ก็เถอะ)
(จริงๆแล้ว เวลานี้มันก็เหมือนจะมีความสุขนะ)
(ถ้าเป็นสภาพปกติ ผู้ชายทุกๆคน คงจะฟินกันไปแล้ว)
(เพียงแต่ว่า...)
(เรื่องที่เราเจอตอนนี้น่ะมัน...)
*ปึ้ก*
(ไม่ใช่การ์ตูนฮาเร็มน่ะสิ……!!)
แพนตี้นั่น ผมอุตส่าห์เคลิ้มอยู่เลย แต่เพราะความเคลิ้มนั่น ในตอนนี้......
เลยทำให้กลางหน้าผม...... ถูกบาทาของยัยนั่นประทับเข้าอย่างจัง...
............
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!!”
ผู้หญิงคนนั้นดูจะตกอกตกใจที่จู่ๆก็เหยียบหน้าผมแบบนี้ และท่าทางของเธอตอนนี้บอกได้เลยว่ากำลังทรงตัวไม่อยู่แล้ว
...หล่อนกำลังจะทำอะไรน่ะ? อ-อย่านะเฟ้ย!!
เท้าของเธอ...ยันหน้าผมเพื่อดีดตัวกันล้ม มันให้ความรู้สึกราวกับว่าผมโดนถีบซ้ำครั้งที่ 2 ไม่มีผิด เรื่องโชคร้ายแบบนี้มันอะไรกันฟะเนี่ย
ยัยนั่นหลังจากดีดตัวออกมาเพื่อลงพื้นให้ดีที่สุด แต่ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บแบบนั้น เธอเลยล้มลงไปพร้อมโชว์น้องแมวใต้กระโปรงอีกรอบ
“โอ๊ย!”
“เจ็บ เจ็บ เจ็บ!”
สภาพของเธอตอนนี้ดูแย่มาก แผลที่เกิดขึ้นตามตัวแต่ละจุด ทำให้เรารู้เลยว่ายัยนี่ต้องไปสู้กับใครมาแน่...
... “ชะอุ๋ย!?” ...
พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเหมือนจะมีสีหน้าตกใจตกใจจากเรื่องเมื่อกี๊อยู่ สักพักเธอก็พยายามยืนขึ้นมาทำท่าเหมือนจะมีเรื่องอะไรอยากคุยกับผมอยู่
“เอ่อ คุณ... คะ...”
“เอ่อ คือ...”
“อยากเห็นผลงานใช่ไหม?”
...ตอนแรกผมเบือนหน้าหนีไม่อยากให้เธอมองเห็นหน้าของผม ผมในตอนนั้นหันหน้ากลับไปให้เธอเห็นเต็มสองตาว่าสิ่งที่เธอทำลงไปมันเป็นยังไง
ใบหน้าของเรามีรอยรองเท้านักเรียนของเธอประทับอยู่กลางหน้า และมีรอยแบบแฉลบๆอีกนิดตอนที่เธอดีดตัวออกมา
สีหน้าของเธอตอนนี้ดูจะช็อคมากราวกับฟ้าผ่าเข้ามาในหัว ก็ต้องแน่อยู่แล้วล่ะ
“ข-ข-ข-ขอโทษค่ะ!!”
“ฉ-ฉ-ฉันไม่คิดว่าจะตกลงมาจากบนฟ้าแบบนั้น!”
“ไ-ไม่รู้เลยว่าคุณอยู่ข้างล่างนี่ด้วย!”
“ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”
เธอขอโทษอย่างรุกรี้รุกรนแบบนั้น ผมเลยคิดว่าพยายามอย่าถือสาเธอมากเลยดีกว่า ถึงจะหงุดหงิดแต่นี่ก็เป็นแค่อุบัติเหตุ... ว่าแต่ไหงถึงไปโผล่บนฟ้าได้ล่ะเนี่ย
“ชิ! จะไม่เอาเรื่องก็ได้ ยัยแมวน้อย”
“แมวน้อย?”
เราเรียกเธอว่าแมวน้อย จากภาพแรกที่ติดตาเราก่อนที่จะโดนบดขยี้โดยบาทาของเธอ
เธอทำหน้าเหมือนจะสงสัยชื่อเล่นนั้น แต่เราก็ไม่ได้ตอบคำถามของเธอไป (จริงๆต้องเรียกว่าไม่ได้ยินมากกว่า)
จะยังไงก็ปล่อยเรื่องแมวน้งแมวน้อยนั่นไปก่อนดีกว่า ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องคุย
“ยัยแมวน้อย ทำไมเธอถึงโผล่มาจากบนฟ้า?”
“แมวน้อย? ฉัน...หรอคะ?”
“ก็จะให้หมายถึงใครกันล่ะ ในเมื่อที่นี่มีแค่พวกเราสองคน ก็ต้องเป็นเธออยู่แล้วแหละ”
“ให้ตายสิ นอกจากเป็นแค่เด็กแล้วยังสมองช้าด้วยหรอเนี่ย...”
“น-นี่หลอกด่าฉันหรอคะ!?”
ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะสาเหตุที่เธอร่วงลงมาจากบนฟ้า เหตุผลที่เรามาที่นี่ ชักจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วสิ
“จะคิดอย่างงั้นก็เชิญตามสบาย แต่ช่วยเข้าใจอะไรให้มันง่ายๆกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง ยัยแมวน้อย!”
“นี่!! จะหลอกด่าฉันอีกกี่รอบกันคะ!? และแมวเมิลอะไรของนายกันแน่เนี่-”
ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ตั้งใจมองเธอเท่าไร ว่าจู่ๆทำไมเธอถึงหยุดพูด สงสัยคงไม่รู้จะพูดอะไรต่อล่ะมั้ง
ไม่รู้จะอธิบายยังไงล่ะเนี่ย เป็นแค่เด็กสาวม.ปลาย ต่อสู้ด้วยพลังอันตรายแบบนี้จนเลือดท่วม และยังจะโผล่มาเหยียบหน้าชาวบ้านชาวช่องอีก
เรารู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้ายัยนี่เลยแฮะ รอยเท้านี่ก็ยังคาไม่หายอยู่ด้วย
คราวนี้ผมชักรู้สึกหมั่นไส้เธอจริงๆแล้วล่ะ เลยหันหน้ามาพูดกับตรงๆสักหน่อย
“เห้อ... ตัวก็เตี้ย(167) อกก็เล็ก สีหน้ามืดมนไม่มีเสน่ห์อะไรเลย”
“แถมยังสมองฝืดน่ารำคาญอีก มาเจอเธอแบบนี้โคตรจะซวยเลยวุ้ย”
“สรุปแล้วจะบอกได้รึยัง ว่าทำไมถึงโผล่มาบนฟ้าแบบนั้-”
“นั้น......”
เดี๋ยวก่อนนะ พอมองเธออีกทีคราวนี้ ทำไมถึงมีรังสีอำมหิตโผล่มารอบข้างเธอแบบนั้น?
“นาย...”
“แมวน้อยที่นายพูดถึงมาตลอด หมายถึง... หมายถึง...”
“ช-ช-ช-ช-ชั้นใ- ของฉันใช่ไหม?”
เสียงที่ตะกุกตะกักของเธอ แก้มของเธอเหมือนจะออกชมพูเพราะอะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้ท่าจะไม่ดีซะแล้ว...
“เอ่อ... เราไม่ได้หมายถึงแบบ...”
“...... นายเห็นแล้วสินะ...”
“นายเห็น... ของฉัน... และยังจะมาล้อเล่นกวนประสาทอีก”
“คือ เราแค่ล้อเล่นเอ-
“แมว ตัวเตี้ย อกเล็ก มืดมน สมองฝืด นี่เขาเรียกว่าล้อเล่นงั้นหรอ?”
แย่ล่ะสิ เรารู้สึกได้ถึงความโกรธออกมาจากคำพูดพวกนั้นของเธอได้ชัดแจ๋วเลย
“อ่า อย่าถือสากันเลย นะ นะ”
เธอเดินมาหยุดในจุดที่ไม่ห่างกับเราเลยในตอนนี้ เรามองไม่เห็นแววตาของเธอเลยว่ากำลังรู้สึกยังไง มีแต่ปากที่เหมือนจะสั่นมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว
“จะให้ฉัน... หายโกรธใช่ไหม”
“ก็... คิดซะว่าหายกันไง เธอเหยียบหน้าเรา และเราก็เผลอแหย่เธอมากเกินไป”
“เอาเป็นว่า...”
ตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมาหลังจากก้มมาตลอด
มันผิดจากที่ผมคิดไว้ลิบลับเลย เราคิดว่าใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ตาของเธอกับมีคราบน้ำตาติดอยู่ ปากของเธอสั่นจากความเขินอาย และความรู้สึกที่ถูกล้อเลียนให้เสื่อมเสีย
“เรา... เจ๊ากันนะ ยัยแมวน้อย”
ตาของเธอเปิดกว้างมากขึ้น ความโกรธ ความอายที่ถูกดูถูกทำให้เธอไม่สนอะไรอีกแล้ว
............
“ผู้ชายอย่างนายน่ะ...”
“ฉันเกลียดที่สุดเลย—!!!”
*ปึ้ก*
............
หมัดขวาตรงข้างนั้น พุ่งเข้ามาที่หน้าผมอย่างจัง เราเห็นคราบน้ำตาไหลออกมาชัดเจน ใบหน้าที่แดงกร่ำจากความเขินอาย
ตัวของเราที่ค่อยๆล้มไปตามแรงหมัดตอนนั้น ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นแล้วล่ะ
ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่มีศักดิ์ศรีในความเป็นหญิง การดูถูกเหยียดหยาม หรือล้อเลียนเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยแม้แต่นิดเดียว
ดูท่าความฝันลูกผู้ชายของแกจะดับสลายตั้งแต่เจอกับยัยนี่แล้วล่ะนะ
เจ้าวอร์เรนเอ๊ย
............
แบบนี้เขาเรียกว่าโดนน็อคในมวยไทยสินะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ