One life ครั้งหนึ่งในโรงเรียน
เขียนโดย Tokanokung
วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เพื่อนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Lessons 1 : เพื่อนใหม่...
เช้าวันเปิดเรียนวันแรกผมมาโรงเรียนเช้าผิดปกติเพราะผมตื่นเต้นที่วันนี้เป็นการเปิดเรียนวันแรกของการขึ้นม.ปลายปี1ของผม ผลสอบเข้าของผมปรากฏว่าผมได้มาอยู่ห้องปี1ห้อง6 ชั้นเรียนของผมนั้นอยู่ที่อาคาร3ชั้น4ซึ่งมันก็สูงใช้ได้เลยทีเดียวและมันทำให้ผมขี้เกียจเดินขึ้นห้องเรียนอย่างมาก
ผมเดินขึ้นบันไดทีละก้าวจนถึงชั้น3 ซึ่งชั้น3นั้นคือห้องของเพื่อนผมที่สอบเข้ามาด้วยกัน ผลสอบชั่งเล่นตลกกับผมนักเพราะเพื่อนที่สอบมาด้วยกันมีผมคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อนเก่า มันก็ทำให้ผมกลัวว่าผมจะหาเพื่อนใหม่ได้หรือเปล่า ผมเดินขึ้นไปชั้น4ด้วยความเหนื่อยและทรมานขา ในที่สุดผมก็เดินมาถึง หน้าห้องเขียนว่า 1/6 ผมก็รู้ทันทีว่านี่คงเป็นห้องของผม ผมกวาดสายตาเข้าไปในห้องเรียนที่ไม่ใหญ่และก็ไม่ถือกับว่าเล็ก สิ่งที่สายตาผมเห็นนั้นเป็นเด็กนักเรียนไม่กี่คนนั่งอยู่ในห้อง สภาพห้องเรียนค่อนข้างเก่า ก็นะเพราะโรงเรียนนี้ก็เปิดมานานแล้วถ้าลองถามคนในจังหวัดว่าโรงเรียนนี้อยู่ไหนรับรองคุณจะได้คำตอบอย่างนอนเพราะโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดและขนาดของโรงเรียนก็ใหญ่ขนาดที่ว่าเรียกเป็นอาณาจักรก็ไม่แปลก แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดอาณาจักรหรอกนะแต่ก็ใหญ่พอ ที่ขนาดว่าถ้าเป็นคนนอกอาจจะหลงได้
".... โรงเรียนของเรานั้นภายในโรงเรียนก็มีการแบ่งชนชั้นภายในโรงเรียนด้วย แบ่งเป็น ชนชั้นที่เรียกว่าHCคือพวกที่มีฐานะสูงหรือพวกที่รวยมากนั่นเอง ถัดมาก็คือชนชั้นที่ผมอยู่นั่นคือชนชั้นMDคือพวกที่ไม่ได้รวยแต่ก็ไม่ได้จน ชนชั้นสุดท้ายคือชนชั้น NM คือพวกที่หาได้ตามทั่วไปที่จริงผมคิดว่าผมน่าจะอยู่ชนชั้นนี้นะ เอาไว้เรื่องนี้ค่อยเรียนรู้แล้วผมจะมาเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีแต่บอกไว้อีกอย่างคือแต่ละชนชั้นก็เหมือนคนละโรงเรียนทุกสิ่งจะไม่นับรวมกันตั้งแต่ครูสอนจนรวมถึงสภานักเรียนด้วยและแต่ละชนชั้นยากมาที่จะติดต่อกัน..... "
ผมเดินเข้าไปภายในห้องเรียนที่สภาพโทรมและไม่ได้ทำความสะอาดมานาน ผมเลือกที่นั่งแถวที่2นับจากทางหน้าต่างมา ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะจนหลับไปก็คงเป็นเพราะตื่นเช้า ผมตื่นขึ้นมาดูเวลาอีกทีก็ได้เวลาของการเรียนคาบแรก ผมรู้สึกเสียดายเวลาที่หลับไปมากเพราะเพื่อนร่วมชั้นของผมก็มาถึงห้องเรียนกันหมดแล้วผมจึงไม่มีโอกาศทักเพื่อนใหม่มันอาจทำให้ผมไม่มีเพื่อนใหม่ก็ได้ แต่ก็ได้แค่เสียดายเวลาล่ะนะเพราะมันเอาคืนมาไม่ได้อยู่แล้ว ผมบ่นในใจได้สักพักคุณครูท่านหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเรียน คุณครูดูท่าทางมีอายุนิดหน่อย ทุกคนภายในห้องรีบกลับไปนั่งที่อย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องเรียนตอนนี้เงียบมากจนผมรู้สึกกลัว จนกระทั่งคุณครูคนนั้นพูดขึ้น..
"ครูคือครูประจำชั้นของพวกเทอครูชื่อว่า........ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ"
หลังจากคุณครูพูดจบเหล่านักเรียนในห้องก็พูดสวัสดีครูพร้อมกันเหมือนอย่างกับนัดกันมา ในใจผมตอนนี้รู้สึกว่าห้องเรียนนี้ก็ไม่ได้แย่นักเพราะนักเรียนทุกคนดูมีความเคารพคุณครูและน่าจะเป็นเด็กดีกันเกือบทุกคนผมจึงไม่หนักใจนัก เพราะชีวิตของผมน่าจะเงียนสงบได้ในชีวิตมัธยมปลายของผม
" เอาล่ะวันนี้ครูมีประชุมตอนเช้าครูต้องรีบไปแล้วทำตัวตามสบายแต่อย่าเสียงดังล่ะ ครูไปแล้วนะ...แล้วเจอกัน "
สิ้นเสียงของครูนักเรียนทุกคนไม่ได้พูดอะไรจนครูเดินออกไปจากห้อง ทุกคนก็ยังเงียบอยู่.....
จนกระทั่งครูเดินไปได้สักพักหูของผมนั้นมันก็เริ่มทำงานหนัก เมื่อสิ่งที่ผมคิดกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อเพื่อร่วมห้องของผมเริ่มพูดคุยกันเสียงดังจนขนาดที่ว่าทั้งอาคารน่าจะได้ยินกันหมด
ผมจึงรีบหยิบสายหูฟังเพื่อที่จะหาอะไรฟังเพื่อหลบหนีจากเสียงที่ดังอยู่ภายในห้องตอนนี้ ในใจผมได้แต่คิดว่าทุกคนในห้องนี้คงมาจากโรงเรียนเดียวกัน มันทำให้ผมเหงาอย่างบอกไม่ถูกมันรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวกลางพายุหิมะ
12.10 น.
แล้วก็ถึงเวลาพักเที่ยงเพื่อนร่วมห้องของผมทุกคนได้จับกลุ่มกันและรีบวิ่งไปกินข้าวกลางวันกัน ส่วนตัวผมก็ได้แบกร่างกายเดินลงจากชั้น4เพื่อไปโรงอาหาร ผมเดินไปบ่นไปว่าห้องของผมมันอยู่สูงและไกลจากโรงอาหารของโรงเรียนมาก
พอถึงโรงอาหารผมก็รีบตรงเข้าไปซื้ออารหารร้านที่มีคนน้อยสุด ผมเดินหาโต๊ะว่างจนเจอที่ที่ไม่มีคนนั่ง ผมรีบเดินเข้าไปนั่งและนั่นคือการนั่งกินข้าวคนเดียวครั้งแรกของผม ผมพึ่งรู้ว่าการนั่งกินข้าวคนเดียวมันทั้งเหงาและอึดอัดมาก เพราะการที่ผมนั่งซึมจากการกินข้าวคนเดียวทำให้เนื้อหาการเรียนช่วงบ่ายไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด.....
15.50 น.
แล้วก็ถึงเวลาเลิกเรียน เสียงออดดังขึ้นเป็นเสียงเตือนของเวลที่เป็นสวรรค์ของเด็กนักเรียนอย่างพวกเรา
เพื่อนในห้องก็ทำเหมือนเดิมรีบจับกลุ่มกันกลับบ้าน ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่ผมคนเดียวผมก็เก็บของใส่กระเป๋าพร้อมจะเดินกลับ แต่ที่ผมไม่รีบก็เพราะผมมาพักห้องเช่าอยู่เพราะบ้านของผมนั้นมันไกลจากโรงเรียนมาก ผมจึงมาเช่าห้องพักอยู่คนเดียว การอยู่คนเดียวนั้นมันทำให้ความเหงาเพิ่มทวีคูณ
ผมเดินกลับห้องคนเดียว พอถึงห้องผมก็เปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปห้องของผมมันก็ไม่ได้กว้างมากแต่ก็แพงเอาการอยู่ แต่มันก็ไม่ถึงกลับแย่ล่ะนะเพราะที่นี่ก็มีห้องครัว ( ถึงผมจะทำอาหารไม่เป็นเลยก็เถอะแต่ก็ให้มีไว้ก่อนล่ะกัน ) แล้วก็มีห้องน้ำแล้วก็ห้องนอนแล้วก็ห้องนั่งเล่น ผมรีบเก็บกระเป๋าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจำได้ลางๆว่าคุณครูได้ให้การบ้านผมไว้และผมจำไม่ได้ว่าการบ้านที่ครูให้มันทำยังไง ผมจึงรีบวิ่งหาโทรศัพท์ และจะโทรถามการบ้านเพื่อน แต่พอวิ่งไปกำลังจะหยิบโทรศัพท์ได้ ผมจึงคิดได้ว่าผมไม่มีเบอร์โทรเพื่อนในห้องสักคนเลยเมื่อผมคิดได้อย่างนั้นจึงเดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีดูเพื่อฆ่าเวลาจนกระทั่งดูเวลาอีกทีก็ดึกแล้ว ผมจึงรีบไปอาบน้ำแล้วก็นอน.....
6.00 น.
สิ่งที่รบกวนการนอนของผมก็คือนาฬิกาปลุก ผมตั้งไว้เผื่อจะได้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปลอกการบ้านจากเพื่อน ได้แต่พูดกลับตัวเองว่าจะต้องรวบรวมความกล้าเข้าไปถามลอกจากเพื่อนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนจนผมลืมกินข้าวเช้า ผมเดินทางมาถึงโรงเรียนอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะมาลอกการบ้านก่อนถึงคาบเรียนคาบแรก
เดินขึ้นมาถึงชั้น4ด้วยความเหนื่อยและทรมานขาตามเคย ผมเดินถึงห้องเรียนและก็รีบกวาดสายตาเข้าไปในห้องเรียนที่โทรมๆ สายตาของผมก็ต้องไปสะดุดกับคนที่อยู่ในห้องคนนึง ที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสายตาเหม่อลอยและแล้วคนคนนั้นก็หันมาเจอผม
"สวัสดี..."
ผมก็อึ้งไปสักพัก เพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นที่ทักผมก่อน มันทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง
"อืม...."
พอคิดได้อีกทีก็รู้สึกว่าน่าจะหาคำตอบที่ดีกว่านั้นอย่างน้อยก็น่าจะตอบไปยาวกว่านั้นให้ดูเป็นมิตรกว่านี้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงเริ่มปฏิบัตรการลับของผมทันที
คนที่ทักผมคนนี้ดูจากภายนอกแล้วดูเป็นคนเงียบๆทำผมทักเปียมาสองข้างสีผิวเกือบจะขาวและที่สำคัญเค้าคนนั้นเป็นผู้หญิงด้วย ด้วยเหตุนี้ผมจึงเริ่มแผนการของผมด้วยการเดินเข้าไปหาเธอคนนั้น
" เธอ...เออออ...คือว่า.... เออ....คือว่า...เรา~..ขอยืมการบ้านเธอได้ไหม....."
ผมพูดไปด้วยอาการสั่นและอึดอัดผมกำมือแน่นแน่นขนาดที่ว่าเป็นรอยเล็บที่มือเลยก็ว่าได้
"..... ได้สิ..."
เธอตอบมาเพียงสั้นๆแต่มันเป็นคำที่ผมฟังเลยรู้สึกดีจนแทบอยากจะก้มกราบเธอแบบเบญจางคประดิษฐ์ ผมอาจจะดูพูดเกินไปหน่อยแต่ถ้าคุณไม่อยู่ในสถานการณ์นี้คุณจะไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกยังไงมันเหมือนมีเทวดามาให้พรเธอคนนั้นยื่นสมุดเล่มนึงให้ผมหน้าปกเขียนว่า...วิชาคณิตศาสตร์ และตรงหัวของสมุดเขียนว่า..หนังสือเล่มนี้เป็นของเจ้าชายเลือดผสม..ผมรู้แน่นอนว่ามันคืออะไรเพราะผมก็ชอบประโยคนี้เหมือนกันมันคือประโยคที่มาจากหนังสือนิยายเรื่อง HARRY POTTER นั่นเอง
"ขอบคุณมากนะเดี่ยวจะเอามาคืนให้"
ผมจึงใช้โอกาสนี้ตีสนิทเพื่อที่จะหาเพื่อนใหม่ซะเลย
" เออ....เอออ... เธอชื่ออะไรหรอ...."
ผมพูดไปด้วยพลางยิ้มให้ เธอเงยหน้าขึ้นจากหนังสือHARRY POTTER เล่มที่5 ที่หนาเกือบจะเป็นลูกบาศก์
"....ชื่อ อาร์ เจมส์ พอตเตอร์เรียกว่าอาร์เฉยๆก็ได้"
นำเสียงที่ราบเรียบกับสีหน้าที่ไร้อารมณ์ พูดชื่อของตัวเองออกมาพร้อมกับนามสกุลของตัวละครในนิยาย ยัยนี่น่าจะเป็นเอามากเปมือนกัน
"ชื่ออาร์สินะ เราชื่อ TM นะ"
ผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"...อืม..."
คำตอบที่สั้นทุกครั้งนี่มันอะไรกันห๊ะ นี่ผมดูเป็นคนน่าสังสัยขนาดนั้นเลยหรอ
ผมเดินไปนั่งที่โตะเรียนของผมตั้งใจลอกการบ้านของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย...
ผมลอกการบ้านของเธอเส็จอย่างรวดเร็วแล้วรีบเอาไปคืนเธอที่โต๊ะของเธอซึ่งห่างจากโตะของผมไปแค่2โต๊ะในห้องตอนนี้ก็มีเพื่อนในห้องมากันเกือบเต็มห้องแล้วผมยื่นสมุดคืนให้เธอ
" ขอบคุณมากนะ"
ภายในใจลุ้นว่ายัยนี่คงตอบอะไรที่ยาวมากว่าคำว่า อืม นะ ขอร้องละถ้าตอบมาสั้นๆฉันก็รู้สึกแปลกๆนะ
" ...ไม่เป็นไร "
อย่างน้อยก็ดีกว่าคำว่า อืม สินะ ผทควรรู้สึกอย่างนั้นใช่ไหม
ผมได้แต่คิดในใจว่าเธอไม่คิดที่จะพูดคำยาวๆบ้างหรอหรือเธอไม่ค่อยอยากคุยกับคนแปลกหน้า
" ตอนเที่ยงขอมากินข้าวด้วยได้มั้ยพอดีไม่อยากกินข้าวคนเดียวคือมันเหงาน่ะ"
นี่ผมกล้าพูดออกไปได้ยังไงเนี่ย ชวนผู้หญิงไปกินข้าว ทำตัวน่าอายเกินไปแล้ว
เธอเงียบไปครู่นึงแล้วแล้วคำตอบที่ได้มาก็ทำให้ผมใจชื้นอีกครั้ง
" ได้สิ.."
โอ้วววววว ได้แต่ตะโกนภายในใจเพราะจะแสดงออกไปตรงๆไม่ได้เดี่ยวเสียฟร์อม keep look ไว้ๆ
" ปกติเธอกินข้าวกับใครหรอ.."
" ..คนเดียว.. "
เป็นคนเหงาเหมือนกันนะเนี่ยยัยนี่ ต่างคนต่างเหงา นี่ยัยนี่จะคิดว่าเราจีบหรือเปล่าหว่า
" งั้นตอนเที่ยงรอด้วยนะเราไปกินข้าวด้วยกันนะ"
ทำไมยิ่งพูดมันยิ่งเหมือนตูไปจีบยัยนี่เลยฟร่ะ ทำไมมันเหมือนขึ้นทุกทีกันเนี่ย
"...อืม....."
แต่ถึงอย่างนั้น แค่ได้ยินคำนี้ในใจผมดีใจเหมือนได้ของขวัญวันเกิดโดยแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน.........
" แล้วเจอกันนะ....."
การกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันแถมยังเป็นผู้หญิงด้วย แค่เริ่มต้นยังวุ่นวายขนาดนี้แล้ววันต่อไปของผมมันจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ยยย.........
.......... END..............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ