One life ครั้งหนึ่งในโรงเรียน
เขียนโดย Tokanokung
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตัวเลือก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความLessons 3 : ตัวเลือก....
นั่งเรียนไปได้สักพักก็ถึงเวลาพักเที่ยง นั่นมันก็ทำให้เนื้อหาช่วงเช้าผ่านหูไปเฉยๆจำได้ก็แค่ว่าเรียนวิชาไรไปบ้าง และมันทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่ผมไม่ได้เลือกที่นั่งริมหน้าต่างถ้านั่งตรงนั้นหน้าตางต่างมันจะทำประโยชน์ได้มากกว่าการระบายอากาศ แต่มันจะทำหน้าที่อีกอย่างคือเป็นที่ที่ทำให้ผมได้มองออกไปข้างนอกเพื่อฆ่าเวลาระว่างเรียน แต่ก็ได้แค่บ่นล่ะนะถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ว่าให้จับฉลากเลือกที่นั่งใหม่ผมก็คงไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนที่นั่งหรอก ผมจึงรีบเก็บของไว้ใต้โต๊ะเพื่อจะรีบไปกินข้าวกลางวัน ผมเดินไปที่นั่งที่ถัดจากผมไปแค่2โต๊ะ พอถึงโตะเธอคนนั้นก็สังเกตเห็นได้ว่าเธออยู่ในสภาพที่เตียมพร้อมแล้ว ผมจึงพูดชอนเทอไปกินข้าว...
"เอออ...เราไปกินข้าวกันเถอะหิวแล้ว"
ผมก็ได้คำตอบจากเธอเพียง
"...อืม.... "เธอชั่งเป็นคนพูดน้อยจริงๆ
เธอลุกจากที่นั่งแล้วเดินลงจากชั้น4โดยที่เราไม่ได้พูกันเลยสักคำ เราเดินมาถึงโรงอาหารของโรงเรียน โดยที่ผมมีอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดส่วนเธอคนนั้นไม่มีอาการออกมาให้เห็นเลย เราทั้งสองคนเดินเข้าไปร้านที่มีคนน้อยเหมือนกัน พอเราซื้อเส็จก็เดินไปหาที่นั่งและเราก็ได้ที่นั่งที่เดิมที่ผมนั่งกินข้าวคนเดียวมันทำให้ผมคิดขึ้นว่าทำไมถึงไม่มีใครมานั่งโตะตัวนี้เลยทั้งๆที่มันก็ไม่มีคนเลยแต่ก็ชั่งมันเถอะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีที่นั่งกินข้าวกลาวันล่ะนะ ผมกับเธอนั่งกินข้าวกันโดยเราไม่พูดกันสักคนผมจึงคิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะชวนเธอคุยบ้าง ผมจึงเริ่มบทสนทนาด้วยคำถามแรกว่า
ผม: เธอ! ตอนม.ต้นเธอมาจากโรงเรียนอะไร
เธอ :ตอบกลับมาว่า...จบจากโรงเรียนนี้แหละ
ผมก็สงสัยว่าถ้าเธอจบจากโรงเรียนทำไมเธอถึงไม่มีเพื่อนเลยล่ะแต่ผมก็ไม่ได้ถามเธอต่อจนเรากินข้าวกลางวันเส็จก็กำลังเดินกลับห้องเรียนที่สูงและไกลมาก ระหว่างทางเดินกลับนั้นก็มีผู้หญิงคนนึงวิ่งมาด้วยความรีบร้อนวิ่งเร็วมากเหมือนเธอกำลังเจอเอเลี่ยนบุกโลก ผูหญิงคนนั้นวิ่งมาชนผมชนแรงขนาดที่ว่าถ้าเป็นรถยนต์ผมคงตายไปแล้ว แต่ดีที่เธอค่อนข้างตัวผอมและเธอก็ตัวสูงทำให้ผมและผู้หญิงคนนั้นต่างตนต่างก็ล้มส่วนอาร์ก็อย่างที่ทุกคนคิดเธอนั้นแค่หันมาดูแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจเลย ส่วนผู้หญิงคนนั้นถ้าดูผ่านๆเธอเป็นคนผอมและสูงปล่อยผมยาว เธอคนนั้นรีบลุกขึ้นและรีบบอกว่า "...ขอโทษนะพอดีว่ารีบ ขอตัวก่อนนะ.." แล้วเธอก็รีบวิ่งไปด้วยความเร็วที่มนุษย์แทบจะมองไม่ทัน ผมลุกขึ้นและบ่นในใจว่าอะไรกันผู้หญิงคนนี้ดูรีบเกินไปหรือเปล่าแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่สิ่งที่ผมตกใจกลับเป็นสิ่งที่ผมได้ยินต่อจากนี้ เสียงเสียงนี้ออกมาจากปากของอาร์
อาร์: ...เป็นอะไรมั้ย
แค่คำนี้มันทำให้ผมคิดว่าจากคนที่แทบจะไม่เอ่ยปากพูดก่อนแต่เธอก็พูดออกมา บางทีในใจเธอก็คงเป็นห่วงเพื่อนเหมือนกันแต่แค่ไม่ค่อยแสดงออกจึงทำให้เธอไม่ค่อยจะมีเพื่อน จากนั้นเราสองคนก็เดินมาถึงห้องเรียนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นมาทำความสะอาดทั้งๆที่เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้ทำความสะอาดแท้ๆ การเรียนคาบแรกของช่วงบ่าย ก็คือคุณครูที่ปรึกษามันคือวิชาภาษาอังกฤษนั่นเอง มันเป็นวิชาที่ผมพยายามจะเข้าใจมันแต่ผมก็ไม่เคยเรียนรู้เรื่องสักที เสียงออดหมดคาบดังขึ้น
ครูประจำชั้น: วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะเจอกันพรุ่งนี้ เออ! แล้วอีกอย่างพวกเธอต้องเลือกชมรมด้วยนะจ๊ะทุกคนต้องมีชมรมอยู่ แค่นี้แหละจ๊ะ...
" นักเรียนเคารพ!"
เสียงหัวหน้าห้องของพวกเราพูดขึ้นแล้วเสียงขอบคุณจากนักเรียนทั้งห้องก็ดังขึ้นพร้อมกันเหมือนเมื่อวาน เมื่อครูเดินออกไปผมก็รีบหยิบสายหูฟังขึ้นมาทันทีเพราะรู้ว่าเสียที่ตามมาต่อจากนี้มันจะดังแทบหูระเบิด พอได้ฟังเพลงก็พลางคิดด้วยว่าผมจะเข้าชมรมอะไรว่าแต่โรงเรียนนี้มันมีชมรมอะไรบ้างล่ะเนี่ย เท่าที่เดินเข้ามาในโรงเรียนตอนเช้าก็เห็นชมรมต่างๆเริ่มมาติดประกาศรับสมัครกันแล้ว ชมรมกรีฑาดีหรือเปล่านะได้ออกกำลังกายด้วย เอออ...ไม่ไหวล่ะเนอะต้องวิ่งทุกวันด้วยสิ เออ...งั้นชมรมการอ่านดีหรือเปล่านะได้นั่งอ่านหนังสือทั้งวัน...นั่นก็ไม่ไหวอีกแหละนั่งอ่านหนังสือมันไม่ค่อยเข้ากับเราเลยแหะ หรือจะชมรมดนตรีดี! เราก็เล่นดนตรีไม่เป็นสักอย่างด้วยดิ ชั่งมันก่อนละกันไว้ค่อยคิดทีหลัง นั่งคิดได้สักพักครูก็เข้ามาสอนคาบเรียนต่อไป และดูเวลาอีกทีก็เลิกเรียนซะแล้ว ทุกคนก็รีบเดินทางกลับบ้านกันและก็เหลือเพียงผมเช่นเคย พอได้นั่งอยู่ในห้องคนเดียวมันก็รู้สึกเหงาแปลกๆ ผมก็ลุกและก็กำลังเดินออกจากห้อง แต่ขาของผมก็ยังไม่ก้าวออกจากห้องก็มีคนเดินสวนทางมาจากทางด้านนอกจนเกือบจะชนกัน ต่างคนก็ต่างตกใจ เอะ! ..เออ
ผม:มาทำอะไรหรอ ผมเอ่ยถาม
คนนั้น: มาทำความสะอาดห้องครับ....
พอได้ยินอย่างนี้แล้วก็คงไม่ต้องเดาแล้วแหละ คนคนนี้เป็นผู้ชาย ตัวก็ไม่ได้สูงกว่าผมนัก ผมคิดในใจว่าคนนี้นะหรอที่เป็นคนทำความสะอาดเมื่อตอนพักเที่ยงแต่เค้าทำคนเดียวหรอ! จะว่าไปห้องเราก็ยังไม่จัดจัดเวรทำความสะอาดเลย
ผม: "งั้นให้เราช่วยมั้ย.... "
ทำไมผมถึงพูดออกไปแบบนั้นกันนะทั้งๆที่ปกติผมก็ไม่ใช่คนมีนำ้ใจหรือคนดีอะไรขนาดนั้นแต่ก็ได้พูดไปแล้วล่ะนะจะไม่ทำก็ไม่ได้
คนนั้น: เอาดิ!
เสียงที่สดใสและดูเป็นมิตรตอบกลับผมกลับมา ผมก็ต้องเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง วางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบไม้กวาดที่สภาพดูแล้วมันเหมือนเศษไม้เก่าๆเหมือนไม่ได้ใช้มานาน...
คนนั้น: เราชื่อแบงค์นะแล้วนายล่ะชื่อว่าอะไร ? ทำไมกลับบ้านช้า? มาขโมยของหรือเปล่า? ไม่กลับบ้านพร้อมเพื่อนหรอ?
เดี่ยวนะถ้าจะถามพร้อมกันเยอะขนาดนี้ตูจะตอบกลับทันไหมล่ะให้ตูหายใจบ้างเถอะ
ผม: เออ....นายถามทีละคำถามได้ไหมเราฟังไม่ทัน เอาคำถามแรกก่อนนะ เออ..เราชื่อ TM คำถามที่สอง..เรากำลังจะกลับพอดี ส่วนที่เหลือเราไม่ขอตอบล่ะกันนะ ทำไมถึงมาทำความสะอาดคนเดียวล่ะ
แบงค์: นายว่าห้องมันรกไปป่ะเราก็เลยมาทำความสะอาดไม่คิดว่ามันสกปรกไปหรอไม่รู้ว่าพวกที่เหลือมันอยู่กันได้ยังไง ..
เออผมได้แต่คิดในใจว่าคำพูดที่เองพูดมันเหมือนกำลังด่าตูอยู่เลย ผ่านไปสักพักเราทั้งคู่ก็ได้ทำความสะอาดห้องเส็จแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ผมก็เดินกลับบ้านคนเดียวเหมือนเคย แต่พอขึ้นลิฟต์มาถึงห้องของตัวเองก็ต้องตกใจ! ที่สายตาผมเห็นนั้น มีคนมายืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องของผม ทำเอาผมตกใจมาก!!.......
เธอคนนี้มีธุระอะไรกับผมกันแน่นะ ...........
..............END...............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ